ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจดูหนังแนวพีเรียดเท่าไหร่ ไม่ว่าของประเทศไหนๆ ยิ่งเกาหลีด้วยรู้สึกว่าไกลมาก ไม่รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของบ้านเค้าเลย แต่หลังจากหลวมตัวดูเรื่อง Moon Lovers เพราะน้องคนนึงชวนดูต่อจาก W ก็เลยดูเป็นเพื่อน ไปๆ มาๆ หลงติดหนึบเอง ยิ่งรู้ว่าเรื่องนี้รีเมคจากนิยายกับซีรีส์เรื่องดังยุคหลังของจีนยิ่งทึ่ง ว่าเกาหลีเอามาแปลงเป็นช่วงหนึ่งของราชวงศ์ของตัวเองได้อย่างเนียนสนิท

     ด้วยเนื้อหาแฟนตาซีที่เติมลงไปเนียนๆ ในประวัติศาสตร์ ว่านางเอกย้อนเวลากลับไปอยู่ในร่างของคนยุคนั้น ที่ยังมีการแบ่งชนชั้นวรรณะ มีจักรพรรดิที่เป็นดั่งเทพจากสวรรค์ มีเชื้อพระวงศ์สูงส่งที่ใครก็ต้องเคารพยำเกรง ก็กลายเป็นเรื่องราวทลายชนชั้นสลายฐานันดรที่มาพร้อมความสนุกที่กลมกล่อมมาก เนื่องจากนางเอกของเราทำตัวเหมือนหญิงสาวยุคใหม่ ที่มาดมั่นใจในตัวเองแบบโก๊ะๆ พร้อมด้วยสกิลการอ่อยแบบธรรมชาติ ตัวเองก็ไม่รู้ว่าโปรยเสน่ห์ไปทั่ววัง องค์ชายที่เคยภูมิใจในชนชั้นก็ลดตัวลงมารุมชอบนางเอก สารภาพว่าช่วงแรกดูแล้วคิดว่านี่มันหนังฮาเร็มสนองนี๊ดสาวๆ โดยเฉพาะ องค์ชายเยอะไปหมดจนลำดับไม่ถูก แต่พอเริ่ม ep 3 เริ่มเห็นอะไรบางอย่างว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา พระเอกสองคนเริ่มมีบทชัดเจน คนนึงสุภาพบุรุษแสนดี อีกคนสุดโฉดแสนร้าย เรื่องราวก็ดราม่าหักเหลี่ยมหนักหน่วงกว่าที่คิด  เดาไม่ออกว่าใครดีใครร้ายกันแน่ จนทนไม่ไหวต้องยอมอ่านสปอยล์จากของต้นฉบับจีน ถึงรู้ว่าเรื่องนี้ตัวละครจะมีแต่สีเทาหม่นๆ ดำดาร์คๆ กับความรักต้องห้ามไปจนจบเรื่อง (แต่ก็มีความฟินตลอดทางอยู่นะ) ต่างจากที่เห็นตอนแรกมาก

    ยอมใจเลยว่าบทเรื่องนี้ทำได้ถึงมากๆ สอดแทรกความแฟนตาซีผสมไปกับประวัติศาสตร์โดยไม่บิดเบือน พร้อมกับใส่ประเด็นการทลายความคิดแบ่งแยกชนชั้นลงได้อย่างเนียนๆ ด้วยสาวยุคใหม่หัวขบถอย่างนางเอก ต้องยกเครดิตให้เสน่ห์แบบธรรมชาติของ IU ที่เล่นบทนางเอกแฮซูนี้จริงๆ แม้จะโอเวอร์แอ็กติ้งบ้าง แต่น่ารักเหมาะกับบทดีแล้ว ส่วนพระเอกนี่ไม่ขอพูดถึงเพราะผมดูนางเอกเป็นหลัก (แต่อยู่ทีมองค์ชาย 8 ครับ 555) แม้จะรู้สปอยล์แล้วก็อยากดูอยู่ดีว่าเกาหลีจะทำให้แตกต่างสวยงามดีกว่าจีนที่ขึ้นหิ้งได้มั้ย เพราะของจีนถึงขนาดมีภาค  2 ต่อเพื่อสนองนี๊ดแฟนๆ เลยทีเดียวครับ

    ส่วน Moonligt Draw by Clouds นี่ก็ต้องสารภาพว่าแรกๆ ไม่คิดแม้แต่จะกดดู เพราะแนวเรื่องแบบขันที ผู้หญิงปลอมตัวเป็นชายอะไรนี่มีมาเยอะแล้ว ไม่น่ามีอะไรให้สนใจนอกจากความมุ้งมิ้งชวนฝันไปวันๆ (ปกติไม่ชอบแนวนี้ เลี่ยนไป) แต่สุดท้ายก็หลงมาดูเพราะเข้ากระทู้ Moon Lovers ทีไรก็มีแต่คนบอกหลงสองวัง ติดหนึบ ก็เลยลองกลั้นใจดู สรุปหนังมันตลกนี่นา ขำตั้งแต่แรกๆ โอเคแบบนี้ไหว แต่พอดูไปดูมาเนื้อเรื่องมันมีดีกว่าที่คิดมาก

   ประเด็นที่เราชอบเรื่องการทลายชนชั้น การละทิ้งฐานันดรใน Moon Lovers ก็มาอยู่ในเรื่องนี้เหมือนกัน แถมทำได้ดีไปอีกแบบ กลายเป็นเรื่องความรักที่ต้องแอบซ่อนไว้ ชอบธีมหลักของเรื่องนี้ที่ทุกตัวละครเต็มไปด้วย “ความรักกับความลับ” ซ่อนไว้ ความรักในหลายรูปแบบของเรื่องนี้ตีแผ่ออกมาในรูปของชนชั้นต่างกันที่ต้องมารักกัน ทุกตัวละครมีความจริงใจ แต่ถูกชนชั้นวรรณะขวางกั้นไว้ ต้องบอกว่าดูไปร้องไห้ไปหลายตอนเลย ที่ชอบคือตัวละครเรื่องนี้คิดบวกทุกคน ความรักในเรื่องเกิดจาการบ่มเพาะรู้จักนิสัยกันมานาน จนแม้เพศ ฐานะหรือร่างกายที่ไม่สมประกอบ ไม่สวยไม่งาม ก็มิอาจขวางกั้นความรู้สึกนี้ได้ หนังเปิดประเด็นเรื่องพวกนี้ได้ครบ ถึงเป็นยุคโบราณแต่ความรักในเรื่องก็นำพาความรู้สึกคนดูร่วมสมัยให้อินได้อย่างง่ายๆ ดูแล้วตราตรึงหัวใจมากครับ

    เรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่ความรัก แต่เรื่องความลับของเรื่องก็ดีไม่แพ้กัน ยิ่งเรื่องราวเดินหน้าไปยิ่งเห็นว่าหนังเรื่องนี้เขียนบทได้สมเหตุผลมาก ทุกตัวละครมีที่มาที่ไป มีความลับซ้อนซ่อนปมกันหลายทอด และยังขมวดปมกลับมาผูกพันกันได้อย่างลึกซึ้ง (ดูมาจนถึง ep10 ค่อนข้างแน่ใจว่าคนเขียนตั้งธีมนี้ไว้จริงๆ ว่าความรักความจริงใจ ชนะได้ทุกสิ่งแบบที่นางเอกพูดเสมอ)

   สองเรื่องนี้ต้องบอกดีงามทั้งคู่ ถ้าชอบเรื่องนึงก็ควรค่าแก่การจะดูอีกเรื่องนึง ประเด็นหลายอย่างเหมือนกัน แต่นำเสนอคนละแบบ Moon Lovers จะสมจริงให้ความเป็นมนุษย์แบบเทาๆ ดาร์คๆ รักหน่วงๆ ผสมแฟนตาซีนิดๆ ส่วน Moonlight จะนำเสนอความโรแมนติกชวนฝันเหมือนจินตนาการ แต่ก็คงไว้ซึ่งความจริงที่ดีงามของความรักทุกรูปแบบ แม้ว่าจะสมหวังหรือไม่ก็ตาม หนังเติมพลังบวกให้กับชีวิตมากครับ เรียกว่าเป็นคนละด้านกันเลย ดีงามทั้งคู่ แนะนำให้เข้าสองวังห้ามพลาดจริงๆ ครับ

แถมเพลงนี้จาก moon lovers เพราะมากๆ ครับ ผมหลงดูก็เพราะฟังเพลงนี้แหละ