ความปรองดองและความเป็นธรรมที่ท่านโฆษณาชวนเชื่อตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่ามานี้ คงไม่เกิดได้ในสมัยรัฐบาลท่านเป็นแน่แท้
เห็นข่าวฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาล นายกยิ่งลักษณ์ แล้วรู้สึก อนาถใจยิ่งนัก
หากการดำเนินการตามโครงการรัฐ นโยบายรัฐ ที่ได้แถลงแล้วในรัฐสภา และมีผลผูกพันตามกฎหมาย ไม่สามารถทำได้หรือทำได้ แต่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย แก่ประเทศชาติโดยรวม (ซึ่งมาจากความเห็นของเหล่าพรรคพวกที่ท่านแต่งตั้งขึ้นมาทั้งสิ้น)
เมื่อเป็นเชนนั้นแล้ว ประเทศไทย สมควรตรากฎหมายขึ้นเป็นประทศแรกของโลกใบนี้ เพื่อให้ผู้มีอำนาจทางบริหาร หรือรัฐบาลโดยนายกฯ รัฐมนตรี รองนายกฯ รัฐมนตรีช่วยฯ ที่ปรึกษาทางการเมือง ต่างๆ วางหลักทรัพย์ค้ำประกันการทำงาน ในกรณีดำเนินนโยบายผิดพลาด เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติดีไหม?
ขอเสนอให้ นายกฯและรัฐมนตรีทุกคน โดยเริ่มจากรัฐบาลชุดนี้ วางหลักทรัพย์ค้ำประกันการทำงาน ตามแนวทางหลัก ประกาศกระทรวงแรงงาน ปี 2551 เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับประเทศไทยในอนาคต เช่นนี้ดีหรือไม่?
เช่น รัฐบาลทำให้น้ำท่วมใหญ่ (ครั้งแรก นับตั้งแต่มีประเทศไทยมา ฮา...)
นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
นโยบายประกันราคาข้าวของรัฐบาลอภิสิทธ์
หรือแม้แต่การปฎิวัติ รัฐประหารของนายกประยุทธ์ ก็สร้างความเสียหายแก่ชาติอย่างมากมายเช่นกัน
เราควรตีค่าเป็นเงินเท่าไหร่ดี?
หรือ หากทำให้ประเทศได้รับประโยชน์ ก็สมควรจ่ายดอกผลที่ชาติได้รับกลับคืนไปให้ผู้บริหารเหล่านี้ โดยตีค่าผลงานนั้นๆเป็นตัวเงินและหรือรางวัลเกียรติยศต่างๆ เช่น การดำเนินการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ จนแล้วเสร็จ ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น นี่เป็นผลที่เห็นได้ในวันนี้ คือจำนวนนักท่องเที่ยวมากมายเป็นประวัติการ ซึ่งนำความภาคภูมิใจแก่คนในชาติ และแม้แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์และเหล่ากองเชียร์ยังปลื้มปริ่ม ลิงโลด ดีใจนออกหน้าออกตา ก็มีเห็นในข่าวทั่วๆ ไป เม็ดเงินที่เข้ามามหาศาล จะไม่ตีค่าความดีความชอบให้คนทำผลงานหน่อยหรือ? หากตรรกะไม่ย้อนแย้งจนเกินไปนัก
กระแสฝั่งที่เกลียดทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เพื่อไทย ต่างพากันยกมือ ชูจั้กแร้กันเต็มที่เพื่อสนับสนุนให้ยึดทรัพย์ เอาโทษทั้งทางแพ่งและหรืออาญา ส่วนใหญ่ล้วนสะใจกับการดำเนินการในลักษณะนี้
แต่อีกกระแสที่สนับสนุนทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เพื่อไทย ต่างพยายามหาข้อกฎหมายมาโต้แย้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม มีมาตรฐานที่ไม่เลือกปฏิบัติกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่กระแสฝั่งนี้ ท่านไม่เคยรับฟัง
การเป็นรัฐบาล การบริหารประเทศ การแบ่งปันทรัพยากรที่มีจำกัดให้ทั่วถึงทุกองคาพยพภายในชาติ ไม่ใช่ตัวชี้วัดค่าเงิน ซ้ายขวา หรือขาวดำ แต่หากมันมีมิติซ้อนมากมายกว่านั้น
หากเราๆ ท่านๆ วางใจให้เป็นกลาง เราจะมองเห็นสิ่งเดียวกัน คือ รัฐบาลทุกรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศล้วนมีความดี ความชอบ ล้วนทำผิดพลาดได้ทุกคณะด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีใครขาวสะอาดหมดจด และไม่มีใครดำสกปรกแต่เพียงอย่างเดียว ถ้าเช่นนั้นแล้ว รัฐสมควรตรากฎหมายวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อเอาผิดในกรณีบริหารราชการบ้านเมืองให้เกิดความเสียหายแก่ทุกรัฐบาลในขณะนี้และในอนาคต ดีหรือไม่? หรือหากทำคุณงามความดี ควรที่จะตอบแทนคณะรัฐบาลนั้นๆ เช่นไร?
สุดท้ายแล้ว การจ้องเอาผิดทั้งทางแพ่งและอาญาในรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง โดยเฉพาะ ไม่ใช่หนทางในการแก้ปัญหาความปรองดองของรัฐในขณะนี้ ความเป็นธรรมจะนำมาซึ่งหลักชัย ที่ท่านเพียรกรอกหูประชาชน นับตั้งแต่เข้ามาว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน”
สัญญาข้อที่สำคัญที่สุดที่ประชาชนส่วนใหญ่ล้วนยอมรับและอยากให้เกิด คือความปรองดอง และความเป็นธรรม
แต่มาถึง ณ วันนี้ เราไม่ทราบว่าที่ท่าน
“สัญญานั้น ท่านให้ไว้กับใครกันแน่?”
ประเทศไทย น่าจะยุ่งเป็นลิงแก้แหอีกนาน หากท่านนายก พล.อ.ประยุทธ์และคณะไม่ปรับเปลี่ยนมุมมอง
โดยการมองเห็น
คนเป็นคนเท่าๆกัน
เหตุใดจึงจ้องเอาผิดเฉพาะเพื่อไทย ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ ?
เห็นข่าวฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาล นายกยิ่งลักษณ์ แล้วรู้สึก อนาถใจยิ่งนัก
หากการดำเนินการตามโครงการรัฐ นโยบายรัฐ ที่ได้แถลงแล้วในรัฐสภา และมีผลผูกพันตามกฎหมาย ไม่สามารถทำได้หรือทำได้ แต่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย แก่ประเทศชาติโดยรวม (ซึ่งมาจากความเห็นของเหล่าพรรคพวกที่ท่านแต่งตั้งขึ้นมาทั้งสิ้น)
เมื่อเป็นเชนนั้นแล้ว ประเทศไทย สมควรตรากฎหมายขึ้นเป็นประทศแรกของโลกใบนี้ เพื่อให้ผู้มีอำนาจทางบริหาร หรือรัฐบาลโดยนายกฯ รัฐมนตรี รองนายกฯ รัฐมนตรีช่วยฯ ที่ปรึกษาทางการเมือง ต่างๆ วางหลักทรัพย์ค้ำประกันการทำงาน ในกรณีดำเนินนโยบายผิดพลาด เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติดีไหม?
ขอเสนอให้ นายกฯและรัฐมนตรีทุกคน โดยเริ่มจากรัฐบาลชุดนี้ วางหลักทรัพย์ค้ำประกันการทำงาน ตามแนวทางหลัก ประกาศกระทรวงแรงงาน ปี 2551 เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับประเทศไทยในอนาคต เช่นนี้ดีหรือไม่?
เช่น รัฐบาลทำให้น้ำท่วมใหญ่ (ครั้งแรก นับตั้งแต่มีประเทศไทยมา ฮา...)
นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
นโยบายประกันราคาข้าวของรัฐบาลอภิสิทธ์
หรือแม้แต่การปฎิวัติ รัฐประหารของนายกประยุทธ์ ก็สร้างความเสียหายแก่ชาติอย่างมากมายเช่นกัน
เราควรตีค่าเป็นเงินเท่าไหร่ดี?
หรือ หากทำให้ประเทศได้รับประโยชน์ ก็สมควรจ่ายดอกผลที่ชาติได้รับกลับคืนไปให้ผู้บริหารเหล่านี้ โดยตีค่าผลงานนั้นๆเป็นตัวเงินและหรือรางวัลเกียรติยศต่างๆ เช่น การดำเนินการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ จนแล้วเสร็จ ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น นี่เป็นผลที่เห็นได้ในวันนี้ คือจำนวนนักท่องเที่ยวมากมายเป็นประวัติการ ซึ่งนำความภาคภูมิใจแก่คนในชาติ และแม้แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์และเหล่ากองเชียร์ยังปลื้มปริ่ม ลิงโลด ดีใจนออกหน้าออกตา ก็มีเห็นในข่าวทั่วๆ ไป เม็ดเงินที่เข้ามามหาศาล จะไม่ตีค่าความดีความชอบให้คนทำผลงานหน่อยหรือ? หากตรรกะไม่ย้อนแย้งจนเกินไปนัก
กระแสฝั่งที่เกลียดทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เพื่อไทย ต่างพากันยกมือ ชูจั้กแร้กันเต็มที่เพื่อสนับสนุนให้ยึดทรัพย์ เอาโทษทั้งทางแพ่งและหรืออาญา ส่วนใหญ่ล้วนสะใจกับการดำเนินการในลักษณะนี้
แต่อีกกระแสที่สนับสนุนทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เพื่อไทย ต่างพยายามหาข้อกฎหมายมาโต้แย้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม มีมาตรฐานที่ไม่เลือกปฏิบัติกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่กระแสฝั่งนี้ ท่านไม่เคยรับฟัง
การเป็นรัฐบาล การบริหารประเทศ การแบ่งปันทรัพยากรที่มีจำกัดให้ทั่วถึงทุกองคาพยพภายในชาติ ไม่ใช่ตัวชี้วัดค่าเงิน ซ้ายขวา หรือขาวดำ แต่หากมันมีมิติซ้อนมากมายกว่านั้น
หากเราๆ ท่านๆ วางใจให้เป็นกลาง เราจะมองเห็นสิ่งเดียวกัน คือ รัฐบาลทุกรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศล้วนมีความดี ความชอบ ล้วนทำผิดพลาดได้ทุกคณะด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีใครขาวสะอาดหมดจด และไม่มีใครดำสกปรกแต่เพียงอย่างเดียว ถ้าเช่นนั้นแล้ว รัฐสมควรตรากฎหมายวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อเอาผิดในกรณีบริหารราชการบ้านเมืองให้เกิดความเสียหายแก่ทุกรัฐบาลในขณะนี้และในอนาคต ดีหรือไม่? หรือหากทำคุณงามความดี ควรที่จะตอบแทนคณะรัฐบาลนั้นๆ เช่นไร?
สุดท้ายแล้ว การจ้องเอาผิดทั้งทางแพ่งและอาญาในรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง โดยเฉพาะ ไม่ใช่หนทางในการแก้ปัญหาความปรองดองของรัฐในขณะนี้ ความเป็นธรรมจะนำมาซึ่งหลักชัย ที่ท่านเพียรกรอกหูประชาชน นับตั้งแต่เข้ามาว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน”
สัญญาข้อที่สำคัญที่สุดที่ประชาชนส่วนใหญ่ล้วนยอมรับและอยากให้เกิด คือความปรองดอง และความเป็นธรรม
แต่มาถึง ณ วันนี้ เราไม่ทราบว่าที่ท่าน “สัญญานั้น ท่านให้ไว้กับใครกันแน่?”
ประเทศไทย น่าจะยุ่งเป็นลิงแก้แหอีกนาน หากท่านนายก พล.อ.ประยุทธ์และคณะไม่ปรับเปลี่ยนมุมมอง
โดยการมองเห็น คนเป็นคนเท่าๆกัน