มีโอกาสไปกิน บุฟเฟ่ที่ห้องอาหาร Bangkok Balcony บนตึกใบหยก เราก็ได้ยินชื่อใบหยกมานานๆๆ มองเห็นได้จากระยะไกล วันนี้จะได้ขึ้นไปบนนั้นแล้ว
ร้าน Bangkok Balcony
ห้องอาหารที่ใบหยกจะมีหลายห้องอาหาร อันอื่นเรายังไม่เคยไปเหมือนกัน มีโอกาสจะไปแล้วแวะมารีวิวให้ดู แต่อันนี้จะพิเศษ ต้องมีที่สำหรับ นั่งข้างนอก ดื่มด่ำบรรยากาศกรุงเทพด้วย โดยร้านจะอยู่ชั้น 81 ของตึกใบหยก มีที่นั่ง 2 โซน คือโซน ด้านในกระจก กับ Open air ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกัน รายการอาหารที่จะพิเศษจะมีสำหรับ Open air
ห้องอาหารนี้จะไม่รับกรุ๊บทัวร์ ก็เลยไม่ต้องกังวลก็คนมากมาย แต่ถ้าเราไปช่วง พีคประมาณตอน 3 ทุ่มก็อาจจะต่อลิฟยาวหน่อย รอลิฟขึ้นลงนานอยู่เหมือนกัน จะให้เดินลงก็ไม่ไหว 55
ที่ตั้งและการเดินทาง
ทางเข้าโรงแรมจะเข้าได้ในซอยราชปรารถ 3 หรือ ถ้าใครมารถไฟฟ้า ก็ขึ้นรถแอร์พอร์ตลิ้งมาลง สถานีราชปรารถ แล้วก็เดินมาอีกนิดก็เข้าซอย
ราชปรารภ 3
ราคา
ด้านในกระจก 840 บาท จำกัดเวลา 2 ชม.
Open –air 1,450 บาท ไม่จำกัดชั่วโมง
เปิดตั้งแต่ 17:00 -23:00
ราคาไม่รวมน้ำดื่มค่ะ
วันนี้เรานั่งที่โซน Open air ซึ่งเป็น private Zone จะมี 4 ด้านให้เราเลือก เหนือ ใต้ ออก ตก เราเลือกทางทิศใต้ เพราะ เห็นพระอาทิตย์ตก วิวกรุงเทพสวยๆ แล้วก็เห็นวิวทางด่วนด้วย แก๊งค์เราไปกัน 4 คน พร้อมมมมมม
นั่งติดกระจกดีตรงลมไม่ตี
ถ้าจะไปถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์ แนะนำให้โทรไปจองก่อนนะคะ เพราะโต๊ะค่อนข้างเต็ม
ถ้าเราซื้อบุฟเฟ่ ของที่นี่ ก็จะได้ชมวิว ที่ชั้น 77 กับ ชั้น 84 ที่เป็นพื้นหมุนได้ฟรีด้วย เราไปดูก็ แอบขาสั่นเล็กๆ มันสูงจริงๆ ค่ะ
เราขึ้นไปก่อนกินก็ได้เห็นกรุงเทพช่วงฟ้าเปิด แต่ส่วนมากคนจะชอบขึ้นไปหลังกินข้าวเสร็จ คนก็จะคับคั่งไปหน่อย
วิวจาก ชั้น 84 ไปดูก่อนกิน คนยังไม่เยอะดี แถมฟ้าเปิดด้วย
บรรยากาศ
เพราะเลือกแบบ Open air บรรยากาศดีมากเห็นกรุงเทพสุดสายตาเลย ตอนเราไปฟ้าเปิด นิดๆ ก็เลยภูเขาที่ชลบุรีโน่นเลย เพลิดเพลินดี ชอบที่เราเห็นกรุงเทพตั้งแต่ฟ้า เปิด พลบค่ำ แล้วก็ค่ำ กรุงเทพเราสวยจริงๆ ถ้านั่งข้างนอกแนะนำอย่าใส่กระโปรงบานไปนะคะ เพราะลมแรงเอาการ ปลิวดีจริง
ผมรัดรวบตรึงก็ดีค่ะ 555
กรุงเทพเมืองใหญ่
ช่วงพลบค่ำ
วิวทางด่วน
ฝนจะมา
ส่วนข้างในก็คึกคักกว่าหน่อย ถ้าไม่อยากแบบนเยอะมาก แนะนำให้ไปวันธรรมดาจะไม่ได้เยอะมาก
ข้างในวันเสาร์ คนเยอะอยู่
อาหาร โซน Open air ที่บริการ พิเศษ ที่จะไม่เหมือนในไลน์บุฟเฟ่ มีหลายอย่าง โดยพนักงานจะมา เสริฟให้ถึงโต๊ะ แล้วเราก็จะกินในไลน์บุฟเฟ่ได้อีกเพียบ
เมนูอาหารสำหรับ โซน Open Air
อาหารในโซน Open Air จะมีที่เสริฟมาให้เลย เป็น Grilled Seafood , Sushi Sashimi , Cold Cut แล้วก็ Caesar Salad ที่จริงในไลน์ก็มีบุฟเฟ่ก็มีรายการพวกนี้ แต่ว่า น่าจะมีคุณภาพดีกว่า
Grilled Seafood เขาจะจัดมาให้ตามจำนวนคนที่เรามา ก็มีปู กุ้ง หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ ทุกอย่างสดหมดเลย เขาบอกว่า คุณภาพ ที่เสริฟก็จะทำเป็น a la cart ที่จะจริงจังกว่า
อันนี้ สำหรับ 2 คน
Sushi Sashimi ทั้งปลาดิบ ข้าวปั้น ก็ต้องมา ปลาดิบจัดมาให้เยอะ หลายชิ้น อร่อยตามมาตรฐานค่ะ
แซลมอลรมควัน ก็จะออกเค็มๆ หน่อย แซลมอล สด และแห้งๆ ดีค่ะ
แซลมอลรมควัน
Cold Cut เป็นแฮม จานนนี้เราเฉยๆ เพราะ ไม่ได้ cold cut แบบ อลังการอะไรมาก เป็น Cold cut แฮมธรรมดาค่ะ แต่กินไปก็เพลินๆดี
แฮม
Caesar Salad ผักสด กินแอ้มกับ cold cut
แล้วก็ซุปเลือกได้ 1 อย่าง จาก 3 อย่าง ต้มยำทะเล ซุปหูฉลาม ซุป Lobster
ต้มยำทะเลกุ้งตัวใหญ่ แต่รสไม่จัดมากเท่าไหร่ อยากให้รสจัดกว่านี้หน่อย อยากกินแบบแซ่บๆ
เพื่อนๆ สั่งเป็นลอบเสตอร์ ทุกคนชอบมากหมด บอกเข้มข้นดี
ต้มยำกุ้ง อันนี้รสไม่จัดมาก
Main Course เราเลือกได้ 1 อย่าง จาก 10 กว่าอย่าง ทั้งเนื้อนิวซีแลนด์ สะโพกนางฟ้า (สะโพกเป็ด)
เนื้อตุ๋นไวน์แดง สเต็กปลาแซลมอล สเต็กหมู ขาแกะ แล้วอีกหลายอย่างค่ะ
เราเลือก เป็น สเต็กเนื้อสันในออสเตรเลียน เสริฟมา 2 ชิ้นใหญ่ เนื้อไม่เหนียวมาก ซอสเกรวี่ก็อร่อยดีค่ะ กินกับผักย่าง เนื้อเราเลือกสุกแบบกลางๆ
สเต็กเนื้อสันในออสเตรเลียน
ส่วนเพื่อนก็เลือกเป็น New Zealand Lamp shop กับ สะโพกเป็ด นางฟ้า เพื่อนก็ชอบกันนะ
New Zealand Lamp shop
สะโพกเป็ดนางฟ้า หนังกรอบ
ในเซตจะเสริฟพร้อม ไวน์แดง หรือ ไวน์ขาว เลือก ได้ 1 แก้ว เราเลือกไวน์แดง ยาวๆๆ ไป
เลือกได้ 1 แก้ว
เมนูเครื่องดื่ม ไม่รวมในบุฟเฟ่
Vitgin Mojitto
เรามาไล่อาหารไลน์บุฟเฟ่กัน เพราะที่นั่งเป็นวงกลม ไลน์อาหารก็เลยเป็นวงกลมไปด้วย เดินไปเรื่อยๆ ก็วนกลับมาที่เดิม แต่ถ้าใครนั่งข้างนอก
ก็ต้องจำปีกดีดีว่าเรานั่งตรงปีกไหน เพราะมันเหมือนๆ กันไปหมด พอเดินๆ ไปเริ่ม งง
Sea food
เราถูกอกถูกใจซีฟู้ดที่นี่ เพราะเป็นซีฟู้ด ของโรงแรมที่เป็น แบบร้อน เวลาไปกินซีฟุ้ดในโรงแรม เราจะงงกับ Seafood ที่โป๊ะมาบนน้ำแข๊ง กินแล้วมันยังไงไม่รู้ ไม่สะใจเท่าไหร่ แต่ที่นี่ เขาจะมีรับบริการ ลวก แล้วก็ปิ้งด้วย ก็จะมี ปู กุ้ง หอยแมลงภู่ ปู ตัวไม่ใหญ่มาก กลางๆ แต่เนื้อสดดีค่ะ กุ้งก็มี 2 แบบทั้งกุ้งแม่น้ำ แล้วก็กุ้งทะเล กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่เนื้อแน่นดี มีหอยเชลล์ ด้วย น้ำจิ้มก็มี 2 แบบ น้ำจิ้มซีฟู้ด กับน้ำจิ้มขึ้นฉ่าย น้ำจิ้มรสชาติดีค่ะ แต่ก็ไม่ได้จัดจ้าน แบบคนไทยชอบ รสจะกลางๆ ไม่เผ็ดมาก แต่ชอบที่มันไม่หวานดีค่ะ
เลือกแล้วให้เขานึ่ให้ร้อนได้
ปลาหมึกกับกุ้งเสียบก็มี อันนี้เขาจะปิ้งให้กินร้อนๆ เนื้อหนานุ่ม หวานดีด้วย กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด เราชอบปลาหมึกมากกก พยายามกินไม่เยอะ กลัวคอเรสตอรอลมา ที่เราชอบอีกอย่างเป็นกุ้งเสียบไม้ย่าง แต่ลืมถ่ายรูปรีบกินจัด
ปลาหมึกย่าง
ผัดไทย
เป็นของดังของที่นี่เลย เมนูยอดนิยม ชอบที่เขาผัดให้กินจานต่อจาน เราก็จะได้กินของร้อนๆ เป็นผัดไทยห่อไข่ด้วยอีก
เสต็ก สปาเกตตี้
เสต็กที่นี่เป็นเลือกเนื้อ เลือกซอสได้ แต่อันนี้เราไม่ได้ลองค่ะ เพราะมีสเต็กอยู่ในเซตแล้ว ชื้นใหญ่ชิ้นเดียวเราก็เริ่มจุก
มุมสเต็ก อันนี้ไม่ได้ลอง
ส่วนสปาเกตตี้ ก็มีทั้งครีมซอส ครีมคาโบนาร่า ซอสเห็ด เลือกเส้นสปาเกตตี้ได้ เราก็ ให้เขาลวกเส้นแล้วเราก็ตักซอสราดเองได้เลย
Thai food
ก็มีพวกแกงต่างๆ ผัดไก่ แต่ที่ติดไฟอุ่นตลอดเป็นมั่สมั่นไก่ ที่ไก่ชิ้นใหญ่ดี
มั่สมั่นไก่
[CR] Dinner บนระเบียงชั้น 81 วิวกรุงเทพสุดลูกหูลูกตา@BANGKOK BALCONY Baiyoke Sky Hotel
ร้าน Bangkok Balcony
ห้องอาหารที่ใบหยกจะมีหลายห้องอาหาร อันอื่นเรายังไม่เคยไปเหมือนกัน มีโอกาสจะไปแล้วแวะมารีวิวให้ดู แต่อันนี้จะพิเศษ ต้องมีที่สำหรับ นั่งข้างนอก ดื่มด่ำบรรยากาศกรุงเทพด้วย โดยร้านจะอยู่ชั้น 81 ของตึกใบหยก มีที่นั่ง 2 โซน คือโซน ด้านในกระจก กับ Open air ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกัน รายการอาหารที่จะพิเศษจะมีสำหรับ Open air
ห้องอาหารนี้จะไม่รับกรุ๊บทัวร์ ก็เลยไม่ต้องกังวลก็คนมากมาย แต่ถ้าเราไปช่วง พีคประมาณตอน 3 ทุ่มก็อาจจะต่อลิฟยาวหน่อย รอลิฟขึ้นลงนานอยู่เหมือนกัน จะให้เดินลงก็ไม่ไหว 55
ที่ตั้งและการเดินทาง
ทางเข้าโรงแรมจะเข้าได้ในซอยราชปรารถ 3 หรือ ถ้าใครมารถไฟฟ้า ก็ขึ้นรถแอร์พอร์ตลิ้งมาลง สถานีราชปรารถ แล้วก็เดินมาอีกนิดก็เข้าซอย
ราชปรารภ 3
ราคา
ด้านในกระจก 840 บาท จำกัดเวลา 2 ชม.
Open –air 1,450 บาท ไม่จำกัดชั่วโมง
เปิดตั้งแต่ 17:00 -23:00
ราคาไม่รวมน้ำดื่มค่ะ
วันนี้เรานั่งที่โซน Open air ซึ่งเป็น private Zone จะมี 4 ด้านให้เราเลือก เหนือ ใต้ ออก ตก เราเลือกทางทิศใต้ เพราะ เห็นพระอาทิตย์ตก วิวกรุงเทพสวยๆ แล้วก็เห็นวิวทางด่วนด้วย แก๊งค์เราไปกัน 4 คน พร้อมมมมมม
ถ้าจะไปถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์ แนะนำให้โทรไปจองก่อนนะคะ เพราะโต๊ะค่อนข้างเต็ม
ถ้าเราซื้อบุฟเฟ่ ของที่นี่ ก็จะได้ชมวิว ที่ชั้น 77 กับ ชั้น 84 ที่เป็นพื้นหมุนได้ฟรีด้วย เราไปดูก็ แอบขาสั่นเล็กๆ มันสูงจริงๆ ค่ะ
เราขึ้นไปก่อนกินก็ได้เห็นกรุงเทพช่วงฟ้าเปิด แต่ส่วนมากคนจะชอบขึ้นไปหลังกินข้าวเสร็จ คนก็จะคับคั่งไปหน่อย
บรรยากาศ
เพราะเลือกแบบ Open air บรรยากาศดีมากเห็นกรุงเทพสุดสายตาเลย ตอนเราไปฟ้าเปิด นิดๆ ก็เลยภูเขาที่ชลบุรีโน่นเลย เพลิดเพลินดี ชอบที่เราเห็นกรุงเทพตั้งแต่ฟ้า เปิด พลบค่ำ แล้วก็ค่ำ กรุงเทพเราสวยจริงๆ ถ้านั่งข้างนอกแนะนำอย่าใส่กระโปรงบานไปนะคะ เพราะลมแรงเอาการ ปลิวดีจริง
ผมรัดรวบตรึงก็ดีค่ะ 555
ส่วนข้างในก็คึกคักกว่าหน่อย ถ้าไม่อยากแบบนเยอะมาก แนะนำให้ไปวันธรรมดาจะไม่ได้เยอะมาก
อาหาร โซน Open air ที่บริการ พิเศษ ที่จะไม่เหมือนในไลน์บุฟเฟ่ มีหลายอย่าง โดยพนักงานจะมา เสริฟให้ถึงโต๊ะ แล้วเราก็จะกินในไลน์บุฟเฟ่ได้อีกเพียบ
เมนูอาหารสำหรับ โซน Open Air
อาหารในโซน Open Air จะมีที่เสริฟมาให้เลย เป็น Grilled Seafood , Sushi Sashimi , Cold Cut แล้วก็ Caesar Salad ที่จริงในไลน์ก็มีบุฟเฟ่ก็มีรายการพวกนี้ แต่ว่า น่าจะมีคุณภาพดีกว่า
Grilled Seafood เขาจะจัดมาให้ตามจำนวนคนที่เรามา ก็มีปู กุ้ง หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ ทุกอย่างสดหมดเลย เขาบอกว่า คุณภาพ ที่เสริฟก็จะทำเป็น a la cart ที่จะจริงจังกว่า
Sushi Sashimi ทั้งปลาดิบ ข้าวปั้น ก็ต้องมา ปลาดิบจัดมาให้เยอะ หลายชิ้น อร่อยตามมาตรฐานค่ะ
แซลมอลรมควัน ก็จะออกเค็มๆ หน่อย แซลมอล สด และแห้งๆ ดีค่ะ
Cold Cut เป็นแฮม จานนนี้เราเฉยๆ เพราะ ไม่ได้ cold cut แบบ อลังการอะไรมาก เป็น Cold cut แฮมธรรมดาค่ะ แต่กินไปก็เพลินๆดี
Caesar Salad ผักสด กินแอ้มกับ cold cut
แล้วก็ซุปเลือกได้ 1 อย่าง จาก 3 อย่าง ต้มยำทะเล ซุปหูฉลาม ซุป Lobster
ต้มยำทะเลกุ้งตัวใหญ่ แต่รสไม่จัดมากเท่าไหร่ อยากให้รสจัดกว่านี้หน่อย อยากกินแบบแซ่บๆ
เพื่อนๆ สั่งเป็นลอบเสตอร์ ทุกคนชอบมากหมด บอกเข้มข้นดี
Main Course เราเลือกได้ 1 อย่าง จาก 10 กว่าอย่าง ทั้งเนื้อนิวซีแลนด์ สะโพกนางฟ้า (สะโพกเป็ด)
เนื้อตุ๋นไวน์แดง สเต็กปลาแซลมอล สเต็กหมู ขาแกะ แล้วอีกหลายอย่างค่ะ
เราเลือก เป็น สเต็กเนื้อสันในออสเตรเลียน เสริฟมา 2 ชิ้นใหญ่ เนื้อไม่เหนียวมาก ซอสเกรวี่ก็อร่อยดีค่ะ กินกับผักย่าง เนื้อเราเลือกสุกแบบกลางๆ
ส่วนเพื่อนก็เลือกเป็น New Zealand Lamp shop กับ สะโพกเป็ด นางฟ้า เพื่อนก็ชอบกันนะ
ในเซตจะเสริฟพร้อม ไวน์แดง หรือ ไวน์ขาว เลือก ได้ 1 แก้ว เราเลือกไวน์แดง ยาวๆๆ ไป
เรามาไล่อาหารไลน์บุฟเฟ่กัน เพราะที่นั่งเป็นวงกลม ไลน์อาหารก็เลยเป็นวงกลมไปด้วย เดินไปเรื่อยๆ ก็วนกลับมาที่เดิม แต่ถ้าใครนั่งข้างนอก
ก็ต้องจำปีกดีดีว่าเรานั่งตรงปีกไหน เพราะมันเหมือนๆ กันไปหมด พอเดินๆ ไปเริ่ม งง
Sea food
เราถูกอกถูกใจซีฟู้ดที่นี่ เพราะเป็นซีฟู้ด ของโรงแรมที่เป็น แบบร้อน เวลาไปกินซีฟุ้ดในโรงแรม เราจะงงกับ Seafood ที่โป๊ะมาบนน้ำแข๊ง กินแล้วมันยังไงไม่รู้ ไม่สะใจเท่าไหร่ แต่ที่นี่ เขาจะมีรับบริการ ลวก แล้วก็ปิ้งด้วย ก็จะมี ปู กุ้ง หอยแมลงภู่ ปู ตัวไม่ใหญ่มาก กลางๆ แต่เนื้อสดดีค่ะ กุ้งก็มี 2 แบบทั้งกุ้งแม่น้ำ แล้วก็กุ้งทะเล กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่เนื้อแน่นดี มีหอยเชลล์ ด้วย น้ำจิ้มก็มี 2 แบบ น้ำจิ้มซีฟู้ด กับน้ำจิ้มขึ้นฉ่าย น้ำจิ้มรสชาติดีค่ะ แต่ก็ไม่ได้จัดจ้าน แบบคนไทยชอบ รสจะกลางๆ ไม่เผ็ดมาก แต่ชอบที่มันไม่หวานดีค่ะ
ปลาหมึกกับกุ้งเสียบก็มี อันนี้เขาจะปิ้งให้กินร้อนๆ เนื้อหนานุ่ม หวานดีด้วย กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด เราชอบปลาหมึกมากกก พยายามกินไม่เยอะ กลัวคอเรสตอรอลมา ที่เราชอบอีกอย่างเป็นกุ้งเสียบไม้ย่าง แต่ลืมถ่ายรูปรีบกินจัด
ผัดไทย
เป็นของดังของที่นี่เลย เมนูยอดนิยม ชอบที่เขาผัดให้กินจานต่อจาน เราก็จะได้กินของร้อนๆ เป็นผัดไทยห่อไข่ด้วยอีก
เสต็ก สปาเกตตี้
เสต็กที่นี่เป็นเลือกเนื้อ เลือกซอสได้ แต่อันนี้เราไม่ได้ลองค่ะ เพราะมีสเต็กอยู่ในเซตแล้ว ชื้นใหญ่ชิ้นเดียวเราก็เริ่มจุก
ส่วนสปาเกตตี้ ก็มีทั้งครีมซอส ครีมคาโบนาร่า ซอสเห็ด เลือกเส้นสปาเกตตี้ได้ เราก็ ให้เขาลวกเส้นแล้วเราก็ตักซอสราดเองได้เลย
Thai food
ก็มีพวกแกงต่างๆ ผัดไก่ แต่ที่ติดไฟอุ่นตลอดเป็นมั่สมั่นไก่ ที่ไก่ชิ้นใหญ่ดี