สมัยต้มยำกุ้งคนมีหนี้พันล้านหมื่นล้านเค้าสบายๆๆ ล้มบนฟูกถ่ายเทเงินออกจาบริษัทหมดแล้วทิ้งซากให้ธนาคาร.แต่ละคนละเป็นไงบ้าง
.. ตอนนั้นแต่ละท่าน ทำอะไรอยู่ได้รับผลกระทบยังไงบ้างและผ่านมาได้อย่างไร มาเล่าสู่กันฟังครับ ผ่านมาจะ 20 ปีละ
สมัยนั้นเราเจอคำว่า____
คำว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย
เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส
รีเอ็นจีเนีย
ปรับโครงสร้างหนี้
และ แล็ตเทอร์ ออฟ...... จดหมายแสดงความจำนง ( จำนน )ต่อ Imf เงินที่โซรอสใช้โจมตีไทยผู้ถือกองทุนหลัก
คือรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
และ คนไทยได้ คำย่อใหม่อีก 1 คำ คือคำว่า ปรส. ปรส. ชื่อนี้ยังอยู่และเป็นตราบาปมาถึงทุกวันนี้
ทั้งที่มีหลายคนออกมาเตือนแบงค์ชาติ แล้วว่าฝรั่งมันไม่ได้เข้าเงิน แล้วคนที่มาประมูลหนี้ยังเป็นคนที่รู้ราคาหนี้อีก
หลายคนก็เตือน ก็บอกแบงค์ชาติแล้วว่าต้องระวัง แต่แบงค์ชาติก็ไม่สน คิดว่าตัวเองเก่งที่สุดฉลาดที่สุด ในเรื่องการเงิน
นิขนาดเค้าเตือน เค้าขอร้องกันมาตั้งแต่ก่อนถูกโจมตีค่าเงินแล้วนะ ว่าลอยตัวค่าเงินบาทเถอะ. เพราะเงินของไทยยังไงกระสุนก็น้อยกว่า
ต่างชาติ ทุนสำรอง 14000 ล้านดอลลาร์ ในขณะนั้น จะสู้กับกองทุนขนาด 70000 ล้าน us ได้หรือ
สุดท้ายก็พังกันทั้งประเทศ คนเดือดร้อนก็คนทำธุรกิจ คนกู้เงินจากต่างประเทศ พนักงานบริษัทตกงานเพราะ บ.ปิดกิจการ
ราคาหุ้น ดิ่งลงแบบไม่มี bid มา รับ... NPL แบงค์ในระบบ 50 % " สมัยนี้ 2-3 % นักวิแคะก็มาเอาเขียนข่าวลดราคาหุ้นกันละ
แต่เจ้าหน้าที่ในแบงค์ชาติยังรับเงินเดือนตามปกติ. แถมมีช่วงหนึ่งให้เกษียณได้ก่อนกำหนด มีคนอยากเกษียณกันเยอะมาก
เพราะ มีให้เงินพิเศษต่างๆเพิ่มให้ด้วย เลยแย่งกันออกเลยละ เพราะคิดว่าออกตอนนี้ได้เอาเงินมาฝากกินดอก 16 % ดีกว่า
ฝาก 1 ล้านได้ดอก 160000 บาท..... ถ้าเกษียณ ได้มา 5 ล้าน ไปฝากแบงค์ ก็ได้ดอกเบี้ย 800000 กว่าบาท
เอามาเฉลี่ยใช้ต่อเดือนก็ได้เดือนละ 70000 บาท สบายๆเลย...
______________
ต่อไปนี้เป็นเรื่อง เล่าแบบเรี่อยๆ ... ใครโควต้าอ่านเกิน 7 บรรทัด หมดแล้ว ก็พยายามอ่านละกัน อิอิ_______
สมัยต้มยำกุ้ง คนมีหนี้พันล้าน หมื่นล้านเค้าสบายๆๆ ล้มบนฟูกเพราะถ่ายเทเงินออกจาบริษัทหมดแล้วทิ้งซากให้ธนาคาร.
.. แต่คนจนๆละ คนทำงานออฟฟิศ ที่ บริษัทล้มหรือตกงาน
แต่ก็โชคดีอย่างหนึ่งคือ ตอนนั้นมันกระทบธุรกิจในเมืองหลวงและภาคธนาคาร ตลาดหุ้น บริษัทเป็นหลัง
แต่ บ.ที่ส่งออกสินค้าได้และได้เป็นเงินสกุลดอลลาร์ ก็ได้ประโยชน์เช่นกัน แต่บริษัทที่ก่อหนี้เป็นดอลลาร์ นิละ
เรียกว่าหนี้ท่วมหัวเพิ่มขึ้นเท่าตัว ในเวลาแค่หลับข้ามคืน เท่านั้นเอง กู้มา 1000 ล้านดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทยก็ 25000 ล้านบาท
ตื่นมาอีกวัน หลังจากวันหยุดกลางปีธนาคาร หนี้เพิ่มมาทันที เป็น 50000 ล้านบาท เยอะมั้ยละครับ
เลยกลายเป็นหนี้สินรวมของประเทศไทยเพิ่มแบบมหาศาลเลย ..
แต่ก็ยังโชคดีอีกอย่าง.. ที่หนี้จำนวนนี้เป็นหนี้ภาคเอกชน 80 % ภาครัฐยังพอขับเคลื่อนได้
ข้าราช 2 ล้านคน ยังได้รับเงินเดือนยังมีเงินใช้ เลยนำเงินไปใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ มันเลยช่วยประคับประครอง
ไม่ให้สถานการณ์มันเลวร้ายไปกว่านั้น แต่ก็มีการประหยัดในภาครัฐอย่างเช่น การรถไฟโดนแช่แข็งการเติบโต
ห้ามก่อหนี้เพิ่ม ห้ามขยายจำนวนพนักงาน และงานบางอย่างไม่ทำเองให้เอกชนทำ... งานซ่อมสร้างบางอย่างที่ รฟท.เคยทำก็ไม่ได้ทำ
ความชำนาญก็เลยหายไปบางส่วนในสมัยนั้น
___________________
ตอนนั้นผมจำความได้นะ ว่าแม้แต่นักข่าวก็มีจัดงาน ให้เปิดท้ายขายของบนห้างมาบุญครอง ผมยังไปซื้อการ์ดเซเลอร์มูนมาเลย
ตอนนั้น คนเอาของมา ลดที่ศูนย์สิริกิติห์ ฆ้อนผ้า ตุ๊กตาที่เคยราคาแพงเอามา เลหลังขายกันอันละ 20 บาท
จานเซรามิคสวยๆ ใบใหญ่ ใบละ 20 บาท เด่ยวนี้ที่ จตุจักร ใบละ 200"" เรายังพอมีก็ถือว่าช่วยซื้อกันไปให้เงินมันหมุนเวียน
แต่แม่ผมก็มีกู้เงินกับ ธนาคารเหมือนกัน จ่ายเดือนละ 8000 เงินต้น 560 บาท ดอกเบี้ย 14 %
ไม่มีการล้มบนฟูก จ่ายให้หมด
___ แต่วันนี้มาคิดดู ทำไมตอนนั้นไม่ฉลาดเลยหว่า ถ้าเก็บเงินสดไว้ แล้วรอดอกเบี้ยลดลง ค่อยไปเคลียร์ทีเดียว
หรือเอาเงินที่ต้องเสียทุกเดือนไปฝากแบงค์กินดอกเบี้ย 16 % ซะเลย
แต่เราคงอิจฉา นักธุรกิจบางคนที่มีหนี้ หมื่นล้านก็ไม่ต้องจ่าย
บางคน เพื่อนเป็นแบงค์ชาติ ช่วยล็อกค่าเงินก่อนจะลอยตัว เซ็นอนุมัติ ทำให้ประหยัดเงินไปเป็นหมื่นล้าน
มีเพืjอนดีดี แบบนี้รักตายเลยใช่มั้ยย เป็นหนี้บุญคุณกันเลยทีเดียว
บ้าน แลนด์ๆ ทั้งหลาย แถวรามคำแหง.สมัยนั้น ที่ซื้อกัน 35 ล้าน เหลือ 15 ล้าน
อาจารย์ผมที่ซื้อตอนหลังๆ บอกว่า เพือ่นๆ เค้าซื้อแพงกว่าอาจารย์ไป 20 ล้านเอง
แต่สมั้ยนั้น เงินฝาก 16 % คือฝาก 1 ล้านบาท ได้ดอกเบี้ยปีละ 160,000 บาท
ถ้าเอามาเฉลี่ยใช้ก็ คิดว่ามีเงินใช้เดือนละ 10000 บาท
บางคนในพันทิป.. ฟังแล้วตกใจ. ว่ามีหรือฝากเงินได้ดอกเบี้ย 16 % อยากฝากมั้งงจัง
บางคยนบอกงั้นน แช่งๆๆ ให้ประเทศเป็นแบบนั้นอีกรอบดีมั้ยย
โหวว คิดได้เน้อ.
ประเทศไทยตอนนั้นเหมือนโดนปล้นนั้นละ แถม imf บอกให้ขึ้น vat เป็น 10 %
บอกให้แบงค์ล้มได้ ไม่ต้องอุ้ม ให้ขึ้นดอกเบี้ยสูงๆ___ จน ธนาคารกลายเป็นกับดักสภาพคล่องทางการเงิน
คนมีเงินแห่กันเอาไปฝากธนาคารเพราะได้ดอกเบี้ยสูงๆ ทำให้เงินไม่ออกมาหมุนเวียนในระบบ
และต้นทุนทางการเงินสูง ทำให้โครงการต่างไม่น่าสนใจไม่น่าลงทุน เพราะ IRR คำนวนแล้วมันไม่คุ้มเลย.
แต่ลองดูสิ อีก 10 ปีต่อมา เกิดซัพไพร์มที่เมกา มันทำตรงกันข้ามกับที่มันให้ไทยทำแล้วบอกว่าต้องรักษาวินัยการเงิน
สหรัฐมันรักษาหรือ.. มัน พิมพ์เงินออกมาเป็น QE 1 2 3 จนเราล้อว่า คงมี QE 2.22 2.2.01a 2.2.22 bs เลย
fed ก็ลดดอกเบี้ยจนต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของไทยเราซะอีก แต่ทีของไทย ดอกเบี้ยขึ้นไปที่ 18 ใครผิดนัดก็โดนไป 23%
_______________
แต่ที่เล่ามานี้ ก็ไม่รู้ว่า ถ้าเกิดความผันผวนและการเงินโลกปั่นป่วน ไทยเราจะรับมือได้อีกหรือ
จากที่มีประสบการณ์มาแล้ว ต้มยำกุ้งเปรียบเสมือนว่า ไทยเราเสียกรุงครั้งที่ 3 เลยละ
เพราะ ความมั้งคั้งที่คนไทยสะสมมา สร้างธุรกิจกันมา เจ้าสัว นักธุรกิจมากมาย ล้มคว่ำและตายจากไปวงการ และเศรษฐกิจไทย
หลายคนหลายตระกูล เลยละ
อันนี้เขียน เล่าสู่กันฟัง.. หุ้นที่มองว่ามันขึ้นๆๆ จะขึ้นต่อเพราะ เฟด จะไม่ขึ้นดอกเบี้ย ใน เดือน กย. 2559 นี้
แต่ถ้ามีปัจจัยอื่นร้ายแรงมาปะทะกับเราละก็ ใครออกทันก็ทัน ใครออกไม่ทัน ก็เจอกับความโหดร้ายแบบไร้ความปราณีของตลาดหุ้นเลยละ
จะเกิดหรือไม่เกิด มันไม่มีใครรู้หรอก เพราะขนาดซัพไพร์มที่เกิดตอนแรก คนยังไม่รู้เลย ว่ามันคืออะไร CDo CDS เนี่ย
ขอบคุณที่อ่าน จนจบ. พิมพ์เล่นๆ ครับ
สมัยต้มยำกุ้งคนมีหนี้พันล้านหมื่นล้านเค้าสบายๆๆ ล้มบนฟูกถ่ายเทเงินออกจาบริษัทหมดแล้วทิ้งซากให้ธนาคาร.แต่ละคนละเป็นไงบ้าง
.. ตอนนั้นแต่ละท่าน ทำอะไรอยู่ได้รับผลกระทบยังไงบ้างและผ่านมาได้อย่างไร มาเล่าสู่กันฟังครับ ผ่านมาจะ 20 ปีละ
สมัยนั้นเราเจอคำว่า____
คำว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย
เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส
รีเอ็นจีเนีย
ปรับโครงสร้างหนี้
และ แล็ตเทอร์ ออฟ...... จดหมายแสดงความจำนง ( จำนน )ต่อ Imf เงินที่โซรอสใช้โจมตีไทยผู้ถือกองทุนหลัก
คือรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
และ คนไทยได้ คำย่อใหม่อีก 1 คำ คือคำว่า ปรส. ปรส. ชื่อนี้ยังอยู่และเป็นตราบาปมาถึงทุกวันนี้
ทั้งที่มีหลายคนออกมาเตือนแบงค์ชาติ แล้วว่าฝรั่งมันไม่ได้เข้าเงิน แล้วคนที่มาประมูลหนี้ยังเป็นคนที่รู้ราคาหนี้อีก
หลายคนก็เตือน ก็บอกแบงค์ชาติแล้วว่าต้องระวัง แต่แบงค์ชาติก็ไม่สน คิดว่าตัวเองเก่งที่สุดฉลาดที่สุด ในเรื่องการเงิน
นิขนาดเค้าเตือน เค้าขอร้องกันมาตั้งแต่ก่อนถูกโจมตีค่าเงินแล้วนะ ว่าลอยตัวค่าเงินบาทเถอะ. เพราะเงินของไทยยังไงกระสุนก็น้อยกว่า
ต่างชาติ ทุนสำรอง 14000 ล้านดอลลาร์ ในขณะนั้น จะสู้กับกองทุนขนาด 70000 ล้าน us ได้หรือ
สุดท้ายก็พังกันทั้งประเทศ คนเดือดร้อนก็คนทำธุรกิจ คนกู้เงินจากต่างประเทศ พนักงานบริษัทตกงานเพราะ บ.ปิดกิจการ
ราคาหุ้น ดิ่งลงแบบไม่มี bid มา รับ... NPL แบงค์ในระบบ 50 % " สมัยนี้ 2-3 % นักวิแคะก็มาเอาเขียนข่าวลดราคาหุ้นกันละ
แต่เจ้าหน้าที่ในแบงค์ชาติยังรับเงินเดือนตามปกติ. แถมมีช่วงหนึ่งให้เกษียณได้ก่อนกำหนด มีคนอยากเกษียณกันเยอะมาก
เพราะ มีให้เงินพิเศษต่างๆเพิ่มให้ด้วย เลยแย่งกันออกเลยละ เพราะคิดว่าออกตอนนี้ได้เอาเงินมาฝากกินดอก 16 % ดีกว่า
ฝาก 1 ล้านได้ดอก 160000 บาท..... ถ้าเกษียณ ได้มา 5 ล้าน ไปฝากแบงค์ ก็ได้ดอกเบี้ย 800000 กว่าบาท
เอามาเฉลี่ยใช้ต่อเดือนก็ได้เดือนละ 70000 บาท สบายๆเลย...
______________
ต่อไปนี้เป็นเรื่อง เล่าแบบเรี่อยๆ ... ใครโควต้าอ่านเกิน 7 บรรทัด หมดแล้ว ก็พยายามอ่านละกัน อิอิ_______
สมัยต้มยำกุ้ง คนมีหนี้พันล้าน หมื่นล้านเค้าสบายๆๆ ล้มบนฟูกเพราะถ่ายเทเงินออกจาบริษัทหมดแล้วทิ้งซากให้ธนาคาร.
.. แต่คนจนๆละ คนทำงานออฟฟิศ ที่ บริษัทล้มหรือตกงาน
แต่ก็โชคดีอย่างหนึ่งคือ ตอนนั้นมันกระทบธุรกิจในเมืองหลวงและภาคธนาคาร ตลาดหุ้น บริษัทเป็นหลัง
แต่ บ.ที่ส่งออกสินค้าได้และได้เป็นเงินสกุลดอลลาร์ ก็ได้ประโยชน์เช่นกัน แต่บริษัทที่ก่อหนี้เป็นดอลลาร์ นิละ
เรียกว่าหนี้ท่วมหัวเพิ่มขึ้นเท่าตัว ในเวลาแค่หลับข้ามคืน เท่านั้นเอง กู้มา 1000 ล้านดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทยก็ 25000 ล้านบาท
ตื่นมาอีกวัน หลังจากวันหยุดกลางปีธนาคาร หนี้เพิ่มมาทันที เป็น 50000 ล้านบาท เยอะมั้ยละครับ
เลยกลายเป็นหนี้สินรวมของประเทศไทยเพิ่มแบบมหาศาลเลย ..
แต่ก็ยังโชคดีอีกอย่าง.. ที่หนี้จำนวนนี้เป็นหนี้ภาคเอกชน 80 % ภาครัฐยังพอขับเคลื่อนได้
ข้าราช 2 ล้านคน ยังได้รับเงินเดือนยังมีเงินใช้ เลยนำเงินไปใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ มันเลยช่วยประคับประครอง
ไม่ให้สถานการณ์มันเลวร้ายไปกว่านั้น แต่ก็มีการประหยัดในภาครัฐอย่างเช่น การรถไฟโดนแช่แข็งการเติบโต
ห้ามก่อหนี้เพิ่ม ห้ามขยายจำนวนพนักงาน และงานบางอย่างไม่ทำเองให้เอกชนทำ... งานซ่อมสร้างบางอย่างที่ รฟท.เคยทำก็ไม่ได้ทำ
ความชำนาญก็เลยหายไปบางส่วนในสมัยนั้น
___________________
ตอนนั้นผมจำความได้นะ ว่าแม้แต่นักข่าวก็มีจัดงาน ให้เปิดท้ายขายของบนห้างมาบุญครอง ผมยังไปซื้อการ์ดเซเลอร์มูนมาเลย
ตอนนั้น คนเอาของมา ลดที่ศูนย์สิริกิติห์ ฆ้อนผ้า ตุ๊กตาที่เคยราคาแพงเอามา เลหลังขายกันอันละ 20 บาท
จานเซรามิคสวยๆ ใบใหญ่ ใบละ 20 บาท เด่ยวนี้ที่ จตุจักร ใบละ 200"" เรายังพอมีก็ถือว่าช่วยซื้อกันไปให้เงินมันหมุนเวียน
แต่แม่ผมก็มีกู้เงินกับ ธนาคารเหมือนกัน จ่ายเดือนละ 8000 เงินต้น 560 บาท ดอกเบี้ย 14 %
ไม่มีการล้มบนฟูก จ่ายให้หมด
___ แต่วันนี้มาคิดดู ทำไมตอนนั้นไม่ฉลาดเลยหว่า ถ้าเก็บเงินสดไว้ แล้วรอดอกเบี้ยลดลง ค่อยไปเคลียร์ทีเดียว
หรือเอาเงินที่ต้องเสียทุกเดือนไปฝากแบงค์กินดอกเบี้ย 16 % ซะเลย
แต่เราคงอิจฉา นักธุรกิจบางคนที่มีหนี้ หมื่นล้านก็ไม่ต้องจ่าย
บางคน เพื่อนเป็นแบงค์ชาติ ช่วยล็อกค่าเงินก่อนจะลอยตัว เซ็นอนุมัติ ทำให้ประหยัดเงินไปเป็นหมื่นล้าน
มีเพืjอนดีดี แบบนี้รักตายเลยใช่มั้ยย เป็นหนี้บุญคุณกันเลยทีเดียว
บ้าน แลนด์ๆ ทั้งหลาย แถวรามคำแหง.สมัยนั้น ที่ซื้อกัน 35 ล้าน เหลือ 15 ล้าน
อาจารย์ผมที่ซื้อตอนหลังๆ บอกว่า เพือ่นๆ เค้าซื้อแพงกว่าอาจารย์ไป 20 ล้านเอง
แต่สมั้ยนั้น เงินฝาก 16 % คือฝาก 1 ล้านบาท ได้ดอกเบี้ยปีละ 160,000 บาท
ถ้าเอามาเฉลี่ยใช้ก็ คิดว่ามีเงินใช้เดือนละ 10000 บาท
บางคนในพันทิป.. ฟังแล้วตกใจ. ว่ามีหรือฝากเงินได้ดอกเบี้ย 16 % อยากฝากมั้งงจัง
บางคยนบอกงั้นน แช่งๆๆ ให้ประเทศเป็นแบบนั้นอีกรอบดีมั้ยย
โหวว คิดได้เน้อ.
ประเทศไทยตอนนั้นเหมือนโดนปล้นนั้นละ แถม imf บอกให้ขึ้น vat เป็น 10 %
บอกให้แบงค์ล้มได้ ไม่ต้องอุ้ม ให้ขึ้นดอกเบี้ยสูงๆ___ จน ธนาคารกลายเป็นกับดักสภาพคล่องทางการเงิน
คนมีเงินแห่กันเอาไปฝากธนาคารเพราะได้ดอกเบี้ยสูงๆ ทำให้เงินไม่ออกมาหมุนเวียนในระบบ
และต้นทุนทางการเงินสูง ทำให้โครงการต่างไม่น่าสนใจไม่น่าลงทุน เพราะ IRR คำนวนแล้วมันไม่คุ้มเลย.
แต่ลองดูสิ อีก 10 ปีต่อมา เกิดซัพไพร์มที่เมกา มันทำตรงกันข้ามกับที่มันให้ไทยทำแล้วบอกว่าต้องรักษาวินัยการเงิน
สหรัฐมันรักษาหรือ.. มัน พิมพ์เงินออกมาเป็น QE 1 2 3 จนเราล้อว่า คงมี QE 2.22 2.2.01a 2.2.22 bs เลย
fed ก็ลดดอกเบี้ยจนต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของไทยเราซะอีก แต่ทีของไทย ดอกเบี้ยขึ้นไปที่ 18 ใครผิดนัดก็โดนไป 23%
_______________
แต่ที่เล่ามานี้ ก็ไม่รู้ว่า ถ้าเกิดความผันผวนและการเงินโลกปั่นป่วน ไทยเราจะรับมือได้อีกหรือ
จากที่มีประสบการณ์มาแล้ว ต้มยำกุ้งเปรียบเสมือนว่า ไทยเราเสียกรุงครั้งที่ 3 เลยละ
เพราะ ความมั้งคั้งที่คนไทยสะสมมา สร้างธุรกิจกันมา เจ้าสัว นักธุรกิจมากมาย ล้มคว่ำและตายจากไปวงการ และเศรษฐกิจไทย
หลายคนหลายตระกูล เลยละ
อันนี้เขียน เล่าสู่กันฟัง.. หุ้นที่มองว่ามันขึ้นๆๆ จะขึ้นต่อเพราะ เฟด จะไม่ขึ้นดอกเบี้ย ใน เดือน กย. 2559 นี้
แต่ถ้ามีปัจจัยอื่นร้ายแรงมาปะทะกับเราละก็ ใครออกทันก็ทัน ใครออกไม่ทัน ก็เจอกับความโหดร้ายแบบไร้ความปราณีของตลาดหุ้นเลยละ
จะเกิดหรือไม่เกิด มันไม่มีใครรู้หรอก เพราะขนาดซัพไพร์มที่เกิดตอนแรก คนยังไม่รู้เลย ว่ามันคืออะไร CDo CDS เนี่ย
ขอบคุณที่อ่าน จนจบ. พิมพ์เล่นๆ ครับ