สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ถ้าคุณผ่านมาช่วงอายุมาอีกซักหน่อย จะได้เรียนรู้เพิ่มว่า แต่ละคนก็จะมีปัญหาของตัวเอง ไม่มีใครที่มีแต่ความสุข
เพื่อนผมก็มี...จบมาแล้ว กลับไปทำกิจการที่บ้านเป็นกรรมการผู้จัดการ แต่เวลาไม่ค่อยมี ต้องไปงานโน้นงานนี้ แทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เวลาที่มีความสุขจริงๆคือได้เจอเพื่อนเก่า ได้เล่นมุกควาย เหมือนสมัยเด็กๆ
เพื่อนผมก็มี...จบมาแล้วทำงานนิดหน่อยแล้วก็แต่งงาน บางคนก็มีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ บางคนเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียวก็เบื่อๆ
เพื่อนผมก็มี...จบมาแล้วหน้าที่การงานดี เงินเดือนเยอะ แต่งานก็เยอะและเครียดตามไปด้วย
ไม่มีใครมีแต่ความสุขจริงๆ แต่ละคนก็มีปัญหาของตัวเอง แต่เวลาได้กลับมาเจอเพื่อนนี่แหละเป็นช่วงที่ทุกคนมีความสุข อย่าไปคิดมากครับ ชีวิตใครก็ชีวิตมัน
เพื่อนผมก็มี...จบมาแล้ว กลับไปทำกิจการที่บ้านเป็นกรรมการผู้จัดการ แต่เวลาไม่ค่อยมี ต้องไปงานโน้นงานนี้ แทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เวลาที่มีความสุขจริงๆคือได้เจอเพื่อนเก่า ได้เล่นมุกควาย เหมือนสมัยเด็กๆ
เพื่อนผมก็มี...จบมาแล้วทำงานนิดหน่อยแล้วก็แต่งงาน บางคนก็มีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ บางคนเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียวก็เบื่อๆ
เพื่อนผมก็มี...จบมาแล้วหน้าที่การงานดี เงินเดือนเยอะ แต่งานก็เยอะและเครียดตามไปด้วย
ไม่มีใครมีแต่ความสุขจริงๆ แต่ละคนก็มีปัญหาของตัวเอง แต่เวลาได้กลับมาเจอเพื่อนนี่แหละเป็นช่วงที่ทุกคนมีความสุข อย่าไปคิดมากครับ ชีวิตใครก็ชีวิตมัน
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่รู้สึกน้อยใจตัวเองนะครับ แต่รู้สึกว่า เราพาตัวเองไปอยู่ผิดที่ ผิดกลุ่ม ผิดเวลาแค่นั้น
มัน..เหมือนไลฟ์สไตล์จริงๆของเราชอบกินร้านอาหารตามริมถนน หรือตามห้าง
แต่เราพยายามยัดเยี่ยดตัวเอง ให้ไปกินร้านอาหารหรูๆแพงๆตามโรงแรมต่างๆ
ผลก็คือ อัดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สนุก ไม่มีความสุข
แต่จะไม่..น้อยใจ เพราะมันก็แค่ ไม่ใช่แนว ไม่ใช่สไตล์ แค่นั้นเองครับ
มัน..เหมือนไลฟ์สไตล์จริงๆของเราชอบกินร้านอาหารตามริมถนน หรือตามห้าง
แต่เราพยายามยัดเยี่ยดตัวเอง ให้ไปกินร้านอาหารหรูๆแพงๆตามโรงแรมต่างๆ
ผลก็คือ อัดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สนุก ไม่มีความสุข
แต่จะไม่..น้อยใจ เพราะมันก็แค่ ไม่ใช่แนว ไม่ใช่สไตล์ แค่นั้นเองครับ
ความคิดเห็นที่ 10
ทำไมไม่มองให้เป็นจุดดี เพื่อนผมคนนึงเขาก็แบบคุณนี่แหละ ชอบตัดพ้อว่าพ่อแม่ไม่มีอะไรไว้ให้ แต่เขาชอบคบเพื่อนรวยๆนะ ก็เห็น
ชักชวนกันทำธุรกิจ จนตอนนี้เขาก็มีขึ้นมาแล้วนะ คืออย่าไปท้อใจในสิ่งที่มันแก้ไขอะไรไม่ได้ มองหาหนทางซิครับ ผมว่าการนัดเลี้ยง
พบปะสังสรรกันปีละครั้งนี่แหละคือจุดที่เราสามารถหาผลประโยชน์ได้นะ ผมเองก็เพิ่งเลี้ยงรุ่นไปเมื่อไม่นานมานี้ก็ไปเจอเพื่อนที่เป็นหมอ นี่ก็
นัดแนะจะไปเจอให้เขารักษามือให้ เวลาไปงานเลี้ยงรุ่น คุณก็พยายามคุยกับคนที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิต เอาแนวทางของเขามาพัฒนา
ตนเองบางทีเขาให้ข้อคิดในหลายๆเรื่องนะ อย่างceoสายการบินlow costนั่นก็เพื่อนผม จากไม่มีอะไรเลยตอนนี้มีเงินเป็นพันล้าน นั่นก็
เพื่อนชาวมาเลยที่เรียนที่ม.เอกชนที่หัวหมากชักชวนกันมาทำงานจนเป็นceo ถ้าเราใช้โอกาสเป็น มันก็จะเกิดผล
ชักชวนกันทำธุรกิจ จนตอนนี้เขาก็มีขึ้นมาแล้วนะ คืออย่าไปท้อใจในสิ่งที่มันแก้ไขอะไรไม่ได้ มองหาหนทางซิครับ ผมว่าการนัดเลี้ยง
พบปะสังสรรกันปีละครั้งนี่แหละคือจุดที่เราสามารถหาผลประโยชน์ได้นะ ผมเองก็เพิ่งเลี้ยงรุ่นไปเมื่อไม่นานมานี้ก็ไปเจอเพื่อนที่เป็นหมอ นี่ก็
นัดแนะจะไปเจอให้เขารักษามือให้ เวลาไปงานเลี้ยงรุ่น คุณก็พยายามคุยกับคนที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิต เอาแนวทางของเขามาพัฒนา
ตนเองบางทีเขาให้ข้อคิดในหลายๆเรื่องนะ อย่างceoสายการบินlow costนั่นก็เพื่อนผม จากไม่มีอะไรเลยตอนนี้มีเงินเป็นพันล้าน นั่นก็
เพื่อนชาวมาเลยที่เรียนที่ม.เอกชนที่หัวหมากชักชวนกันมาทำงานจนเป็นceo ถ้าเราใช้โอกาสเป็น มันก็จะเกิดผล
ความคิดเห็นที่ 11
ชีวิตคนไม่ยุติธรรมตั้งแต่ก่อนเกิดแล้ว คนเราเกิดมาไม่ได้เริ่มจาก 0 ทุกคน บางคนเริ่ม 100 เลย บางคนเริ่มด้วยติดลบ
คุณควรจพภูมิใจ ว่าทิศทางชีวิตของคุณตอนนี้ก็ดูมั่นคงและมีอนาคต
คนเราไม่ต้องไปเทียบกับคนที่มีมากกว่าหรอก ถ้าเทียบแล้วเป็นทุกข์แบบคุณ
ไม่งั้นวันนึงคุณรวยร้อยล้าน คุณไปปาร์ตี้ในสังคมที่มีแต่คนรวยพันล้านหมื่นล้าน คุณก็จะเป็นทุกข์อีก ก็ไม่ต่างกับตอนนี่
คุณควรจพภูมิใจ ว่าทิศทางชีวิตของคุณตอนนี้ก็ดูมั่นคงและมีอนาคต
คนเราไม่ต้องไปเทียบกับคนที่มีมากกว่าหรอก ถ้าเทียบแล้วเป็นทุกข์แบบคุณ
ไม่งั้นวันนึงคุณรวยร้อยล้าน คุณไปปาร์ตี้ในสังคมที่มีแต่คนรวยพันล้านหมื่นล้าน คุณก็จะเป็นทุกข์อีก ก็ไม่ต่างกับตอนนี่
ความคิดเห็นที่ 15
ธรรมดาครับ แต่เพื่อนยังไงก็เหมือนเดิม ตอนเรียนถ้ามันนิสัยดีคุยได้
ตอนจบถึงมันจะเป็นประธานบริษัท เป็นผู้จัดการ เป็นผู้อำนวยการ ตอนเรียนถ้าเรากอดคอมันได้ ตอนนี้เราก็กอดคอมันได้เหมือนเดิม
เหมือนกัน ถ้าตอนเรียนเราไม่สนิท คนละสังคม โตมาเราก็ไม่สนิทอยู่ดี
และตอนนี้เราก็ดูแลตัวเองได้ มีกิน 3 มื้อไม่ลำบาก เราก็ไม่ต้องอิจฉาใครเพิ่มแล้ว เพราะคนรวยมันก็มีตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมีตอนที่เรากลับมาเจอเพื่อนซักหน่อย
เพราะงั้นโลกมันก็ใบเดิมๆ เหมือนเมื่อวาน เหมือนปีที่แล้ว แค่เรารับรู้เพิ่ม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนสิ่งที่เปลี่ยนแค่ความรู้สึกเรา เราก็ต้องควบคุมความรู้สึกให้ไม่เปลี่ยนแปลง แค่นั้นทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม
ตอนจบถึงมันจะเป็นประธานบริษัท เป็นผู้จัดการ เป็นผู้อำนวยการ ตอนเรียนถ้าเรากอดคอมันได้ ตอนนี้เราก็กอดคอมันได้เหมือนเดิม
เหมือนกัน ถ้าตอนเรียนเราไม่สนิท คนละสังคม โตมาเราก็ไม่สนิทอยู่ดี
และตอนนี้เราก็ดูแลตัวเองได้ มีกิน 3 มื้อไม่ลำบาก เราก็ไม่ต้องอิจฉาใครเพิ่มแล้ว เพราะคนรวยมันก็มีตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมีตอนที่เรากลับมาเจอเพื่อนซักหน่อย
เพราะงั้นโลกมันก็ใบเดิมๆ เหมือนเมื่อวาน เหมือนปีที่แล้ว แค่เรารับรู้เพิ่ม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนสิ่งที่เปลี่ยนแค่ความรู้สึกเรา เราก็ต้องควบคุมความรู้สึกให้ไม่เปลี่ยนแปลง แค่นั้นทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม
แสดงความคิดเห็น
เคยไปงานเลี้ยงรุ่น แล้วรู้สึกน้อยใจตัวเองไหมครับ พอเทียบกับชีวิตเพื่อนๆ
พอไปงานเลี้ยงรุ่น เราก็จะเจอเพื่อนๆมาคอยอัพเดทชีวิตกันให้ฟัง
- บางคนเรียนจบเสร็จ ก็ไปเรียนโทเมืองนอกทันที ที่บ้าน support ค่าใช้จ่ายให้หมด 100% แถมค่า shopping ให้อีกเป็นล้าน
- บางคนเรียนจบปุ๊ป ก็แต่งงานทันที ด้วยความที่ทางบ้านมีฐานะอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตนัก
- บางคนเรียนจบปุ๊ป ก็กลับไปดูแลธุรกิจที่บ้านต่อทันที ขึ้นเป็น กรรมการผู้บริหาร
กลับมาที่เรา เพื่อนถามว่าชีวิตเป็นยังไงบ้าง อืมม เรียนจบมา เราก็เริ่มทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนปกติ ใช้เวลาค่อยๆไต่เต้าไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ได้ promote แล้ว พยายามเก็บออม ลงทุน ตามประสาคนทั่วไป เอาง่ายๆว่า พอมีพอกิน ชีวิตไม่หรูหรา แต่ก็ไม่ลำบาก
แต่เวลาไปงานเลี้ยงรุ่นทีไร รู้สึกว่าเราด้อยที่สุดทุกครั้งเลยครับ หลังๆมาเลยไม่ค่อยอยากไปแล้ว ใครเคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้างครับ