เห็นมีกระทู้แชร์ประสบการณ์ ดึงจมูกเล็บจนต้องถอดเล็บ หนูเลยขอแชร์ ประสบการณ์ "ตัดเล็บผิด เจ็บอีกนาน" มั่งนะคะ
เป็นตั่งแต่เดือนที่แล้วนะค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปก่อนถอดเล็บเลย แต่อยากเล่าสุดๆ ยาวนิดนึงนะคะ

ขออภัยก่อนเลย ที่รูป ใหญ่ ย่อขนาดไม่เป็นคะ มือใหม่หัดลง รูปไม่น่ากลัว แต่ใส่สปอยให้แล้วนะคะ
เหตุเริ่มจาก คืนหนึ่ง หนูว่างมาก ไม่มีอะไรทำ เลยตัดเล็บเท้าเล่น วิธีตัดเล็บเท้าปกติเราต้องตัดตรงใช่มัยคะ แต่หนูตัดแค่ครึ่งเดียวแล้วดึงออกมาเลย ตอนนั่นก็ไม่รู้ว่าคิดอไรอยู่ (ขออภัย ไม่ได้ถ่ายภาพไว้ เลยขอวาดรูปให้ดูแทน)
หลังจากดึงแล้ว เลือดก็ไหลนิดหน่อย หนูคิดว่าไม่เป็นไรหรอก จิ๊บๆ แต่พอรุ่งเช้า ตื่นมา เจ็บนิ้วโป้งเท้าข้างซ้ายเหลือเกิน พอก้มมองดู มันบวมๆ เหมือนจะเป็นเล็บขบ แต่หนูก็คิดว่าไม่เป็นอะไร (อีกแล้ว) ต่อมาหนูก็ไปทำงาน งานของหนูต้องเดินทั่งวัน ถึงจะเจ็บแต่หนูกะทนได้ พอกลางคืนกลับบ้านมา ถอดรองเท้ากับถุงเท้ามาดู ปรากฎว่า มันมีหนองรอบๆเล็บแล้วบวมมากๆๆ
วันรุ่งขึ้นเป็นวันศุกร์ หนูหยุดงานพอดี เลยตัดสินใจไปหาหมอ ตอนแรกไปศูนย์อนามัยก่อน ไปถึงตอน 9โมงครึ่ง คุณหมอก็ตรวจๆ บีบๆ คุณหมอว่า หนองขนาดนี้ต้องถอดเล็บละ พอลองแงะเล็บดู เล็บหนูมันติดแน่น เลยส่งหนูไป ร.พ.วชิระ กว่าหนูจะฝ่ารถติด กว่าจะหารถไปได้ ก็ถึงนู้น 11โมงครึ่งกว่าๆ อีกนิดก็ปิดเที่ยงละ คุณหมอที่นู้น ก็ตรวจๆอีกรอบ บอกต้องถอดเล็บนะ หนูก็โอเคๆ พอตอนฝ่านั้นแหละ หนูไม่โอเคเลย ตอนแรกใจหนูอะมาเต็มร้อย พอเห็นเข็ม ใจหนูหายไปละ หนูโดนยาชาไป 2 เข็ม มันเจ็บปวดสุดๆ โครตเจ็บเลย โดนฉีดด้านละเข็ม ต้องใช้พี่ๆพยาบาลมาช่วยจับหนูตั้ง 4 คน บอกเลย เจ็บมากกก แต่หลังจากนั้นก็ชา ไม่รู้สึก คุณหมอกับพยาบาลใจดีมาก คุยเล่นกับหนูตลอด
หลังจากถอดเล็บเรียบร้อย คุณหมอก็บอกวิธีดูแลนั้นนี้ บอกให้มาล้างแผลทุกวัน แล้ววันนี้ให้กลับไปพักผ่อนสะ แต่ด้วยความที่มันชาๆ ไอ้เราก็ห้าวด้วย ไหนๆก็หยุดแล้ว ไปดูหนังสะหน่อยดีก่า เลยตัดสินใจรอรถ สาย 66 จากหน้าวิชิระ ไปเดอะมอ งามวงวาน ตลอดเวลาที่อยู่บนรถ หนูได้ยืนตลอด พอลงรถหนูต้องเดินผ่านโลตัส ผ่านหลังเดอะมอล เพื่อไปต่อรถที่หน้าเดอะมอ ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกเจ็บ เหมือนยาชาเรื่มหมด แต่ก็กลั้นใจเดินต่อ จนถึงหน้าเดอะมอ หนูเดินต่อไม่ไหว เลยโบกแท็กซี่ไปเอสพานาสแครายต่อ ที่ต้องมาดูไกลขนาดนี้เพราะชอบโรงทีนี้ ถึงเจ็บปวดแค่ไหนก็ทนได้ (มั่งนะคะ)
ด้วยความที่หนูไม่คิดว่าจะโดนถอดเล็บ เลยใส่รองเท้าผ้าใบกับถุงเท้าไปด้วย พอฝ่าเสร็จก็ใส่ถุงเท้ากับผ้าใบคืน ทนเจ็บ แทนเอา
พออยู่บนรถแท็กซี่หนูเลยถอดรองเท้าออกมาดูผลงานสะหน่อย

เห็นเลือดซึมๆออกมา ตกใจนิดหน่อย เลยถอดถุงเท้ามาดูอีก

โอเค เลือดออกนิดๆหน่อยๆ คงธรรมดาละมั่ง
หลังจากนั้น ดูหนังจบ กลับบ้าน วันต่อมา หนูต้องไปทำงาน แต่ หนูก็มีนัดล้างแผล คิดไปคิดมา แค่ถอดเล็บไม่ต้องล้างก็ได้มั่ง เดี๋ยวว่างๆค่อยไป จนวันถัดมาก็ไปทำงานอีก คราวนี้มันปวดมากๆ ปวดแบบเดินลงหน้าเท้าไม่ได้ต้องกระดกเท้าตลอด แต่พอกระดกเท้า รองเท้ามันกะจะโดนนิ้วเท้าที่ไปถอนเล็บ เวลานั้นคือ เจ็บแบบไม่อยากกระดิกเลย แต่ไอ้เราก็ต้องทำงาน เลยกัดฟันทำต่อไป หนูทนจนหนูเลิกงาน กลับบ้านรีบถอดถุงเท้าดูนิ้วก่อนเลย

เลือดซึมนิดๆ แต่แลดูแล้วไม่เป็นรัย ตอนนั้นคิดถึงคำคุณหมอที่ว่า ต้องล้างแผลทุกวัน หนูเลยคิดจะล้างแผลเองเลย
พอแกะที่ติดแผลออก
อืมม เลือดเยอะ สงสัยเพราะดองไว้สองวัน ตอนนั้นคิดแบบนั้น พอแกะผ้ากอซออก


ตกใจมาก ในผ้ากอซ ยังมีผ้ากอซ แถมแดงแจ๋ดด เลยรีบแกะผ้ากอซออก แกะไปแกะมา ปรากฎว่า!
ผ้ากอซติดแผล นาทีนั้น จะไปถอยกลับก็ไม่ได้ จะไปต่อก็กลัวเจ็บ
ไหนๆก็ไหนๆละ เลยตัดสินใจกระชากออกสะ!
จะเริ่มใส่สปอยให้นะคะ เผื่อมีคนกลัวเลือด รูปไม่น่ากลัว แต่ใหญ่นิดนึง ลดขนาดไม่เป็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้นหนูก็เอา น้ำเกลือดฉีดๆๆ ทิงเจอร์ราด จบ การล้างแผลของหนู
พอตอนเช้า ก็มาดู อีกที (วันที่ 3 ของการถอดเล็บ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ยังดีอยู่ๆ งดงาม ใช้ได้ๆ
(วันที่ 4 ของการถอดเล็บ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขาวๆนั้น หนองรึเปล่า แต่หนูคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องธรรมดา ก็เอาทิงเจอร์ก็น้ำเกลือ ราดๆเหมือนเดิม
(วันที่ 6 ของการถอดเล็บ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหมือนจะหายละ

วันต่อมาหนูคิดขึ้นมาได้ว่า สมัยก่อนเคยไปล้างแผลที่ ร.พ พยาบาลใช้อะไรสักอย่างที่มันฟูๆ เป็นน้ำใส่ๆ พอราดแผลไปมีฟองออกมาเต็มไปหมด แล้วหนองจะออกมาด้วย หนูเลยไปหาในเน็ต ปรากฎว่ามันคือ ยาล้างแผล Hydrogen peroxide เลยไปจัดมาขวดหนึ่ง เพื่อจะหายเร็วขึ้น ตกกลางคืน กะล้างเลย เออมันฟู่ๆๆดีวุ้ย ชอบมาก

แผลก็เหมือนจะดีขึ้น แต่พอรุ่งเช้าเท่านั้นแหละ !
(วันที่ 8 ของการถอดเล็บ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ตกใจคะ ตกใจมาก รีบถ่ายรูปเลย ตั่งใจจะเก็บไว้ระลึกถึงตอนแก่
(วันที่ 10 ของการถอดเล็บ)
หนูก็ยังยืนยันคำเดิม จะใช้ ยาล้างแผล Hydrogen peroxide ต่อไป เหมือนมันจะดีขึ้นจริงๆแหะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มันเริ่มแห้งๆละ
หลังจากนั้น มีคนแนะนำว่า ให้ใช้ ยาผงเหลืองๆ โรยแล้วจะแผลจะแห้ง ไม่มีรูปนะคะ โยนทิ้งไปแล้ว พอหนูโรยไป มันเหมือนจะดี
(วันที่ 12 ของการถอดเล็บ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอวันต่อมา (วันที่ 13ของการถอดเล็บ)
มันเหมือนกับ จะแห้งๆ แต่ตรงกลางมันโปร่งๆเหมือนมีหนองอยู่ในนั่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แน่นอนว่าต้องเอาออก หนูเลยเอาคัตเตอร์บัต เขี่ยๆออก ไม่ลืมที่จะถ่ายวิดีโอ ไว้ ก็ไม่ได้ถอดเล็บกันบ่อยๆนิ เขิลจุง ถ้าใครรับไม่ได้อย่ากดดูนะคะ มันไม่ค่อยงามนัก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://youtu.be/BQ0phQz3bqc
สำหรับคนที่ไม่กล้าเปิดดูนะคะ ให้คิดสะว่าเหมือนหนังเรื่อง house of wax ฉาก ลอกหนังหน้า
พอจัดการหนองเสร๊จ แผลก็สะอาดเหมือนใหม่ อืมมม ยามันดีจิงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลายวันต่อมา แผลเริ่มหายดี


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จะสังเกตุว่า ด้านขวาของนิ้ว หนังมันจะหนาๆเหลืองๆ
หลายวันต่อมาอีกเช่นเคย เล็บที่งอกออกมาเล็กๆมันผุ พอเอามือโยกดู มันมีเล็บ ซ่อนเล็บ อยู่ข้างใน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://youtu.be/mEApWDJdajw
หนูเลยจัดการ ดึง และตัดหนังที่มันเหลืองๆ ข้างๆออกสะ ปัจจุบัน หายดีแล้วคะ เหลือสะเก็ดแผลนิดหน่อย แต่ยังดูดีอยู่ มั่งคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ขอบคุณที่อ่านกระทู้จนจบนะคะ และขออภัยที่รูปไม่น่าดู
สุดท้าย อยากบอกว่า หนูอาจจะโชคดีที่เล็บไม่เน่า เนื้อไม่ตาย แต่ ถ้าหมอนัดล้างแผล ไปเถอะคะ อย่าปล่อยปะละเลยให้มันเละเทะเหมือนของหนูบอกเลย นอกจากภาพไม่น่าดู กลิ่นมันก็ไม่น่าดม ขนาดแมวมาดม ยังทำปากหวอ

ใส่ เลยคะ
ถ้าแท็กผิด ขออภัยนะค่ะ
ขอแชร์ด้วยคนนะคะ ประสบการณ์ ถอดเล็บ เพราะตัดผิดวิธี
เป็นตั่งแต่เดือนที่แล้วนะค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปก่อนถอดเล็บเลย แต่อยากเล่าสุดๆ ยาวนิดนึงนะคะ
หลังจากดึงแล้ว เลือดก็ไหลนิดหน่อย หนูคิดว่าไม่เป็นไรหรอก จิ๊บๆ แต่พอรุ่งเช้า ตื่นมา เจ็บนิ้วโป้งเท้าข้างซ้ายเหลือเกิน พอก้มมองดู มันบวมๆ เหมือนจะเป็นเล็บขบ แต่หนูก็คิดว่าไม่เป็นอะไร (อีกแล้ว) ต่อมาหนูก็ไปทำงาน งานของหนูต้องเดินทั่งวัน ถึงจะเจ็บแต่หนูกะทนได้ พอกลางคืนกลับบ้านมา ถอดรองเท้ากับถุงเท้ามาดู ปรากฎว่า มันมีหนองรอบๆเล็บแล้วบวมมากๆๆ
วันรุ่งขึ้นเป็นวันศุกร์ หนูหยุดงานพอดี เลยตัดสินใจไปหาหมอ ตอนแรกไปศูนย์อนามัยก่อน ไปถึงตอน 9โมงครึ่ง คุณหมอก็ตรวจๆ บีบๆ คุณหมอว่า หนองขนาดนี้ต้องถอดเล็บละ พอลองแงะเล็บดู เล็บหนูมันติดแน่น เลยส่งหนูไป ร.พ.วชิระ กว่าหนูจะฝ่ารถติด กว่าจะหารถไปได้ ก็ถึงนู้น 11โมงครึ่งกว่าๆ อีกนิดก็ปิดเที่ยงละ คุณหมอที่นู้น ก็ตรวจๆอีกรอบ บอกต้องถอดเล็บนะ หนูก็โอเคๆ พอตอนฝ่านั้นแหละ หนูไม่โอเคเลย ตอนแรกใจหนูอะมาเต็มร้อย พอเห็นเข็ม ใจหนูหายไปละ หนูโดนยาชาไป 2 เข็ม มันเจ็บปวดสุดๆ โครตเจ็บเลย โดนฉีดด้านละเข็ม ต้องใช้พี่ๆพยาบาลมาช่วยจับหนูตั้ง 4 คน บอกเลย เจ็บมากกก แต่หลังจากนั้นก็ชา ไม่รู้สึก คุณหมอกับพยาบาลใจดีมาก คุยเล่นกับหนูตลอด
หลังจากถอดเล็บเรียบร้อย คุณหมอก็บอกวิธีดูแลนั้นนี้ บอกให้มาล้างแผลทุกวัน แล้ววันนี้ให้กลับไปพักผ่อนสะ แต่ด้วยความที่มันชาๆ ไอ้เราก็ห้าวด้วย ไหนๆก็หยุดแล้ว ไปดูหนังสะหน่อยดีก่า เลยตัดสินใจรอรถ สาย 66 จากหน้าวิชิระ ไปเดอะมอ งามวงวาน ตลอดเวลาที่อยู่บนรถ หนูได้ยืนตลอด พอลงรถหนูต้องเดินผ่านโลตัส ผ่านหลังเดอะมอล เพื่อไปต่อรถที่หน้าเดอะมอ ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกเจ็บ เหมือนยาชาเรื่มหมด แต่ก็กลั้นใจเดินต่อ จนถึงหน้าเดอะมอ หนูเดินต่อไม่ไหว เลยโบกแท็กซี่ไปเอสพานาสแครายต่อ ที่ต้องมาดูไกลขนาดนี้เพราะชอบโรงทีนี้ ถึงเจ็บปวดแค่ไหนก็ทนได้ (มั่งนะคะ)
ด้วยความที่หนูไม่คิดว่าจะโดนถอดเล็บ เลยใส่รองเท้าผ้าใบกับถุงเท้าไปด้วย พอฝ่าเสร็จก็ใส่ถุงเท้ากับผ้าใบคืน ทนเจ็บ แทนเอา
พออยู่บนรถแท็กซี่หนูเลยถอดรองเท้าออกมาดูผลงานสะหน่อย
เห็นเลือดซึมๆออกมา ตกใจนิดหน่อย เลยถอดถุงเท้ามาดูอีก
โอเค เลือดออกนิดๆหน่อยๆ คงธรรมดาละมั่ง
หลังจากนั้น ดูหนังจบ กลับบ้าน วันต่อมา หนูต้องไปทำงาน แต่ หนูก็มีนัดล้างแผล คิดไปคิดมา แค่ถอดเล็บไม่ต้องล้างก็ได้มั่ง เดี๋ยวว่างๆค่อยไป จนวันถัดมาก็ไปทำงานอีก คราวนี้มันปวดมากๆ ปวดแบบเดินลงหน้าเท้าไม่ได้ต้องกระดกเท้าตลอด แต่พอกระดกเท้า รองเท้ามันกะจะโดนนิ้วเท้าที่ไปถอนเล็บ เวลานั้นคือ เจ็บแบบไม่อยากกระดิกเลย แต่ไอ้เราก็ต้องทำงาน เลยกัดฟันทำต่อไป หนูทนจนหนูเลิกงาน กลับบ้านรีบถอดถุงเท้าดูนิ้วก่อนเลย
เลือดซึมนิดๆ แต่แลดูแล้วไม่เป็นรัย ตอนนั้นคิดถึงคำคุณหมอที่ว่า ต้องล้างแผลทุกวัน หนูเลยคิดจะล้างแผลเองเลย
พอแกะที่ติดแผลออก
อืมม เลือดเยอะ สงสัยเพราะดองไว้สองวัน ตอนนั้นคิดแบบนั้น พอแกะผ้ากอซออก
ตกใจมาก ในผ้ากอซ ยังมีผ้ากอซ แถมแดงแจ๋ดด เลยรีบแกะผ้ากอซออก แกะไปแกะมา ปรากฎว่า!
ผ้ากอซติดแผล นาทีนั้น จะไปถอยกลับก็ไม่ได้ จะไปต่อก็กลัวเจ็บ
ไหนๆก็ไหนๆละ เลยตัดสินใจกระชากออกสะ!
จะเริ่มใส่สปอยให้นะคะ เผื่อมีคนกลัวเลือด รูปไม่น่ากลัว แต่ใหญ่นิดนึง ลดขนาดไม่เป็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้นหนูก็เอา น้ำเกลือดฉีดๆๆ ทิงเจอร์ราด จบ การล้างแผลของหนู
พอตอนเช้า ก็มาดู อีกที (วันที่ 3 ของการถอดเล็บ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ยังดีอยู่ๆ งดงาม ใช้ได้ๆ
(วันที่ 4 ของการถอดเล็บ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขาวๆนั้น หนองรึเปล่า แต่หนูคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องธรรมดา ก็เอาทิงเจอร์ก็น้ำเกลือ ราดๆเหมือนเดิม
(วันที่ 6 ของการถอดเล็บ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหมือนจะหายละ
(วันที่ 8 ของการถอดเล็บ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตกใจคะ ตกใจมาก รีบถ่ายรูปเลย ตั่งใจจะเก็บไว้ระลึกถึงตอนแก่
(วันที่ 10 ของการถอดเล็บ)
หนูก็ยังยืนยันคำเดิม จะใช้ ยาล้างแผล Hydrogen peroxide ต่อไป เหมือนมันจะดีขึ้นจริงๆแหะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มันเริ่มแห้งๆละ
หลังจากนั้น มีคนแนะนำว่า ให้ใช้ ยาผงเหลืองๆ โรยแล้วจะแผลจะแห้ง ไม่มีรูปนะคะ โยนทิ้งไปแล้ว พอหนูโรยไป มันเหมือนจะดี
(วันที่ 12 ของการถอดเล็บ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอวันต่อมา (วันที่ 13ของการถอดเล็บ)
มันเหมือนกับ จะแห้งๆ แต่ตรงกลางมันโปร่งๆเหมือนมีหนองอยู่ในนั่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แน่นอนว่าต้องเอาออก หนูเลยเอาคัตเตอร์บัต เขี่ยๆออก ไม่ลืมที่จะถ่ายวิดีโอ ไว้ ก็ไม่ได้ถอดเล็บกันบ่อยๆนิ เขิลจุง ถ้าใครรับไม่ได้อย่ากดดูนะคะ มันไม่ค่อยงามนัก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับคนที่ไม่กล้าเปิดดูนะคะ ให้คิดสะว่าเหมือนหนังเรื่อง house of wax ฉาก ลอกหนังหน้า
พอจัดการหนองเสร๊จ แผลก็สะอาดเหมือนใหม่ อืมมม ยามันดีจิงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลายวันต่อมา แผลเริ่มหายดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จะสังเกตุว่า ด้านขวาของนิ้ว หนังมันจะหนาๆเหลืองๆ
หลายวันต่อมาอีกเช่นเคย เล็บที่งอกออกมาเล็กๆมันผุ พอเอามือโยกดู มันมีเล็บ ซ่อนเล็บ อยู่ข้างใน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หนูเลยจัดการ ดึง และตัดหนังที่มันเหลืองๆ ข้างๆออกสะ ปัจจุบัน หายดีแล้วคะ เหลือสะเก็ดแผลนิดหน่อย แต่ยังดูดีอยู่ มั่งคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณที่อ่านกระทู้จนจบนะคะ และขออภัยที่รูปไม่น่าดู
สุดท้าย อยากบอกว่า หนูอาจจะโชคดีที่เล็บไม่เน่า เนื้อไม่ตาย แต่ ถ้าหมอนัดล้างแผล ไปเถอะคะ อย่าปล่อยปะละเลยให้มันเละเทะเหมือนของหนูบอกเลย นอกจากภาพไม่น่าดู กลิ่นมันก็ไม่น่าดม ขนาดแมวมาดม ยังทำปากหวอ
ถ้าแท็กผิด ขออภัยนะค่ะ