ด้วยความที่เราสองคนอยากไปภูทับเบิกมานานมาก และก็อยากพ่วงเขาค้อไปด้วยเลย แต่ ! ข่าวออกว่ารีสอร์ทถูกรื้อและมีท่าทีว่าจะรื้อทุกจุด มีเหตุการณ์ขู่ผู้ว่าอีกจริงเท็จหรือไม่อันนี้ไม่ทราบ ทำให้เราสองคนลังเลอยู่นาน จากแพลนลางานที่ลาล่วงหน้าไว้เป็นเดือนเหมือนจะล่มซะอย่างนั้น มีแต่คนบอกว่าไปก็ไม่มีอะไรหรอก เขารื้อกันหมดแล้ว แต่ด้วยความงอแงของเราเอง ก็มันอยากไปนี่ มีความหวังว่าจะได้ไปมาเป็นเดือน ทริปจะมาล่มง่ายๆ แบบนี้ได้ไง ไม่สนละ ไปเหอะ !!!!
รถยนต์ส่วนตัวไม่มีไม่เป็นไร เพราะเราจะหาทุกวิถีทางให้ไปถึงจุดหมายให้ได้ เฮ!
การเดินทางครั้งนี้ = รถขนส่งสาธารณะ + โบกรถ + เช่ามอเตอร์ไซค์
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ไม่รวมค่าอาหาร แล้วแต่บุคคล)
- รถทัวร์กทม-หล่มสัก 558 บาท (สองคน)
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ลุง 100 บาท
- ค่าที่พัก “ริมผา” 1,500 บาท
- ค่ารถจากหล่มสัก-สามแยกแคมป์สน 60 บาท (สองคน)
- ค่าเช่ารถ Honda PCX 500 บาท
- ค่าน้ำมันรถ 100 บาท
- ค่าส่งรถ 50 บาท
- ค่าที่พัก “สมันธิตา” 2,500 บาท
- ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์อาวุธ 20 บาท (สองคน)
- ค่าเหมารถจากสามแยกแคมป์สนไปบขส.หล่มสัก 200 บาท (ถ้าโบกรถทัวร์ได้จะตกประมาณ 30 บาท)
- รถทัวร์หล่มสัก-กทม (ป.1) 434 บาท (สองคน)
รวม 6,022 บาท (เฉลี่ย 3,011 บาท/คน)
# ป.ล. ขออภัยหากมีคำไม่สุภาพ พิมพ์ผิดบ้างบางคำ อารมณ์ล้วนๆ ค่ะ อรรถรสเนอะ
หากคาดหวังได้ข้อมูลประวัติที่ท่องเที่ยว ไม่มีค่ะ ชมทรรศนียภาพล้วนๆ
ขออนุญาตบุคคลในภาพมา ณ ที่นี้
การเดินทางทุกครั้ง ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญนะจ๊ะ
ฝากเพจด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/takeyourtimethailand/
#takeyourtime #เพราะร่างกายต้องการพักผ่อน
#09092559 วันพฤหัสบดี
ทันทีที่เราสองคนเลิกงานก็รีบเก็บของบึ่งไปหมอชิต 2 เลยค่า ช่องขายตั๋วเพชรประเสริฐอยู่ชั้น 1 ช่อง 42 ตอนแรกหลงเดินไปที่ช่อง 1 ตามรีวิวพันทิพ แต่เขาย้ายไปช่อง 42 นานแล้ว ตอนนั้นใจแป้วเลย โทรจองแล้วไหนคนขายตั๋วว๊า โทรไปหาเบอร์ที่จอง
เรา : พี่คะ ที่จองตั๋วไว้ไปหล่มสักอะค่ะ มาถึงช่องขายตั๋วมันปิดอะค่ะ
พี่ : น้องอยู่ไหน พี่ก็อยู่เนี่ย
เรา : ช่อง 1 ไม่ใช่หรอคะ
พี่ : น้อง พี่อยู่ช่อง 42
เงิบไปสิคะ 55555 พอถึงช่องขายตั๋วก็จ่ายเงินพี่เขาไป แอบเขินเบาๆ คนละ 297 บาท รอบ 23.30 น. (ทางที่ดีควรโทรไปสำรองที่นั่งล่วงหน้านะคะ สามารถสำรองได้ทั้งทางหน้าเว็บไซต์ของเพชรประเสริฐ และทางโทรศัพท์ 086-4487050 ชำระเงินตอนไปรับตั๋วค่ะ ควรไปก่อนเวลารถออก 1 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นระบบจะตัดจ้า) ขึ้นรถปุ๊บพี่พนักงานก็เข้ามาถาม
พนักงาน : น้องลงไหน
เรา : ถ้าหนูจะลงตลาดผักหนูต้องลงตรงไหนคะ?
พนักงาน : ตลาดหล่มสักเลยน้อง ป้ายสุดท้าย
ได้ยินดังนั้นก็หลับยาวๆ เลย และเราก็มาถึงหล่มสักประมาณ 05.30 น. แต่เดี๋ยวก่อน !! พอลงมาถึงท่ารถเพชรประเสริฐ งงเต็กไปเลยจ้า ไหนนนนน ตลาดผักอยู่ไหนคะ หันไปถามพี่ที่ขายตั๋วอยู่ พี่เขาบอก “มันต้องลง บขส ก่อนหน้านี้สถานีนึง เนี่ยน้องนั่งรอก่อน ตอน 05.40 จะมีรถมาผ่าน บขส จะอยู่ตรงข้ามกะตลาดผัก” เมื่อสดับดังนั้น ภาพพี่พนักงานบนรถก็ลอยขึ้นมา ใยจึงทำกับน้องเช่นนี้ T_T
พอถึงเวลา 05.40 น. รถทัวร์สะพานหิน-หล่มสักก็มา พี่คนขายตั๋วก็ฝากเราสองคนให้ไปลง บขส และเราก็เจอตลาดผักจนได้ อยู่ตรงข้ามกันเลยค่า ไปเดินถามรถคันที่ขนกะหล่ำปลีลง คันแรกไม่ใช่ ลุงแกชี้ให้ไปหาผู้หญิงคนนึงอยู่ตรงข้ามกัน พอเดินเขาไปหาพี่ผู้หญิงเขาบอก “น้องไปกินกาแฟรอเลย เดี๋ยวรอขนลงหมดก่อน” แล้วพี่เขาก็หันไปบอกพี่คนขับว่า ฝากเราสองคนติดไปด้วย คือดีอ่ะ แสดงว่าต้องมีคนมาขอติดรถไปด้วยบ่อยแน่ๆ เลยขอบคุณพี่สาวงามๆ ไปหลายที
เราสองคนมานั่งกินโอวัลตินร้อนๆ ด้วยหัวใจอันพองโต หึหึ ในที่สุดเราก็จะได้ขึ้นไปภูทับเบิกแล้ว และนี่คือรูปแรกของเราสองคน 555555555 ก่อนหน้านี้คือมัวแต่งงอยู่ เห้ย จะรอดเปล่าวะ จะไปถึงภูทับเบิกไหมเนี่ย ทำไงดีอะ ไม่เป็นไปตามแผนซักอย่าง เอาไงต่อดีอ่ะ แต่สุดท้ายรอดว่ะเหยยยยยยยย
ออกเดินทาง ... ขนาดข้างล่างอากาศยังดีมาก เย็นเชียว ไม่อยากคิดสภาพหน้าหนาวเลยค่า บรื๋อออออ
เดินทางราบรื่น ... ก็ไม่ใช่เราสองคนสิจ๊ะ พอถึงปากทางขึ้นภูทับเบิก พี่เขาบอกว่าเขาต้องวนไปรับลูก ให้เราโบกต่อกันไป รถที่ผ่านทางนี้ขึ้นภูกันหมดแหละ เราก็โอเค ขอบคุณพี่เขากันไป โบกต่อสิคะ คันที่สองเป็นรถรับส่งนักเรียน เขาบอกเขาไปไม่ถึงติดรถไป แล้วไปโบกข้างหน้าก็ได้ เอ้า พี่เขาว่าไงก็ตามนั้นสิคะ เรามันว่าง่าย
ลงรถที่บ้านพี่แกแล้วก็โบกต่อเลยค่า และก็มีรถคันนึงจอด “พี่คะ ไปภูทับเบิกรึเปล่าคะ ขอติดรถไปด้วยนะคะ” พยักหน้าอย่างนี้เป็นอันตกลง ไปค่า และพี่เขาก็จอดตรงสามแยกทางไปภูหินร่องกล้า กับทางไปภูทับเบิก พี่เขาบอกเขาจะไปภูหินร่องกล้า น้องต้องโบกเข้าไปอีก
หลังจากกล่าวลาเป็นที่เรียบร้อย ไหนๆ ก็ไหนๆละ ถ่ายรูปซะหน่อยก่อนจะไปต่อ
ป้ายทางขึ้นไปภูหินร่องกล้า
รอสักพักก็มีรถมาค่ะ เดินทางต่อ คันที่ 4 แล้วนะ จะถึงไหมๆ
และพี่เขาก็จอดที่แยกทางไปจุดชมวิวและที่วัดอุณหภูมิ พอมาถึงก็งงๆ เอาไงต่อดีล่ะ ที่พักไม่ได้จอง กะว่าจะเดินหาดูๆ เอา อื้อหืม แต่ละที่ไกลไม่ใช่เล่น เดินจนไปถึง Heaven Hill ค่ะ ขึ้นไปชมวิวกันซะหน่อย
หมอกแรก ณ ภูทับเบิก
แล้วเราสองคนก็ตัดสินใจว่า หาอะไรกินกันก่อนเถอะ หิวมาก ยังไม่ได้กินอะไรเลย แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไงกันต่อ แล้วก็มาตั้งหลักกันที่ “ครัว....” จำชื่อไม่ได้ แง ใกล้ๆ Heaven Hill ค่ะ สั่งอาหารมากินกัน ข้าวผัดน้ำพริกนรกหมู กับของดังที่นี่ กะหล่ำผัดน้ำปลา อร่อยมาก กะหล่ำหวานสมคำร่ำลือจริงๆ ตัดเผ็ดข้าวผัดน้ำพริกนรกหมูพอดีเด๊ะ พูดละน้ำลายไหล ค่าเสียหาย 210 บาท
คุยกับคุณลุงเจ้าของว่าที่พักจะโดนรื้อทั้งหมดไหม คุณลุงบอกว่าเห็นแต่ละรีสอร์ทรื้อกันรีสอร์ทละไม่กี่หลังเอง น่าจะไม่หมด ตั้งแต่มีข่าวนักท่องเที่ยวก็น้อยลงไปเยอะเลย คุณลุงบอกว่าช่วงหมอกเยอะๆ ก็ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี่แหละ ปลายฝนต้นหนาว (วันที่เราสองคนไป มีหมอกทั้งวันจริงๆ ฟินสุด) คุณลุงแนะนำให้ไปเที่ยววัดป่าภูทับเบิก แล้วก็ไปชมวิวแถวจุดชมวิวตรงที่วัดอุณหภูมิ คุยไปคุยมาเลยขอเช่ารถมอไซค์คุณลุงครึ่งวัน ปกติคุณลุงไม่ให้เช่าค่ะ คุณลุงคิดแค่ 100 บาท แลกบัตรประชาชนไว้เป็นหลักฐาน แล้วก็จัดการหาที่พักกันเต๊อะ
ระหว่างหาเจอตัวตุ่นออกมาต้อนรับด้วย
เราสองคนเลือกที่พักใกล้ๆ จุดชมวิว เดินหากันไปและก็ได้ที่นี่ “ริมผา” เราสองคนพักห้องริมซ้ายสุด วิวระเบียงด้านหน้าและด้านข้าง วิวแจ่มเลย ราคาอยู่ที่ 1,500 บาท
วิวจากด้านหน้าที่พัก จะเป็นลานสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมากางเต้นท์
เก็บของเสร็จ ออกเดินทางกันเลย เราสองคนมุ่งหน้ากันไปที่วัดป่าภูทับเบิก ระหว่างทางหมอกหนามาก แทบจะไม่เห็นทางข้างหน้า ต้องขับช้าๆ เปิดไฟกันไป ระหว่างทางเจอคริสตจักรทับเบิกด้วย
พอถึงคุณผู้ชายข้างๆ บอกทางเข้าวัดน่ากลัว 555555 เป็นต้นไม้เยอะๆ หมอกหนาๆ เห็นตัววัดลางๆ บรรยากาศอินสุดๆ นกร้องเบาๆ
บรรยากาศภายในวัดป่าภูทับเบิก
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม
ระหว่างทางกลับเจอร้าน “Coffee Alaska” แลดูวิวดี แวะซะหน่อย
บรรยากาศภายในร้าน “Coffee Alaska” ชมหมอกกันไปชิลๆ
โอวัลตินร้อนๆ ซักแก้ว กับบราวนี่ของโปรด ว้าวว
ตอนแรกกะว่าจะไปภูหินร่องกล้าต่อ แต่สภาพรถที่เช่าลุงมา ไม่สู้จริงๆ ขึ้นเนินยังบิดไม่ค่อยขึ้น และฟ้าฝนเริ่มไม่เป็นใจ
ถึงเวลากลับที่พักละค่ะ ฝนตั้งเค้ามาและ ฝนตกหนักนานเอาเรื่องอยู่ค่ะ ตั้งแต่บ่าย-ยันเกือบ 5 โมงเย็น นอนเล่นยาวๆ เลยค่ะ และเขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนงดงามในเสมอ ...
พอฝนเริ่มหยุดเราสองคนก็เลยคิดว่าจะเอามอเตอร์ไซค์ไปคืนลุงค่ะ เพราะขอเช่าลุงแค่ครึ่งวัน ระหว่างทางเดินกลับก็แวะถ่ายรูปกะเหล่ากะหล่ำปลีซะหน่อย
กะหล่ำปลีใหญ่มาก
ระหว่างทางขึ้นจุดชมวิวก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าเปิดร้านขายของอยู่ตามข้างทางค่ะ เหลือบไปเห็นข้าวเหนียวลืมผัว ตกใจไปแล้วหนึ่งช็อต !
เดินต่อมาเจอแครอทเบบี้น่ารักมาก มีแบบนี้ด้วยตกใจไปอีกหนึ่งช็อต
มาถึงมันเผาร้อนๆ ค่า พี่เขาขาย 20 บาท ไข่ปิ้ง 3 ฟอง 20 บาท ก็จัดซะทุกอย่างเลยจ้ะ
ร้านข้างๆ กันเห็นขายลูกท้ออยู่ เห็นว่าลูกใหญ่มาก และเราสองคนเองก็ไม่เคยกิน จัดมาลองซักหน่อยครึ่งโล เนื้อกรอบหวานมากกกกกก
หันไปเห็นลูกเจ้าของร้านตัวน้อยๆ กำลังยืนแกะปีโป้อยู่
และเราสองคนก็เดินไปเรื่อยๆจนถึงจุดชมวิว เย้ เดินขึ้นนี่เล่นเอาหอบเหมือนกันนะ รู้สึกแก่ยังไงไม่รู้ T_T
ถึงจุดชมวิวแล้ว ช้าอยู่ใย ชมวิวสิคะ หืมมมม วิวววววววว ถนนที่เห็นคือทางที่เราขึ้นมา ซึ่งแต่ละโค้งกลิ้งเป็นลูกกะหล่ำเลยจ้า
พาโนราม่าซักหนึ่งแชะ
อาคารหอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิ แต่เดี๋ยวก่อน ! ที่วัดอุณหภูมิหายไปไหน ใครแกะไป เสียใจ :’(
ดูบรรยากาศข้างล่างซักหน่อย เขาว่าตรงจุดนี้ถ้าฟ้าโปร่งๆ สามารถมองเห็นทั้งจังหวัดเพชรบูรณ์เลย
หันมาอีกฝั่งนึง ว้าววว หมอกเพียบ
[CR] แ บ ค แ พ ค ภู ทั บ เ บิ ก - เ ข า ค้ อ ** หนีควันเมืองกรุง มาหาหมอกเมืองเพชรบูรณ์ 3 วัน 2 คืน // ปลายฝนต้นหนาว
รถยนต์ส่วนตัวไม่มีไม่เป็นไร เพราะเราจะหาทุกวิถีทางให้ไปถึงจุดหมายให้ได้ เฮ!
การเดินทางครั้งนี้ = รถขนส่งสาธารณะ + โบกรถ + เช่ามอเตอร์ไซค์
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ไม่รวมค่าอาหาร แล้วแต่บุคคล)
- รถทัวร์กทม-หล่มสัก 558 บาท (สองคน)
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ลุง 100 บาท
- ค่าที่พัก “ริมผา” 1,500 บาท
- ค่ารถจากหล่มสัก-สามแยกแคมป์สน 60 บาท (สองคน)
- ค่าเช่ารถ Honda PCX 500 บาท
- ค่าน้ำมันรถ 100 บาท
- ค่าส่งรถ 50 บาท
- ค่าที่พัก “สมันธิตา” 2,500 บาท
- ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์อาวุธ 20 บาท (สองคน)
- ค่าเหมารถจากสามแยกแคมป์สนไปบขส.หล่มสัก 200 บาท (ถ้าโบกรถทัวร์ได้จะตกประมาณ 30 บาท)
- รถทัวร์หล่มสัก-กทม (ป.1) 434 บาท (สองคน)
รวม 6,022 บาท (เฉลี่ย 3,011 บาท/คน)
# ป.ล. ขออภัยหากมีคำไม่สุภาพ พิมพ์ผิดบ้างบางคำ อารมณ์ล้วนๆ ค่ะ อรรถรสเนอะ
หากคาดหวังได้ข้อมูลประวัติที่ท่องเที่ยว ไม่มีค่ะ ชมทรรศนียภาพล้วนๆ
ขออนุญาตบุคคลในภาพมา ณ ที่นี้
การเดินทางทุกครั้ง ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญนะจ๊ะ
ฝากเพจด้วยนะคะ https://www.facebook.com/takeyourtimethailand/
#takeyourtime #เพราะร่างกายต้องการพักผ่อน
#09092559 วันพฤหัสบดี
ทันทีที่เราสองคนเลิกงานก็รีบเก็บของบึ่งไปหมอชิต 2 เลยค่า ช่องขายตั๋วเพชรประเสริฐอยู่ชั้น 1 ช่อง 42 ตอนแรกหลงเดินไปที่ช่อง 1 ตามรีวิวพันทิพ แต่เขาย้ายไปช่อง 42 นานแล้ว ตอนนั้นใจแป้วเลย โทรจองแล้วไหนคนขายตั๋วว๊า โทรไปหาเบอร์ที่จอง
เรา : พี่คะ ที่จองตั๋วไว้ไปหล่มสักอะค่ะ มาถึงช่องขายตั๋วมันปิดอะค่ะ
พี่ : น้องอยู่ไหน พี่ก็อยู่เนี่ย
เรา : ช่อง 1 ไม่ใช่หรอคะ
พี่ : น้อง พี่อยู่ช่อง 42
เงิบไปสิคะ 55555 พอถึงช่องขายตั๋วก็จ่ายเงินพี่เขาไป แอบเขินเบาๆ คนละ 297 บาท รอบ 23.30 น. (ทางที่ดีควรโทรไปสำรองที่นั่งล่วงหน้านะคะ สามารถสำรองได้ทั้งทางหน้าเว็บไซต์ของเพชรประเสริฐ และทางโทรศัพท์ 086-4487050 ชำระเงินตอนไปรับตั๋วค่ะ ควรไปก่อนเวลารถออก 1 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นระบบจะตัดจ้า) ขึ้นรถปุ๊บพี่พนักงานก็เข้ามาถาม
พนักงาน : น้องลงไหน
เรา : ถ้าหนูจะลงตลาดผักหนูต้องลงตรงไหนคะ?
พนักงาน : ตลาดหล่มสักเลยน้อง ป้ายสุดท้าย
ได้ยินดังนั้นก็หลับยาวๆ เลย และเราก็มาถึงหล่มสักประมาณ 05.30 น. แต่เดี๋ยวก่อน !! พอลงมาถึงท่ารถเพชรประเสริฐ งงเต็กไปเลยจ้า ไหนนนนน ตลาดผักอยู่ไหนคะ หันไปถามพี่ที่ขายตั๋วอยู่ พี่เขาบอก “มันต้องลง บขส ก่อนหน้านี้สถานีนึง เนี่ยน้องนั่งรอก่อน ตอน 05.40 จะมีรถมาผ่าน บขส จะอยู่ตรงข้ามกะตลาดผัก” เมื่อสดับดังนั้น ภาพพี่พนักงานบนรถก็ลอยขึ้นมา ใยจึงทำกับน้องเช่นนี้ T_T
พอถึงเวลา 05.40 น. รถทัวร์สะพานหิน-หล่มสักก็มา พี่คนขายตั๋วก็ฝากเราสองคนให้ไปลง บขส และเราก็เจอตลาดผักจนได้ อยู่ตรงข้ามกันเลยค่า ไปเดินถามรถคันที่ขนกะหล่ำปลีลง คันแรกไม่ใช่ ลุงแกชี้ให้ไปหาผู้หญิงคนนึงอยู่ตรงข้ามกัน พอเดินเขาไปหาพี่ผู้หญิงเขาบอก “น้องไปกินกาแฟรอเลย เดี๋ยวรอขนลงหมดก่อน” แล้วพี่เขาก็หันไปบอกพี่คนขับว่า ฝากเราสองคนติดไปด้วย คือดีอ่ะ แสดงว่าต้องมีคนมาขอติดรถไปด้วยบ่อยแน่ๆ เลยขอบคุณพี่สาวงามๆ ไปหลายที
เราสองคนมานั่งกินโอวัลตินร้อนๆ ด้วยหัวใจอันพองโต หึหึ ในที่สุดเราก็จะได้ขึ้นไปภูทับเบิกแล้ว และนี่คือรูปแรกของเราสองคน 555555555 ก่อนหน้านี้คือมัวแต่งงอยู่ เห้ย จะรอดเปล่าวะ จะไปถึงภูทับเบิกไหมเนี่ย ทำไงดีอะ ไม่เป็นไปตามแผนซักอย่าง เอาไงต่อดีอ่ะ แต่สุดท้ายรอดว่ะเหยยยยยยยย
ออกเดินทาง ... ขนาดข้างล่างอากาศยังดีมาก เย็นเชียว ไม่อยากคิดสภาพหน้าหนาวเลยค่า บรื๋อออออ
เดินทางราบรื่น ... ก็ไม่ใช่เราสองคนสิจ๊ะ พอถึงปากทางขึ้นภูทับเบิก พี่เขาบอกว่าเขาต้องวนไปรับลูก ให้เราโบกต่อกันไป รถที่ผ่านทางนี้ขึ้นภูกันหมดแหละ เราก็โอเค ขอบคุณพี่เขากันไป โบกต่อสิคะ คันที่สองเป็นรถรับส่งนักเรียน เขาบอกเขาไปไม่ถึงติดรถไป แล้วไปโบกข้างหน้าก็ได้ เอ้า พี่เขาว่าไงก็ตามนั้นสิคะ เรามันว่าง่าย
ลงรถที่บ้านพี่แกแล้วก็โบกต่อเลยค่า และก็มีรถคันนึงจอด “พี่คะ ไปภูทับเบิกรึเปล่าคะ ขอติดรถไปด้วยนะคะ” พยักหน้าอย่างนี้เป็นอันตกลง ไปค่า และพี่เขาก็จอดตรงสามแยกทางไปภูหินร่องกล้า กับทางไปภูทับเบิก พี่เขาบอกเขาจะไปภูหินร่องกล้า น้องต้องโบกเข้าไปอีก
หลังจากกล่าวลาเป็นที่เรียบร้อย ไหนๆ ก็ไหนๆละ ถ่ายรูปซะหน่อยก่อนจะไปต่อ
ป้ายทางขึ้นไปภูหินร่องกล้า
รอสักพักก็มีรถมาค่ะ เดินทางต่อ คันที่ 4 แล้วนะ จะถึงไหมๆ
และพี่เขาก็จอดที่แยกทางไปจุดชมวิวและที่วัดอุณหภูมิ พอมาถึงก็งงๆ เอาไงต่อดีล่ะ ที่พักไม่ได้จอง กะว่าจะเดินหาดูๆ เอา อื้อหืม แต่ละที่ไกลไม่ใช่เล่น เดินจนไปถึง Heaven Hill ค่ะ ขึ้นไปชมวิวกันซะหน่อย
หมอกแรก ณ ภูทับเบิก
แล้วเราสองคนก็ตัดสินใจว่า หาอะไรกินกันก่อนเถอะ หิวมาก ยังไม่ได้กินอะไรเลย แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไงกันต่อ แล้วก็มาตั้งหลักกันที่ “ครัว....” จำชื่อไม่ได้ แง ใกล้ๆ Heaven Hill ค่ะ สั่งอาหารมากินกัน ข้าวผัดน้ำพริกนรกหมู กับของดังที่นี่ กะหล่ำผัดน้ำปลา อร่อยมาก กะหล่ำหวานสมคำร่ำลือจริงๆ ตัดเผ็ดข้าวผัดน้ำพริกนรกหมูพอดีเด๊ะ พูดละน้ำลายไหล ค่าเสียหาย 210 บาท
คุยกับคุณลุงเจ้าของว่าที่พักจะโดนรื้อทั้งหมดไหม คุณลุงบอกว่าเห็นแต่ละรีสอร์ทรื้อกันรีสอร์ทละไม่กี่หลังเอง น่าจะไม่หมด ตั้งแต่มีข่าวนักท่องเที่ยวก็น้อยลงไปเยอะเลย คุณลุงบอกว่าช่วงหมอกเยอะๆ ก็ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี่แหละ ปลายฝนต้นหนาว (วันที่เราสองคนไป มีหมอกทั้งวันจริงๆ ฟินสุด) คุณลุงแนะนำให้ไปเที่ยววัดป่าภูทับเบิก แล้วก็ไปชมวิวแถวจุดชมวิวตรงที่วัดอุณหภูมิ คุยไปคุยมาเลยขอเช่ารถมอไซค์คุณลุงครึ่งวัน ปกติคุณลุงไม่ให้เช่าค่ะ คุณลุงคิดแค่ 100 บาท แลกบัตรประชาชนไว้เป็นหลักฐาน แล้วก็จัดการหาที่พักกันเต๊อะ
ระหว่างหาเจอตัวตุ่นออกมาต้อนรับด้วย
เราสองคนเลือกที่พักใกล้ๆ จุดชมวิว เดินหากันไปและก็ได้ที่นี่ “ริมผา” เราสองคนพักห้องริมซ้ายสุด วิวระเบียงด้านหน้าและด้านข้าง วิวแจ่มเลย ราคาอยู่ที่ 1,500 บาท
วิวจากด้านหน้าที่พัก จะเป็นลานสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมากางเต้นท์
เก็บของเสร็จ ออกเดินทางกันเลย เราสองคนมุ่งหน้ากันไปที่วัดป่าภูทับเบิก ระหว่างทางหมอกหนามาก แทบจะไม่เห็นทางข้างหน้า ต้องขับช้าๆ เปิดไฟกันไป ระหว่างทางเจอคริสตจักรทับเบิกด้วย
พอถึงคุณผู้ชายข้างๆ บอกทางเข้าวัดน่ากลัว 555555 เป็นต้นไม้เยอะๆ หมอกหนาๆ เห็นตัววัดลางๆ บรรยากาศอินสุดๆ นกร้องเบาๆ
บรรยากาศภายในวัดป่าภูทับเบิก
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม
ระหว่างทางกลับเจอร้าน “Coffee Alaska” แลดูวิวดี แวะซะหน่อย
บรรยากาศภายในร้าน “Coffee Alaska” ชมหมอกกันไปชิลๆ
โอวัลตินร้อนๆ ซักแก้ว กับบราวนี่ของโปรด ว้าวว
ตอนแรกกะว่าจะไปภูหินร่องกล้าต่อ แต่สภาพรถที่เช่าลุงมา ไม่สู้จริงๆ ขึ้นเนินยังบิดไม่ค่อยขึ้น และฟ้าฝนเริ่มไม่เป็นใจ
ถึงเวลากลับที่พักละค่ะ ฝนตั้งเค้ามาและ ฝนตกหนักนานเอาเรื่องอยู่ค่ะ ตั้งแต่บ่าย-ยันเกือบ 5 โมงเย็น นอนเล่นยาวๆ เลยค่ะ และเขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนงดงามในเสมอ ...
พอฝนเริ่มหยุดเราสองคนก็เลยคิดว่าจะเอามอเตอร์ไซค์ไปคืนลุงค่ะ เพราะขอเช่าลุงแค่ครึ่งวัน ระหว่างทางเดินกลับก็แวะถ่ายรูปกะเหล่ากะหล่ำปลีซะหน่อย
กะหล่ำปลีใหญ่มาก
ระหว่างทางขึ้นจุดชมวิวก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าเปิดร้านขายของอยู่ตามข้างทางค่ะ เหลือบไปเห็นข้าวเหนียวลืมผัว ตกใจไปแล้วหนึ่งช็อต !
เดินต่อมาเจอแครอทเบบี้น่ารักมาก มีแบบนี้ด้วยตกใจไปอีกหนึ่งช็อต
มาถึงมันเผาร้อนๆ ค่า พี่เขาขาย 20 บาท ไข่ปิ้ง 3 ฟอง 20 บาท ก็จัดซะทุกอย่างเลยจ้ะ
ร้านข้างๆ กันเห็นขายลูกท้ออยู่ เห็นว่าลูกใหญ่มาก และเราสองคนเองก็ไม่เคยกิน จัดมาลองซักหน่อยครึ่งโล เนื้อกรอบหวานมากกกกกก
หันไปเห็นลูกเจ้าของร้านตัวน้อยๆ กำลังยืนแกะปีโป้อยู่
และเราสองคนก็เดินไปเรื่อยๆจนถึงจุดชมวิว เย้ เดินขึ้นนี่เล่นเอาหอบเหมือนกันนะ รู้สึกแก่ยังไงไม่รู้ T_T
ถึงจุดชมวิวแล้ว ช้าอยู่ใย ชมวิวสิคะ หืมมมม วิวววววววว ถนนที่เห็นคือทางที่เราขึ้นมา ซึ่งแต่ละโค้งกลิ้งเป็นลูกกะหล่ำเลยจ้า
พาโนราม่าซักหนึ่งแชะ
อาคารหอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิ แต่เดี๋ยวก่อน ! ที่วัดอุณหภูมิหายไปไหน ใครแกะไป เสียใจ :’(
ดูบรรยากาศข้างล่างซักหน่อย เขาว่าตรงจุดนี้ถ้าฟ้าโปร่งๆ สามารถมองเห็นทั้งจังหวัดเพชรบูรณ์เลย
หันมาอีกฝั่งนึง ว้าววว หมอกเพียบ