นี่เป็นการเขียนรีวิวในพันทิปครั้งแรก เราจะมาแชร์ประสบการณ์ในการBackpackครั้งแรกให้ทุกคนได้อ่านกัน
จะมาเขียนและตั้งกระทู้นานแล้วแต่ทำไม่เป็นศึกษามาเรื่อยๆจนในที่สุด ก็ได้เขียนสักที 5555
ก่อนหน้านี้เราเขียนไปใน Facebook บ้างแล้ว มีแต่คนมาคอมเม้นให้มาเขียนใน pantip
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1388403684520171.1073741840.100000516573114&type=1&l=b7274093a4
เราเตรียมเงินไป1,500บาท. ถ้าใช้ประหยัดจริงๆก็แค่ 966บาท
เดินทางวันที่ 27 พ.ค. 59 - 29 พ.ค. 59
เดี๋ยวจะสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ที่รูปสุดท้ายนะคะ
ฝากอ่านด้วยนะคะทริปนี้สนึกจริงๆถ้าถูกก็แชร์ได้เน้อ
อยากให้ไปเที่ยวไปสัมผัสกัน ไปไม่ยากอย่างที่คุณคิด
เช้ามืดวันที่27 พ.ค. 59
เรามาถึงบขส.ประมาน 01.40 แล้วก็ตรงไปถามพนักงาน
รถไปหล่มสักมากี่โมง คำตอบคือ
"เหลือรถรอบสุดท้ายแล้ว มาประมาณตี2กว่า แต่ไม่รู้มันจะเข้ามานี่หรือเปล่านะบางทีมันก็เข้าบางทีมันก็ไม่เข้า"
ตอนนั้นใจเริ่มแป่วล่ะถ้ามันไม่เข้าจะทำยังไง
"แล้วถ้ามันไม่เข้ามีอีกทีรอบกี่โมงค่ะ"
"มีอีกที8โมงเช้าเลยน้อง ต้องรอลุ้นเอาอ่ะว่ามันจะเข้าไหมรอบสุดท้าย"
เลยนั่งรอไปเรื่อยๆมันวังเวงมากน่ากลัวมากทั้งบขส.มีเราที่เป็นผญ.สองคนที่นั่งอยู่บางทีก็มีผู้ชายแปลกหน้าเดินไปเดินมาอีก
เราได้ลองโทรไปถามท่ารถเพรชประเสริฐว่ารถจะเข้าบขส.ไหม?
"เข้าสิ ยังไงก็เข้า" ได้ยินเช่นนั้นเราดีใจมาก
02.30 มีรถกรุงเทพ-หล่มสักเข้ามา เราหยิบกระเป๋าสะพายอย่างไวแล้วจะเดินไปขึ้นรถ
"ไปหล่มสักไหมค่ะ" "ไม่ๆคันนี้เข้ากรุงเทพ"
หงอยเลยครับ555เลยกลับมานั่งรอต่อเพราะเรามีหวัง
03.00 เสียงดังมาจากข้างหลังว่า
"น้องๆไม่มีรถแล้วครับ รถไม่เข้าบขส. มาอีกที8โมงนะ"
อ้าวววววทำไงดีละ เราเลยปรึกษากันแล้วตกลงกันว่างั้นไปรอบ8โมงก็ได้
แต่ว่าเราต้องนั่งรออีก5ชม.เลยเหรอ...โหยยยย
03.20 เริ่มง่วงมากถึงมากที่สุดเลยชวนน้องกลับไปบ้านเราประมาน1-2กิโลได้ เราจะเดินไปกันแต่ก็มีเสียงจากลุงรถรับส่งว่า
"จะไปไหนกัน ไปตลาดเหรอเดี๋ยวลุงไปส่งคิดแค่คนละ15บาท"
เรานั่งรถไปลงตลาดแล้วเดินกลับไปบ้านกว่าจะได้นอนพักก็มาณตี4
06.15 ตื่นนอนล้างหน้าแปรงฟัน แม่ของเราก็ทำกับข้าวให้เราสองคนกิน อิ่มแล้ว
ก็ออกเดินทางไปตลาดเอาออกจากบ้าน06.45
ถึงบขส.ประมาณ7โมงกว่า และเราก็มานั่งรอรถรอบ08.00
08.30 รถกรุงเทพ-หล่มสักมาแล้วซื้อตั๋วแล้วขึ้นรถกันเลย
ราคาตั๋ว คนละ 118 บาท (ถ้าจากกทม.น่าจะประมาณ200กว่าบาท)
เราบอกกับพี่คนขายตั๋วว่าถึงตลาดหล่มสักแล้วบอกด้วยนะคะ
บอกไว้ก่อนเป็นการดีเผื่อเราหลับ5555
11.50 เรามาถึงบขส.หล่มสักเรายังไม่ลงเพราะพี่ขายตั๋วยังไม่บอกให้ลง
ลุงคนขับรถหันมาถามเราว่า "อ้าวน้อง ไม่ลงเหรอ"
เรารีบลงอย่างไว ลงมาก็มาเจอกับพี่คนขายตั๋ว
"น้องไหนบอกลงตลาดไง" "ก็พี่ไม่บอกหนูอ่ะ"
(คือเราคิดว่านี่คิสถานีสุดท้ายมันเลยมาแล้วแน่เลย)
"ยังไม่ถึงเลยน้อง " เราสองคนเลยกลับไปนั่งรถต่อ
12:00 เรามาถึงตลาดหล่มสัก
น้องเลยเเวะซื้อกาแฟ ได้จังหวะเราก็ถามทางไปตลาดผัด
พอเรารู้ทางเราก็แวะหาไรกินกัน เราแวะมากินก๋วยเตี๋ยว
ชามละ40บาทค่ะ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น ไม่เหมาะกับคนไม่ทานเนื้อค่ะเพราะน้ำก็มีกลิ่นเนื้อด้วย
มันก็อร่อยนะแต่เราไม่ทานเนื้อเลยสั่งบะหมี่ลูกชิ้นหมู
ทานเสร็จเราก็ถามทางป้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวต่อว่าจะไปภูทับเบิกมีรถไรไปบ้างป้าตอบพวกเราว่า
"โอ้ยยย...หน้านี่เขาไม่ค่อยไปกันหรอก มันร้อน ไม่ใช่หน้ามันถ้าไปต้องไปหน้าหนาวนู่นคนเยอะ ถ้าจะไปต้องไปขึ้นรถที่หล่มเก่านะหนู แล้วเหมารถขึ้นไปแต่ไม่รู้หน้านี้มีรถหรือป่าวนะ"
"แล้วไปหล่มเก่านี่ไปไงค่ะ"
"ตรงนู่นน่ะมีรถรับส่งตลอด"
ถามไปงั้นล่ะค่ะไม่ไปหรอกเพราะเป้าหมายเราคือตลาดผัก
ถามเสร็จก็เดินไปตลาดผักตามที่พี่คนขายกแฟบอก
ก็หาไม่เจอเลยไหนตลาดผัก ไหนรถกะหล่ำ
เลยตัดสินใจถามป้าแถวนั้นว่าตลาดผักที่เขาส่งกะหล่ำอยู่ตรงไหน
"ทำไมอ่ะหนู หนูมีกะหล่ำมาขายเร้อ หรือว่ามาซื้อกะหล่ำ"
"หนูจะไปภูทับเบิกอะค่ะ...จะโบกรถกะหล่ำขึ้นไป"
"โอ้ยยยแถวนี้ป้าว่าไม่มีหรอกมันมีอีกที่อ่ะจากนี่ไป5กิโลเลยตรงนั้นอ่ะเยอะเลยแต่หนูลองเดินไปตลาดผักตรงนู่นก่อนเผื่อมี"
"โอเคค่าขอบคุณมากนะคะ"
เราเดินกันต่อไปก็ไปเจอตลาดเล็กๆที่มีผักสดขาย
เราพยายามมองหารถส่งกะหล่ำก็ไม่เจอเลยสักคัน
เลยตรงไปถามป้า2คนที่กำลังคุยกันอยู่
"ป้าค่ะถ้าจะไปภูทับเบิกไปรถไรได้บ้างค่ะ"
"โอ้ยยยถ้าจะไปต้องมีรถส่วนตัวไปหรือไม่ต้องเหมารถไปนู้น"
"คือพวกหนูว่าจะไปรถกะหล่ำของม้งนี่อะค่ะ"
"ไปกับพวกม้งอะนะ ผญ.2คนไม่กลัวเหรอ นี่เดี๋ยวป้าพาไปถามรานนู้นเขาเคยมีคนเหมารถไปส่งที่ภูทับเบิกมาๆตามป้ามา"
เราเดินตามป้าไปป้าก็ถามและฝากเราให้กับคนนั้นเขาบอกเราว่า
"จะไปภูทับเบิกเร้อลุงคิดแค่1,200เนี่ยเดี๋ยวเอารถเก๋งไปส่ง"
เรามองตากันปริบๆยังไงก็ไม่ไปแน่ๆ
"แล้วไปที่เขาส่งกะหล่ำกันนี่ไปยังไงค่ะ"
"ไปๆเดี๋ยวพี่ไปส่งคิด100เดียว"
เราบอกงั้นเดี๋ยวหนูมาใหม่นะค่ะไปหาไรกินก่อน
ปฏิเสธสิรอไรแพงขนาด5555
เดินไปเรื่อยๆก็มาเจอลุงขับสามล้อ
เลยถามลุงว่าไปที่เขาส่งกะหล่ำกันเท่าไหร่
ลุงแกคิดคนละ40บาท เราท่าทางลังเล
"ลุงคิดถูกแล้ว" เราเลยตัดสินใจไปเพระถูกว่าไปรถคันนั้นแน่นอน
ลุงแกขับช้ามากสงสัยให้เรากินลมชมวิว555
ระหว่างทางก็ชวนคุยกันไปเรื่อยนั่งไปสักพักลุงหันมาถามเราว่า
"หนูจะลงฝั่งไหนกันซ้ายหรือขวาลุงจะจอดให้"
อ้าวมันมี2ฝั่งเหรอไม่เห็นรู้มาก่อนเลย
"แล้วมันต่างกันยังไงค่ะลุง"
"มันก็เหมือนกันแหละแต่มันมีหลายที่"
"ลุงว่าหนูลงตรงไหนดีค่ะ"55555ขำตัวเองมาก
"เดี๋ยวลุงจอดให้ฝั่งขวาละกัน"
ระหว่างทางคือเราเห็นบขสกล่มสักค่ะคือตลาดผักอยู่ไม่ไกลจากบขส.เลยถ้าขึ้นรถมาแนะนำลงบขส.หล่มสีกนะคะอย่าไปลงตลาดหล่มสักแบบเรา555
14:00
ในที่สุดเราก็มาถึงตลาดที่ส่งกะหล่ำค่ะ รถกะหล่ำรถส่งผักเพียบเลย แล้วเราก็เดินตรงไปถามว่า
"คือพวกหนูจะไปภูทับเบิกกันอะค่ะ มีรถไรไปมั่งค่ะ"
ป้าที่น่ารักและใจดีก็ตอบเรามาว่า
"อ๋อเดี๋ยวมีรถกะหล่ำของม้งมาเรื่อยๆเดี๋ยวถ้าเขาไปภูทับเบิกก็ติดรถเขาไปได้ม้งเขาใจดี"
ป้าบอกว่าตอนบ่ายรถจะมีรถน้อยหน่อยถ้าตอนเช้าจะเยอะมาก ป้าเขาใจดีมากเปนคนเดียวที่คุยกับเราเวลารถม้งผ่านมาก็ถามให้ว่าผ่านภูทับเบิกไหม
คันแรก "ไม่ได้ไป...ไปคนละทางกันเลยนี่ไปพิษณุโลก"
คันสอง ก็ไม่ผ่านภูทับเบิก ผ่านไป2คันป้าใจดีคนนั้นก็หายไปสงสัยจะกลับบ้านแล้ว
ปล่อยเราสองคนยืนอย่างเดียวดายไม่มีใครสนใจเราเลย
ผู้คนเดินไปเดินมาสลับกับรถขนกะหล่ำเข้าๆออกๆเรื่อยๆเราสองคนได้แต่นั่งเฉยๆเพราะรถที่เข้ามาออกไปไวมากเราก็โบกต่อ
คันที่4 ไปภูทับเบิกแต่ต้องขายกะหล่ำก่อนแล้วเขาก็ขับรถหายไป
นั่งรอกันเกือบชม.
จนสุดท้ายมีลุงคนนึงขับรถมาจอดแล้วถามว่าจะไปไหนกันเราก็ตอบลุงไปว่าจะไปภูทับเบิก
"อ๋อนี่รอรถม้งไปใช่ไหมลูก เดี๋ยวก็มีมาเรื่อยๆ"
"แล้วคุณลุงไปไหนค่ะ"
"ลุงไปไม่ถึงไปแค่แยกทางขึ้นภูทับเบิกเองติดรถลุงไปไหมล่ะเดี๋ยวไปโบกรถแถวนั้นขึ้นไปรถมันจะเยอะกว่าตรงนี้"
"โอเคค่ะงั้นหนูสองคนขอติดรถไปด้วยนะคะ"
ระหว่างทางเราก็ชวนคุณลุงคุยตลอด จนลุงพูดว่า
"เนี่ยเคยมีคนมาโบกรถลุงเหมือนกันลุงก็พาเขาไปส่งที่บขส." สักพักลุงก็ถาม
"กินไรกันมายังแวะกินข้าวไหม เดี๋ยวลุงจอดให้ ข้างบนของแพงนะ" คิดในใจโห้ยยลุงจะใจดีไปไหนเนี่ยแต่เราก็ปฏิเสธลุงไปค่ะเกรงใจแก ลุงถามเราอีกว่า
"แล้วตอนกลับกลับยังไงโบกรถอีกเหรอ...เอาเบอร์ลุงไว้ไหม ถ้าไม่มีรถก็โทรมาเดี๋ยวลุงไปส่งลุงขึ้นไปภูทุกวันอยู่แล้ว"
เราไม่ปฏิเสธค่ะเมมเบอร์ลุงอย่างเร็วลุงแกชื่อลุงยงค์ค่ะใจดีมากๆ
"แล้วหนูกลับวันไหนกัน". "พน.ค่ะ"
"โอ้ยยแล้วจะทันได้เที่ยวไหมเนี่ยหนู..อะถึงแล้วไปรอโบกรถตรงนั้นนะลุงไปละ"
เราสองคนกล่าวขอบคุณคุณลุงเสร็จก็เดินไปข้างเซเว่นเพื่อรอโบกรถขึ้นไป
คันแรก ไม่ไป
คันสอง ไปไม่ถึง
คันสาม ไปแต่รถเต็มไม่มีที่นั่ง
คันสี่ ไปวัดผาซ่อนแก้วแต่ไม่รู้ทางหลงมาเหมือนกัน
คันที่5 เป็นรถส่งกะหล่ำของม้งชายหญิง และแล้วเราก็ได้คันนี้แหละค่ะที่จะไปส่งเราขึ้นภูทับเบิก ระหว่างทางเราชวนพี่ม้งคุยไปด้วย พี่แกก็คุยกันเองบ้างแต่เป็นภาษาไรไม่รู้
ฟังไม่ออก ไม่รู้ว่านินทาเรารึป่าว555
แล้วเขาก็หันมาถามเราว่า "จะลงตรงไหนจะได้ไปส่งถูก"
"ไปตรงจุดวัดอุณหภูมิเลยค่ะ"
เราก็ถามว่ามีที่พักอนะนำไหมเขาบอกช่วงนี้ถูกลองไปถามดูที่พักเยอะเเยะ พี่ม้งก็พามาถึงบนภูทับเบิก้ขาบอกให้เราไปถามราคาห้องพักตรงวิสาหกิจชุมชน เราขอบคุณพี่ม้งพร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกสักหน่อย
15.20
เราเดินมาถามตามที่พี่ม้งบอก ค่าห้องมี่นี่ขั้นต่ำอยู่ที่800บาท เรา2คนตั้งเป้ากันมาว่าจะพักไม่เกิน500บาท
เลยเดินไปหาเรื่อยๆจนมาได้ที "ทับเบิก รีสอร์ท"
คืนละ500บาท ค่ามัดจำ500 (ค่ามัดจำจะได้คืนตอนเช็คเอ้าออก)ห้องโอเคมากเลย วิวสวย เราเลือกห้องกันจนเพราะว่างเกือบทุกห้องมีพักแค่ห้องเดียว555 เราเลยได้ห้องเบอร์27
ในห้องจะมีทีวี พัดลม ผ้านวม2ผืน น้ำเปล่า2ขวด ผ้าขนหนู2ผืน มีเครื่องทำน้ำอุ่น
เราสองคนตื่นเต้นกับวิวได้สักพักก็รู้สึกไม่อยากกลับ
เลยมานั่งปรึกษากันว่า ถ้าเรากลับพน.มันจะไม่คุ้มกับที่เราพยายามมาถึงที่นี่เพราะต้องเช็คเอ้าก่อน11โมง ไม่ทันๆแน่ๆไหนจะต้องโบกรถไปวัดป่าภูทับเบิกกันอีกเลยตัดสินใจนอนนี่สัก2คืนละกัน
เราตกลงกันว่าเดี๋ยวพักผ่อนสักหน่อยกันแล้วเย็นเราจะเดินขึ้นไปทีจุดวัดอุณหภูม
17:00
เราเดินออกจากที่พักขึ้นไปจุดวัดอุณหภูมิ ทางเดินขึ้นไปชันมาก ปวดน่องเบาๆ555
ในที่สุดเราก็มาถึงจุดที่เรียกว่า "อาคารหอดูดาวและจุดวัดอุณหภูมิ"
หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า "จุดชมวิว"
วิวสวยมากคุ้มมากที่ได้มามองไปเห็นหุบเขาที่แสนกว้างใหญ่ไพศาล
เราสองคนก็พลัดกันถ่ายรูป แต่ก็มีพี่คนนึงถามเราสองคนว่า
"พี่ถ่ายให้ไหม" เราก็เกรงใจเล็กๆแต่ก็ตอบกลับไปว่า "ได้ค่ะ"
สักพักเราก็เริ่มคุยกันจนพี่เขารู้ว่าเราBacpackโบกรถขึ้นมา
"นี่พี่ก็Backpackมาเหมือนกันกางเต็นท์อยู่นี่ได้เดือนนึงละ" เราตกใจมากโห้เดือนนึงเลยเร้อแถมกางเต็นท์ด้วยพี่เขาสุดยอดจริงๆ
พี่เขาชื่อ พี่ต้อม พอเราคุยรู้จักกันพอสมควร เขาก็เป็นไกด์พาเราทัวร์ทั่วภูทับเบิกเลยพาเราไปดูที่วิวสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นตำนานโอ่งแดงหรือ
อีกทีนึงทีวิวสวยไม่แพ้กันคือ บ้านไร่ริมผา เป็นบ้านพักแต่มีจุดชมวิวให้ด้วย มันสวยจริงๆเราก็ถ่ายรูปกันส่วนใหญ่พี่ต้อมจะถ่ายให้เราสองคนมากกว่า555คิดมุมคิดท่าให้เรา
พอพี่ต้อมพาเราทัวร์ทั่วแล้วก็ชวนเรากินข้าวเย็นนี
เดี๋ยวมาต่อนะคะ .....
[SR] โบกรถตะลุย "ภูทับเบิก" ทะเลหมอกหน้าฝน 3วัน2คืน งบไม่ถึง 1,000 บาท
จะมาเขียนและตั้งกระทู้นานแล้วแต่ทำไม่เป็นศึกษามาเรื่อยๆจนในที่สุด ก็ได้เขียนสักที 5555
ก่อนหน้านี้เราเขียนไปใน Facebook บ้างแล้ว มีแต่คนมาคอมเม้นให้มาเขียนใน pantip
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1388403684520171.1073741840.100000516573114&type=1&l=b7274093a4
เราเตรียมเงินไป1,500บาท. ถ้าใช้ประหยัดจริงๆก็แค่ 966บาท
เดินทางวันที่ 27 พ.ค. 59 - 29 พ.ค. 59
เดี๋ยวจะสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ที่รูปสุดท้ายนะคะ
ฝากอ่านด้วยนะคะทริปนี้สนึกจริงๆถ้าถูกก็แชร์ได้เน้อ
อยากให้ไปเที่ยวไปสัมผัสกัน ไปไม่ยากอย่างที่คุณคิด
เช้ามืดวันที่27 พ.ค. 59
เรามาถึงบขส.ประมาน 01.40 แล้วก็ตรงไปถามพนักงาน
รถไปหล่มสักมากี่โมง คำตอบคือ
"เหลือรถรอบสุดท้ายแล้ว มาประมาณตี2กว่า แต่ไม่รู้มันจะเข้ามานี่หรือเปล่านะบางทีมันก็เข้าบางทีมันก็ไม่เข้า"
ตอนนั้นใจเริ่มแป่วล่ะถ้ามันไม่เข้าจะทำยังไง
"แล้วถ้ามันไม่เข้ามีอีกทีรอบกี่โมงค่ะ"
"มีอีกที8โมงเช้าเลยน้อง ต้องรอลุ้นเอาอ่ะว่ามันจะเข้าไหมรอบสุดท้าย"
เลยนั่งรอไปเรื่อยๆมันวังเวงมากน่ากลัวมากทั้งบขส.มีเราที่เป็นผญ.สองคนที่นั่งอยู่บางทีก็มีผู้ชายแปลกหน้าเดินไปเดินมาอีก
เราได้ลองโทรไปถามท่ารถเพรชประเสริฐว่ารถจะเข้าบขส.ไหม?
"เข้าสิ ยังไงก็เข้า" ได้ยินเช่นนั้นเราดีใจมาก
02.30 มีรถกรุงเทพ-หล่มสักเข้ามา เราหยิบกระเป๋าสะพายอย่างไวแล้วจะเดินไปขึ้นรถ
"ไปหล่มสักไหมค่ะ" "ไม่ๆคันนี้เข้ากรุงเทพ"
หงอยเลยครับ555เลยกลับมานั่งรอต่อเพราะเรามีหวัง
03.00 เสียงดังมาจากข้างหลังว่า
"น้องๆไม่มีรถแล้วครับ รถไม่เข้าบขส. มาอีกที8โมงนะ"
อ้าวววววทำไงดีละ เราเลยปรึกษากันแล้วตกลงกันว่างั้นไปรอบ8โมงก็ได้
แต่ว่าเราต้องนั่งรออีก5ชม.เลยเหรอ...โหยยยย
03.20 เริ่มง่วงมากถึงมากที่สุดเลยชวนน้องกลับไปบ้านเราประมาน1-2กิโลได้ เราจะเดินไปกันแต่ก็มีเสียงจากลุงรถรับส่งว่า
"จะไปไหนกัน ไปตลาดเหรอเดี๋ยวลุงไปส่งคิดแค่คนละ15บาท"
เรานั่งรถไปลงตลาดแล้วเดินกลับไปบ้านกว่าจะได้นอนพักก็มาณตี4
06.15 ตื่นนอนล้างหน้าแปรงฟัน แม่ของเราก็ทำกับข้าวให้เราสองคนกิน อิ่มแล้ว
ก็ออกเดินทางไปตลาดเอาออกจากบ้าน06.45
ถึงบขส.ประมาณ7โมงกว่า และเราก็มานั่งรอรถรอบ08.00
08.30 รถกรุงเทพ-หล่มสักมาแล้วซื้อตั๋วแล้วขึ้นรถกันเลย
ราคาตั๋ว คนละ 118 บาท (ถ้าจากกทม.น่าจะประมาณ200กว่าบาท)
เราบอกกับพี่คนขายตั๋วว่าถึงตลาดหล่มสักแล้วบอกด้วยนะคะ
บอกไว้ก่อนเป็นการดีเผื่อเราหลับ5555
11.50 เรามาถึงบขส.หล่มสักเรายังไม่ลงเพราะพี่ขายตั๋วยังไม่บอกให้ลง
ลุงคนขับรถหันมาถามเราว่า "อ้าวน้อง ไม่ลงเหรอ"
เรารีบลงอย่างไว ลงมาก็มาเจอกับพี่คนขายตั๋ว
"น้องไหนบอกลงตลาดไง" "ก็พี่ไม่บอกหนูอ่ะ"
(คือเราคิดว่านี่คิสถานีสุดท้ายมันเลยมาแล้วแน่เลย)
"ยังไม่ถึงเลยน้อง " เราสองคนเลยกลับไปนั่งรถต่อ
12:00 เรามาถึงตลาดหล่มสัก
น้องเลยเเวะซื้อกาแฟ ได้จังหวะเราก็ถามทางไปตลาดผัด
พอเรารู้ทางเราก็แวะหาไรกินกัน เราแวะมากินก๋วยเตี๋ยว
ชามละ40บาทค่ะ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น ไม่เหมาะกับคนไม่ทานเนื้อค่ะเพราะน้ำก็มีกลิ่นเนื้อด้วย
มันก็อร่อยนะแต่เราไม่ทานเนื้อเลยสั่งบะหมี่ลูกชิ้นหมู
ทานเสร็จเราก็ถามทางป้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวต่อว่าจะไปภูทับเบิกมีรถไรไปบ้างป้าตอบพวกเราว่า
"โอ้ยยย...หน้านี่เขาไม่ค่อยไปกันหรอก มันร้อน ไม่ใช่หน้ามันถ้าไปต้องไปหน้าหนาวนู่นคนเยอะ ถ้าจะไปต้องไปขึ้นรถที่หล่มเก่านะหนู แล้วเหมารถขึ้นไปแต่ไม่รู้หน้านี้มีรถหรือป่าวนะ"
"แล้วไปหล่มเก่านี่ไปไงค่ะ"
"ตรงนู่นน่ะมีรถรับส่งตลอด"
ถามไปงั้นล่ะค่ะไม่ไปหรอกเพราะเป้าหมายเราคือตลาดผัก
ถามเสร็จก็เดินไปตลาดผักตามที่พี่คนขายกแฟบอก
ก็หาไม่เจอเลยไหนตลาดผัก ไหนรถกะหล่ำ
เลยตัดสินใจถามป้าแถวนั้นว่าตลาดผักที่เขาส่งกะหล่ำอยู่ตรงไหน
"ทำไมอ่ะหนู หนูมีกะหล่ำมาขายเร้อ หรือว่ามาซื้อกะหล่ำ"
"หนูจะไปภูทับเบิกอะค่ะ...จะโบกรถกะหล่ำขึ้นไป"
"โอ้ยยยแถวนี้ป้าว่าไม่มีหรอกมันมีอีกที่อ่ะจากนี่ไป5กิโลเลยตรงนั้นอ่ะเยอะเลยแต่หนูลองเดินไปตลาดผักตรงนู่นก่อนเผื่อมี"
"โอเคค่าขอบคุณมากนะคะ"
เราเดินกันต่อไปก็ไปเจอตลาดเล็กๆที่มีผักสดขาย
เราพยายามมองหารถส่งกะหล่ำก็ไม่เจอเลยสักคัน
เลยตรงไปถามป้า2คนที่กำลังคุยกันอยู่
"ป้าค่ะถ้าจะไปภูทับเบิกไปรถไรได้บ้างค่ะ"
"โอ้ยยยถ้าจะไปต้องมีรถส่วนตัวไปหรือไม่ต้องเหมารถไปนู้น"
"คือพวกหนูว่าจะไปรถกะหล่ำของม้งนี่อะค่ะ"
"ไปกับพวกม้งอะนะ ผญ.2คนไม่กลัวเหรอ นี่เดี๋ยวป้าพาไปถามรานนู้นเขาเคยมีคนเหมารถไปส่งที่ภูทับเบิกมาๆตามป้ามา"
เราเดินตามป้าไปป้าก็ถามและฝากเราให้กับคนนั้นเขาบอกเราว่า
"จะไปภูทับเบิกเร้อลุงคิดแค่1,200เนี่ยเดี๋ยวเอารถเก๋งไปส่ง"
เรามองตากันปริบๆยังไงก็ไม่ไปแน่ๆ
"แล้วไปที่เขาส่งกะหล่ำกันนี่ไปยังไงค่ะ"
"ไปๆเดี๋ยวพี่ไปส่งคิด100เดียว"
เราบอกงั้นเดี๋ยวหนูมาใหม่นะค่ะไปหาไรกินก่อน
ปฏิเสธสิรอไรแพงขนาด5555
เดินไปเรื่อยๆก็มาเจอลุงขับสามล้อ
เลยถามลุงว่าไปที่เขาส่งกะหล่ำกันเท่าไหร่
ลุงแกคิดคนละ40บาท เราท่าทางลังเล
"ลุงคิดถูกแล้ว" เราเลยตัดสินใจไปเพระถูกว่าไปรถคันนั้นแน่นอน
ลุงแกขับช้ามากสงสัยให้เรากินลมชมวิว555
ระหว่างทางก็ชวนคุยกันไปเรื่อยนั่งไปสักพักลุงหันมาถามเราว่า
"หนูจะลงฝั่งไหนกันซ้ายหรือขวาลุงจะจอดให้"
อ้าวมันมี2ฝั่งเหรอไม่เห็นรู้มาก่อนเลย
"แล้วมันต่างกันยังไงค่ะลุง"
"มันก็เหมือนกันแหละแต่มันมีหลายที่"
"ลุงว่าหนูลงตรงไหนดีค่ะ"55555ขำตัวเองมาก
"เดี๋ยวลุงจอดให้ฝั่งขวาละกัน"
ระหว่างทางคือเราเห็นบขสกล่มสักค่ะคือตลาดผักอยู่ไม่ไกลจากบขส.เลยถ้าขึ้นรถมาแนะนำลงบขส.หล่มสีกนะคะอย่าไปลงตลาดหล่มสักแบบเรา555
14:00
ในที่สุดเราก็มาถึงตลาดที่ส่งกะหล่ำค่ะ รถกะหล่ำรถส่งผักเพียบเลย แล้วเราก็เดินตรงไปถามว่า
"คือพวกหนูจะไปภูทับเบิกกันอะค่ะ มีรถไรไปมั่งค่ะ"
ป้าที่น่ารักและใจดีก็ตอบเรามาว่า
"อ๋อเดี๋ยวมีรถกะหล่ำของม้งมาเรื่อยๆเดี๋ยวถ้าเขาไปภูทับเบิกก็ติดรถเขาไปได้ม้งเขาใจดี"
ป้าบอกว่าตอนบ่ายรถจะมีรถน้อยหน่อยถ้าตอนเช้าจะเยอะมาก ป้าเขาใจดีมากเปนคนเดียวที่คุยกับเราเวลารถม้งผ่านมาก็ถามให้ว่าผ่านภูทับเบิกไหม
คันแรก "ไม่ได้ไป...ไปคนละทางกันเลยนี่ไปพิษณุโลก"
คันสอง ก็ไม่ผ่านภูทับเบิก ผ่านไป2คันป้าใจดีคนนั้นก็หายไปสงสัยจะกลับบ้านแล้ว
ปล่อยเราสองคนยืนอย่างเดียวดายไม่มีใครสนใจเราเลย
ผู้คนเดินไปเดินมาสลับกับรถขนกะหล่ำเข้าๆออกๆเรื่อยๆเราสองคนได้แต่นั่งเฉยๆเพราะรถที่เข้ามาออกไปไวมากเราก็โบกต่อ
คันที่4 ไปภูทับเบิกแต่ต้องขายกะหล่ำก่อนแล้วเขาก็ขับรถหายไป
นั่งรอกันเกือบชม.
จนสุดท้ายมีลุงคนนึงขับรถมาจอดแล้วถามว่าจะไปไหนกันเราก็ตอบลุงไปว่าจะไปภูทับเบิก
"อ๋อนี่รอรถม้งไปใช่ไหมลูก เดี๋ยวก็มีมาเรื่อยๆ"
"แล้วคุณลุงไปไหนค่ะ"
"ลุงไปไม่ถึงไปแค่แยกทางขึ้นภูทับเบิกเองติดรถลุงไปไหมล่ะเดี๋ยวไปโบกรถแถวนั้นขึ้นไปรถมันจะเยอะกว่าตรงนี้"
"โอเคค่ะงั้นหนูสองคนขอติดรถไปด้วยนะคะ"
ระหว่างทางเราก็ชวนคุณลุงคุยตลอด จนลุงพูดว่า
"เนี่ยเคยมีคนมาโบกรถลุงเหมือนกันลุงก็พาเขาไปส่งที่บขส." สักพักลุงก็ถาม
"กินไรกันมายังแวะกินข้าวไหม เดี๋ยวลุงจอดให้ ข้างบนของแพงนะ" คิดในใจโห้ยยลุงจะใจดีไปไหนเนี่ยแต่เราก็ปฏิเสธลุงไปค่ะเกรงใจแก ลุงถามเราอีกว่า
"แล้วตอนกลับกลับยังไงโบกรถอีกเหรอ...เอาเบอร์ลุงไว้ไหม ถ้าไม่มีรถก็โทรมาเดี๋ยวลุงไปส่งลุงขึ้นไปภูทุกวันอยู่แล้ว"
เราไม่ปฏิเสธค่ะเมมเบอร์ลุงอย่างเร็วลุงแกชื่อลุงยงค์ค่ะใจดีมากๆ
"แล้วหนูกลับวันไหนกัน". "พน.ค่ะ"
"โอ้ยยแล้วจะทันได้เที่ยวไหมเนี่ยหนู..อะถึงแล้วไปรอโบกรถตรงนั้นนะลุงไปละ"
เราสองคนกล่าวขอบคุณคุณลุงเสร็จก็เดินไปข้างเซเว่นเพื่อรอโบกรถขึ้นไป
คันแรก ไม่ไป
คันสอง ไปไม่ถึง
คันสาม ไปแต่รถเต็มไม่มีที่นั่ง
คันสี่ ไปวัดผาซ่อนแก้วแต่ไม่รู้ทางหลงมาเหมือนกัน
คันที่5 เป็นรถส่งกะหล่ำของม้งชายหญิง และแล้วเราก็ได้คันนี้แหละค่ะที่จะไปส่งเราขึ้นภูทับเบิก ระหว่างทางเราชวนพี่ม้งคุยไปด้วย พี่แกก็คุยกันเองบ้างแต่เป็นภาษาไรไม่รู้
ฟังไม่ออก ไม่รู้ว่านินทาเรารึป่าว555
แล้วเขาก็หันมาถามเราว่า "จะลงตรงไหนจะได้ไปส่งถูก"
"ไปตรงจุดวัดอุณหภูมิเลยค่ะ"
เราก็ถามว่ามีที่พักอนะนำไหมเขาบอกช่วงนี้ถูกลองไปถามดูที่พักเยอะเเยะ พี่ม้งก็พามาถึงบนภูทับเบิก้ขาบอกให้เราไปถามราคาห้องพักตรงวิสาหกิจชุมชน เราขอบคุณพี่ม้งพร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกสักหน่อย
15.20
เราเดินมาถามตามที่พี่ม้งบอก ค่าห้องมี่นี่ขั้นต่ำอยู่ที่800บาท เรา2คนตั้งเป้ากันมาว่าจะพักไม่เกิน500บาท
เลยเดินไปหาเรื่อยๆจนมาได้ที "ทับเบิก รีสอร์ท"
คืนละ500บาท ค่ามัดจำ500 (ค่ามัดจำจะได้คืนตอนเช็คเอ้าออก)ห้องโอเคมากเลย วิวสวย เราเลือกห้องกันจนเพราะว่างเกือบทุกห้องมีพักแค่ห้องเดียว555 เราเลยได้ห้องเบอร์27
ในห้องจะมีทีวี พัดลม ผ้านวม2ผืน น้ำเปล่า2ขวด ผ้าขนหนู2ผืน มีเครื่องทำน้ำอุ่น
เราสองคนตื่นเต้นกับวิวได้สักพักก็รู้สึกไม่อยากกลับ
เลยมานั่งปรึกษากันว่า ถ้าเรากลับพน.มันจะไม่คุ้มกับที่เราพยายามมาถึงที่นี่เพราะต้องเช็คเอ้าก่อน11โมง ไม่ทันๆแน่ๆไหนจะต้องโบกรถไปวัดป่าภูทับเบิกกันอีกเลยตัดสินใจนอนนี่สัก2คืนละกัน
เราตกลงกันว่าเดี๋ยวพักผ่อนสักหน่อยกันแล้วเย็นเราจะเดินขึ้นไปทีจุดวัดอุณหภูม
17:00
เราเดินออกจากที่พักขึ้นไปจุดวัดอุณหภูมิ ทางเดินขึ้นไปชันมาก ปวดน่องเบาๆ555
ในที่สุดเราก็มาถึงจุดที่เรียกว่า "อาคารหอดูดาวและจุดวัดอุณหภูมิ"
หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า "จุดชมวิว"
วิวสวยมากคุ้มมากที่ได้มามองไปเห็นหุบเขาที่แสนกว้างใหญ่ไพศาล
เราสองคนก็พลัดกันถ่ายรูป แต่ก็มีพี่คนนึงถามเราสองคนว่า
"พี่ถ่ายให้ไหม" เราก็เกรงใจเล็กๆแต่ก็ตอบกลับไปว่า "ได้ค่ะ"
สักพักเราก็เริ่มคุยกันจนพี่เขารู้ว่าเราBacpackโบกรถขึ้นมา
"นี่พี่ก็Backpackมาเหมือนกันกางเต็นท์อยู่นี่ได้เดือนนึงละ" เราตกใจมากโห้เดือนนึงเลยเร้อแถมกางเต็นท์ด้วยพี่เขาสุดยอดจริงๆ
พี่เขาชื่อ พี่ต้อม พอเราคุยรู้จักกันพอสมควร เขาก็เป็นไกด์พาเราทัวร์ทั่วภูทับเบิกเลยพาเราไปดูที่วิวสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นตำนานโอ่งแดงหรือ
อีกทีนึงทีวิวสวยไม่แพ้กันคือ บ้านไร่ริมผา เป็นบ้านพักแต่มีจุดชมวิวให้ด้วย มันสวยจริงๆเราก็ถ่ายรูปกันส่วนใหญ่พี่ต้อมจะถ่ายให้เราสองคนมากกว่า555คิดมุมคิดท่าให้เรา
พอพี่ต้อมพาเราทัวร์ทั่วแล้วก็ชวนเรากินข้าวเย็นนี
เดี๋ยวมาต่อนะคะ .....
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น