หลังจากที่เคยได้ข่าวมาว่า ที่สนามบินดอนเมืองฝั่งเที่ยวบินในประเทศมีห้องรับรองของเอกชนมาเปิดใหม่ ซึ่งก็คือ The Coral Executive Lounge วันนี้มีโอกาสที่จะต้องบินไปทำงานที่เชียงใหม่ เลยมาลองใช้บริการดูว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง โดยการเข้าใช้บริการครั้งนี้ ได้ใช้สิทธิประโยชน์จากบัตร Priority Pass ที่สามารถเข้า The Coral Executive Lounge ได้ฟรี โดยที่ไม่จำเป็นต้องบินชั้นธุรกิจแต่อย่างใด ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณบัตร Priority Pass ด้วยนะครับ


สำหรับท่านที่ต้องการมีบัตร Priority Pass สามารถเข้าไปดูรายละเอียดการสมัครบัตร Priority Pass ได้ที่ www.prioritpass.com หรือ สามารถสมัครบัตรเคดิตรที่ให้ Priority Pass มาใช้กันฟรีๆได้เช่นกัน โดยสามารถดูรายละเอียดที่พี่ๆๆห้องบัตรเครดิตได้ทำรีวิวไว้ได้ที่ http://ppantip.com/topic/35234981


และก่อนจะไปชมภาพบรรยากาศของ The Coral Executive Lounge  ขอฝากรีวิวอื่นๆไว้ด้วยนะครับ
Louis’s Tavern CIP First Class Lounge Concourse A    http://ppantip.com/topic/35322276
Sky Smile Lounge @ Yangon http://ppantip.com/topic/35244986
Oman Air First & Business Class Lounge http://ppantip.com/topic/35233541

             มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ขอตัดภาพเข้ามาหลังจากการผ่านตรวจค้นเลยนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา โดย The Coral Executive Lounge  จะอยู่ระหว่างทางไปเกท 51-58 ดังนั้นพอผ่านจุดตรวจค้นแล้วเราจะต้องเดินไปทางขวา ซึ่งจะเห็นป้ายบอกทางไปเกท 51-58 เป็นระยะๆต่อเนื่อง



อมาถึงจุดทางแยกซ้ายมือที่จะไปเกท 41-46 เราก็จะเห็นป้ายบอกร้านค้าต่างๆที่อยู่ทางไปเกท 51-58 ซึ่งก็จะมีป้ายบอก The Coral Executive Lounge  อยู่ในลำดับที่ 4 ส่วนลำดับที่ 5 ที่มีชื่อคล้ายๆกัน คือ Coral Café จะเป็นร้านกาแฟ ที่บริหารงานโดย The Coral ซึ่งจะอยู่บริเวณเกท 51 นั่นเอง


หลังจากนั้นเดินต่อไปเรื่อยๆผ่านป้ายบอกทางไปเกท 51-58 ป้ายที่1 จนไปถึงป้ายที่ 2 ก็จะเห็น The Coral Executive Lounge  อยู่ทางขวามือเราเอง



บรรยากาศด้านหน้า The Coral Executive Lounge  ดูดีมีสไตล์อย่างมาก เป็นที่น่าสนใจน่าเข้าไปนั่งเล่นนานๆ 55555


ด้านซ้ายของทางเข้ามีป้ายโรลอัพบอกถึงบัตร Priority Pass ที่สามารถเข้าไปใช้บริการได้ ส่วนด้านขวาเป็นป้ายโปรโมชั่นของ Air Asia และ AIS ที่จะได้รับส่วนลดค่าเข้าใช้บริการ และปิดท้ายด้วยป้ายของ The Coral Executive Lounge



เข้ามาด้านในเจอเคาน์เตอร์ต้อนรับ โดยแสดง Boarding pass พร้อมกับบัตร Priority Pass เพื่อให้เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลก่อนเข้าใช้บริการ ก็จะไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย ส่วนด้านซ้ายและด้านขวาจะมีป้ายบอกสิทธิประโยชน์ของบัตรต่างๆที่สามารถเข้าใช้บริการได้ หรือได้รับส่วนลด

สำหรับลูกค้าที่ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆเลย ก็สามารถเข้าใช้บริการได้เช่นกัน โดยเสียค่าใช้บริการครั้งละ 1,000 บาท ต่อการเข้าใช้ 2.30 ชั่วโมง





เมื่อเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลเสร็จแล้ว จะได้รับสลิปเหมือนกับการรูดบัตรเครดิตสมัยก่อน มาให้เราเซ็นต์ชื่อเข้าใช้บริการ พร้อมกับรหัสไวไฟฟรี


ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ต้อนรับ เป็นตู้หนังสือสีขาวขนาดใหญ่ ดูหรูหราดี ที่วางนิตยสาร และหนังสือพิมพ์ไว้ให้ลูกค้าอ่านระหว่างนั่งรอขึ้นเครื่อง


เข้ามาด้านในจะมีโซนพักผ่อนอยู่ 2 ฝั่ง คือฝั่งซ้ายและฝั่งขวา (ห้องน้ำอยู่ฝั่งขวา) ส่วนตรงกลางจะเป็นโซนอาหาร
ด้านซ้ายนอกจากจะมีโซฟาแล้ว ยังมีโต๊ะ Long table อันสวยงามอีกด้วย




ด้านขวามือจะมีเฉพาะส่วนที่เป็นโซฟาเท่านั้น พร้อมกับจอบอกไฟลท์ต่างๆ และจอเปิดภาพบรรยากาศทั่วไป รวมทั้งห้องน้ำยังอยู่ฝั่งขวามมือนี้ด้วย



มาถึงโซนสุดท้ายที่สำคัญ ซึ่งอาจจะเก็บภาพมาได้ไม่ละเอียดหรือครบมากทุกเมนู เพราะมีเวลาไม่นาน เนื่องจากมาถึงสนามบินค่อนข้างช้าแล้ว
เรื่มจากตรงกลาง เป็นมุมของว่างประเภทขบเคี้ยว เช่นคุ้กกี้ต่างๆ


ด้านซ้ายมือ เป็นโซนเครื่องดื่มร้อน และตามด้วยน้ำผลไม้ และขนมปังปิ้ง พร้อมกับเนยและแยม



โค้งถัดมาทางขวา เป็นรถเข็นที่ให้บริการชา Twinings ดูน่ารักดี อยากได้ไปตั้งไว้ที่บ้านสักคัน


ถัดมาอีกเป็นตู้แช่เครื่องดื่ม ที่มีน้ำอัดลม โซดา น้ำเปล่า และขนมหวานที่ต้องแช่เย็น



ถัดมาอีกด้านขวามือ จะเป็นในส่วนอาหารที่เป็นของคาว ทั้งซุป แกงที่วันนี้เป็นแกงแพนง ข้าวผัด และปิดท้ายด้วยสลัดนั่นเอง






สำหรับจานนี้เป็นของผู้ จขกท ที่มีเวลานั่งทานแปปเดียว เลยไม่ค่อยได้จัดเต็มเท่าไหร่ ส่วนรสชาติอาหารไปลองทานกันเองนะครับ เพราะแต่ละคนจะชอบรสชาติไม่เหมือนกัน


อย่างที่บอกไปแล้ว จขกท มีเวลาค่อนข้างน้อย อาจจะรีวิวไม่ค่อยละเอียด หรือเก็บภาพมาไม่ครบถ้วนนะครับ ถ้ามีโอกาสได้ไปใช้บริการที่สนามบินดอนเมืองอีก จะเก็บภาพ The Coral Executive Lounge แบบสวยๆมาให้ชมกันใหม่นะครับ
และรอชมรีวิว Lounge อื่นๆได้อีก หากมีทริปใหม่เร็วๆนี้นะคราบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ