คำถามโดย ราหุล
คำตอบโดย ดร. ชากีร ไนค์
ถาม ; ความแตกต่างระหว่าง ภัควันต์ (ศาสนาฮินดู) และอัลลอฮฺ ก็คือ อัลลอฮฺบอกว่าถ้าเจ้าเคารพสิ่งอื่น นอกจากข้า ข้าจะลงโทษเจ้าไปตลอดกาล และจะไม่อภัยบาปแก่เจ้า แต่ไม่มีสักคำในคำภีร์ฮินดู ที่ภัควันต์ บอกว่า ถ้าเจ้าเคารพบูชาสิ่งอื่นใด นอกจากข้า เจ้าจะต้องตกนรก ตลอดกาล
ที่พูดมานั้นก็คือ แนวคิดเรื่องพระเจ้า ในศาสนา อิสลาม คริสต์ และยิว จะคล้ายกัน นั่นคือพระเจ้า จะรู้สึก แย่เมื่อผู้คนไปเคารพ บูชา สิ่งอื่น แต่แนวคิดศาสนาอีกฝั่งหนึ่ง คือ ฮินดูหรือ พุทธ พระเจ้าฝั่งนั้น ใจกว้างกว่า เพราะพระองค์ไม่ได้บอกว่าข้าจะให้เจ้าตกนรก ถ้าเจ้า ไม่ศรัทธาในข้า และแม้ว่าผมจะเข้าใจว่า การบูชารูปปั้นนั้นเป็นสิ่งผิด การบูชาสิ่งที่ถูกสร้างเป็นสิ่งผิด แต่ผมรู้สึกว่า โดยนิยามแล้ว ไม่มีใครเหมือนพระเจ้าอยู่แล้ว แล้วทำไมในอัลกุรอาน หรือไบเบิล หรือคำภีร์ยิว เราถึงใส่ความรู้สึกแบบมนุษย์ ให้พระเจ้า
ยกตัวอย่างเช่น พ่อผม ให้ ทุกอย่าง ให้เงินผม แล้วผมเอาเงินนั้นให้คนจน ถ้าวันนึงผมลืมพ่อผม พ่อผม คงรู้สึกแย่ แต่นั้นคือธรรมชาติของมนุษย์ พระเจ้าต้องใจกว้างกว่านั้น ถึงแม้ผมไม่ได้สักการะพระองค์ พระองค์ ไม่ควรให้ผมตกนรกเพราะมันคือความเห็นแก่ตัว,ความเห็นแก่ตัวเป็นลักษณะของมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า นี่คือความรู้สึก ต่อเรื่องพระเจ้าในความคิดของผม ?
ตอบ ; เขาเข้าใจว่าทุกศาสนา ไม่ว่า จะเป็นคริสต์ อิสลาม ฮินดู บอกว่าไม่มีพระเจ้า อื่นใดนอกจากพระเจ้าองค์เดียว ห้ามสร้างรูปปั้น หรือรูปเคารพ แต่อิสลามไปไกลกว่านั้นอีก พระเจ้าจะให้อภัยทุกบาป ยกเว้นบาปตั้งภาคี ในสุเราะหฺอันนิซาอฺ 4:48 และสุเราะห์ อันนิซาอฺ 4:116
แต่ในศาสนาฮินดูและศาสนาคริสต์ ไม่มีคำสอนที่บอกว่า ถ้าเจ้าตั้งภาคี พระเจ้าจะไม่ให้อภัยเจ้า ก่อนที่จะตอบคำถามคุณเรื่องความใจกว้างของพระเจ้า
คุณรู้ไหมว่า ในอัลกุรอาน ไม่มีบอกเลยว่า ถ้าคุณฆ่าคน อัลลอฮฺ จะไม่ให้อภัย แสดงว่าผมควรฆ่าคนไหม ? การฆ่าคนถือเป็นบาปใหญ่ในอิสลาม เป็นบาปใหญ่อันดับสอง รองจากการตั้งภาคีต่อพระเจ้า , ในอัลกุรอาน สุเราะห์ มาอิดะห์ 5:32 “แท้จริงผู้ใดฆ่าชีวิตหนึ่ง โดยมิใช่เป็นการชดเชยชีวิตหนึ่ง หรือมิใช่การบ่อนทำลายในแผ่นดินแล้ว ก็ประหนึ่งว่า เขาได้ฆ่ามนุษย์ทั้งมวล”
แต่กลับไม่มีเลยสักคำในอัลกุรอานที่บอกว่า คุณฆ่าคน อัลลอฮฺ จะไม่ให้อภัยบาปคุณ นั้นหมายความว่า ผมฆ่าคนได้ใช่ไหม ? / ไม่
เช่นเดียวกันเมื่อคำภีร์พระเวทไม่ได้บอกว่าอย่าตั้งภาคี เพราะพระเจ้าจะไม่ให้อภัยบาป คุณก็ไม่ควรตั้งภาคี
ในอิสลามถ้าเจ้าไม่ได้ทำสิ่งนี้ ข้าจะลงโทษเจ้า นั้นเป็นความรูสึกธรรมชาติของมนุษย์ อย่างเช่นพ่อให้เงินลูก ลูกเอาเงินไปบริจาค วันต่อมาลูกลืมเรื่องเงิน ที่พ่อเคยให้ไว้ แล้วพ่อก็เสียใจ มันเป็นธรรมชาติความรู้สึกของมนุษย์ ผมเห็นด้วยกับคุณ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่านั้นมาก ทำไมพระเจ้าต้องเสียใจเรื่องเเบบนี้ด้วย ?
ในอัลกุรอานบอกว่า อัลลอฮฺไม่ได้ขอจากท่าน ท่านต่างหากที่ขอจากอัลลอฮฺ ทีนี้มาสู่คำถาม ผมจะทำให้คำถามดูง่ายขึ้น ทำไมเราต้องพูดว่า “อัลลอฮฺอักบัร” อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ อัลลอฮฺของเราเราพูดว่า อัลลอฮฺอัคบัร แต่ถ้าพรุ่งนี้เราไม่ได้พูด อัลลอฮฺก็ยังคงยิ่งใหญ่ คุณคิดว่าความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ เล็กลงหรือปล่าว ?/ ไม่
ไม่ว่าคุณจะพูดหรือไม่ อัลลอฮฺก็ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะพูดหรือไม่ ก็ไม่เเตกต่างกัน เพราะ อัลลอฮฺยิ่งใหญ่อยู่แล้ว แล้วทำไมอัลลอฮฺจึงให้เราพูดขึ้นมาอีกนั่นคือคำถาม ? คำถามก็คือ อัลลอฮฺรู้จิตวิทยาของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น แม่คุณเป็นหัวใจวาย และคุณทราบมาว่ามีหมอที่เชี่ยวชาญ โรคหัวใจที่สุดในโลก คุณรู้ว่าเขาเก่งและโด่งดัง เขาให้คำแนะนำแก่แม่คุณ และอยู่ๆก็มีใครไม่รู้ มาให้คำแนะนำแก่แม่คุณ คุณจะทำตามคนไหน ? /ก็ต้องตามคนที่เชี่ยวชาญโรคหัวใจ เพราะเขาเก่งและโด่งดัง
ดังนั้นเหตุผลที่อัลลอฮฺขอให้คุณร้องขอ มันไม่เป็นประโยชน์ ต่ออัลลอฮฺ แต่มันเป็นประโยชน์ของคุณนั้นแหละ เพราะร้องขออัลลอฮฺคุณจะทำตามอัลลอฮฺ และการทำตาม อัลลอฮฺไม่ได้ประโยชน์ แต่คุณต่างหากที่ได้รับประโยชน์ เช่นเดียวกับหมอให้คำแนะนำคุณ เขาไม่ได้ประโยชน์ แต่คุณได้รับประโยชน์ คุณไม่ต้องให้อะไรแก่อัลลอฮฺเลย อัลลอฮฺไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย แต่ตอนที่คุณขอต่ออัลลอฮฺ เราพูดว่า อัลลอฮฺผู้ทรงฉลาดยิ่งอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ อัลลอฮฺผู้ทรงปราณี ที่เราพูดคำเหล่านี้ออกไป ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรต่ออัลลอฮฺ แต่เป็นประโยชน์กับเราเอง ดังนั้นเมื่อคุณสักการะพระองค์ ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อพระองค์ แต่เป็นประโยชน์ต่อคุณเอง เมื่อคุณทำตามคำแนะนำของหมอ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ แต่คุณก็ต้องจ่ายให้หมอ ,แต่คุณไม่ต้องจ่ายให้อัลลอฮฺ เช่นเดียว กันอัลลอฮฺผู้ทรงใจกว้าง ถ้าพระองค์ลงโทษคุณ คุณคิดว่าอัลลอฮฺ จะได้รับประโยชน์หรือ ?/ ไม่
ถ้าอัลลอฮฺจะลงโทษคุณ อัลลอฮฺจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร แต่พระองค์แค่ขู่เท่านั้น ถ้าคุณดื่มเหล้า อัลลอฮฺจะลงโทษคุณ ถ้าเสพยา อัลลอฮฺ จะลงโทษคุณ แม้ว่าคุณจะดื่มหรือจะเสพ มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรต่อพระองค์ ทีนี้สมมติว่าพระองค์บอกคุณว่าอย่าเสพ ถ้าคุณเสพยา พระองค์จะไม่ลงโทษคุณ คุณจะเสพยาไหม ก็แล้วแต่คุณ /ไม่ ผมจะไม่เสพ ถ้าผมเสพแล้วผมรู้ว่ามันไม่ดี แต่ผมเเค่ไม่ต้องการให้พระองค์เอานรกมาขู่ผม /
พระเจ้าใช้วิธีการโน้มน้าวใจคนไม่เหมือนกัน บางคนด้วยเหตุผล และตรรกะ ถ้าคุณเป็นพวกมีเหตุผล พระองค์ก็จะโน้มน้าวคุณด้วยตรรกะและเหตุผล พระองค์โน้มน้าวบางคนด้วยความกลัว บางคนด้วยการลงโทษ บางคนด้วยผลตอบแทน มีอยู่สาม สี่ วิธีนี้ที่อัลลอฮฺโน้มน้าว คุณได้รับการโน้มน้าวด้วยตรรกะ คุณคล้ายผม บางคนไม่ชอบการโน้มน้าวด้วยตรรกะ ผมจะได้รับการตอบเเทน ผมจะทำ ผมจะได้รับการลงโทษ ผมจะไม่ทำ
ทีนี้ สมมติว่าครูกำลังให้นักเรียน ทำข้อสอบ 2+2ได้เท่าไหร่ 4 ครูบอกนักเรียนว่าใครถูก ครูจะให้ผ่าน ใครทำผิด จะให้สอบตก ที่ผ่านมาครูสอนหลายต่อหลายอย่าง นักเรียนจำได้ไม่ทั้งหมดหรอก แต่จำอะไรได้ก็เขียนไป ถ้าถูกครูให้ผ่าน ถ้าผิด ครูให้ตก ทีนี้ นักเรียน เริ่มทบทวนความจำแล้วเหมือนอย่างที่คุณจบวิศวะนั้นแหละ คุณกลัวสอบตก ถ้าครูบอกว่าไม่เป็นไร แม้ว่าจะทำถูกหรือผิดก็ตาม ครูก็จะให้ผ่านทั้งหมดแบบนี้คุณจะเรียนไหม / ไม่
ลองคิดด้วยตรรกะของคุณ คุณเข้าใจกฎของบอยล์ คุณเข้าใจตรีโกณมิติ คุณเข้าใจเคมี แต่เพื่อให้จดจำได้ คุณต้องตั้งใจ คุณต้องท่องจำ ถ้าครูบอกว่า จะทำถูกหรือผิดก็ไม่เป็นไร คุณเขียนคำตอบของ 2+2ได้ 3ครูจะให้ผ่าน คุณจะเรียนไหม ? /ไม่ ครูบอกว่าคุณกำลังศึกษาเพื่อให้ได้ปริญญา ถ้าสอบตกคุณจะไม่ได้ปริญญา ในกรณีแบบนี้ พระเจ้าถึงได้พูดด้วยตรรกะ ทำอะไรความคิดเขาไม่ได้ จึงขู่ด้วยนรก สวรรค์ สำหรับบางคน ถ้าคุณทำ คุณจะได้ผลตอบเเทน อย่างเช่นคุณพูดกับลูกคุณ บางครั้งคุณพูดด้วยเหตุผล บางครั้งคุณพูดว่าถ้าทำพ่อจะให้ช้อกโกเเลต บางครั้งคุณก็พูดว่าถ้าทำ คุณจะตี พระเจ้ารู้ดี ถึงจิตวิทยาของมนุษย์ เพราะพระองค์เป็นผู้สร้าง
บางครั้งพูดด้วยตรรกะ บางครั้งด้วยเหตุผล บางครั้งด้วยผลตอบแทน บางครั้งด้วยบทลงโทษ แต่สิ่งที่พระองค์ พูดคุณจะต้องทำตาม พระองค์จะไม่โกหก สิ่งที่พระองค์พูดคุณจะต้องทำตาม พระองค์โน้มน้าวใจคุณ อย่างเช่นลูกคุณ
สมมติว่าลูกคุณอายุ 5ปี อยากจะกระโดดจากชั้นสิบ คุณบอกว่าอย่าโดด แต่ลูกคุณยังยืนยันจะโดด ลูกจะตายน่ะ ถ้าโดดลงไป ถ้าพูดไม่ฟัง พ่อจะตีน่ะ
คุณบอกว่าถ้าทำคุณจะตี ถ้าเขาโดดจริงคุณจะตีเขา พ่อแค่ขู่ลูกเท่านั้นเอง คุณอยากจะตี เขาจริงๆไหม ? /ไม่ คุณแค่ป้องกันไม่ให้เขาบาดเจ็บ ตอนที่เขายังเด็กคุณบอกว่าจะตี แต่คุณก็ไม่ได้ตี
เช่นเดียวกัน กับที่พระเจ้าบอกไว้ ว่าอันนี้ดี อันนี้ไม่ดี อันนั้น ได้รับผลตอบแทน เเละอันนี้ ได้รับบทลงโทษ แต่พระองค์พูดอะไร พระองค์ทำจริง ดังนั้นในอิสลาม พระเจ้ามีความยุติธรรม แนวคิดของพระเจ้านั้นใจกว้าง ถ้าพระองค์ให้มนุษย์ สักการะพระเจ้าอื่นด้วย
จะถูกหรือผิด คุณครูจะให้ผ่านทั้งหมด จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทำเช่นนั้น สมมติพรุ่งนี้ มี นักเรียนทำผิด เขียนคำตอบผิด คุณท่องจำมาทั้งคืน ขณะที่เขาสังสรรค์ทั้งคืน เเล้วทำข้อสอบไม่ได้ อยู่ๆครูบอกว่า ให้ทุกคนผ่าน คุณจะนับถือครูอีกไหม ? /ไม่ เพราะเขาไม่ยุติธรรม/ไม่ใช่คนดี เพราะว่าคุณเชื่อในความยุติธรรม เมื่อพระเจ้า ให้ความเมตตาแล้ว พระองค์ก็ยุติธรรมด้วยเช่นกัน ลองนึกภาพมีคนมาข่มขืนน้องสาวคุณ ข่มขืนเเม่คุณ เเล้วพระเจ้าแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ข้าจะให้อภัย
/แต่พระเจ้าไม่ควรใส่เกียรติให้ตัวเอง บอกว่า ต้องเคารพเพียงเเต่ข้า ห้ามตั้งภาคีเคารพสิ่งอื่น นั้นเป็นความเห็นแก่ตัว
ถ้าหมอหัวใจบอกแม่ว่ายาตัวนี้เป็นยาดี กินยาตัวนี้อย่างเดียวและห้ามกินยาอื่น อยู่ๆมีใครก็ไม่รู้มาบอกว่ากินยาตัวนี้ด้วย หมอหัวใจได้บอกไว้แล้ว ถ้าแม่คุณกินยาตัวอื่นร่วมด้วย แม่คุณจะตายทันที คุณยังจะทำตามคนอื่นหรือไม่ /ไม่เเน่นอน
ใช่เพราะหมอหัวใจมีความเชี่ยวชาญ คุณจึงตามหมอ ถ้าคุณทำตามหมอหัวใจแล้ว ทำไมคุณถึงไม่อยากทำตามผู้สร้างหัวใจคุณ ?
คุณใช้ตรรกะที่คุณทำตามหมอหัวใจ บอกคุณว่าอย่าฟังคนอื่นเพราะมันอาจจะอันตราย หมอหัวใจคนนั้นยังสามารถผิดพลาดได้ เพราะเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ในเมื่อพระเจ้า บอกว่า อย่าเคารพภักดี สิ่งอื่น นอกจากข้า พระองค์รู้อยู่แล้ว ว่าแม้คุณจะสักการะสิ่งอื่น พระองค์ก็ยังคงยิ่งใหญ่ และถ้าคุณทำตามสิ่งที่ผิด มันก็จะเป็นภัยต่อคุณ พระเจ้าไม่ต้องให้สิ่งถูกสร้างของพระองค์ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นภัย พระองค์เตือนพวกเราในรูปแบบต่างๆ บาปบางอย่างพระองค์อาจจะให้อภัย อย่างเช่นการฆ่าคน ถือเป็นบาปใหญ่ แต่ถ้าคุณเคารพสักการะสิ่งอื่น คุณก็ทำบาปอื่นได้ คุณฆ่าคน คุณเสพยา คุณข่มขืน นี่คือคำแนะนำ
เพราะพระองค์เป็นผู้สร้าง พระองค์รู้ดีว่าไม่มีใครสามารถเป็นผู้สร้างได้อีก ถ้ามีสิ่งอื่นพยายามจะเทียบเคียงผู้สร้าง และพระองค์ รู้ดีว่า ไม่มีใครสร้างเจ้าได้ ยกเว้นข้า สิ่งนี้จะเป็นภัยอย่างมาก นั้นคือเหตุผลที่พระองค์บอกว่าเคารพสักการะสิ่งอื่น ขอจากคนอื่นนอกจากผู้สร้าง ไม่ใช่การขอแบบปกติทั่วไป เหมือนขอพ่อ ขอแม่ ไม่มีปัญหา แต่ทำตามข้อห้ามของพระเจ้า
ผมได้ตรวจอัลกุรอานด้วยวิทยาศาสตร์ และมันตรง ผมได้ตรวจคำภีร์ฮินดูด้วยวิทยาศาสตร์ และมันไม่ตรง ผมได้ตรวจสอบไบเบิลด้วยวิทยาศาสตร์ และมันไม่ตรง ถ้าแม้ผมเห็นด้วยกับคุณ กับคำถามก่อนหน้านี้ที่ว่า บางอย่างในอัลกุรอาน ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์
แต่ 80%ในอัลกุรอาน ตรงทั้งหมด ส่วนอีก20% นั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ อินชาอัลลอฮฺ ด้วยตรรกะและเหตุผล อีก 20%นั้น ก็จะถูก
/คุณหมายถึงว่า 80%ถูกทั้งหมด อีก 20%ก็ต้องถูกด้วยหรอ?
ผมจะบอกคุณให้อย่างหนึ่งว่า ความรู้ของคุณยังไม่ถึงขั้น ความรู้ของผม ก็ยังไม่ถึงขั้น และ วิทยาศาสตร์ ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น อาจจะอีกร้อยปีข้างหน้า หรือพันปีข้างหน้า มันอาจจะพิสูน์ได้อีก 20%ว่าถูก ความรู้ของเราไม่จำกัดอยู่แล้ว ปัญหาตอนนี้อยู่ที่คุณกับผม ไม่ใช่ที่อัลกุรอาน
เช่นเดียวกันกับผู้ที่มีความชำนาญ อย่างหมอหัวใจ เขารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาบอกว่ากินยานี้ อย่ากินยาอื่นๆ แต่คนที่ไม่ชำนาญบอกว่า กินยานี้บ้าง กินยานู้นบ้าง และผู้ที่มีความมั่นใจมากอย่างพระเจ้า พระองค์ จึงให้บัญญัติเรามา
คุณยังไม่เชื่อในพระเจ้ามาก เมื่อคุณมั่นใจในพระองค์ คุณจะทำตามพระองค์ ตัวผมเชื่อว่านี่คือคำดำรัสของพระเจ้า แต่คุณยังไม่เชื่อ แต่มีคนบอกว่า คำภีร์เล่มนี้สมบูรณ์แบบ คุณรู้ดีว่า ถ้าเอาคำภีร์เล่มอื่นมาตรวจสอบมันจะมีหลายอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล
ผมขอท้าคุณเลยว่าให้เอาคำภีร์อื่นๆมาตรวจสอบ คุณจึงจะรู้ว่าไม่มีเล่มไหน เทียบได้กับอัลกุรอาน / ใช่ผมยอมรับว่า ไม่มีคำภีร์ไหนที่สมเหตุสมผลได้เท่าอัลกุรอาน เท่าที่ผมได้อ่านมา
ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าคำภีร์เล่มนี้ถูก ดังนั้น ผู้ที่เห็นแก่ตัวนั้นก็คือตัวคุณ ไม่ใช่พระเจ้า .
...
ทำไมพระเจ้าในอิสลาม คริสต์ ยิว จะรู้สึกแย่เมื่อผู้คนไปบูชาสิ่งอื่น ในขณะที่พระเจ้าในพุทธ ฮินดู จะใจกว้างกว่า ?
คำตอบโดย ดร. ชากีร ไนค์
ถาม ; ความแตกต่างระหว่าง ภัควันต์ (ศาสนาฮินดู) และอัลลอฮฺ ก็คือ อัลลอฮฺบอกว่าถ้าเจ้าเคารพสิ่งอื่น นอกจากข้า ข้าจะลงโทษเจ้าไปตลอดกาล และจะไม่อภัยบาปแก่เจ้า แต่ไม่มีสักคำในคำภีร์ฮินดู ที่ภัควันต์ บอกว่า ถ้าเจ้าเคารพบูชาสิ่งอื่นใด นอกจากข้า เจ้าจะต้องตกนรก ตลอดกาล
ที่พูดมานั้นก็คือ แนวคิดเรื่องพระเจ้า ในศาสนา อิสลาม คริสต์ และยิว จะคล้ายกัน นั่นคือพระเจ้า จะรู้สึก แย่เมื่อผู้คนไปเคารพ บูชา สิ่งอื่น แต่แนวคิดศาสนาอีกฝั่งหนึ่ง คือ ฮินดูหรือ พุทธ พระเจ้าฝั่งนั้น ใจกว้างกว่า เพราะพระองค์ไม่ได้บอกว่าข้าจะให้เจ้าตกนรก ถ้าเจ้า ไม่ศรัทธาในข้า และแม้ว่าผมจะเข้าใจว่า การบูชารูปปั้นนั้นเป็นสิ่งผิด การบูชาสิ่งที่ถูกสร้างเป็นสิ่งผิด แต่ผมรู้สึกว่า โดยนิยามแล้ว ไม่มีใครเหมือนพระเจ้าอยู่แล้ว แล้วทำไมในอัลกุรอาน หรือไบเบิล หรือคำภีร์ยิว เราถึงใส่ความรู้สึกแบบมนุษย์ ให้พระเจ้า
ยกตัวอย่างเช่น พ่อผม ให้ ทุกอย่าง ให้เงินผม แล้วผมเอาเงินนั้นให้คนจน ถ้าวันนึงผมลืมพ่อผม พ่อผม คงรู้สึกแย่ แต่นั้นคือธรรมชาติของมนุษย์ พระเจ้าต้องใจกว้างกว่านั้น ถึงแม้ผมไม่ได้สักการะพระองค์ พระองค์ ไม่ควรให้ผมตกนรกเพราะมันคือความเห็นแก่ตัว,ความเห็นแก่ตัวเป็นลักษณะของมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า นี่คือความรู้สึก ต่อเรื่องพระเจ้าในความคิดของผม ?
ตอบ ; เขาเข้าใจว่าทุกศาสนา ไม่ว่า จะเป็นคริสต์ อิสลาม ฮินดู บอกว่าไม่มีพระเจ้า อื่นใดนอกจากพระเจ้าองค์เดียว ห้ามสร้างรูปปั้น หรือรูปเคารพ แต่อิสลามไปไกลกว่านั้นอีก พระเจ้าจะให้อภัยทุกบาป ยกเว้นบาปตั้งภาคี ในสุเราะหฺอันนิซาอฺ 4:48 และสุเราะห์ อันนิซาอฺ 4:116
แต่ในศาสนาฮินดูและศาสนาคริสต์ ไม่มีคำสอนที่บอกว่า ถ้าเจ้าตั้งภาคี พระเจ้าจะไม่ให้อภัยเจ้า ก่อนที่จะตอบคำถามคุณเรื่องความใจกว้างของพระเจ้า
คุณรู้ไหมว่า ในอัลกุรอาน ไม่มีบอกเลยว่า ถ้าคุณฆ่าคน อัลลอฮฺ จะไม่ให้อภัย แสดงว่าผมควรฆ่าคนไหม ? การฆ่าคนถือเป็นบาปใหญ่ในอิสลาม เป็นบาปใหญ่อันดับสอง รองจากการตั้งภาคีต่อพระเจ้า , ในอัลกุรอาน สุเราะห์ มาอิดะห์ 5:32 “แท้จริงผู้ใดฆ่าชีวิตหนึ่ง โดยมิใช่เป็นการชดเชยชีวิตหนึ่ง หรือมิใช่การบ่อนทำลายในแผ่นดินแล้ว ก็ประหนึ่งว่า เขาได้ฆ่ามนุษย์ทั้งมวล”
แต่กลับไม่มีเลยสักคำในอัลกุรอานที่บอกว่า คุณฆ่าคน อัลลอฮฺ จะไม่ให้อภัยบาปคุณ นั้นหมายความว่า ผมฆ่าคนได้ใช่ไหม ? / ไม่
เช่นเดียวกันเมื่อคำภีร์พระเวทไม่ได้บอกว่าอย่าตั้งภาคี เพราะพระเจ้าจะไม่ให้อภัยบาป คุณก็ไม่ควรตั้งภาคี
ในอิสลามถ้าเจ้าไม่ได้ทำสิ่งนี้ ข้าจะลงโทษเจ้า นั้นเป็นความรูสึกธรรมชาติของมนุษย์ อย่างเช่นพ่อให้เงินลูก ลูกเอาเงินไปบริจาค วันต่อมาลูกลืมเรื่องเงิน ที่พ่อเคยให้ไว้ แล้วพ่อก็เสียใจ มันเป็นธรรมชาติความรู้สึกของมนุษย์ ผมเห็นด้วยกับคุณ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่านั้นมาก ทำไมพระเจ้าต้องเสียใจเรื่องเเบบนี้ด้วย ?
ในอัลกุรอานบอกว่า อัลลอฮฺไม่ได้ขอจากท่าน ท่านต่างหากที่ขอจากอัลลอฮฺ ทีนี้มาสู่คำถาม ผมจะทำให้คำถามดูง่ายขึ้น ทำไมเราต้องพูดว่า “อัลลอฮฺอักบัร” อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ อัลลอฮฺของเราเราพูดว่า อัลลอฮฺอัคบัร แต่ถ้าพรุ่งนี้เราไม่ได้พูด อัลลอฮฺก็ยังคงยิ่งใหญ่ คุณคิดว่าความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ เล็กลงหรือปล่าว ?/ ไม่
ไม่ว่าคุณจะพูดหรือไม่ อัลลอฮฺก็ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะพูดหรือไม่ ก็ไม่เเตกต่างกัน เพราะ อัลลอฮฺยิ่งใหญ่อยู่แล้ว แล้วทำไมอัลลอฮฺจึงให้เราพูดขึ้นมาอีกนั่นคือคำถาม ? คำถามก็คือ อัลลอฮฺรู้จิตวิทยาของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น แม่คุณเป็นหัวใจวาย และคุณทราบมาว่ามีหมอที่เชี่ยวชาญ โรคหัวใจที่สุดในโลก คุณรู้ว่าเขาเก่งและโด่งดัง เขาให้คำแนะนำแก่แม่คุณ และอยู่ๆก็มีใครไม่รู้ มาให้คำแนะนำแก่แม่คุณ คุณจะทำตามคนไหน ? /ก็ต้องตามคนที่เชี่ยวชาญโรคหัวใจ เพราะเขาเก่งและโด่งดัง
ดังนั้นเหตุผลที่อัลลอฮฺขอให้คุณร้องขอ มันไม่เป็นประโยชน์ ต่ออัลลอฮฺ แต่มันเป็นประโยชน์ของคุณนั้นแหละ เพราะร้องขออัลลอฮฺคุณจะทำตามอัลลอฮฺ และการทำตาม อัลลอฮฺไม่ได้ประโยชน์ แต่คุณต่างหากที่ได้รับประโยชน์ เช่นเดียวกับหมอให้คำแนะนำคุณ เขาไม่ได้ประโยชน์ แต่คุณได้รับประโยชน์ คุณไม่ต้องให้อะไรแก่อัลลอฮฺเลย อัลลอฮฺไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย แต่ตอนที่คุณขอต่ออัลลอฮฺ เราพูดว่า อัลลอฮฺผู้ทรงฉลาดยิ่งอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ อัลลอฮฺผู้ทรงปราณี ที่เราพูดคำเหล่านี้ออกไป ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรต่ออัลลอฮฺ แต่เป็นประโยชน์กับเราเอง ดังนั้นเมื่อคุณสักการะพระองค์ ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อพระองค์ แต่เป็นประโยชน์ต่อคุณเอง เมื่อคุณทำตามคำแนะนำของหมอ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ แต่คุณก็ต้องจ่ายให้หมอ ,แต่คุณไม่ต้องจ่ายให้อัลลอฮฺ เช่นเดียว กันอัลลอฮฺผู้ทรงใจกว้าง ถ้าพระองค์ลงโทษคุณ คุณคิดว่าอัลลอฮฺ จะได้รับประโยชน์หรือ ?/ ไม่
ถ้าอัลลอฮฺจะลงโทษคุณ อัลลอฮฺจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร แต่พระองค์แค่ขู่เท่านั้น ถ้าคุณดื่มเหล้า อัลลอฮฺจะลงโทษคุณ ถ้าเสพยา อัลลอฮฺ จะลงโทษคุณ แม้ว่าคุณจะดื่มหรือจะเสพ มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรต่อพระองค์ ทีนี้สมมติว่าพระองค์บอกคุณว่าอย่าเสพ ถ้าคุณเสพยา พระองค์จะไม่ลงโทษคุณ คุณจะเสพยาไหม ก็แล้วแต่คุณ /ไม่ ผมจะไม่เสพ ถ้าผมเสพแล้วผมรู้ว่ามันไม่ดี แต่ผมเเค่ไม่ต้องการให้พระองค์เอานรกมาขู่ผม /
พระเจ้าใช้วิธีการโน้มน้าวใจคนไม่เหมือนกัน บางคนด้วยเหตุผล และตรรกะ ถ้าคุณเป็นพวกมีเหตุผล พระองค์ก็จะโน้มน้าวคุณด้วยตรรกะและเหตุผล พระองค์โน้มน้าวบางคนด้วยความกลัว บางคนด้วยการลงโทษ บางคนด้วยผลตอบแทน มีอยู่สาม สี่ วิธีนี้ที่อัลลอฮฺโน้มน้าว คุณได้รับการโน้มน้าวด้วยตรรกะ คุณคล้ายผม บางคนไม่ชอบการโน้มน้าวด้วยตรรกะ ผมจะได้รับการตอบเเทน ผมจะทำ ผมจะได้รับการลงโทษ ผมจะไม่ทำ
ทีนี้ สมมติว่าครูกำลังให้นักเรียน ทำข้อสอบ 2+2ได้เท่าไหร่ 4 ครูบอกนักเรียนว่าใครถูก ครูจะให้ผ่าน ใครทำผิด จะให้สอบตก ที่ผ่านมาครูสอนหลายต่อหลายอย่าง นักเรียนจำได้ไม่ทั้งหมดหรอก แต่จำอะไรได้ก็เขียนไป ถ้าถูกครูให้ผ่าน ถ้าผิด ครูให้ตก ทีนี้ นักเรียน เริ่มทบทวนความจำแล้วเหมือนอย่างที่คุณจบวิศวะนั้นแหละ คุณกลัวสอบตก ถ้าครูบอกว่าไม่เป็นไร แม้ว่าจะทำถูกหรือผิดก็ตาม ครูก็จะให้ผ่านทั้งหมดแบบนี้คุณจะเรียนไหม / ไม่
ลองคิดด้วยตรรกะของคุณ คุณเข้าใจกฎของบอยล์ คุณเข้าใจตรีโกณมิติ คุณเข้าใจเคมี แต่เพื่อให้จดจำได้ คุณต้องตั้งใจ คุณต้องท่องจำ ถ้าครูบอกว่า จะทำถูกหรือผิดก็ไม่เป็นไร คุณเขียนคำตอบของ 2+2ได้ 3ครูจะให้ผ่าน คุณจะเรียนไหม ? /ไม่ ครูบอกว่าคุณกำลังศึกษาเพื่อให้ได้ปริญญา ถ้าสอบตกคุณจะไม่ได้ปริญญา ในกรณีแบบนี้ พระเจ้าถึงได้พูดด้วยตรรกะ ทำอะไรความคิดเขาไม่ได้ จึงขู่ด้วยนรก สวรรค์ สำหรับบางคน ถ้าคุณทำ คุณจะได้ผลตอบเเทน อย่างเช่นคุณพูดกับลูกคุณ บางครั้งคุณพูดด้วยเหตุผล บางครั้งคุณพูดว่าถ้าทำพ่อจะให้ช้อกโกเเลต บางครั้งคุณก็พูดว่าถ้าทำ คุณจะตี พระเจ้ารู้ดี ถึงจิตวิทยาของมนุษย์ เพราะพระองค์เป็นผู้สร้าง
บางครั้งพูดด้วยตรรกะ บางครั้งด้วยเหตุผล บางครั้งด้วยผลตอบแทน บางครั้งด้วยบทลงโทษ แต่สิ่งที่พระองค์ พูดคุณจะต้องทำตาม พระองค์จะไม่โกหก สิ่งที่พระองค์พูดคุณจะต้องทำตาม พระองค์โน้มน้าวใจคุณ อย่างเช่นลูกคุณ
สมมติว่าลูกคุณอายุ 5ปี อยากจะกระโดดจากชั้นสิบ คุณบอกว่าอย่าโดด แต่ลูกคุณยังยืนยันจะโดด ลูกจะตายน่ะ ถ้าโดดลงไป ถ้าพูดไม่ฟัง พ่อจะตีน่ะ
คุณบอกว่าถ้าทำคุณจะตี ถ้าเขาโดดจริงคุณจะตีเขา พ่อแค่ขู่ลูกเท่านั้นเอง คุณอยากจะตี เขาจริงๆไหม ? /ไม่ คุณแค่ป้องกันไม่ให้เขาบาดเจ็บ ตอนที่เขายังเด็กคุณบอกว่าจะตี แต่คุณก็ไม่ได้ตี
เช่นเดียวกัน กับที่พระเจ้าบอกไว้ ว่าอันนี้ดี อันนี้ไม่ดี อันนั้น ได้รับผลตอบแทน เเละอันนี้ ได้รับบทลงโทษ แต่พระองค์พูดอะไร พระองค์ทำจริง ดังนั้นในอิสลาม พระเจ้ามีความยุติธรรม แนวคิดของพระเจ้านั้นใจกว้าง ถ้าพระองค์ให้มนุษย์ สักการะพระเจ้าอื่นด้วย
จะถูกหรือผิด คุณครูจะให้ผ่านทั้งหมด จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทำเช่นนั้น สมมติพรุ่งนี้ มี นักเรียนทำผิด เขียนคำตอบผิด คุณท่องจำมาทั้งคืน ขณะที่เขาสังสรรค์ทั้งคืน เเล้วทำข้อสอบไม่ได้ อยู่ๆครูบอกว่า ให้ทุกคนผ่าน คุณจะนับถือครูอีกไหม ? /ไม่ เพราะเขาไม่ยุติธรรม/ไม่ใช่คนดี เพราะว่าคุณเชื่อในความยุติธรรม เมื่อพระเจ้า ให้ความเมตตาแล้ว พระองค์ก็ยุติธรรมด้วยเช่นกัน ลองนึกภาพมีคนมาข่มขืนน้องสาวคุณ ข่มขืนเเม่คุณ เเล้วพระเจ้าแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ข้าจะให้อภัย
/แต่พระเจ้าไม่ควรใส่เกียรติให้ตัวเอง บอกว่า ต้องเคารพเพียงเเต่ข้า ห้ามตั้งภาคีเคารพสิ่งอื่น นั้นเป็นความเห็นแก่ตัว
ถ้าหมอหัวใจบอกแม่ว่ายาตัวนี้เป็นยาดี กินยาตัวนี้อย่างเดียวและห้ามกินยาอื่น อยู่ๆมีใครก็ไม่รู้มาบอกว่ากินยาตัวนี้ด้วย หมอหัวใจได้บอกไว้แล้ว ถ้าแม่คุณกินยาตัวอื่นร่วมด้วย แม่คุณจะตายทันที คุณยังจะทำตามคนอื่นหรือไม่ /ไม่เเน่นอน
ใช่เพราะหมอหัวใจมีความเชี่ยวชาญ คุณจึงตามหมอ ถ้าคุณทำตามหมอหัวใจแล้ว ทำไมคุณถึงไม่อยากทำตามผู้สร้างหัวใจคุณ ?
คุณใช้ตรรกะที่คุณทำตามหมอหัวใจ บอกคุณว่าอย่าฟังคนอื่นเพราะมันอาจจะอันตราย หมอหัวใจคนนั้นยังสามารถผิดพลาดได้ เพราะเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ในเมื่อพระเจ้า บอกว่า อย่าเคารพภักดี สิ่งอื่น นอกจากข้า พระองค์รู้อยู่แล้ว ว่าแม้คุณจะสักการะสิ่งอื่น พระองค์ก็ยังคงยิ่งใหญ่ และถ้าคุณทำตามสิ่งที่ผิด มันก็จะเป็นภัยต่อคุณ พระเจ้าไม่ต้องให้สิ่งถูกสร้างของพระองค์ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นภัย พระองค์เตือนพวกเราในรูปแบบต่างๆ บาปบางอย่างพระองค์อาจจะให้อภัย อย่างเช่นการฆ่าคน ถือเป็นบาปใหญ่ แต่ถ้าคุณเคารพสักการะสิ่งอื่น คุณก็ทำบาปอื่นได้ คุณฆ่าคน คุณเสพยา คุณข่มขืน นี่คือคำแนะนำ
เพราะพระองค์เป็นผู้สร้าง พระองค์รู้ดีว่าไม่มีใครสามารถเป็นผู้สร้างได้อีก ถ้ามีสิ่งอื่นพยายามจะเทียบเคียงผู้สร้าง และพระองค์ รู้ดีว่า ไม่มีใครสร้างเจ้าได้ ยกเว้นข้า สิ่งนี้จะเป็นภัยอย่างมาก นั้นคือเหตุผลที่พระองค์บอกว่าเคารพสักการะสิ่งอื่น ขอจากคนอื่นนอกจากผู้สร้าง ไม่ใช่การขอแบบปกติทั่วไป เหมือนขอพ่อ ขอแม่ ไม่มีปัญหา แต่ทำตามข้อห้ามของพระเจ้า
ผมได้ตรวจอัลกุรอานด้วยวิทยาศาสตร์ และมันตรง ผมได้ตรวจคำภีร์ฮินดูด้วยวิทยาศาสตร์ และมันไม่ตรง ผมได้ตรวจสอบไบเบิลด้วยวิทยาศาสตร์ และมันไม่ตรง ถ้าแม้ผมเห็นด้วยกับคุณ กับคำถามก่อนหน้านี้ที่ว่า บางอย่างในอัลกุรอาน ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์
แต่ 80%ในอัลกุรอาน ตรงทั้งหมด ส่วนอีก20% นั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ อินชาอัลลอฮฺ ด้วยตรรกะและเหตุผล อีก 20%นั้น ก็จะถูก
/คุณหมายถึงว่า 80%ถูกทั้งหมด อีก 20%ก็ต้องถูกด้วยหรอ?
ผมจะบอกคุณให้อย่างหนึ่งว่า ความรู้ของคุณยังไม่ถึงขั้น ความรู้ของผม ก็ยังไม่ถึงขั้น และ วิทยาศาสตร์ ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น อาจจะอีกร้อยปีข้างหน้า หรือพันปีข้างหน้า มันอาจจะพิสูน์ได้อีก 20%ว่าถูก ความรู้ของเราไม่จำกัดอยู่แล้ว ปัญหาตอนนี้อยู่ที่คุณกับผม ไม่ใช่ที่อัลกุรอาน
เช่นเดียวกันกับผู้ที่มีความชำนาญ อย่างหมอหัวใจ เขารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาบอกว่ากินยานี้ อย่ากินยาอื่นๆ แต่คนที่ไม่ชำนาญบอกว่า กินยานี้บ้าง กินยานู้นบ้าง และผู้ที่มีความมั่นใจมากอย่างพระเจ้า พระองค์ จึงให้บัญญัติเรามา
คุณยังไม่เชื่อในพระเจ้ามาก เมื่อคุณมั่นใจในพระองค์ คุณจะทำตามพระองค์ ตัวผมเชื่อว่านี่คือคำดำรัสของพระเจ้า แต่คุณยังไม่เชื่อ แต่มีคนบอกว่า คำภีร์เล่มนี้สมบูรณ์แบบ คุณรู้ดีว่า ถ้าเอาคำภีร์เล่มอื่นมาตรวจสอบมันจะมีหลายอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล
ผมขอท้าคุณเลยว่าให้เอาคำภีร์อื่นๆมาตรวจสอบ คุณจึงจะรู้ว่าไม่มีเล่มไหน เทียบได้กับอัลกุรอาน / ใช่ผมยอมรับว่า ไม่มีคำภีร์ไหนที่สมเหตุสมผลได้เท่าอัลกุรอาน เท่าที่ผมได้อ่านมา
ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าคำภีร์เล่มนี้ถูก ดังนั้น ผู้ที่เห็นแก่ตัวนั้นก็คือตัวคุณ ไม่ใช่พระเจ้า .
...