คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน ขอบคุณ MC พี่ซี ค่ะ
ได้ความรู้เยอะเลยเรื่องไหว้พระจันทร์ แต่ก่อนไม่รู้อะไร กินหนมอย่างเดียว เคยเห็นแบบสี่เหลี่ยมด้วยค่ะ
แต่ถ้าร้านเก่าๆ เขาจะทำแต่กลมๆ เพิ่งสังเกต
ขอนำมาร่วมแจมในตำนานที่ว่าเกี่ยวกับมองโกล
ในราวปี พ.ศ. 1911 ยุคปลายราชวงศ์หยวน ที่ชาวฮั่นถูกปกครองอย่างกดขี่โดยชาวมองโกล
ชาวฮั่นเมื่อต้องการจะก่อกบฏต่อต้าน จึงทำขนมแล้วแอบสอดสาส์นไว้ข้างใน แล้วนำไปแจกจ่ายให้กับทุกบ้าน
ทหารมองโกลไม่ได้ระแวงถึงจุดประสงค์ของพวกกบฎ เพราะคิดว่าขนมเหล่านั้นเป็นการทำตามประเพณีดั้งเดิมของชาวจีน
ในสาส์นมีข้อความว่า ให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศมาชุมนุมกันครั้งใหญ่ในเดือน 8 นี้ เวลายาม 3 จงสังหารทหารมองโกลพร้อมกัน
อันนำมาซึ่งเอกราชของชาวฮั่น จนกลายเป็นประเพณีการรับประทานและไหว้ขนมไหว้พระจันทร์ในปัจจุบัน
ขนมไหว้พระจันทร์ นัยหนึ่งคือการแสดงความเคารพต่อดวงจันทร์อันแสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อมของผู้คนที่มีต่อธรรมชาติ
ไม่ว่าเทพธิดาดวงจันทร์จะมีจริงหรือไม่ แต่จิตใจที่อ่อนโยน ไม่อหังการ์ จะทำให้มนุษย์รักสิ่งแวดล้อม ทำลายผู้อื่นน้อยลง
อีกนัยหนึ่งคือการเตือนให้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ชาวฮั่นที่ถูกกดขี่แล้วพยายามหาทางลุกขึ้นสู้จนได้ชัยชนะ
ถึงมนุษย์จะไปเหยียบดวงจันทร์แล้ว ก็ไม่แปลก ประเพณีดีๆ ก็ควรอนุรักษ์ไว้เนอะ เราจะได้มีขนมกินกันเยอะๆ เอ้ย ไม่ใช่ละ
Angry Birds Seasons-Mooncake Festival Theme
https://www.youtube.com/watch?v=hgVIrdqBLj0
ได้ความรู้เยอะเลยเรื่องไหว้พระจันทร์ แต่ก่อนไม่รู้อะไร กินหนมอย่างเดียว เคยเห็นแบบสี่เหลี่ยมด้วยค่ะ
แต่ถ้าร้านเก่าๆ เขาจะทำแต่กลมๆ เพิ่งสังเกต
ขอนำมาร่วมแจมในตำนานที่ว่าเกี่ยวกับมองโกล
ในราวปี พ.ศ. 1911 ยุคปลายราชวงศ์หยวน ที่ชาวฮั่นถูกปกครองอย่างกดขี่โดยชาวมองโกล
ชาวฮั่นเมื่อต้องการจะก่อกบฏต่อต้าน จึงทำขนมแล้วแอบสอดสาส์นไว้ข้างใน แล้วนำไปแจกจ่ายให้กับทุกบ้าน
ทหารมองโกลไม่ได้ระแวงถึงจุดประสงค์ของพวกกบฎ เพราะคิดว่าขนมเหล่านั้นเป็นการทำตามประเพณีดั้งเดิมของชาวจีน
ในสาส์นมีข้อความว่า ให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศมาชุมนุมกันครั้งใหญ่ในเดือน 8 นี้ เวลายาม 3 จงสังหารทหารมองโกลพร้อมกัน
อันนำมาซึ่งเอกราชของชาวฮั่น จนกลายเป็นประเพณีการรับประทานและไหว้ขนมไหว้พระจันทร์ในปัจจุบัน
ขนมไหว้พระจันทร์ นัยหนึ่งคือการแสดงความเคารพต่อดวงจันทร์อันแสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อมของผู้คนที่มีต่อธรรมชาติ
ไม่ว่าเทพธิดาดวงจันทร์จะมีจริงหรือไม่ แต่จิตใจที่อ่อนโยน ไม่อหังการ์ จะทำให้มนุษย์รักสิ่งแวดล้อม ทำลายผู้อื่นน้อยลง
อีกนัยหนึ่งคือการเตือนให้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ชาวฮั่นที่ถูกกดขี่แล้วพยายามหาทางลุกขึ้นสู้จนได้ชัยชนะ
ถึงมนุษย์จะไปเหยียบดวงจันทร์แล้ว ก็ไม่แปลก ประเพณีดีๆ ก็ควรอนุรักษ์ไว้เนอะ เราจะได้มีขนมกินกันเยอะๆ เอ้ย ไม่ใช่ละ
Angry Birds Seasons-Mooncake Festival Theme
https://www.youtube.com/watch?v=hgVIrdqBLj0
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
จ่าว่างยาวครัฟฟฟฟ
จ่าโดนไล่ออกจากราชการ
ส่วนเมียก็หนีไปทำงานฟิลิปปินส์พักใหญ่
จ่ามีเวลาได้บรรเลงยาวๆตั้งแต่ ร็อค แจ๊ส ป๊อบ อาร์แอนด์บี อัลเทอเนทีฟ โซล ดิสโก้ บลูส์ ....ไปยัน คลาสสิคคัล เลยแหละ...5555555
วันนี้เอาร็อคก่อน...ร็อคแบบกีต้าร์ฮีโร่ครัชชชชชช
"Always with me, Always with you" เพลงนี้
จ่าว่าน่าจะเป็นแทร็คที่ "ย่อยง่าย" ที่สุดของไอ้ Joe Satriani ครับ
เพราะโดยธรรมชาติของเพลงบรรเลงแล้ว
มันมักจะถูกมองว่าฟังยาก เข้าถึงยาก ต้องปีนบันไดฟัง ฯลฯ
แถมยิ่งเป็นเพลงบรรเลงกีต้าร์ในสาย ฟั้งค์ , ร็อค , เฮฟวี่เมทัล , แจ๊ส, ฟิวชั่น (ในแบบที่ไอ้โจเป็นด้วยแล้ว) ก็ยิ่งไปกันใหญ่
ผู้คนมักจะคิดไว้ก่อนเลยว่า "หนวกหูแน่ๆ" ....55555555
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว
"Always with me, Always with you" นี่ฟังง่ายมาก
เพราะท่วงทำนองแสนจะอ่อนหวาน กีต้าร์คมๆ ดุๆ ใสๆ ไม่รกหูเลยซักนิด
เพียงแต่มันเป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม Surfing with the alien ในปี 1987 ที่ชื่ออัลบั้มฟังแล้วออกแนวอวกาศๆหน่อยๆ ที่อาจทำให้คนคิดว่า "ฟังยาก"
แต่จะว่าไปแล้ว
อัลบั้มนี้ของโจ "ขึ้นหิ้ง" เลยนะครับ
เพราะนักวิจารณ์ และ นักกีต้าร์ส่วนใหญ่ยกให้เป็น 1 ในอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมตลอดกาล
โจถือว่าเริ่มเล่นกีต้าร์ "ช้า" นะครับ
แต่พอจับทางได้มันก็เก่งจนใครก็สอนมันไม่ได้อีกแล้ว
จนตัวมันเองนั่นแหละต้องกลายมาเป็น "ครูกีต้าร์" สอนคนอื่นซะเอง
ลูกศิษย์มันแต่ละคนล้วนกลายเป็นยอดมือกีต้าร์ในเวลาต่อมาทั้งนั้น
"Satriani worked as a guitar instructor,
with many of his former students achieving fame,
such as Steve Vai, Larry LaLonde, Rick Hunolt, Kirk Hammett,
Andy Timmons, Charlie Hunter, Kevin Cadogan, and Alex Skolnick;"
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Joe_Satriani
จริงแล้วมันไม่ได้อยากเป็นนักกีต้าร์อะไรเลย
เพราะไอ้เด็กเชื้อสายอิตาเลี่ยนคนนี้มีนอยากเป็นนักฟุตบอล
ตอนที่มันอายุ 14 นั้น
ไอ้โจกำลังซ้อมบอลอยู่
แล้วมันดันได้ยินข่าวการตายของ "จิมี่ เฮ็นดริกซ์"
เท่านั้นแหละ...ไอ้โจเหมือนมี "องค์ลง"...!!!!
มันตัดสินใจเดินไปบอกโค้ช
ว่ามันจะไม่เล่นบอลต่อไปอีกแล้ว
แต่มันจะขอเบนเข็มไปเป็นนักกีต้าร์แทน
และแล้ว "เด็กขนเพิ่งขึ้น" วัย 14 ปีคนนี้
ก็ไปหัดเล่นกีต้าร์ด้วยการไปเรียน "กีต้าร์แจ๊ส" กับ "บิลบี่ บาวเออร์"
และไหนๆก็ไหนๆแล้วมันก็เรียนแจ๊สเพียโนควบคู่ไปพร้อมๆกันด้วยเลยกับ "เลนนี่ ทริสทาโน่"
ก่อนที่จะกลายมาเป็น "เทพเจ้ากีต้าร์" สาย Rock ในที่สุด...!!!!!!!
ที่สำคัญไอ้โจมันไม่ใช่แค่มือกีต้าร์ธรรมดาๆนะครับ
แต่มันเป็น "นักคิด" ที่ทดลองอะไรใหม่ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ใหม่ตลอดเวลา
วงดังวงแรกที่เห็นแววของไอ้โจ
และไม่ลังเลที่จะส่งเทียบเชิญมันเข้าวงคือวง The Greg Kihn Band
(วัยรุ่นสมัยจ่าไม่มีใครไม่รู้จักเพลง The breakup song ของวงนี้
มันเป็นเพลงที่ทุกเธคต้องเปิด...โห.....ดิ้นกันหัวสั่นหัวคลอนเลยครับ)
ตอนนั้น The Greg Kihn Band อยู่ในช่วง "ขาลง" แล้ว
แต่วงมันมีข้อเสนอที่ไอ้โจถึงกับชะงัก
เพราะวงเขายอมให้เงินไปโจไปโปะบัตรเครดิต
ที่โจไปสร้างหนี้ไว้ในตอนที่ร้อนวิชาทำอัลบั้ม Not of this earth ที่เป็นอัลบั้มแรกของไอ้โจ
55555.....มันเล่นกันง่ายๆเลย...ชวนเข้าวงด้วยการให้เงินไปโปะบัตรเครดิต....
ยัง...ยังมีอีกครับ
ไอ้โจยังเข้าตามือเก๋าๆหลายคน
ในปี 1988
ไอ้มิค แจ็คเกอร์ แห่ง Rolling stone จะออกทัวร์เดี่ยว
แล้วมันก็ไม่มีมือกีต้าร์ที่ถูกใจ จนมาเจอไอ้โจนี่แหละ...ไอ้มิคปากห้อยบอกว่า "ใช่เลยยยยย"
ไอ้โจเลยได้ไปเป็นมือกีต้าร์ใน Solo tour ของไอ้มิคครัชชชชช...!!!
แถมตอนที่ ริชชี่ แบล็คมอร์ "ไล่ตัวเองออก" จากวง Deep purple
ช่วงที่ Deep purple ยังหาคนมาสวมแทนไอ้ริชชี่ไม่ได้ ก็ได้ไอ้โจนี่แหละที่ไปขย่มกีต้าร์แทน
คือ......จ่าว่านะ.....
หลังจากหมดยุคของ Edward Van Halen แล้ว
ก็คงมีไอ้โจ , ไอ้อิงวี่ มัมล์สทีน และ ไอ้สตีฟ วาย นี่แหละที่โดดเด่นที่สุดในสาย Rock
Always with me, Always with you อาจจะไม่ใช่เพลงที่ไอ้โจอยู่ในช่วงที่สุดยอดในเรื่องเทคนิค
แต่ที่แน่ๆจ่าว่ามันเป็น Melodic song ที่ "เพราะ" ครับ
Title : Always with me, Always with you
Artist : Joe Satriani
Album : Surfing with the alien
Year : 1987
Genre : Ballad Rock
แน่หรือไม่แน่เพลงนี้มันก็ได้ไปถึงเวทีแกรมมี่ในปี 1989 ในสาขา Best Pop Instrumental Performance นั่นแหละครับ
ส่วนอัลบั้มนี้ก็ไม่น้อยหน้า เพราะไปที่เวทีแกรมมี่ในสาขา Best Rock Instrumental Performance ในปีเดียวกัน
มิหนำซ้ำ Live versions ของ "Always with Me, Always with You" ยังได้กลับไปที่เวทีแกรมมี่ในสาขา Best Rock Instrumental ในปี 2002 และ 2008 อีกต่างหาก
ไงล่ะ....."เทพ" มั๊ยล่ะครัชชชชชช....????????
ขอพลัง Rock จงอยู่คู่ทุกคน...!!!!
จ่าพิเขษฐ์
จ่าโดนไล่ออกจากราชการ
ส่วนเมียก็หนีไปทำงานฟิลิปปินส์พักใหญ่
จ่ามีเวลาได้บรรเลงยาวๆตั้งแต่ ร็อค แจ๊ส ป๊อบ อาร์แอนด์บี อัลเทอเนทีฟ โซล ดิสโก้ บลูส์ ....ไปยัน คลาสสิคคัล เลยแหละ...5555555
วันนี้เอาร็อคก่อน...ร็อคแบบกีต้าร์ฮีโร่ครัชชชชชช
"Always with me, Always with you" เพลงนี้
จ่าว่าน่าจะเป็นแทร็คที่ "ย่อยง่าย" ที่สุดของไอ้ Joe Satriani ครับ
เพราะโดยธรรมชาติของเพลงบรรเลงแล้ว
มันมักจะถูกมองว่าฟังยาก เข้าถึงยาก ต้องปีนบันไดฟัง ฯลฯ
แถมยิ่งเป็นเพลงบรรเลงกีต้าร์ในสาย ฟั้งค์ , ร็อค , เฮฟวี่เมทัล , แจ๊ส, ฟิวชั่น (ในแบบที่ไอ้โจเป็นด้วยแล้ว) ก็ยิ่งไปกันใหญ่
ผู้คนมักจะคิดไว้ก่อนเลยว่า "หนวกหูแน่ๆ" ....55555555
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว
"Always with me, Always with you" นี่ฟังง่ายมาก
เพราะท่วงทำนองแสนจะอ่อนหวาน กีต้าร์คมๆ ดุๆ ใสๆ ไม่รกหูเลยซักนิด
เพียงแต่มันเป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม Surfing with the alien ในปี 1987 ที่ชื่ออัลบั้มฟังแล้วออกแนวอวกาศๆหน่อยๆ ที่อาจทำให้คนคิดว่า "ฟังยาก"
แต่จะว่าไปแล้ว
อัลบั้มนี้ของโจ "ขึ้นหิ้ง" เลยนะครับ
เพราะนักวิจารณ์ และ นักกีต้าร์ส่วนใหญ่ยกให้เป็น 1 ในอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมตลอดกาล
โจถือว่าเริ่มเล่นกีต้าร์ "ช้า" นะครับ
แต่พอจับทางได้มันก็เก่งจนใครก็สอนมันไม่ได้อีกแล้ว
จนตัวมันเองนั่นแหละต้องกลายมาเป็น "ครูกีต้าร์" สอนคนอื่นซะเอง
ลูกศิษย์มันแต่ละคนล้วนกลายเป็นยอดมือกีต้าร์ในเวลาต่อมาทั้งนั้น
"Satriani worked as a guitar instructor,
with many of his former students achieving fame,
such as Steve Vai, Larry LaLonde, Rick Hunolt, Kirk Hammett,
Andy Timmons, Charlie Hunter, Kevin Cadogan, and Alex Skolnick;"
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Joe_Satriani
จริงแล้วมันไม่ได้อยากเป็นนักกีต้าร์อะไรเลย
เพราะไอ้เด็กเชื้อสายอิตาเลี่ยนคนนี้มีนอยากเป็นนักฟุตบอล
ตอนที่มันอายุ 14 นั้น
ไอ้โจกำลังซ้อมบอลอยู่
แล้วมันดันได้ยินข่าวการตายของ "จิมี่ เฮ็นดริกซ์"
เท่านั้นแหละ...ไอ้โจเหมือนมี "องค์ลง"...!!!!
มันตัดสินใจเดินไปบอกโค้ช
ว่ามันจะไม่เล่นบอลต่อไปอีกแล้ว
แต่มันจะขอเบนเข็มไปเป็นนักกีต้าร์แทน
และแล้ว "เด็กขนเพิ่งขึ้น" วัย 14 ปีคนนี้
ก็ไปหัดเล่นกีต้าร์ด้วยการไปเรียน "กีต้าร์แจ๊ส" กับ "บิลบี่ บาวเออร์"
และไหนๆก็ไหนๆแล้วมันก็เรียนแจ๊สเพียโนควบคู่ไปพร้อมๆกันด้วยเลยกับ "เลนนี่ ทริสทาโน่"
ก่อนที่จะกลายมาเป็น "เทพเจ้ากีต้าร์" สาย Rock ในที่สุด...!!!!!!!
ที่สำคัญไอ้โจมันไม่ใช่แค่มือกีต้าร์ธรรมดาๆนะครับ
แต่มันเป็น "นักคิด" ที่ทดลองอะไรใหม่ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ใหม่ตลอดเวลา
วงดังวงแรกที่เห็นแววของไอ้โจ
และไม่ลังเลที่จะส่งเทียบเชิญมันเข้าวงคือวง The Greg Kihn Band
(วัยรุ่นสมัยจ่าไม่มีใครไม่รู้จักเพลง The breakup song ของวงนี้
มันเป็นเพลงที่ทุกเธคต้องเปิด...โห.....ดิ้นกันหัวสั่นหัวคลอนเลยครับ)
ตอนนั้น The Greg Kihn Band อยู่ในช่วง "ขาลง" แล้ว
แต่วงมันมีข้อเสนอที่ไอ้โจถึงกับชะงัก
เพราะวงเขายอมให้เงินไปโจไปโปะบัตรเครดิต
ที่โจไปสร้างหนี้ไว้ในตอนที่ร้อนวิชาทำอัลบั้ม Not of this earth ที่เป็นอัลบั้มแรกของไอ้โจ
55555.....มันเล่นกันง่ายๆเลย...ชวนเข้าวงด้วยการให้เงินไปโปะบัตรเครดิต....
ยัง...ยังมีอีกครับ
ไอ้โจยังเข้าตามือเก๋าๆหลายคน
ในปี 1988
ไอ้มิค แจ็คเกอร์ แห่ง Rolling stone จะออกทัวร์เดี่ยว
แล้วมันก็ไม่มีมือกีต้าร์ที่ถูกใจ จนมาเจอไอ้โจนี่แหละ...ไอ้มิคปากห้อยบอกว่า "ใช่เลยยยยย"
ไอ้โจเลยได้ไปเป็นมือกีต้าร์ใน Solo tour ของไอ้มิคครัชชชชช...!!!
แถมตอนที่ ริชชี่ แบล็คมอร์ "ไล่ตัวเองออก" จากวง Deep purple
ช่วงที่ Deep purple ยังหาคนมาสวมแทนไอ้ริชชี่ไม่ได้ ก็ได้ไอ้โจนี่แหละที่ไปขย่มกีต้าร์แทน
คือ......จ่าว่านะ.....
หลังจากหมดยุคของ Edward Van Halen แล้ว
ก็คงมีไอ้โจ , ไอ้อิงวี่ มัมล์สทีน และ ไอ้สตีฟ วาย นี่แหละที่โดดเด่นที่สุดในสาย Rock
Always with me, Always with you อาจจะไม่ใช่เพลงที่ไอ้โจอยู่ในช่วงที่สุดยอดในเรื่องเทคนิค
แต่ที่แน่ๆจ่าว่ามันเป็น Melodic song ที่ "เพราะ" ครับ
Title : Always with me, Always with you
Artist : Joe Satriani
Album : Surfing with the alien
Year : 1987
Genre : Ballad Rock
แน่หรือไม่แน่เพลงนี้มันก็ได้ไปถึงเวทีแกรมมี่ในปี 1989 ในสาขา Best Pop Instrumental Performance นั่นแหละครับ
ส่วนอัลบั้มนี้ก็ไม่น้อยหน้า เพราะไปที่เวทีแกรมมี่ในสาขา Best Rock Instrumental Performance ในปีเดียวกัน
มิหนำซ้ำ Live versions ของ "Always with Me, Always with You" ยังได้กลับไปที่เวทีแกรมมี่ในสาขา Best Rock Instrumental ในปี 2002 และ 2008 อีกต่างหาก
ไงล่ะ....."เทพ" มั๊ยล่ะครัชชชชชช....????????
ขอพลัง Rock จงอยู่คู่ทุกคน...!!!!
จ่าพิเขษฐ์
ความคิดเห็นที่ 5
ตำนานนิยายเทพธิดาพระจันทร์ ฉางเอ๋อ 嫦娥 มีด้วยกันมากมาย
เล่ากันไปคนละทิศคนละทาง มีทั้ง ฉางเอ๋อ เป็นคนดี และไม่ดี
และนี่เป็นอีกหนึ่งเวอร์ชั่น ที่เล่าเป็นภาษาไทย
รูป ฉางเอ๋อ
รูป โฮ้วอี้ 后翼 ยิงพระอาทิตย์
เล่ากันไปคนละทิศคนละทาง มีทั้ง ฉางเอ๋อ เป็นคนดี และไม่ดี
และนี่เป็นอีกหนึ่งเวอร์ชั่น ที่เล่าเป็นภาษาไทย
รูป ฉางเอ๋อ
รูป โฮ้วอี้ 后翼 ยิงพระอาทิตย์
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 15/9/2016 (เกร็ด..วันไหว้พระจันทร์)
***สวัสดีครับเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันนี้เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ตามปฏิทิน จันทรคติ ซึ่งเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของคนที่มีเชื้อสายจีน
เพราะวันนี้คือ วันไหว้พระจันทร์ 中秋节 นั่นเอง
ก่อนอื่น ในวันเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ ซึ่งมีความหมายถึงการอยู่ร่วมกัน และ ความสามัคคี
ขออวยพรให้สมาชิกห้องนี้ทุกคน จงมีแต่ความสุข ความเจริญ ในทุกๆด้าน ทั้งครอบครัว เทอญ
นับตั้งแต่พรรคคอมมูนิสต์ เข้าปกครองประเทศจีน ในวันที่ 1 ตุลาคมปี ค.ศ 1949
เทศกาลนี้ค่อยๆเสื่อมลง แต่มาระยะหลังตั้งแต่ปีค.ศ 2008 รัฐบาลจีนก็เริ่มฟื้นฟูเทศกาล ประเพณีต่างๆ
ขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีหลังๆ ถือว่ามีความสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากวันตรุษจีน
(ปีนี้ที่เมืองจีนหยุด 4 วัน )
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ในเทศกาลไหว้พระจันทร์คือ "ขนมไหว้พระจันทร์ 月饼 "
ขนมไหว้พระจันทร์ ในประเทศจีน แบ่งเป็น 4 แบบคือ
1 แบบปักกิ่ง 京式饼 รูปร่างคล้าย ซาลาเปากลมๆ ข้างในส่วนใหญ่จะห่อไส้ผลไม้
2 แบบซูโจว 苏式饼 แบบนี้จะมีส่วนผสมของแป้ง น้ำมันพืช ผสมกัน ไส้ในจะเป็นถั่วนานาชนิด
3 แบบแต้จิ๋ว 潮式饼 แบบแต้จิ๋วนี้ จะใช้น้ำมันหมู 4 ส่วนกับแป้ง 5 ส่วนผสมกันทำเป็นเปลือก
ถ้าเป็นของดั้งเดิมจะมีแค่ 2 ไส้คือ ไส้ฟักเชื่อม กับ ไส้ถั่วแดง เท่านั้น (ลักษณะคล้ายแบบซูโจว ผิดกันที่ส่วนผสม และไส้ )
4 แบบกวางตุ้ง 广式 แบบนี้ก็คือแบบที่ขายอยู่ปัจจุบันนี้เอง
ขนมไหว้พระจันทร์ มาจนถึงปัจจุบันนี้ มีการเปลี่ยนรูปแบบแตกต่างจากในอดีตอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นไส้ หรือว่า รูปแบบ รวมทั้งแป้งที่ใช้ทำ
รูป ขนมไหว้พระจันทร์จากร้าน Maxim's ซึ่งร้านนี้ขายดีที่สุดและได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในฮ่องกง
ถึงแม้รูปแบบจะเปลี่ยนไปมากมาย แต่สิ่งที่ควรจำก็คือ เทศกาลไหว้พระจันทร์มีความหมายหลักคือ
"การอยู่ร่วมกัน ความสามัคคี 团圆" เพราะฉะนั้นขนมไหว้พระจันทร์ที่ควรซื้อ ต้องเป็นแบบทรงกลม เท่านั้น
การที่จะไปซื้อแบบ 4 เหลี่ยม วงรี หรือรูปอื่นๆจะไม่ได้ความหมายที่แท้จริงในเทศกาลนี้
มูลค่าตลาดของขนมไหว้พระจันทร์ในแต่ละปีที่ประเทศไทยมีมูลค่าถึง 1,000 ล้านบาท
แต่จำนวนนี้น้อยมากเมื่อเทียบกับที่ประเทศจีน เพราะที่นั่นมีมูลค่าถึง 70,000 ล้านบาท
การฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ในประเทศต่างๆ
ที่ประเทศจีน ทั่วทุกแห่งในเมืองจีน จะประดับไฟที่สวยงามมาก
นอกจากจะชมโคมไฟและมังกรที่สวยงามแล้ว คนจีนยังนิยมการกินขนมไหว้พระจันทร์
กับน้ำชา หรือกับเหล้าที่ทำมาจากดอก หอมหมื่นลี้ (桂花酒)
เรื่องราวของดอก หอมหมื่นลี้ (桂花)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่ไต้หวัน หลายปีนี้กับนิยมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ โดยการกิน บาร์บีคิว
ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่เกือบทุกครัวเรือนจะต้องทำในเทศกาลนี้
ที่เกาหลีใต้
เกาหลีใต้ พยายามที่จะยื่นสหประชาชาติให้ประกาศว่า
เทศกาลไหว้พระจันทร์ กับ เทศกาลไหว้ขนมบะจ่าง เป็นประเพณีของตนเอง
แต่ จีน ก็คัดค้าน ไม่แน่ว่าเรื่องเหล่านี้อาจจะเป็นชนวนให้ 2 ประเทศนี้ยิ่งขัดแย้งมากขึ้นก็ได้
หลายปีนี้ เกาหลีใต้ จึงเริ่มบูมเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ โดยเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้
มีชื่อว่า ชิวซี 秋夕 หรือในภาษาเกาหลีเรียกว่า "วันซูซอก Thanksgiving Day"
ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 นี้ ที่เกาหลีใต้ยังถือเป็นวันไหว้บรรพบุรุษอีกด้วย
สาวๆมักจะแต่งกายสวยงามในวันนี้ มีการร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน
และถ้าจะพูดกันตามตรงแล้ว ปัจจุบันนี้ที่ เกาหลีใต้ เทศกาล ไหว้พระจันทร์ ยังคึกครื้นกว่าที่จีนด้วยซ้ำไป
รูปการฉลองวันซูซอก และขนมที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาหลีใต้
ส่วนที่ประเทศไทย
ในสมัยก่อน ประเทศไทยโดยเฉพาะที่ กรุงเทพ ประชาชนเชื้อสายจีน ก้มีการฉลอง
เทศกาล ไหว้พระจันทร์ อย่างสนุกสนาน มีการประดับโคมไฟสวยงาม ของเซ่นไหว้เต็มที่มากมาย
จนมาถึงจุดพลิกผันเมื่อ สหรัฐอเมริกา ส่งยานอวกาศ "อพอลโล 11" ขึ้นไปบน
ดวงจันทร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ 1969
ทันทีที่ นีล อาร์มสตรอง Neil Alden Armstong นักบินอวกาศคนแรกของโลกที่สัมผัสพื้นผิว
ของดวงจันทร์ หายนะก็เกิดกับความเชื่อเรื่องเทพพระจันทร์ของคนไทยเชื้อสายจีนทันที
ร้านขายขนมไหว้พระจันทร์ปีนั้นขาดทุนอย่างหนักกันทั่วหน้า และนับตั้งแต่นั้น
เทศกาล ไหว้พระจันทร์สำหรับคนไทย ก็เสื่อมไปเรื่อยๆจนถึงบัดนี้ คงเหลือแต่การกินขนมไหว้พระจันทร์
ที่ยังคงคึกคักอยู่
รูปยานอพอลโล 11
ยังมีเกร็ดเรื่องวันไหว้พระจันทร์ในรูปแบบนิยาย และ การเมือง ขออนุญาตเล่าในเมนท์ย่อย
ป.ล ฟังเพลงที่มักจะได้ยินประจำในเทศกาล "วันไหว้พระจันทร์"
พระจันทร์แทนใจฉัน 月亮代表我的心 เติ้งลี่จวิน 邓丽君