คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
- ลองเก็บเงินแบบหัก 40 % ของเงินกู้ว่าพอไหวไหม (เช่น 1 ล้าน ต้องผ่อนอย่างน้อยจะ 7000-7500 คุณกู้ซื้อ 2 ล้านต้องมีเงินผ่อนราวๆ 14000 + ค่าน้ำไฟ +ส่วนกลาง) แล้วหักลบว่าเหลือเงินใช้กี่บาท ค่าน้ำมันรถเท่าไหร่ ค่าผ่อนรถเท่าไหร่ ค่าใช่จ่ายทั่วไปในการดำรงชีพเท่าไหร่ เงินโอน ค่าสัญญาเท่าไหร่ และที่สำคัญสุดคือจะเหลือเก็บสำรองเท่าไหร่ เงินสำรองผมว่าสำคัญมาก อย่างน้อยควรมีสำรองอย่างน้อย 1 ปีล่วงหน้าคิดจากจำนวนเงินที่เราใช้ปรกติแต่ละเดือน เพราะเราไม่รู้ว่าวันหนึ่งเราจะต้องใช้เงินฉุกเฉินจากเงินก้อนนั้นตอนไหน เช่น ป่วยร้ายแรงแต่ไม่มีประกันและค่ารักษาแพงมาก ตกงานกระทันหัน ต้องเอาเงินไปเรียนต่อเพื่ออัพเกรดชีวิตและการงานฯ (ในพันทิปมีคนมาแนะนำเยอะมาก ลองย้อนหาอ่านได้ครับ) ที่สำคัญสุดคือ จะอดทนกับเงินผ่อนบ้านได้กี่ปี เช่น 5 -10 -15 -20 -25 -30 ปี
- หากกำลังจะแต่งงานกัน แล้วคิดว่าเอาเงินแฟนมาช่วยผ่อนมันก็ดีอยู่เพราะ expat ส่วนมากจะได้เงินค่าที่พัก ยกเว้นแฟนทำงานแล้วออกเอง (แต่เงินแฟนก็น่าจะเยอะมั้ง) แต่ประเด็นคือ ตอนยังไม่แต่งงาน จะผูกมัดกันต้องคิดให้หนักหน่อย ยิ่งเพิ่งเรียนจบกำลังทำงาน โลกกำลังกว้างมีอะไรให้ explore อีกเยอะ เพื่อนผมผู้หญิงมีแฟนซึ่งรักกันมากๆ จนไปซื้อคอนโดร่วมกัน จะว่าหลงก็ได้ -*- ผู้ชายไม่ยอมเซนต์สัญญาร่วมอะไรเลยเพราะไม่อยากผูกมัดสัญญา มีปัญหาทางบ้าน บลาๆๆ แต่ก็ปากหวานว่าจะช่วยออกคนละครึ่งๆ แต่สุดท้ายอยู่ไปไม่ถึงปีก็ไปมีหญิงใหม่ เพื่อนก็เลยต้องมานั่งผ่อนคอนโดคนเดียว ทั้งที่มีบ้านอยู่ใกล้ๆ แท้ๆ ครั้นจะปล่อยขายก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตัวเลือกคอนโดสมัยนี้เยอะแยะไปหมด ถ้าขายราคาไม่ต่างกันมาก คงไม่มีใครอยากได้ห้องมือสองเท่าไหร่ แล้วถ้ายิ่งตกแต่งไม่สวยไม่ถูกใจ ขายอยากเข้าไปอีก -*-
ปล. แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการใช้เงินของคุณ เพื่อนผมคนนั้นเงินเดือนพอๆ กับคุณ มันก็ยังผ่อนได้อยู่จนถึงวันนี้นะแต่ชีวิตก็เหนื่อยยาวแลดูหดหู่หน่อย เทียบกับอีกคนเก็บเงินดาวน์และสำรอง ไปขอกู้ไม่เยอะ แลดูไม่ตึงสบายๆ กว่ากันเยอะ แต่ถ้าจะเอาคอนโดไม่แพงมากแบบ LPN ล้านต้นๆ มันอาจจะไม่ใช่สเปคของคุณก็ได้ ซื้อบ้านก็ต้องมาดูสภาพเพื่อนบ้าน สิ่งแวดล้อม และสเปคเลเวลชีวิตของเจ้าของ ฯลฯ
- หากกำลังจะแต่งงานกัน แล้วคิดว่าเอาเงินแฟนมาช่วยผ่อนมันก็ดีอยู่เพราะ expat ส่วนมากจะได้เงินค่าที่พัก ยกเว้นแฟนทำงานแล้วออกเอง (แต่เงินแฟนก็น่าจะเยอะมั้ง) แต่ประเด็นคือ ตอนยังไม่แต่งงาน จะผูกมัดกันต้องคิดให้หนักหน่อย ยิ่งเพิ่งเรียนจบกำลังทำงาน โลกกำลังกว้างมีอะไรให้ explore อีกเยอะ เพื่อนผมผู้หญิงมีแฟนซึ่งรักกันมากๆ จนไปซื้อคอนโดร่วมกัน จะว่าหลงก็ได้ -*- ผู้ชายไม่ยอมเซนต์สัญญาร่วมอะไรเลยเพราะไม่อยากผูกมัดสัญญา มีปัญหาทางบ้าน บลาๆๆ แต่ก็ปากหวานว่าจะช่วยออกคนละครึ่งๆ แต่สุดท้ายอยู่ไปไม่ถึงปีก็ไปมีหญิงใหม่ เพื่อนก็เลยต้องมานั่งผ่อนคอนโดคนเดียว ทั้งที่มีบ้านอยู่ใกล้ๆ แท้ๆ ครั้นจะปล่อยขายก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตัวเลือกคอนโดสมัยนี้เยอะแยะไปหมด ถ้าขายราคาไม่ต่างกันมาก คงไม่มีใครอยากได้ห้องมือสองเท่าไหร่ แล้วถ้ายิ่งตกแต่งไม่สวยไม่ถูกใจ ขายอยากเข้าไปอีก -*-
ปล. แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการใช้เงินของคุณ เพื่อนผมคนนั้นเงินเดือนพอๆ กับคุณ มันก็ยังผ่อนได้อยู่จนถึงวันนี้นะแต่ชีวิตก็เหนื่อยยาวแลดูหดหู่หน่อย เทียบกับอีกคนเก็บเงินดาวน์และสำรอง ไปขอกู้ไม่เยอะ แลดูไม่ตึงสบายๆ กว่ากันเยอะ แต่ถ้าจะเอาคอนโดไม่แพงมากแบบ LPN ล้านต้นๆ มันอาจจะไม่ใช่สเปคของคุณก็ได้ ซื้อบ้านก็ต้องมาดูสภาพเพื่อนบ้าน สิ่งแวดล้อม และสเปคเลเวลชีวิตของเจ้าของ ฯลฯ
แสดงความคิดเห็น
อายุ 26 อยากมีคอนโดเป็นของตัวเอง มีภาระเรื่องผ่อนรถ ควรมีคอนโดแบบไหนที่เหมาะสมจะเป็นบ้านหลังแรกแบบไม่เกินกำลัง
เงินเดือนที่ได้จะเป็นการแบ่งรายรับดังนี้คือ เงินเดือนรวม 35,000 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน 27,000 และ ค่าน้ำมันบวกกับค่าโทรศัพท์อีกได้ 8,000 บาท และไม่มีรายได้จากทางอื่นแล้ว ซึ่งตอนนี้กำลังอยากจะมองหาธุรกิจเสริมอยู่เช่นกัน
ตอนนี้ภาระที่มีคือผ่อนรถยนต์ เดือนละ 8,200 บาท ผ่อนมา 2 ปีแล้ว ต้องผ่อนต่อไปอีก 4 ปีจึงจะจบ และไม่ได้เป็นหนี้อื่นๆและพอมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ไม่ถึง 5หลัก
อีกปัจจัยหนึ่งคือมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ อายุไล่เลี่ยกัน เพิ่งเรียนจบและเพิ่งเริ่มทำงาน เงินเดือนพอๆกัน มีแพลนจะแต่งงานภายในปี-2ปีนี้ โดยที่ทางที่บ้านไม่ได้ติดปัญหาเรื่องการออกมาอยู่ด้วยกันก่อน
ตอนนี้เค้าเช่าห้องอยู่เดือนละ 10,000 บาท เลยคิดว่าอยากจะมีคอนโดที่ช่วยกันผ่อนได้และเค้าจะได้ไม่ต้องเช่า เสียเงินทิ้งๆไปแต่ละเดือน
จึงอยากปรึกษาชาว Pantip ว่า คอนโดแบบไหน ราคาใดที่เหมาะสมกับเรา และต้องดาวน์ หรือผ่อนเดือนละเท่าไรจึงจะไม่เกินกำลัง