สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
เอาสินสอดคืน
นอนด้วยกัน ไม่มีอะไรกัน
ยังไม่ยอมให้ต่างคนต่างไป เพราะยังมีหนี้(จากการแต่งงาน) ที่ต้องช่วยกันใช้
คนนอก เขาดูกันออกหมดแล้ว
เหลือแต่ คนใน/เจ้าตัว ที่ยังมองไม่เห็น คิดไม่ตก
ไม่ได้จดทะเบียน ไม่ต้องทำอะไรเรื่องหย่า
แต่ให้มานั่งทำงานช่วยใช้หนี้ ที่ไม่ใช่ชื่อเรา ไม่มีความผูกพันทางกฏหมาย
ทำแทบตาย ก็ไม่เห็นจะมีอนาคตร่วมกัน
ข้าพเจ้าคงไม่ใช่ คนดีในโลกสวย ขนาดนั้น
ยิ่งรอๆไปจนปลดหนี้หมด สามีไม่ตีทะเบียน เปิดตัว แฟนใหม่ ออกมา
ซวยสุดสุด
นอนด้วยกัน ไม่มีอะไรกัน
ยังไม่ยอมให้ต่างคนต่างไป เพราะยังมีหนี้(จากการแต่งงาน) ที่ต้องช่วยกันใช้
คนนอก เขาดูกันออกหมดแล้ว
เหลือแต่ คนใน/เจ้าตัว ที่ยังมองไม่เห็น คิดไม่ตก
ไม่ได้จดทะเบียน ไม่ต้องทำอะไรเรื่องหย่า
แต่ให้มานั่งทำงานช่วยใช้หนี้ ที่ไม่ใช่ชื่อเรา ไม่มีความผูกพันทางกฏหมาย
ทำแทบตาย ก็ไม่เห็นจะมีอนาคตร่วมกัน
ข้าพเจ้าคงไม่ใช่ คนดีในโลกสวย ขนาดนั้น
ยิ่งรอๆไปจนปลดหนี้หมด สามีไม่ตีทะเบียน เปิดตัว แฟนใหม่ ออกมา
ซวยสุดสุด
ความคิดเห็นที่ 34
เคยเจอมากับตัวค่ะ คบกันมา 5 ปี แต่ของเราเพราะปัญหา คือ เขามีชู้ค่ะ แต่เรื่องของเราผ่านมาหลายปีแล้วค่ะ ก่อนหน้าที่จะแต่งงานเคยจับได้หลายครั้งว่าเขามีกิ๊ก แต่เรานิ่งๆค่ะ ไม่เหวี่ยงไม่วีน เพราะคิดว่าแค่คุยๆกันไม่ได้มีอะไรกัน จับได้ครั้งไหน เขาก็เลิกทุกครั้งค่ะ จนก่อนแต่งงานได้ 3 เดือน ก็จับได้ว่าเขาไปมีอะไรกันกับ ผญ คนนึงในที่ทำงานเขาค่ะ คราวนี้เราทนไม่ไหวค่ะ เลยเรียกผู้ใหญ่ทั้ง2ฝ่ายมาคุย ให้พ่อแม่เขารับรู้พฤติกรรมของเขา จนมีการคุยเรื่องแต่งงานเกิดขึ้น ตอนนั้นคิดได้แค่ว่า ถ้าแต่งงานกันเขาน่าจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น คิดได้ เลยตกลงแต่งไปแบบ งง ๆ ค่ะ
พอแต่งไปได้ 2 อาทิตย์ เราจับได้เรื่องผู้หญิงคนนั้นอีก เขาบอกเราเป็นเพื่อนกันเถอะเขาหมดรักเราแล้วจิงๆ ไปต่อไม่ได้ หลังจากบอกเราเสร็จวันต่อมาเขาเลยหนีปัญหาโดยการหนีไปเลยค่ะ ไม่เอาของอะไรไปทั้งสิ้นแม้แต่เสื้อผ้า คือเขาไปแต่ตัวค่ะ เหมือนเขาอายคนที่บ้านเราอ่ะค่ะเลยหนีไปเลย เราร้องไห้ไม่เป็นผู้เป็นคนประมาณ 2 อาทิตย์ได้ค่ะ ถึงเริ่มดีขึ้น พอเขาเห็นเราดีขึ้น เขาก็กลับมาง้อ มาขอโทษ แต่เราไม่เอาเขาแล้วค่ะ เขามาร้องไห้อยู่หน้าบ้าน เรายังไล่เขาไปเลยค่ะ ความรู้สึกมันหมดแล้วจิงๆ
ถามว่าอายคนแถวบ้าน อายญาติๆไหม ก็ไม่อายเท่าไหร่ค่ะดีกว่าอยู่กันไปแล้วดันมีลูกขึ้นมา ปัญหามันจะหนักกว่านี้ค่ะ มีคนเยอะแยะมาถามเรามากมาย มองเราเหมือนว่าแต่งกันไปแปปเดียวแล้วอยู่กันไม่รอด บอกเลยค่ะว่าใครไม่เจอกับตัวไม่รู้ ว่าถ้าเราผ่านมาได้ เราจะเข้มแข็งในเรื่องของความรักมากขึ้นค่ะ อย่าอายคนอื่นค่ะ ปัญหาเป็นของเรา เราต้องแก้ปัญหาไปให้ได้ ตอนนี้เราก็เจอคนที่ดีกับเราจริงๆค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ปล่อยใจเหลิงไปกับความรักครั้งใหม่นะคะ เพราะเรามีประสบการณ์เก่ามาก่อน เอาประสบการณ์ที่เจอมาสอนตัวเองค่ะ สู้ๆนะคะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ คิดถึงพ่อแม่ ครอบครัวที่เรารักให้มากๆ แล้วเราจะผ่านครั้งนี้ไปได้ค่ะ
พอแต่งไปได้ 2 อาทิตย์ เราจับได้เรื่องผู้หญิงคนนั้นอีก เขาบอกเราเป็นเพื่อนกันเถอะเขาหมดรักเราแล้วจิงๆ ไปต่อไม่ได้ หลังจากบอกเราเสร็จวันต่อมาเขาเลยหนีปัญหาโดยการหนีไปเลยค่ะ ไม่เอาของอะไรไปทั้งสิ้นแม้แต่เสื้อผ้า คือเขาไปแต่ตัวค่ะ เหมือนเขาอายคนที่บ้านเราอ่ะค่ะเลยหนีไปเลย เราร้องไห้ไม่เป็นผู้เป็นคนประมาณ 2 อาทิตย์ได้ค่ะ ถึงเริ่มดีขึ้น พอเขาเห็นเราดีขึ้น เขาก็กลับมาง้อ มาขอโทษ แต่เราไม่เอาเขาแล้วค่ะ เขามาร้องไห้อยู่หน้าบ้าน เรายังไล่เขาไปเลยค่ะ ความรู้สึกมันหมดแล้วจิงๆ
ถามว่าอายคนแถวบ้าน อายญาติๆไหม ก็ไม่อายเท่าไหร่ค่ะดีกว่าอยู่กันไปแล้วดันมีลูกขึ้นมา ปัญหามันจะหนักกว่านี้ค่ะ มีคนเยอะแยะมาถามเรามากมาย มองเราเหมือนว่าแต่งกันไปแปปเดียวแล้วอยู่กันไม่รอด บอกเลยค่ะว่าใครไม่เจอกับตัวไม่รู้ ว่าถ้าเราผ่านมาได้ เราจะเข้มแข็งในเรื่องของความรักมากขึ้นค่ะ อย่าอายคนอื่นค่ะ ปัญหาเป็นของเรา เราต้องแก้ปัญหาไปให้ได้ ตอนนี้เราก็เจอคนที่ดีกับเราจริงๆค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ปล่อยใจเหลิงไปกับความรักครั้งใหม่นะคะ เพราะเรามีประสบการณ์เก่ามาก่อน เอาประสบการณ์ที่เจอมาสอนตัวเองค่ะ สู้ๆนะคะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ คิดถึงพ่อแม่ ครอบครัวที่เรารักให้มากๆ แล้วเราจะผ่านครั้งนี้ไปได้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 26
ไม่อยากซ้ำเติมนะคะ ทำอะไรเกินตัว
แต่ทำไมไม่วางแผนก่อนแต่งงาน ถ้าไม่แต่งงานก็ไม่มีหนี้ก้อนหนี้
แต่งงานจัดอะไรใหญ่โต ไร้สาระกันเกินไปหรือเปล่า
ฐานะทางบ้านผู้ชายเป็นยังไง ทางคุณเป็นยังไง น่าจะรุ้ดีที่สุด
ถึงกับขั้นต้องกู้หนี้สินมาแต่งงาน ก็แย่แล้ว
อ่านดูว่ามีหนี้ ในชื่อเขา คิดว่าทางผู้ชายเขาก็คงอยากแต่งงานกับคุณ รักคุณ ถึงขั้นยอมไปกู้หนี้เพื่อมาแต่งงาน
หลังจากนี้เขาก็คงเครียดพอสมควร หนี้ไม่ว่าจะกู้ใครมา กู้ที่บ้านหรือใคร เขาก็คงโดนกดดัน ต้องรีบคืนเขา
คุณไปนั่งคิดดีๆๆๆ นะ ว่าเขาไม่แต่งงานกับคุณ เขากับคุณรักกันไม่มีปัญหาอะไรเลย เขาไม่ต้องก่อหนี้ด้วยซ้ำ
หนี้ที่เขาทำ ก็เพื่อมาจัดงานแต่งงานกับคุณ
นี่แหละสังคมไทย ต้องเอาหน้า จัดงานใหญ่โต ไว้หน้าพ่อแม่เจ้าสาว เอาเงินมากอง มาอะไรเยอะๆ
สุดท้ายกรรมนั้นมาตกที่คู่แต่งงาน เฮ้อออ.............. เอาเป็นว่า หนี้ที่เกิดมาจากงานแต่ง
เกืดจากคุณทั้ง 2 คน ร่วมกันก่อขึ้นมา งานแต่งงานเป็นงานของคน 2 คน เมื่อสร้างได้ ก็ช่วยกันจบได้
ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของสามี อาจเป้นไปได้ว่า เขาเห็นธาตุแท้ หรืออะไรบางอย่างในตัวคุณ
หรือ คุณเอง ก็มองเขาเปลี่ยนไป เมื่อมีคำว่า "เงิน" เข้ามาเกี่ยวข้อง
วันนี้คุณลองเปิดใจคุยกัน ว่า ถ้าไม่มีเรื่องเงิน คือ หนี้แต่งงาน (=หนี้ร่วมกัน ไม่ใช่หมายถึงหนี้ใครหนี้มันนะ)
อันนี้เราต้องช่วยกัน เขาช่วยผ่อน ไม่ใช่คุณผ่อนคนเดียว
คุณจะคิดผลักภาระ หนี่แต่งงาน มันก้งานคุณด้วย ให้สามีคนเดียวหรอ?? เขาช่วยคุณก็ถูกแล้ว ช่วยกันผ่อน
ขายสินสอดคืน ในที่นี้ก็คือ เอาไปใช้หนี้ก่อน เพราะสินสอดก็ของๆที่เขาให้คุณมา
คุณจะยอมได้ฝ่ายเดียว แล้วให้อีกฝ่ายเป็นหนี้ เพราะยึดธรรมเนียมผู้หญิงต้องได้ๆๆ แบบนี้หรอ
คุณร่วมชีวิตด้วยกันลำบากแล้ว ถ้าไม่เห็นอกเห็นใจกันขนาดนี้ ก็ถูกแล้วที่สามีคุณมองคุณเปลี่ยนไป
#เป็นผู้หญิงที่เพิ่งแต่งงานยังขึ้นแทน
ปล.เราเพิ่งแต่งงาน ไม่กู้หนี้ จัดงานเล็กๆไม่กี่หมื่น สินสอด 1 แสน เราให้พ่อแม่หมด เรามีแค่แหวน 1 วง
เราไม่จัดงานใหญ่ สงสารสามีต้องไปกู้ แล้วเราไม่รับซอง หนี้ค่าอาหาร เราก็ช่วยกันออก
ตอนนี้เรากะสามีรักกันมากๆ เพราะเราช่วยกัน งานแต่งของเรา เราอยากแต่งกับเขา ก็ต้องช่วยกันด้วย
ไม่งั้นไม่ต้องแต่งดีกว่าถ้าจะมีปัญหาตามมาแบบนี้
เพิ่มเติม.......เพิ่งไปอ่านอีกกระทู้ที่คุณตั้งว่าสามีคุณเปลี่ยนไป ไม่มีเวลาให้ มัวแต่ทำงาน นั่นอาจเป้นเพราะเขาเครียด หาเงินมาใช้หนี้ก้อนหนี้อยู่หรือเปล่า คุณลองเชื่อมโยงอะไรหลายๆอย่างดูนะ
แต่ทำไมไม่วางแผนก่อนแต่งงาน ถ้าไม่แต่งงานก็ไม่มีหนี้ก้อนหนี้
แต่งงานจัดอะไรใหญ่โต ไร้สาระกันเกินไปหรือเปล่า
ฐานะทางบ้านผู้ชายเป็นยังไง ทางคุณเป็นยังไง น่าจะรุ้ดีที่สุด
ถึงกับขั้นต้องกู้หนี้สินมาแต่งงาน ก็แย่แล้ว
อ่านดูว่ามีหนี้ ในชื่อเขา คิดว่าทางผู้ชายเขาก็คงอยากแต่งงานกับคุณ รักคุณ ถึงขั้นยอมไปกู้หนี้เพื่อมาแต่งงาน
หลังจากนี้เขาก็คงเครียดพอสมควร หนี้ไม่ว่าจะกู้ใครมา กู้ที่บ้านหรือใคร เขาก็คงโดนกดดัน ต้องรีบคืนเขา
คุณไปนั่งคิดดีๆๆๆ นะ ว่าเขาไม่แต่งงานกับคุณ เขากับคุณรักกันไม่มีปัญหาอะไรเลย เขาไม่ต้องก่อหนี้ด้วยซ้ำ
หนี้ที่เขาทำ ก็เพื่อมาจัดงานแต่งงานกับคุณ
นี่แหละสังคมไทย ต้องเอาหน้า จัดงานใหญ่โต ไว้หน้าพ่อแม่เจ้าสาว เอาเงินมากอง มาอะไรเยอะๆ
สุดท้ายกรรมนั้นมาตกที่คู่แต่งงาน เฮ้อออ.............. เอาเป็นว่า หนี้ที่เกิดมาจากงานแต่ง
เกืดจากคุณทั้ง 2 คน ร่วมกันก่อขึ้นมา งานแต่งงานเป็นงานของคน 2 คน เมื่อสร้างได้ ก็ช่วยกันจบได้
ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของสามี อาจเป้นไปได้ว่า เขาเห็นธาตุแท้ หรืออะไรบางอย่างในตัวคุณ
หรือ คุณเอง ก็มองเขาเปลี่ยนไป เมื่อมีคำว่า "เงิน" เข้ามาเกี่ยวข้อง
วันนี้คุณลองเปิดใจคุยกัน ว่า ถ้าไม่มีเรื่องเงิน คือ หนี้แต่งงาน (=หนี้ร่วมกัน ไม่ใช่หมายถึงหนี้ใครหนี้มันนะ)
อันนี้เราต้องช่วยกัน เขาช่วยผ่อน ไม่ใช่คุณผ่อนคนเดียว
คุณจะคิดผลักภาระ หนี่แต่งงาน มันก้งานคุณด้วย ให้สามีคนเดียวหรอ?? เขาช่วยคุณก็ถูกแล้ว ช่วยกันผ่อน
ขายสินสอดคืน ในที่นี้ก็คือ เอาไปใช้หนี้ก่อน เพราะสินสอดก็ของๆที่เขาให้คุณมา
คุณจะยอมได้ฝ่ายเดียว แล้วให้อีกฝ่ายเป็นหนี้ เพราะยึดธรรมเนียมผู้หญิงต้องได้ๆๆ แบบนี้หรอ
คุณร่วมชีวิตด้วยกันลำบากแล้ว ถ้าไม่เห็นอกเห็นใจกันขนาดนี้ ก็ถูกแล้วที่สามีคุณมองคุณเปลี่ยนไป
#เป็นผู้หญิงที่เพิ่งแต่งงานยังขึ้นแทน
ปล.เราเพิ่งแต่งงาน ไม่กู้หนี้ จัดงานเล็กๆไม่กี่หมื่น สินสอด 1 แสน เราให้พ่อแม่หมด เรามีแค่แหวน 1 วง
เราไม่จัดงานใหญ่ สงสารสามีต้องไปกู้ แล้วเราไม่รับซอง หนี้ค่าอาหาร เราก็ช่วยกันออก
ตอนนี้เรากะสามีรักกันมากๆ เพราะเราช่วยกัน งานแต่งของเรา เราอยากแต่งกับเขา ก็ต้องช่วยกันด้วย
ไม่งั้นไม่ต้องแต่งดีกว่าถ้าจะมีปัญหาตามมาแบบนี้
เพิ่มเติม.......เพิ่งไปอ่านอีกกระทู้ที่คุณตั้งว่าสามีคุณเปลี่ยนไป ไม่มีเวลาให้ มัวแต่ทำงาน นั่นอาจเป้นเพราะเขาเครียด หาเงินมาใช้หนี้ก้อนหนี้อยู่หรือเปล่า คุณลองเชื่อมโยงอะไรหลายๆอย่างดูนะ
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งแต่งงานค่ะและกำลังจะเลิกกับสามี