เตรียมหย่ากับสามี เพราะรู้สึกไม่ใช่คู่ชีวิต

แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เรามองต่างจากหลายคนนะคะ

เราไม่ค่อยเชื่อว่าคุณวางแผนการเงินผิดพลาดค่ะ และนี่ไม่ใช่สาเหตุที่สามีไม่ช่วย

เราแอบคิดว่าคุณมีนิสัยตัดสินใจเรื่องเงินแบบไม่มองอนาคตมานานแล้ว เขาห้ามปรามหรือแนะนำก็ไม่ฟัง ดื้อ แอบคิดเองทำเอง หรือเขาคงเคยช่วยมาหลายครั้งแล้ว จนเขา “จำ” ว่าคุณก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ

ตามความเห็นที่ถามว่าตอนก่อหนี้คุณบอกเขาไหม คุณตอบไม่เคลียร์ ว่าง่ายๆคือ “ไม่ได้บอก” ตอนคุณกู้ คุณรูดบัตร คุณไม่ได้บอกเขา ตัดสินใจเอาเอง เราเดาว่าเพราะคุณรู้ว่าถ้าบอกเขาจะไม่เห็นด้วย คุณเลยเลี่ยงไม่บอก

แต่พอเกิดปัญหา มาบอก มาให้ช่วย และน่าจะเป็นแบบนี้หลายครั้ง คือทำอะไรไม่บอก ห้ามไม่ฟัง แต่พอพังมาโอดครวญ

ส่วนเรื่องหย่า แล้วแต่คุณเลยค่ะ เพราะถ้าเป็นตามที่เราเข้าใจ (และขออภัยหากเข้าใจผิด) ถ้าเราเป็นสามีคุณ เราคงเป็นฝ่ายขอหย่าค่ะ เรามีญาติผู้ใหญ่กระเฌอก้นรั่วแบบนี้เลย จากเคยรวย แทบไม่เหลืออะไร ตอนนึกจะตัดสินใจอะไรก็แอบทำ หลอกลูกผัวบ้าง บอกไม่หมดบ้าง โลกสวย ทำโดยพละการ สุดท้ายพอพังก็มาลำเลิกเอากับลูกกับผัวให้ช่วย และทำแบบนี้ซ้ำๆ น่ากลัวมาก ตอนนี้ลูกบางคนแทบไม่อยากยุ่งด้วยเลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 3
ความคิดเห็นที่ 13
ฟังๆแล้วเหมือนโยน ภาระให้สามีเลย หย่าเถอะครับ ผมสงสารแฟนคุณ คิดจะเรียน คิดจะทำอะไรควรวางแผนชีวิต คับ อย่าลืมโทษ ตัวเองก่อนจะโทษคนอื่นครับ สาธุ 99 สามีคุณโชคดีมาก ที่คุณจะหย่า ผมมองออกนะ ว่า ผญ แบบ จขกท เป็นยังไง อ่ะ 55
ความคิดเห็นที่ 50
ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะที่สามีเราเป็นเหมือนเจ้าของกระทู้แต่หนักกว่าเยอะ (หนี้เกือบ2ล้านไม่รวมดอก)
โดยไม่เคยบอกเรามาก่อน เรามารู้เรื่องคือตอนที่เค้าไปต่อไม่ไหวและมาสารภาพ
ขณะนั้นเค้าไม่มีงานทำ ไม่มีเงินเก็บ และที่พีคคือนางขอให้เราปล่อยท้อง(คบกับมา5ปี)

คนที่ไม่วางแผนชีวิต มักคิดอะไรง่ายๆเสมอค่ะ

พอเรารู้เรื่อง สิ่งแรกเลยคือไล่ให้สามีไปทำงาน เราไม่ร่วมใช้หนี้ใดๆทั้งนั้นค่ะ
แต่เรารับผิดชอบตัวเองและลูก100% เพื่อสร้างโอกาสให้เค้าได้ไปใช้หนี้ของเค้าได้อย่างเต็มที่

จริงๆสามีเราก็เหมือนจขกท เลยนะ ขอให้เราช่วยปิดหนี้ให้ เรามีเงินปิดให้นะ แต่ไม่ทำค่ะ
(เค้าเคยไปเป็นหนี้บัตรเพิ่ม 6 หมื่น อันนี้เราปิดให้ และมีเงื่อนไขถ้าสร้างเพิ่มอีกเราขอให้หย่า
เพราะเพิ่งส้รางครอบครัวค่ะ ไม่อยากได้ภาระเพิ่ม)
ตอนนั้นสามีเรามีอาการเหมือนจขกทเลย งอแง หงุดหงิด โมโหง่าย จากการขาดเงิน และความเครียดสะสม
จึงไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้เลย เราจึงแยกกันอยู่ เรารับผิดชอบทั้งการเลี้ยงดูและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของลูก จนตอนนี้ลูก5ขวบแล้วค่ะ
จะหาว่าเราใจดำก็ได้ แต่เราว่าเค้าต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง
เราปล่อยมีลูกกับเค้า เราก็รับผิดชอบลูก ซึ่งเป็นการกระทำของตัวเองเช่นกันค่ะ

เรามีความคิดไม่พึงพา และเรามักคิดถึงเคสที่แย่ที่สุดเสมอค่ะ
ณ ตอนนี้ที่ตัดสินใจปล่อยท้องก็ได้ถามตัวเองแล้วว่า ถ้าต้องเลี้ยงลูกคนเดียวเราไหวไหม คำตอบคือไหว(แย่สุดจริงแหละT^T)
สุดท้ายแล้ว คนเรามันก็ต้องพึงตัวเองนั่นแหละค่ะ ตอนนี้จขกท คงอยากได้กำลังใจจากสามีมากๆแหละ
เรากับสามีก็ให้กำลังใจกันมาเรื่อยๆ จนตอนนี้กำลังจะผ่านพ้นไป .. เราเลือกไม่ทิ้งสามีเพราะเค้าเป็นคนดีมากๆคนหนึ่ง
ตอนนี้หนี้ใกล้หมด สามีกลับมาพูดจารู้เรื่อง อารมณ์ปกติดีมากๆค่ะ หลังๆเค้าเริ่มตั้งหลักได้ ก็มีส่งเงินมาให้ลูกบ้างค่ะ
และเราวางแผนจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งหลังเค้าใช้หนี้หมดค่ะ
ความคิดเห็นที่ 26
คุณเป็นหนี้บัตรสามแสน
การใช้ชื่อสามีกู้เงินสามแสน แปลว่าต้องใช้หนี้สามแสนรวมดอกเบี้ย

คุณควรหาความรู้เรื่องการแก้หนี้บัตรเครดิต คุณได้จ่ายน้อยกว่าสองแสนด้วยซ้ำ และไม่ต้องให้ใครกู้มาช่วยเลย

สิ่งสำคัญของการแก้หนี้บัตรเครดิต ไม่ใช่การกู้ดอกเบี้ยถูกมาจ่าย
แต่เป็นวินัยทางการเงินระยะยาว+การวางแผนที่ดี

เริ่มได้จาก
1.รายรับของตัวคุณเอง เดือนละกี่บาท
2.ถ้าไม่ต้องใช้หนี้บัตรเลย และหยุดใช้บัตรทันที คุณมีรายจ่ายต่อเดือนกี่บาท
3.เอาข้อ2 หักออกจากข้อ1 นั่นคือความสามารถในการใช้หนี้ของคุณ

คนที่แก้หนี้บัตรเครดิตไม่ได้ เพราะทำข้อ1,2,3 ไม่ได้
แต่เลือกที่จะวิ่งหาดอกเบี้ยถูกก่อนเลย
พอวินัยการเงินไม่ดี ก็ไปเอาบัตรมาใช้อีก กลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่กว่าเดิม ปัญหาแก้ยากขึ้น

ย้ำว่าปัญหานี้ แก้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้ก้อนใหญ่จากใครทั้งนั้นครับ
แต่ต้องหัดทำบัญชีและมีวินัยการเงิน
ถ้าคุณทำได้เอง คุณจะภูมิใจมาก

ส่วนสามีคุณ ถ้ามีแล้ว ลำบากกว่าอยู่คนเดียว เลือกอยู่คนเดียวดีกว่าครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่