ได้มีโอกาสไปชมนิทรรศการที่ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถบอีสาน ช่วงที่เราและครอบครัวถ่ายรูปเล่นกันในโซนถ่ายรูป และมีโซนส่องกล้องสามมิติ
สักพักมีคุณแม่และลูกชายวัยประมาณ 7-8 ปีเข้ามา ท่าทางซุกซนพอควรวิ่งเล่นในโซนซึ่งก็เป็นปกติของเด็กชาย ได้ยินแต่คุณแม่เรียกให้ไปถ่ายรูปเป็นระยะๆ เพราะน้องก็วิ่งไปมา
ระหว่างที่เรานั่งรอครอบครัวไปส่องกล้องสามมิติ ลูกสาวเราก็อยากถ่ายรูปในจุดถ่ายรูป มีก้อนหินจำลอง และมีก้อนเมฆที่ทำจากสำลี ซึ่งพอดีว่าเด็กชายคนเดิม กำลังถ่ายรูปอยู่ เราก็บอกลูกสาวว่ารอก่อนให้เค้าถ่ายเสร็จก่อน เด็กชายยืนบนก้อนหิน(ก่อนหน้านี้มีแต่คนนั่ง) และทำท่ายื่นมือไปจับก้อนเมฆ เราก็คิดในใจว่าแตะเฉยๆพอนะ ไวกว่าความคิดเด็กชายยื่นมือไปดึงก้อนสำลีลงมา ปรี้ดสิคะ
"ไม่ดึงสำลีสิคะ!!" เราตะโกนแข่งเสียงเพลงภายในงาน
เด็กชายตกใจ กระโดดไปหาแม่ที่เล็งกล้องถ่ายรูปอยู่ ได่ยินเสียงแม่เด็กบอก ไปขอโทษพี่เค้า จังหวะพอดีแม่เราถามเราว่ามีอะไร เราเลยไม่ได้หันไปหาแม่ลูกคู่นั้น
เราตอบแม่ไปว่า ลูกเค้าดึงสำลี ก็เลยตะโกนบอกน้อง
แม่เรายังว่า บอกทำไม แม่เค้ายังไม่บอกเลย
เราเลยว่า ก็แม่เค้าไม่บอกเราเลยต้องบอกเอง
แล้วเราก็บอกให้ลูกเราลงไปถ่ายรูปในจุดที่เด็กชายยืนบนหิน เราบอกให้ลูกเรานั่งแต่ให้ระวังนิดนึงเพราะก้อนหินมันเปียกจากการที่เด็กชายยืน (เผอิญวันนั้นฝนตก)
แอบคิดในใจ คุณแม่ไม่จำเป็นต้องบอกให้น้องมาขอโทษเรา เพราะเราไม่ใช่เจ้าของนิทรรศการ และเราก็ไม่ใช่สตาฟของงาน เราก็คือ ประชาชนคนธรรมดาที่เข้ามาดูนิทรรศการของหลวง
และอยากจะขอโทษคุณแม่ที่ทำให้ลูกคุณแม่ตกใจ แต่มันนิ่งเฉยไม่ได้กับการกระทำของน้องค่ะ คุณแม่เองก็ดูใส่ใจน้องดีเพราะเตรียมเสื้อกันหนาวมาให้น้องด้วยน่าจะเตือนน้องด้วยตัวเองมากกว่าให้คนอื่นบอก แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่คุณแม่และน้องไม่เหวี่ยงวีนคืนเราน้า
ฝากถึงมนุษย์แม่ มนุษย์พ่อทั้งหลาย ของส่วนรวมช่วยกันรักษาและใช้อย่างเหมาะสมนะคะ
เมื่อฉันมีโอกาสได้เตือนลูกคนอื่น
สักพักมีคุณแม่และลูกชายวัยประมาณ 7-8 ปีเข้ามา ท่าทางซุกซนพอควรวิ่งเล่นในโซนซึ่งก็เป็นปกติของเด็กชาย ได้ยินแต่คุณแม่เรียกให้ไปถ่ายรูปเป็นระยะๆ เพราะน้องก็วิ่งไปมา
ระหว่างที่เรานั่งรอครอบครัวไปส่องกล้องสามมิติ ลูกสาวเราก็อยากถ่ายรูปในจุดถ่ายรูป มีก้อนหินจำลอง และมีก้อนเมฆที่ทำจากสำลี ซึ่งพอดีว่าเด็กชายคนเดิม กำลังถ่ายรูปอยู่ เราก็บอกลูกสาวว่ารอก่อนให้เค้าถ่ายเสร็จก่อน เด็กชายยืนบนก้อนหิน(ก่อนหน้านี้มีแต่คนนั่ง) และทำท่ายื่นมือไปจับก้อนเมฆ เราก็คิดในใจว่าแตะเฉยๆพอนะ ไวกว่าความคิดเด็กชายยื่นมือไปดึงก้อนสำลีลงมา ปรี้ดสิคะ
"ไม่ดึงสำลีสิคะ!!" เราตะโกนแข่งเสียงเพลงภายในงาน
เด็กชายตกใจ กระโดดไปหาแม่ที่เล็งกล้องถ่ายรูปอยู่ ได่ยินเสียงแม่เด็กบอก ไปขอโทษพี่เค้า จังหวะพอดีแม่เราถามเราว่ามีอะไร เราเลยไม่ได้หันไปหาแม่ลูกคู่นั้น
เราตอบแม่ไปว่า ลูกเค้าดึงสำลี ก็เลยตะโกนบอกน้อง
แม่เรายังว่า บอกทำไม แม่เค้ายังไม่บอกเลย
เราเลยว่า ก็แม่เค้าไม่บอกเราเลยต้องบอกเอง
แล้วเราก็บอกให้ลูกเราลงไปถ่ายรูปในจุดที่เด็กชายยืนบนหิน เราบอกให้ลูกเรานั่งแต่ให้ระวังนิดนึงเพราะก้อนหินมันเปียกจากการที่เด็กชายยืน (เผอิญวันนั้นฝนตก)
แอบคิดในใจ คุณแม่ไม่จำเป็นต้องบอกให้น้องมาขอโทษเรา เพราะเราไม่ใช่เจ้าของนิทรรศการ และเราก็ไม่ใช่สตาฟของงาน เราก็คือ ประชาชนคนธรรมดาที่เข้ามาดูนิทรรศการของหลวง
และอยากจะขอโทษคุณแม่ที่ทำให้ลูกคุณแม่ตกใจ แต่มันนิ่งเฉยไม่ได้กับการกระทำของน้องค่ะ คุณแม่เองก็ดูใส่ใจน้องดีเพราะเตรียมเสื้อกันหนาวมาให้น้องด้วยน่าจะเตือนน้องด้วยตัวเองมากกว่าให้คนอื่นบอก แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่คุณแม่และน้องไม่เหวี่ยงวีนคืนเราน้า
ฝากถึงมนุษย์แม่ มนุษย์พ่อทั้งหลาย ของส่วนรวมช่วยกันรักษาและใช้อย่างเหมาะสมนะคะ