วันนี้จะมาเล่า มาแชร์ มาเตือนทุกคน ถึงผลเสียของการทาสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ
ชื่อฉินคับ
ย้อนกลับไปประมาณ 22 ปีก่อน
จำได้ว่าตัวเองเป็นเซ็บเดิร์มตั้งแต่อายุ 16 ปี
บางคนสงสัย เซ็บเดิร์มคืออะไร
ก็ประมาณว่า หน้าชอบลอก ๆ แห้ง ๆ แดง ๆ คัน ๆ ผื่น ๆ
ข้างจมูกบ้าง หัวคิ้วบ้าง ไรผมบ้าง หลังหูบ้าง
มาถึงตรงนี้ ขอจำแนกระหว่างเซ็บเดิร์มแท้ กับเซ็บเดิร์มเทียมก่อนนะ
เดี๋ยวคนจะคิดว่า อะไรก็คิดว่าเป็นเซ็บเดิร์มไปซะหมด
ถ้าแท้เกิดจากระบบภาวะร่างกายไม่สมดุล
ไม่เคยทาครีมใดๆ แค่เครียด นอนน้อย
นอนดึก กินดึก
กลางคืนไม่นอน นอนกลางวัน
ขาดสารอาหารที่จำเป็นในผัก ผลไม้
ดื่มน้ำน้อย
เหล้า บุหรี่จัด
แค่อย่าง สองอย่างที่ว่ามา ก็ทำให้เกิดได้
พวกนี้ถ้าไม่หันกลับมาดูแลตัวเอง จะเป็นตลอด
(กรณีนี้ ไม่จำเป็นว่าต้องเกิดกับทุกคนนะ บางคนไม่เป็นก็ได้
แต่กำลังจะบอกว่า คนที่เป็นมักจะเกิดจากสาเหตุเหล่านี้)
เซ็บเทียมคือผิวคนที่แข็งแรงปกติ แต่ดันไปพลาดใช้สเตียรอยด์
เกิดภาวะผิวบาง และติดยา เช่น คนที่ไปใช้ครีมในเน็ตเป็นเวลาหลายเดือน
พอหยุดก็ผื่นขึ้น ไปหาหมอหรือไปร้านยา ก็จะได้สเตียรอยด์กลับมาทาต่อ
อันนี้หายได้ แต่นานแค่ไหน ขึ้นกับระยะเวลา
และความแรงของยาคับ
(วิธีรักษาแบบธรรมชาติ เราค่อยมาพูดกันในครั้งหน้านะ
ครั้งนี้เอาเรื่องฉินก่อน)
อะที่นี้มาเข้าเรื่อง
จำได้ว่า ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ชอบทานผักเลย เกลียดมาก
ผลไม้บ้าง ตามแต่ที่บ้านจะซื้อมา ไม่ซื้อก็ไม่กิน
ของชอบคือ ไก่ทอด หมูทอด ของทอด ๆ ทุกชนิด
น้ำเปล่าไม่ค่อยดื่ม เพราะขี้เกียจเข้าห้องน้ำ วันหนึ่ง ไม่น่าจะเกิน 1 ขวดเล็ก (ขวด 8 บาทในเซเว่นอะ)
น้ำที่ชอบดื่มบ่อย ๆ ก็จะเป็นน้ำอัดลม เพราะที่บ้านขาย
ไม่ได้รู้สึกว่าทำอะไรผิด เพราะพี่น้องก็กินแบบนี้
พอวัยรุ่น สิวก็เริ่มมา ก็ไม่ได้สนใจอะไร
จนวันหนึ่ง มีเซ็บเดิร์มขึ้นที่ข้างจมูก
ลอกเป็นขุย ๆ แดง ๆ
เวลาโดนน้ำจะยุ่ย ๆ เป็นเหมือนผิวหนังที่กำลังจะลอกออก
เช็ดออก รุ่งขึ้นก็ขึ้นมาใหม่
เลยไปซื้อผงขัดหน้าพม่ามาใช้
ขัดวันนี้ พรุ่งนี้รู้เรื่องเลย แดง ลอก น้ำเหลืองเกาะขึ้นมาเป็นชั้นหนา ๆ เต็มจมูก
ลามขึ้นไปถึงหัวคิ้วเลยคราวนี้
แม่เลยพาไปหาหมอที่คลินิกชื่อดังที่อนุสาวรีย์ชัย
ก็ได้ครีมมาทาหน้า มีสเตียรอยด์ 1 หลอด
(สมัยนั้นหมอก็ไม่ได้บอกหรอกว่าสเตียรอยด์ มารู้ที่หลังเพราะหมอบอกว่าให้ทาแค่ 7 วัน)
แล้วก็บำรุงธรรมดา
หลังจากทาไป 7 วัน ผื่นยุบหมดเลย
ดีใจมาก รู้สึกว่าครีมอะไรช่างวิเศษแท้
พอครบ 7 วันก็ไปหาหมออีกรอบ หมอก็ให้หยุด แล้วก็ทาแค่บำรุง
ตอนนั้นจำได้ว่า 3-4 เดือนผื่นก็จะขึ้นมาทีนึง
หมอก็จะให้ทาสเตียรอยด์แบบเดิม
รักษากับคลินิกนี้อยู่หลายปี
ก็เปลี่ยนไปที่อื่น เพราะรู้สึกว่า ผื่นไม่หายสักที
แต่ที่อื่นก็ให้สเตียรอยด์เหมือนกัน
ก็วนหาไปเรื่อย ๆ อยู่แบบนี้ 16 ปี
ลืมบอกไปว่า นอกจากสเตียรอยด์แล้ว ก็ยังทายาสิว และกินยาสิวที่หมอสั่งให้เป็นประจำ
เพราะเวลาสิวขึ้นหมอก็จะจัดให้
กินวนไป
ทาวนไป
นอกจากครีมบำรุงของที่คลินิกหมอแล้ว
ไม่เคยใช้ของมียี่ห้อได้เลย
ใช้อะไรก็แพ้ ผื่นขึ้นตลอด ก็ต้องกลับไปหาหมอ
หลังจากปีที่ 16 สิวเริ่มขึ้นแบบทีละเม็ดสองเม็ด
ยาสิวเริ่มเอาไม่อยู่ ทาก่อนล้างหน้าก็แล้ว แต้มก็แล้ว
เรื่องกินยานิ ไม่ต้องพูดถึง
กินจนขนาดที่ปวดท้องจนเป็นลมมาแล้ว
อาจจะเป็นเพราะเรากินยาพวกนี้มานาน มันเลยไปทำให้แบคทีเรียที่ดีในกระเพาะมันลดลง
และยาพวกนี้ก็อาจจะไปกัดกระเพาะก็ได้
เลยต้องหยุดยาทุกอย่าง เพราะทานแล้วปวดท้องมาก
สิว ผื่นก็เริ่มขึ้นไม่หยุด
ไปกดสิว ยิง IPL ลบรอย
หมดเงินไปเยอะมาก รู้สึกท้อเลย
หลังจากนั้นก็มีคนแนะนำครีมให้ (ครีมในเน็ต)
เค้าบอกว่าเป็นครีมที่ทำจากสมุนไพรขมิ้นสด
ให้ใช้คู่กับเซรั่มน้ำนม
ใช้ไปได้ 7 วัน สิวยุบ
คุณพระ ของเค้าดีจริง ไรจริง
ชีวิตดี้ดี
เพื่อนเห็นเพื่อนทัก
ใครเห็นก็ถามว่าไปทำไร ทำไมหน้าใสจัง
ใช้ไปได้ ปีกว่า
รู้สึกว่า ทำไมหน้าขาวแปลก ๆ
ซีด ๆ เหมือนกระดาษ ผิวแห้ง ดูไม่มีชีวิต ชีวาเลย
แถมสิวก็เริ่มขึ้น
เลยลองหยุดดู
แล้วก็หันไปใช้ครีมแบรนด์ยี่ห้อดัง
สรุป ทั้งสิว ทั้งผื่นมาเต็ม
เลยต้องกลับไปใช้ครีมในเน็ตตัวนั้นใหม่
เพื่อให้สิว และผื่นมันยุบลง
ใช้ไปสักพักก็รู้สึกว่า มันน่าจะมีสเตียรอยด์แน่ ๆ แล้ว
ทาต่อไปแบบนี้ไม่ดีแน่
ก็หาข้อมูลต่าง ๆ ในเน็ต
ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ค่อยมีคนมาเขียนเรื่องผิวติดสเตียรอยด์เท่าไหร่
แต่รู้อย่างหนึ่งว่า อะไรที่เป็นพิษ เราต้องหยุด
เลยตัดสินใจหยุด
ผลปรากฎว่า
หน้าเละเป็นศพเลย
ทุกข์ใจมาก
ไปไหนก็มีแต่คนถาม ทำไมไม่หาหมอ
ในใจนึก ไปก็คงไม่พ้นสเตียรอยด์ ยาสิวอีก
หาทางรักษาวิธีใหม่เอาละกัน
ตอนนั้นก็เริ่มหันกลับมาดูแลสุขภาพตัวเองใหม่
เริ่มรู้ละว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กเราใช้ชีวิตผิดหมดเลย
การที่ร่างกายขาดวิตามิน และสารอาหารที่มีประโยชน์
ส่งผลต่อผิวอย่างมาก
เลยเริ่มจาก
ทานผัก ผลไม้ เอาให้ครบ 5 สีเลย
จากที่ไม่ชอบก็ต้องหันมาทาน แล้วก็เลือกที่คิดว่ามียาฆ่าแมลงน้อยที่สุด
เช่นพวกแครอท ฟักทอง มะระ ตำลึง กระเทียม ผักบุ้ง
สั่งร้านอาหารตามสั่ง ให้ทำเป็นแบบแกงจืด
งดของทอด ของหวานไปเลย
ดื่มน้ำไม่เย็นวันละ 2 ลิตร
น้ำสมุนไพรก็น้ำบัวบก อัญชันมะนาว น้ำมะพร้าว น้ำเสาวรส บีรูท
ผลไม้ก็แอปเปิ้ล กล้วย สัปรด ไม่เน้นผลไม้สุกเท่าไหร่ เพราะมันหวานเกินไป
การทานหวานมาก ๆ ก็จะมีผลต่อสิวได้เหมือนกัน
นอน 4 ทุ่ม
ตื่น 6 โมงเช้าเพื่อมาขับถ่าย
ทำแบบนี้อยู่ 6 เดือน สิวก็เริ่มยุบลง แต่ผื่นยังไม่ยุบ
เลยคิดว่า คงต้องหาตัวช่วยละ
เลยไปแนวแพทย์แผนจีนดีกว่า
ใช้สมุนไพรจีนรักษา
หมอจีนก็ให้ยาหม้อมากิน
ขมมาก
แล้วก็ให้มาร์คหน้าด้วยสมุนไพร
ลองอยู่ 2 เดือน ไม่ดีขึ้น เลยหยุด
แต่ที่ได้มาอย่างหนึ่งคือ
เค้าให้เอาน้ำเกลือล้างแผล ที่ขายในร้านขายยาอะ
เอามาชุบสำลีแผ่น แปะตรงผื่น 20 นาที หลับอาบน้ำ
ประมาณนี้
ผื่นก็ยุบลงนิดนุง ลดคันได้ดีทีเดียว
แต่ผื่นก็ยังเยอะอยู่
เลยหาวิธีใหม่ ไปเจอวิธีโฮมีโอ เป็นการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก
เลยลองไปดู รักษาไปเกือบปี
ทำท่าจะดี
แต่แล้ว ช่วงสิ้นปีไม่สบายเท่านั้นแหละ กลับมาหนักเชียว
คุณหมอบอกว่า คงต้องทาสเตียรอยด์แล้วละ
เลยรู้ละว่า วิธีนี้ไม่ใช่ละ
หลังจากนั้นก็มีน้องคนหนึ่งแนะนำว่า ไม่ลองไปตรวจภูมิแพ้ผิวหนังดู
เลยไปหาคลินิกแถวประชาชื่น
คุณหมอบอกว่า ที่นี่ไม่รับปรึกษาเซบเดิร์ม แต่เท่าที่ดูเหมือนจะแพ้อะไรบางอย่าง
เลยจับตรวจหาสารที่แพ้ให้
สรุป ไม่เจออะไร เสียไป 3 พันกว่าบาท ค่ายาอีกเป็นพัน
คุณหมอเลยบอกว่า งั้นเอา Protopic ไปทา
หมอบอกว่าให้ทาเช้าเย็น 7 วัน
แล้วก็เหลือแค่เย็น 7 วัน แล้วลดวันเว้นวัน อาทิตย์ละ 2 วันแบบนี้ไป จนหยุดไปเลย
ไปหาอยู่ 3 ครั้ง ก็เริ่มดีขึ้น เพราะ Protopic มันกดอาการไว้เหมือนสเตียรอยด์
แต่ไม่ใช่สเตียรอยด์ แต่มารู้ทีหลังว่า ตัวนี้ทามาก ๆ ไม่ดี ผิวเสียได้เหมือนกัน
ที่เมืองนอกเค้าก็ไม่ให้ใช้นาน ๆ เกิน 6 เดือน เพราะอาจจะมีผลเสียกับผิวในระยะยาว
http://www.webmd.com/drugs/2/drug-20335/protopic-top/details
http://www.drugs.com/sfx/protopic-side-effects.html
เห็นว่า Elidel ก็เหมือนกันนะ
เลยหยุดไปเกือบ ๆ เดือนผื่นเริ่มมา
แล้วน้องคนเดิมก็ช่างสรรหา แนะนำให้รู้จักกับวิธีพลาสมาเย็น
ตอนนั้นปี 2556 ช่วงก.ค.
เลยลองไปคุยดู พอดีเค้าเปิดรับเคสศึกษา ทำฟรี เลยไปลองทำดู
พลาสมาเย็นเป็นการใช้ไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้นชั้นผิวให้เกิดการแบ่งตัว
ตรงข้ามกับสเตียรอยด์ ที่ไปกดการแบ่งตัวของชั้นผิว
แต่มันจะกระตุ้นได้ชั่วคราวเท่านั้น
ต้องทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าหน้าของเราจะกลับมาปกติเอง
หรืออยู่ได้ด้วยตัวเอง
แต่ข้อเสียคือ ถ้าผิวคุณต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายปี ก็ต้องทำหลายปี
ซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ
และข้อเสียอีกอย่างของมันคือ มันเปิดผิว เพื่อให้ครีม หรือเซรั่มลงได้ลึกมากขึ้น
แต่นั่นก็หมายถึงว่า ถ้าไปเจอสิ่งที่แพ้ ติดเชื้อเพิ่ม มันก็จะลงได้ลึกเช่นเดียวกัน
ส่งผลให้หลาย ๆ คนไม่ประสบความสำเร็จกับวิธีนี้
แต่โชคดีที่ฉินไม่เจอในช่วงแรก
หลังจากที่ทำไป 6 เดือน ปรากฎว่าดีขึ้นวะ
ดีขึ้นเยอะมาก มากแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่เคยรู้สึกหน้าดีขนาดนี้มานานมากละ
พอผื่นหายหมด เลยตัดสินใจไปยิงหลุมสิวเพิ่ม
แม้จะรู้ว่า ยิงแล้วผิวมันจะอ่อนแอ แต่ก็มั่นใจว่า พลาสมาเย็นจะทำให้ผิวไม่กลับไปอ่อนแอ
ทุกครั้งที่ยิงผื่นจะขึ้น
แต่พอทำพลาสมาเย็นไปสักพัก ผื่นก็จะหายไป
แต่...หลังจากที่ยิงไป 4 ครั้ง
ครั้งที่ 4 ยิงหนักมาก
ผลปรากฎว่า ผื่นมาเยอะกว่าปกติ แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก
คิดว่า เดี๋ยวทำพลาสมาเย็นก็น่าจะหาย
แต่ไม่ใช่...
คราวนี้ผื่นมา ๆ ไป ๆ หายไปสักพัก ก็กลับมาเป็นอีก
ทนทำไป 4 เดือน ผิวเริ่มแย่ ผื่นเริ่มมาหนักขึ้น
จากที่ไม่เคยขึ้นหนักขนาดนี้ก็ขึ้น
ที่คลินิกพลาสมาเย็นบอกว่า สงสัยจะแพ้อะไรบางอย่าง
ให้เรากลับไปหา
เราก็หา แทบจะล้างห้องนอนใหม่หมดเลย ก็ไม่หาย
นึกขึ้นได้ว่า หรือว่าเราจะติดรา เลยไปเอาไนโซรัล ครีมมาทา
สรุปว่า ยุบ
ตอนนี้รู้ละว่าเป็นเชื้อรา
แต่ปัญหาใหญ่คือ ไอ้เชื้อบ้าเนี้ย มันมีอยู่ทุกที่ ที่นอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู ในอากาศ
หรือในตัวเราเองก็มีเชื้อพวกนี้อยู่แล้ว
ตราบใดที่หน้ายังไม่แข็งแรง มันจะเห่อตลอด
ช่วงนั้นก็ทาไป ทำพลาสมาเย็นไป ก็ไม่ค่อยดี
พอทำเสร็จ กลับมาก็เห่อ เพราะมันเปิดผิว
เลยหยุดไปเลย ทาไนโซรัลอย่างเดียว 2 เดือน
แล้วก็ลองหยุด สรุป เห่อ
หมอบอกว่า ไนโซรัลทานาน ๆ ทำให้ผิวเสียได้
และสามารถทำให้ราดื้อยาได้
เลยลองไปทำพลาสมาเย็นอีกสักตั้ง
ผลคือ เละไม่เป็นท่า
เลยหยุดเลย
รู้สึกว่ามันไม่ตอบโจทย์ตัวเองแล้ว
มีคำถามมากมายในหัวว่า ทำไมทำตั้งนานแล้วผิวยังไม่แข็งแรง
ทำไมรอบแรกหาย แล้วรอบนี้ไม่หาย
หน้ากูมีปัญหาหรอ ใช่หรอ
แต่ก็เอาเถอะ เพราะคิดว่าคงไม่ไปทำต่อแล้ว
แล้วก็พอดีช่วงนั้นกลับบ้านต่างจังหวัด
คนแถวบ้านเค้าเห็นก็ถามว่าเป็นอะไร
เราก็บอกว่าติดเชื้อรา
เค้าบอกว่า เมื่อก่อนเค้าก็เป็น เป็นทั้งตัวเลย กับเพื่อนอีก 2 คน
ไปรักษากับหมอ หมอก็ให้กินยาฆ่าเชื้อราตลอด
ซึ่งยาพวกนี้มีผลต่อตับ
แต่พวกเค้าคงไม่รู้ว่าระหว่างกินยา
ห้ามทานเหล้า เพราะจะยิ่งทำให้ตับพัง
พวกนี้ก็กินมาตลอดเป็นปี สรุป เพื่อนเค้า 2 คนตายเนื่องจากตับวาย
ตัวเค้าก็ไม่กล้ากินยาอีก แต่มีคนแนะนำให้เค้าไปแช่น้ำทะเล
เค้าก็ไปแช่ทุกวัน เป็นเดือน ๆ สรุปว่าเค้าหาย
เค้าก็มาแนะนำฉิน
ฉินก็เลยลองไปเล่นดู ยุบตั้งแต่ครั้งแรกเลยคับ คือแบบดีอะ
ดีงามมาก
ตอนแรกก็ไปแค่อาทิตย์ละครั้ง ก็รู้สึกว่าจะไม่พอ
ไปเจอบทความหนึ่งของเมืองนอก
เค้าบอกว่าให้ไปแช่ทุกวัน ๆ ละ 20 นาที
จากเซ็บเดิร์ม กลายเป็นหน้าติดสเตียรอยด์ 18 ปี กับ 4 ปีที่หยุดสเตียรอยด์
ชื่อฉินคับ
ย้อนกลับไปประมาณ 22 ปีก่อน
จำได้ว่าตัวเองเป็นเซ็บเดิร์มตั้งแต่อายุ 16 ปี
บางคนสงสัย เซ็บเดิร์มคืออะไร
ก็ประมาณว่า หน้าชอบลอก ๆ แห้ง ๆ แดง ๆ คัน ๆ ผื่น ๆ
ข้างจมูกบ้าง หัวคิ้วบ้าง ไรผมบ้าง หลังหูบ้าง
มาถึงตรงนี้ ขอจำแนกระหว่างเซ็บเดิร์มแท้ กับเซ็บเดิร์มเทียมก่อนนะ
เดี๋ยวคนจะคิดว่า อะไรก็คิดว่าเป็นเซ็บเดิร์มไปซะหมด
ถ้าแท้เกิดจากระบบภาวะร่างกายไม่สมดุล
ไม่เคยทาครีมใดๆ แค่เครียด นอนน้อย
นอนดึก กินดึก
กลางคืนไม่นอน นอนกลางวัน
ขาดสารอาหารที่จำเป็นในผัก ผลไม้
ดื่มน้ำน้อย
เหล้า บุหรี่จัด
แค่อย่าง สองอย่างที่ว่ามา ก็ทำให้เกิดได้
พวกนี้ถ้าไม่หันกลับมาดูแลตัวเอง จะเป็นตลอด
(กรณีนี้ ไม่จำเป็นว่าต้องเกิดกับทุกคนนะ บางคนไม่เป็นก็ได้
แต่กำลังจะบอกว่า คนที่เป็นมักจะเกิดจากสาเหตุเหล่านี้)
เซ็บเทียมคือผิวคนที่แข็งแรงปกติ แต่ดันไปพลาดใช้สเตียรอยด์
เกิดภาวะผิวบาง และติดยา เช่น คนที่ไปใช้ครีมในเน็ตเป็นเวลาหลายเดือน
พอหยุดก็ผื่นขึ้น ไปหาหมอหรือไปร้านยา ก็จะได้สเตียรอยด์กลับมาทาต่อ
อันนี้หายได้ แต่นานแค่ไหน ขึ้นกับระยะเวลา
และความแรงของยาคับ
(วิธีรักษาแบบธรรมชาติ เราค่อยมาพูดกันในครั้งหน้านะ
ครั้งนี้เอาเรื่องฉินก่อน)
อะที่นี้มาเข้าเรื่อง
จำได้ว่า ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ชอบทานผักเลย เกลียดมาก
ผลไม้บ้าง ตามแต่ที่บ้านจะซื้อมา ไม่ซื้อก็ไม่กิน
ของชอบคือ ไก่ทอด หมูทอด ของทอด ๆ ทุกชนิด
น้ำเปล่าไม่ค่อยดื่ม เพราะขี้เกียจเข้าห้องน้ำ วันหนึ่ง ไม่น่าจะเกิน 1 ขวดเล็ก (ขวด 8 บาทในเซเว่นอะ)
น้ำที่ชอบดื่มบ่อย ๆ ก็จะเป็นน้ำอัดลม เพราะที่บ้านขาย
ไม่ได้รู้สึกว่าทำอะไรผิด เพราะพี่น้องก็กินแบบนี้
พอวัยรุ่น สิวก็เริ่มมา ก็ไม่ได้สนใจอะไร
จนวันหนึ่ง มีเซ็บเดิร์มขึ้นที่ข้างจมูก
ลอกเป็นขุย ๆ แดง ๆ
เวลาโดนน้ำจะยุ่ย ๆ เป็นเหมือนผิวหนังที่กำลังจะลอกออก
เช็ดออก รุ่งขึ้นก็ขึ้นมาใหม่
เลยไปซื้อผงขัดหน้าพม่ามาใช้
ขัดวันนี้ พรุ่งนี้รู้เรื่องเลย แดง ลอก น้ำเหลืองเกาะขึ้นมาเป็นชั้นหนา ๆ เต็มจมูก
ลามขึ้นไปถึงหัวคิ้วเลยคราวนี้
แม่เลยพาไปหาหมอที่คลินิกชื่อดังที่อนุสาวรีย์ชัย
ก็ได้ครีมมาทาหน้า มีสเตียรอยด์ 1 หลอด
(สมัยนั้นหมอก็ไม่ได้บอกหรอกว่าสเตียรอยด์ มารู้ที่หลังเพราะหมอบอกว่าให้ทาแค่ 7 วัน)
แล้วก็บำรุงธรรมดา
หลังจากทาไป 7 วัน ผื่นยุบหมดเลย
ดีใจมาก รู้สึกว่าครีมอะไรช่างวิเศษแท้
พอครบ 7 วันก็ไปหาหมออีกรอบ หมอก็ให้หยุด แล้วก็ทาแค่บำรุง
ตอนนั้นจำได้ว่า 3-4 เดือนผื่นก็จะขึ้นมาทีนึง
หมอก็จะให้ทาสเตียรอยด์แบบเดิม
รักษากับคลินิกนี้อยู่หลายปี
ก็เปลี่ยนไปที่อื่น เพราะรู้สึกว่า ผื่นไม่หายสักที
แต่ที่อื่นก็ให้สเตียรอยด์เหมือนกัน
ก็วนหาไปเรื่อย ๆ อยู่แบบนี้ 16 ปี
ลืมบอกไปว่า นอกจากสเตียรอยด์แล้ว ก็ยังทายาสิว และกินยาสิวที่หมอสั่งให้เป็นประจำ
เพราะเวลาสิวขึ้นหมอก็จะจัดให้
กินวนไป
ทาวนไป
นอกจากครีมบำรุงของที่คลินิกหมอแล้ว
ไม่เคยใช้ของมียี่ห้อได้เลย
ใช้อะไรก็แพ้ ผื่นขึ้นตลอด ก็ต้องกลับไปหาหมอ
หลังจากปีที่ 16 สิวเริ่มขึ้นแบบทีละเม็ดสองเม็ด
ยาสิวเริ่มเอาไม่อยู่ ทาก่อนล้างหน้าก็แล้ว แต้มก็แล้ว
เรื่องกินยานิ ไม่ต้องพูดถึง
กินจนขนาดที่ปวดท้องจนเป็นลมมาแล้ว
อาจจะเป็นเพราะเรากินยาพวกนี้มานาน มันเลยไปทำให้แบคทีเรียที่ดีในกระเพาะมันลดลง
และยาพวกนี้ก็อาจจะไปกัดกระเพาะก็ได้
เลยต้องหยุดยาทุกอย่าง เพราะทานแล้วปวดท้องมาก
สิว ผื่นก็เริ่มขึ้นไม่หยุด
ไปกดสิว ยิง IPL ลบรอย
หมดเงินไปเยอะมาก รู้สึกท้อเลย
หลังจากนั้นก็มีคนแนะนำครีมให้ (ครีมในเน็ต)
เค้าบอกว่าเป็นครีมที่ทำจากสมุนไพรขมิ้นสด
ให้ใช้คู่กับเซรั่มน้ำนม
ใช้ไปได้ 7 วัน สิวยุบ
คุณพระ ของเค้าดีจริง ไรจริง
ชีวิตดี้ดี
เพื่อนเห็นเพื่อนทัก
ใครเห็นก็ถามว่าไปทำไร ทำไมหน้าใสจัง
ใช้ไปได้ ปีกว่า
รู้สึกว่า ทำไมหน้าขาวแปลก ๆ
ซีด ๆ เหมือนกระดาษ ผิวแห้ง ดูไม่มีชีวิต ชีวาเลย
แถมสิวก็เริ่มขึ้น
เลยลองหยุดดู
แล้วก็หันไปใช้ครีมแบรนด์ยี่ห้อดัง
สรุป ทั้งสิว ทั้งผื่นมาเต็ม
เลยต้องกลับไปใช้ครีมในเน็ตตัวนั้นใหม่
เพื่อให้สิว และผื่นมันยุบลง
ใช้ไปสักพักก็รู้สึกว่า มันน่าจะมีสเตียรอยด์แน่ ๆ แล้ว
ทาต่อไปแบบนี้ไม่ดีแน่
ก็หาข้อมูลต่าง ๆ ในเน็ต
ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ค่อยมีคนมาเขียนเรื่องผิวติดสเตียรอยด์เท่าไหร่
แต่รู้อย่างหนึ่งว่า อะไรที่เป็นพิษ เราต้องหยุด
เลยตัดสินใจหยุด
ผลปรากฎว่า
หน้าเละเป็นศพเลย
ทุกข์ใจมาก
ไปไหนก็มีแต่คนถาม ทำไมไม่หาหมอ
ในใจนึก ไปก็คงไม่พ้นสเตียรอยด์ ยาสิวอีก
หาทางรักษาวิธีใหม่เอาละกัน
ตอนนั้นก็เริ่มหันกลับมาดูแลสุขภาพตัวเองใหม่
เริ่มรู้ละว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กเราใช้ชีวิตผิดหมดเลย
การที่ร่างกายขาดวิตามิน และสารอาหารที่มีประโยชน์
ส่งผลต่อผิวอย่างมาก
เลยเริ่มจาก
ทานผัก ผลไม้ เอาให้ครบ 5 สีเลย
จากที่ไม่ชอบก็ต้องหันมาทาน แล้วก็เลือกที่คิดว่ามียาฆ่าแมลงน้อยที่สุด
เช่นพวกแครอท ฟักทอง มะระ ตำลึง กระเทียม ผักบุ้ง
สั่งร้านอาหารตามสั่ง ให้ทำเป็นแบบแกงจืด
งดของทอด ของหวานไปเลย
ดื่มน้ำไม่เย็นวันละ 2 ลิตร
น้ำสมุนไพรก็น้ำบัวบก อัญชันมะนาว น้ำมะพร้าว น้ำเสาวรส บีรูท
ผลไม้ก็แอปเปิ้ล กล้วย สัปรด ไม่เน้นผลไม้สุกเท่าไหร่ เพราะมันหวานเกินไป
การทานหวานมาก ๆ ก็จะมีผลต่อสิวได้เหมือนกัน
นอน 4 ทุ่ม
ตื่น 6 โมงเช้าเพื่อมาขับถ่าย
ทำแบบนี้อยู่ 6 เดือน สิวก็เริ่มยุบลง แต่ผื่นยังไม่ยุบ
เลยคิดว่า คงต้องหาตัวช่วยละ
เลยไปแนวแพทย์แผนจีนดีกว่า
ใช้สมุนไพรจีนรักษา
หมอจีนก็ให้ยาหม้อมากิน
ขมมาก
แล้วก็ให้มาร์คหน้าด้วยสมุนไพร
ลองอยู่ 2 เดือน ไม่ดีขึ้น เลยหยุด
แต่ที่ได้มาอย่างหนึ่งคือ
เค้าให้เอาน้ำเกลือล้างแผล ที่ขายในร้านขายยาอะ
เอามาชุบสำลีแผ่น แปะตรงผื่น 20 นาที หลับอาบน้ำ
ประมาณนี้
ผื่นก็ยุบลงนิดนุง ลดคันได้ดีทีเดียว
แต่ผื่นก็ยังเยอะอยู่
เลยหาวิธีใหม่ ไปเจอวิธีโฮมีโอ เป็นการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก
เลยลองไปดู รักษาไปเกือบปี
ทำท่าจะดี
แต่แล้ว ช่วงสิ้นปีไม่สบายเท่านั้นแหละ กลับมาหนักเชียว
คุณหมอบอกว่า คงต้องทาสเตียรอยด์แล้วละ
เลยรู้ละว่า วิธีนี้ไม่ใช่ละ
หลังจากนั้นก็มีน้องคนหนึ่งแนะนำว่า ไม่ลองไปตรวจภูมิแพ้ผิวหนังดู
เลยไปหาคลินิกแถวประชาชื่น
คุณหมอบอกว่า ที่นี่ไม่รับปรึกษาเซบเดิร์ม แต่เท่าที่ดูเหมือนจะแพ้อะไรบางอย่าง
เลยจับตรวจหาสารที่แพ้ให้
สรุป ไม่เจออะไร เสียไป 3 พันกว่าบาท ค่ายาอีกเป็นพัน
คุณหมอเลยบอกว่า งั้นเอา Protopic ไปทา
หมอบอกว่าให้ทาเช้าเย็น 7 วัน
แล้วก็เหลือแค่เย็น 7 วัน แล้วลดวันเว้นวัน อาทิตย์ละ 2 วันแบบนี้ไป จนหยุดไปเลย
ไปหาอยู่ 3 ครั้ง ก็เริ่มดีขึ้น เพราะ Protopic มันกดอาการไว้เหมือนสเตียรอยด์
แต่ไม่ใช่สเตียรอยด์ แต่มารู้ทีหลังว่า ตัวนี้ทามาก ๆ ไม่ดี ผิวเสียได้เหมือนกัน
ที่เมืองนอกเค้าก็ไม่ให้ใช้นาน ๆ เกิน 6 เดือน เพราะอาจจะมีผลเสียกับผิวในระยะยาว
http://www.webmd.com/drugs/2/drug-20335/protopic-top/details
http://www.drugs.com/sfx/protopic-side-effects.html
เห็นว่า Elidel ก็เหมือนกันนะ
เลยหยุดไปเกือบ ๆ เดือนผื่นเริ่มมา
แล้วน้องคนเดิมก็ช่างสรรหา แนะนำให้รู้จักกับวิธีพลาสมาเย็น
ตอนนั้นปี 2556 ช่วงก.ค.
เลยลองไปคุยดู พอดีเค้าเปิดรับเคสศึกษา ทำฟรี เลยไปลองทำดู
พลาสมาเย็นเป็นการใช้ไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้นชั้นผิวให้เกิดการแบ่งตัว
ตรงข้ามกับสเตียรอยด์ ที่ไปกดการแบ่งตัวของชั้นผิว
แต่มันจะกระตุ้นได้ชั่วคราวเท่านั้น
ต้องทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าหน้าของเราจะกลับมาปกติเอง
หรืออยู่ได้ด้วยตัวเอง
แต่ข้อเสียคือ ถ้าผิวคุณต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายปี ก็ต้องทำหลายปี
ซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ
และข้อเสียอีกอย่างของมันคือ มันเปิดผิว เพื่อให้ครีม หรือเซรั่มลงได้ลึกมากขึ้น
แต่นั่นก็หมายถึงว่า ถ้าไปเจอสิ่งที่แพ้ ติดเชื้อเพิ่ม มันก็จะลงได้ลึกเช่นเดียวกัน
ส่งผลให้หลาย ๆ คนไม่ประสบความสำเร็จกับวิธีนี้
แต่โชคดีที่ฉินไม่เจอในช่วงแรก
หลังจากที่ทำไป 6 เดือน ปรากฎว่าดีขึ้นวะ
ดีขึ้นเยอะมาก มากแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่เคยรู้สึกหน้าดีขนาดนี้มานานมากละ
พอผื่นหายหมด เลยตัดสินใจไปยิงหลุมสิวเพิ่ม
แม้จะรู้ว่า ยิงแล้วผิวมันจะอ่อนแอ แต่ก็มั่นใจว่า พลาสมาเย็นจะทำให้ผิวไม่กลับไปอ่อนแอ
ทุกครั้งที่ยิงผื่นจะขึ้น
แต่พอทำพลาสมาเย็นไปสักพัก ผื่นก็จะหายไป
แต่...หลังจากที่ยิงไป 4 ครั้ง
ครั้งที่ 4 ยิงหนักมาก
ผลปรากฎว่า ผื่นมาเยอะกว่าปกติ แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก
คิดว่า เดี๋ยวทำพลาสมาเย็นก็น่าจะหาย
แต่ไม่ใช่...
คราวนี้ผื่นมา ๆ ไป ๆ หายไปสักพัก ก็กลับมาเป็นอีก
ทนทำไป 4 เดือน ผิวเริ่มแย่ ผื่นเริ่มมาหนักขึ้น
จากที่ไม่เคยขึ้นหนักขนาดนี้ก็ขึ้น
ที่คลินิกพลาสมาเย็นบอกว่า สงสัยจะแพ้อะไรบางอย่าง
ให้เรากลับไปหา
เราก็หา แทบจะล้างห้องนอนใหม่หมดเลย ก็ไม่หาย
นึกขึ้นได้ว่า หรือว่าเราจะติดรา เลยไปเอาไนโซรัล ครีมมาทา
สรุปว่า ยุบ
ตอนนี้รู้ละว่าเป็นเชื้อรา
แต่ปัญหาใหญ่คือ ไอ้เชื้อบ้าเนี้ย มันมีอยู่ทุกที่ ที่นอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู ในอากาศ
หรือในตัวเราเองก็มีเชื้อพวกนี้อยู่แล้ว
ตราบใดที่หน้ายังไม่แข็งแรง มันจะเห่อตลอด
ช่วงนั้นก็ทาไป ทำพลาสมาเย็นไป ก็ไม่ค่อยดี
พอทำเสร็จ กลับมาก็เห่อ เพราะมันเปิดผิว
เลยหยุดไปเลย ทาไนโซรัลอย่างเดียว 2 เดือน
แล้วก็ลองหยุด สรุป เห่อ
หมอบอกว่า ไนโซรัลทานาน ๆ ทำให้ผิวเสียได้
และสามารถทำให้ราดื้อยาได้
เลยลองไปทำพลาสมาเย็นอีกสักตั้ง
ผลคือ เละไม่เป็นท่า
เลยหยุดเลย
รู้สึกว่ามันไม่ตอบโจทย์ตัวเองแล้ว
มีคำถามมากมายในหัวว่า ทำไมทำตั้งนานแล้วผิวยังไม่แข็งแรง
ทำไมรอบแรกหาย แล้วรอบนี้ไม่หาย
หน้ากูมีปัญหาหรอ ใช่หรอ
แต่ก็เอาเถอะ เพราะคิดว่าคงไม่ไปทำต่อแล้ว
แล้วก็พอดีช่วงนั้นกลับบ้านต่างจังหวัด
คนแถวบ้านเค้าเห็นก็ถามว่าเป็นอะไร
เราก็บอกว่าติดเชื้อรา
เค้าบอกว่า เมื่อก่อนเค้าก็เป็น เป็นทั้งตัวเลย กับเพื่อนอีก 2 คน
ไปรักษากับหมอ หมอก็ให้กินยาฆ่าเชื้อราตลอด
ซึ่งยาพวกนี้มีผลต่อตับ
แต่พวกเค้าคงไม่รู้ว่าระหว่างกินยา
ห้ามทานเหล้า เพราะจะยิ่งทำให้ตับพัง
พวกนี้ก็กินมาตลอดเป็นปี สรุป เพื่อนเค้า 2 คนตายเนื่องจากตับวาย
ตัวเค้าก็ไม่กล้ากินยาอีก แต่มีคนแนะนำให้เค้าไปแช่น้ำทะเล
เค้าก็ไปแช่ทุกวัน เป็นเดือน ๆ สรุปว่าเค้าหาย
เค้าก็มาแนะนำฉิน
ฉินก็เลยลองไปเล่นดู ยุบตั้งแต่ครั้งแรกเลยคับ คือแบบดีอะ
ดีงามมาก
ตอนแรกก็ไปแค่อาทิตย์ละครั้ง ก็รู้สึกว่าจะไม่พอ
ไปเจอบทความหนึ่งของเมืองนอก
เค้าบอกว่าให้ไปแช่ทุกวัน ๆ ละ 20 นาที