พอดีเราได้กลับไปอ่านกระทู้หนึ่งเกี่ยวกับ ดาวพลูโต
เราเลยมานึกถึงดาวพลูโตของเรา ดาวพลูโตที่ตอนที่มันอยู่ข้างๆเรา
เรากับไม่เคยเห็นคุณค่าของมัน แต่พอมันหลุดออกจากวงโคจรของเราไป
เรากลับรู้สึกถึงความสำคัญของมัน นึกถึงมันมากกว่าที่อยู่ด้วยกัน
แม้จะผ่านมาหลายปี แม้เรื่องราวนั้นจะเป็นตอนที่เรายังเด็ก แต่มันก็เป็นบุคคลคนเดียวที่เรามักจะนึกถึง
ทุกครั้งที่เราสุข ทุกข์ เศร้า ท้อแท้ อยู่เสมอ ดาวพูลโตของเรา
................................................
เรามีเพื่อนคนหนึ่ง เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กๆเลย อนุบาลนู่นเลยแหละ
นับว่าเป็นเพื่อนในโรงเรียนคนแรกของเราเลยก็ว่าได้ มันเป็นผู้ชาย
ที่เราก็ไม่แน่ใจอายุมันเหมือนกัน แต่ตอนเราเรียนอนุบาล มันไม่ได้เข้าเรียน
เข้า ป.1 ไปเลย พอมัน ป.2 เราก็อยู่ ป.1 เราสนิดกับมันมากเลยนะ
เลิกเรียนก็ชอบไปดูมันนั่งเล่นเกม เย็นๆคนกลับกันหมด ก็จะออกมาเดินเล่นรอบโรงเรียน
ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน บ้านเรากับมันอยู่ในรั้วเดียวกันด้วยนะ(รั้วโรงเรียน)
ด้วยความที่เรากับมันเป็นลูกครูที่อายุใกล้ๆกัน ทำให้เวลามีงานอะไรดึกๆค่ำๆ
เรากับมันก็จะชอบเล่นอยู่ด้วยกันเสมอ แทบจะเรียกได้ว่า ตัวติดกันเลย
จนตอนที่มันเข้า ป.1 ความสนิดของเราก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ
เหมือนกับว่าเรากับมันเริ่มโคจรออกห่างจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ
มันมีเพื่อนที่มากกว่าเรา เพื่อนผู้ชายที่อยู่รุ่นเดียวกับมัน และก็เป็นลูกครูเหมือนกัน เพื่อนในห้อง
เราเองก็เหมือนกัน เพื่อนที่มากขึ้น เรามีสังคมที่ต่างกันขึ้นเรื่อยๆ
............................................
จนวันหนึ่งเราย้ายบ้านออกจากบ้านพักครูที่โรงเรียน มาอยู่บ้านที่พ่อซื้อไว้
ทั้งเรายังมีเพื่อนผู้หญิงรุ่นเดียวกับเราที่เป็นลูกครูอีกด้วย
วงโคจรของเรากับมันเลยกลายเป็นแค่คนรู้จักกัน เห็นก็เพียงยิ้มให้ ไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย
ไม่ได้เห็นความสำคัญชองมันเลย แต่มันก็ยังคงเป็นเพื่อนที่เรามักจะไปเล่นด้วยตอนเย็นเสมอ
จนวันหนึ่ง...วันที่เรากับมันอาจจะไม่ได้เจอกันอีก
วันที่เรารู้ข่าวว่าแม่มันจะย้ายโรงเรียน ถ้าอยู่ในจังหวัดเดียวกัน อย่างน้อยก็คงมีโอกาสที่จะได้เจอกัน
แต่นี้ย้ายไปไกล คนละจังหวัด เราโกธรมันมากถึงขนาดที่เราไม่ยอมอยู่งานเลี้ยงส่ง
ทั้งๆที่เพื่อนที่เป็นลูกครูด้วยกันเขาก็อยู่ ...แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ทำใจกับการบอกลาได้
ขี่จักยานจากบ้าน ข้ามถนนใหญ่ ไปยังโรงเรียนที่จัดงาน เพื่อจะได้บอกลากับเพื่อนของเรา
การบอกลาครั้งนั้น เราแอบคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
เพราะเรายังเด็ก และในอนาคตการติดต่อสื่อสาร คงจะง่ายกว่าปัจจุบันที่เราอยู่เยอะ
แต่เราคงลืมไปว่า เราแทบจะไม่จดจำอะไรเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้เลยสักอย่าง
นอกจากชื่อเล่น และนามสกุลของมัน เพียงเท่านั้น
แม้แต่ตอนนี้ เราไม่อาจที่จะจำหน้าของเพื่อนชายคนแรกของเราได้ด้วยซ้ำ
อีกทั้งรูปถ่ายใบเดียวที่มีมัน เรากลับทำหายอีก
มันถูกตัดออกจากวงโคจรของเราหลังจากนั้นไม่นาน
ด้วยความที่เราเองก็ย้ายที่เรียน ไปเจอเพื่อนใหม่ๆ ย้ายไปเรื่อยๆ
แต่เชื่อมั้ยว่า การที่เราทำรูปถ่ายใบนั้นหาย ทำให้เรารักการที่จะถ่ายรูป
ถ่ายเก็บภาพไว้เป็นความทรงจำ ในวันที่เราอาจจะจำอะไรไม่ได้ ในวันที่เราอยากย้อนอดีต
มันเหมือนเป็นการชดเชยให้กับรูปถ่ายใบนั้นที่เราทำหายไป...
.....................................................
วงโคจรของดาวพลูโตเริ่มห่างไกลออกไปเรื่อยๆ เราไม่รู้ว่าจะมีโอกาสสักครั้งมั้ย
ที่เราจะส่งยานอวกาศไปทักทายดาวดวงนั้น จะมีโอกาสมั้ยที่เราจะได้ติดต่อสื่อสารกัน
จะมีโอกาสมั้ยที่เราจะได้รูปถ่ายสักใบ ชดเชยรูปถ่ายที่เราทำหายไป
เรื่องราวมันก็ผ่านมาสิบปีแล้ว สิบปีที่เราอาจจะลืมดาวพลูโตดวงนั้นไปบาง
อยู่ๆก็นึกถึง ก่อนที่จะจางหายไป
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าสำหรับมัน เราเป็นดาวพลูโตหรือเป็นเพียงดาวเคราะนอกระบบสุริยะจักรวาลของมัน
แต่สำหรับเราแล้ว มันคือดาวพลูโต ที่ถึงแม้จะถูกตัดออกจากวงโคจรไปแล้ว แต่ก็ยังคงนึกถึงมันอยู่ดี...
..................................................
ระยะเวลาสิบปีที่เราไม่ได้ข่าวอะเกี่ยวกับมัน เหมือนกับว่าวงโคจรของเรากับมันห่างออกจากกันไปเรื่อยๆ
อยากจะออกตามหามันนะ แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ทำให้เราไม่ได้ออกไปตามหามัน
เหมือนกับที่นาซา ต้องใช้เวลาอย่างมากในการที่จะไปถึงดาวพลูโต
คงอาจจะเหมือนกับเรา ที่ใช่เวลาสิบกว่าปี กว่าที่จะกล้าออกมาตามหาดาวพลูโตของตัวเอง
เรื่องราวนี้คงมีแค่ไม่กี่คนหรอกที่จำมันได้ และเราก็ไม่แน่ใจด้วยว่ามันจะจำเราได้เปล่า
เพื่อนผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่ชอบนั่งดูมันเล่นเกมเดอะซิมส์ จนเราอยากเป็นวิศวกร
เพื่อนผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่มีนิยามความรักหวานๆ ที่ได้มาจากผู้ชายที่ไม่กินหวาน
เพื่อนผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่หัดเล่นเกมที่มันเคยเล่น เพราะคิดว่าสักวันถ้าได้เจอ จะบอกมันว่า เราเล่นเป็นแล้วนะ
เพื่อนผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่แกคงลืมไปแล้ว ว่าเราเคยอยู่ในวงโคจร...
..........................................
ขอบคุณ เพื่อนชายคนแรก นะ
ที่ทำให้เราเห็นความสำคัญของสิ่งใกล้ตัว
ขอบคุณ ความทรงจำ นะ
ที่ทำให้เรายังคงจดจำเรื่องราวของ ดาวพลูโต ของเราได้
ขอบคุณ ดาวพลูโต นะ
ที่ทำให้เราได้รู้ว่า 'เราจะเห็นความสำคัญของสิ่งใกล้ๆตัว ก็ต่อเมือมันจากเราไปแล้ว'
ถ้าพรหมลิขิต จะลิขิตให้เราได้เป็นแค่ ดาวที่โคจรรอบกัน
แต่เราเชื่อว่า มันน่าจะมีสักวัน ที่เรากับดาวพลูโต จะโคจร กลับมาเจอกันอีก
เราอยากเจอแกนะ ก๊อบแก๊บ... ดาวพลูโตของเน่า
ออกตามหา 'ดาวพูลโต' ที่หายไป
เราเลยมานึกถึงดาวพลูโตของเรา ดาวพลูโตที่ตอนที่มันอยู่ข้างๆเรา
เรากับไม่เคยเห็นคุณค่าของมัน แต่พอมันหลุดออกจากวงโคจรของเราไป
เรากลับรู้สึกถึงความสำคัญของมัน นึกถึงมันมากกว่าที่อยู่ด้วยกัน
แม้จะผ่านมาหลายปี แม้เรื่องราวนั้นจะเป็นตอนที่เรายังเด็ก แต่มันก็เป็นบุคคลคนเดียวที่เรามักจะนึกถึง
ทุกครั้งที่เราสุข ทุกข์ เศร้า ท้อแท้ อยู่เสมอ ดาวพูลโตของเรา
................................................
เรามีเพื่อนคนหนึ่ง เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กๆเลย อนุบาลนู่นเลยแหละ
นับว่าเป็นเพื่อนในโรงเรียนคนแรกของเราเลยก็ว่าได้ มันเป็นผู้ชาย
ที่เราก็ไม่แน่ใจอายุมันเหมือนกัน แต่ตอนเราเรียนอนุบาล มันไม่ได้เข้าเรียน
เข้า ป.1 ไปเลย พอมัน ป.2 เราก็อยู่ ป.1 เราสนิดกับมันมากเลยนะ
เลิกเรียนก็ชอบไปดูมันนั่งเล่นเกม เย็นๆคนกลับกันหมด ก็จะออกมาเดินเล่นรอบโรงเรียน
ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน บ้านเรากับมันอยู่ในรั้วเดียวกันด้วยนะ(รั้วโรงเรียน)
ด้วยความที่เรากับมันเป็นลูกครูที่อายุใกล้ๆกัน ทำให้เวลามีงานอะไรดึกๆค่ำๆ
เรากับมันก็จะชอบเล่นอยู่ด้วยกันเสมอ แทบจะเรียกได้ว่า ตัวติดกันเลย
จนตอนที่มันเข้า ป.1 ความสนิดของเราก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ
เหมือนกับว่าเรากับมันเริ่มโคจรออกห่างจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ
มันมีเพื่อนที่มากกว่าเรา เพื่อนผู้ชายที่อยู่รุ่นเดียวกับมัน และก็เป็นลูกครูเหมือนกัน เพื่อนในห้อง
เราเองก็เหมือนกัน เพื่อนที่มากขึ้น เรามีสังคมที่ต่างกันขึ้นเรื่อยๆ
............................................
จนวันหนึ่งเราย้ายบ้านออกจากบ้านพักครูที่โรงเรียน มาอยู่บ้านที่พ่อซื้อไว้
ทั้งเรายังมีเพื่อนผู้หญิงรุ่นเดียวกับเราที่เป็นลูกครูอีกด้วย
วงโคจรของเรากับมันเลยกลายเป็นแค่คนรู้จักกัน เห็นก็เพียงยิ้มให้ ไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย
ไม่ได้เห็นความสำคัญชองมันเลย แต่มันก็ยังคงเป็นเพื่อนที่เรามักจะไปเล่นด้วยตอนเย็นเสมอ
จนวันหนึ่ง...วันที่เรากับมันอาจจะไม่ได้เจอกันอีก
วันที่เรารู้ข่าวว่าแม่มันจะย้ายโรงเรียน ถ้าอยู่ในจังหวัดเดียวกัน อย่างน้อยก็คงมีโอกาสที่จะได้เจอกัน
แต่นี้ย้ายไปไกล คนละจังหวัด เราโกธรมันมากถึงขนาดที่เราไม่ยอมอยู่งานเลี้ยงส่ง
ทั้งๆที่เพื่อนที่เป็นลูกครูด้วยกันเขาก็อยู่ ...แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ทำใจกับการบอกลาได้
ขี่จักยานจากบ้าน ข้ามถนนใหญ่ ไปยังโรงเรียนที่จัดงาน เพื่อจะได้บอกลากับเพื่อนของเรา
การบอกลาครั้งนั้น เราแอบคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
เพราะเรายังเด็ก และในอนาคตการติดต่อสื่อสาร คงจะง่ายกว่าปัจจุบันที่เราอยู่เยอะ
แต่เราคงลืมไปว่า เราแทบจะไม่จดจำอะไรเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้เลยสักอย่าง
นอกจากชื่อเล่น และนามสกุลของมัน เพียงเท่านั้น
แม้แต่ตอนนี้ เราไม่อาจที่จะจำหน้าของเพื่อนชายคนแรกของเราได้ด้วยซ้ำ
อีกทั้งรูปถ่ายใบเดียวที่มีมัน เรากลับทำหายอีก
มันถูกตัดออกจากวงโคจรของเราหลังจากนั้นไม่นาน
ด้วยความที่เราเองก็ย้ายที่เรียน ไปเจอเพื่อนใหม่ๆ ย้ายไปเรื่อยๆ
แต่เชื่อมั้ยว่า การที่เราทำรูปถ่ายใบนั้นหาย ทำให้เรารักการที่จะถ่ายรูป
ถ่ายเก็บภาพไว้เป็นความทรงจำ ในวันที่เราอาจจะจำอะไรไม่ได้ ในวันที่เราอยากย้อนอดีต
มันเหมือนเป็นการชดเชยให้กับรูปถ่ายใบนั้นที่เราทำหายไป...
.....................................................
วงโคจรของดาวพลูโตเริ่มห่างไกลออกไปเรื่อยๆ เราไม่รู้ว่าจะมีโอกาสสักครั้งมั้ย
ที่เราจะส่งยานอวกาศไปทักทายดาวดวงนั้น จะมีโอกาสมั้ยที่เราจะได้ติดต่อสื่อสารกัน
จะมีโอกาสมั้ยที่เราจะได้รูปถ่ายสักใบ ชดเชยรูปถ่ายที่เราทำหายไป
เรื่องราวมันก็ผ่านมาสิบปีแล้ว สิบปีที่เราอาจจะลืมดาวพลูโตดวงนั้นไปบาง
อยู่ๆก็นึกถึง ก่อนที่จะจางหายไป
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าสำหรับมัน เราเป็นดาวพลูโตหรือเป็นเพียงดาวเคราะนอกระบบสุริยะจักรวาลของมัน
แต่สำหรับเราแล้ว มันคือดาวพลูโต ที่ถึงแม้จะถูกตัดออกจากวงโคจรไปแล้ว แต่ก็ยังคงนึกถึงมันอยู่ดี...
..................................................
ระยะเวลาสิบปีที่เราไม่ได้ข่าวอะเกี่ยวกับมัน เหมือนกับว่าวงโคจรของเรากับมันห่างออกจากกันไปเรื่อยๆ
อยากจะออกตามหามันนะ แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ทำให้เราไม่ได้ออกไปตามหามัน
เหมือนกับที่นาซา ต้องใช้เวลาอย่างมากในการที่จะไปถึงดาวพลูโต
คงอาจจะเหมือนกับเรา ที่ใช่เวลาสิบกว่าปี กว่าที่จะกล้าออกมาตามหาดาวพลูโตของตัวเอง
เรื่องราวนี้คงมีแค่ไม่กี่คนหรอกที่จำมันได้ และเราก็ไม่แน่ใจด้วยว่ามันจะจำเราได้เปล่า
เพื่อนผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่ชอบนั่งดูมันเล่นเกมเดอะซิมส์ จนเราอยากเป็นวิศวกร
เพื่อนผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่มีนิยามความรักหวานๆ ที่ได้มาจากผู้ชายที่ไม่กินหวาน
เพื่อนผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่หัดเล่นเกมที่มันเคยเล่น เพราะคิดว่าสักวันถ้าได้เจอ จะบอกมันว่า เราเล่นเป็นแล้วนะ
เพื่อนผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่แกคงลืมไปแล้ว ว่าเราเคยอยู่ในวงโคจร...
..........................................
ขอบคุณ เพื่อนชายคนแรก นะ
ที่ทำให้เราเห็นความสำคัญของสิ่งใกล้ตัว
ขอบคุณ ความทรงจำ นะ
ที่ทำให้เรายังคงจดจำเรื่องราวของ ดาวพลูโต ของเราได้
ขอบคุณ ดาวพลูโต นะ
ที่ทำให้เราได้รู้ว่า 'เราจะเห็นความสำคัญของสิ่งใกล้ๆตัว ก็ต่อเมือมันจากเราไปแล้ว'
ถ้าพรหมลิขิต จะลิขิตให้เราได้เป็นแค่ ดาวที่โคจรรอบกัน
แต่เราเชื่อว่า มันน่าจะมีสักวัน ที่เรากับดาวพลูโต จะโคจร กลับมาเจอกันอีก
เราอยากเจอแกนะ ก๊อบแก๊บ... ดาวพลูโตของเน่า