ออกจากโรงงานเบนโตะ เข้าสู่ครั้งแรก... กับงานที่เพิ่งเคยรู้จัก เอ๊า... มีงานแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ยย

“ซูซานไปติด head dress
ทาเคชิเก็บหูฟังคืนด้วย
อาเบะพับผ้าห่ม
นิตยสารไม่เปลี่ยนนะ
ถุงอ้วกวางไว้แล้วหยิบไปด้วย

ที่เหลือเก็บขยะนะ
มีเวลาแค่15นาที ทุกคน สู้ๆ
ขยะเสร็จแล้วเช็ดโต๊ะต่อได้เลย ผ้าวางไว้แล้วด้านหลัง”

หัวหน้าสั่งงานเสียงดังฟังชัดก้องกังวาล
ไฮ่ ไฮ่ ไฮ่ รับคำกันเป็นแถบ ไฮ่คือแบบ ค่ะ ครับ คือการรับคำแบบสุภาพ สิ้นคำสั่งก็กุลีกุจอลงมือทำงานที่ได้รับมอบหมายไป มือต้องไวเป็นลิง ตาต้องคมแบบเหยี่ยว ว่อออออ….

นี่ไง งานใหม่…งานที่บอกจะมาฝอยให้ทุกคนฟัง
เดาออกป่าวว่าคราวนี้เราผันตัวจากมือกลิ้งฝุ่นในโรงงานอาหารเลิศรสมาทำอะไร

ติ๊กต็อกๆ ยากนิดนึง...ไม่ ยังไม่บอก แฮร่~

งานนี้เป็นงานที่เราทำมาหลายเดือนแล้ว เป็นงานหลักเลย ทำหลังเลิกเรียนวันละประมาณ5ชั่วโมง วีซ่านักเรียนทำงานได้อาทิตย์ละไม่เกิน28ชั่วโมงนะคะ หลายคนเป็นห่วง ว่าจะทำงานเกินเวลาผิดกฎหมาย จากงานโรงงานครั้งที่แล้ว เราไม่ได้ทำงานทุกวันนาจานาจา ไม่ได้เจาะรายละเอียดเพราะเอาอรรถรสไง ~^O^~

ครั้งแรกที่เข้ามาสมัคร ทางบริษัทได้แจ้งทางโรงเรียนว่า ต้องการรับพนักงานพาร์ทไทม์ ญี่ปุ่นเรียก อะรุไบ๊โตะ アルバイト เคยได้ยินเหมือนมีคนบอกว่ายืมมาจากภาษาเยอรมัน ไม่แน่ใจว่าถูกผิดยังไงนะคะ เรื่องความรู้ พึ่งพาเราไม่ค่อยได้ ขอพระอภัยมณี

บริษัทนี้ไม่เคยรับนักเรียนมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก ถือว่าโชคดีมากๆ เราพร้อมเพื่อนนักเรียนไทย5คน และเพื่อนชาวมองโกลอีก3คน ไปสัมภาษณ์งานพร้อมกัน ดูๆแล้วเราน่าจะไม่ได้งานมากที่สุด เนื่องจากแบกร่างพร้อมไขมันรวมร้อยกิโลติดตัวไปด้วย ดูจะไม่เข้ากับงานและหน้าตาบริษัทเค้า งานที่ต้องทำให้เร็ว ทำให้ไว อาศัยความคล่องตัว ทำงานในที่แคบ งานที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรขนาดที่มีคู่มือการยืน การเดิน การแต่งตัว งานที่แบบไขมันคือส่วนเกินของชีวิต!! คือมองๆดูแล้วก็ถือซะว่ามาซ้อมสัมภาษณ์งานให้ชำนาญแล้วกัน ภาษาญี่ปุ่นก็พูดเป็นแค่แนะนำตัวง่ายๆ และประโยคทั่วไปในชีวิตประจำวัน ความหวังช่างริบหรี่ แต่...ขอให้ฉันได้งานนี้เถอะพี่ชายยย...

ช่วงหน้าหนาว ที่ญี่ปุ่นจะไม่ค่อยรับพนักงานค่ะ คนใช้ชีวิตนอกบ้านน้อย กิจกรรมน้อย พอมีงานมาที เราก็ต้องรีบคว้าไว้ นี่ถือเป็นการสัมภาษณ์งานครั้งแรกที่ญี่ปุ่นเลย  สัมภาษณ์งาน ในขณะสกิลภาษา 0.5 เต็ม 10 o(╯□╰)o

และแล้วเทพเทพีแห่งอะรุไบ๊โตะก็เข้าข้างคนตั้งใจจริงอย่างเรา หลังจากรอคำตอบอยู่ร่วมเดือน จนถอดใจ พี่ชายให้ฉันรอนานๆมากๆเลยนะ เพื่อนคนไทยที่เหลือเค้ารับทุกคนเลยค่ะ ยกเว้นหนุ่มๆมองโกล 3 คนที่พูดญี่ปุ่นคล่องกว่าพวกเรามาก ไม่มีใครได้งานนี้เลย สงสัยเค้าจะแพ้ความสวยของสาวไทยค่ะ แฮร่~

“ 3 นาทีๆๆ โต๊ะเสร็จมั้ย ใครเสร็จแล้วลงเลย เร็วๆๆไปๆๆๆๆ หัวหน้าสั่งเสียงดังเร็วและรัวลิ้นแทบพันกับเหงือก ประตูปิดปั๊บ เราเห็นผู้โดยสารเดินเข้าปุ๊บแบบคลาดกันเป็นหลักวินาที”

นี่ไงเฉลยแล้ว เราได้งานอะไร ใครอ่านถึงตรงนี้แล้วเดาออกต้อง stand ovation รัวๆเช่นกัน

ชื่อตำแหน่งหรูๆก็ Ground Service เท่อะ ยืดอะ บอกเลย พนักงานบริการภาคพื้นดินอากาศยานมีหลายหน่วยมาก ตั้งกะคนบังคับงวงช้าง พนักงานขนกระเป๋า วิศกร ยันคนโบกไฟวาบๆให้เครื่องบินจอด ที่พูดมา look cool มาก แต่...เราไม่ได้ทำแบบนั้นหรอก555555

คือเข้าใจผิดมาตลอดชีวิต ว่าคนทำความสะอาดบนเครื่องบินคือแอร์โฮสเตส โถถถถถถมันใช่ที่ไหนเล่าคุณ 😅😅

แต่จริงๆแล้วจะมีทีมทำความสะอาดที่อยู่ประจำสนามบินแต่ละแห่งขึ้นมาทำความสะอาดทั้งหมด ก่อนเครื่องจะออกเดินทางอีกครั้ง คือ ไม่มีเรา เครื่องบินไม่ได้นะ แนะ!! สำคัญตัวเองง

ความสนุกมันอยู่ตรงนี้แหละ บางเครื่องดีเลย์มา บางเครื่องต้องรีบบินต่อ เราทำงานแข่งกับเวลา มือต้องไว ตาต้องไว ขยะตกซอกไหนต้องมองเห็น เบาะเลอะ ของที่ผู้โดยสารลืมไว้ต้องเช็ค นิตรสารเรียงตามลำดับ ขยะห้ามหลงเหลือ ของบางอย่างต้องเก็บคืน ต้องเร่ง ต้องเร็ว บางเครื่องแคบ เล็ก ทำงานยากมาก เราเคยหมุนตัวแล้วได้ยินเสียงหัวเข่าตัวเองลั่นดังแกร๊บบบบ ต้องวีลแชร์รึเปล่าาาา ตกใจหมด...
ตอนเราเริ่มงานแรกๆเขียวช้ำทั้งตัวเพราะเดินชนทุกสิ่งบนเครื่อง ชนคน ชนผนัง ชนเบาะ สะดุดสายไฟ  

ความฉลาดทางภาษาของเราทำให้ลุงที่ customs จำเราได้ตั้งแต่วันแรกๆที่ทำงาน ปกติโรงเรียนสอนมา ว่า国คุนิ แปลว่า บ้านเกิด ประเทศของเรา ทำนองนี้ เอาล่าประโยคไหนที่มีคำนี้ก็จะเกี่ยวกับเรื่องนี้ ปกติเวลาเข้างานเราต้องผ่านด่านตรวจเพื่อรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสนามบิน วันนี้เช่นเคย แต่พอตรวจเสร็จ ลุงเรียกเราไว้ เราก็ เอาแล้วไง อะไรวะเนี่ย ลุงถามอะไรไม่รู้ ลงคำสุดท้ายว่า どこโด๊โข แบบแปลว่า ที่ไหน?? เราก็คิด หรือถามว่าเราจะไปไหนนะ คือเพิ่งมาใหม่ ลุงไม่คุ้นหน้าไรงี้ เค้าคงเช็คเพื่อความแน่ใจ เรามั่นใจตอบไป ฮะจิจูยงบัง เกตหมายเลข 84 ค่ะ ลุงทำหน้างงมาก เฮ้ยยย งงไมวะ? เอางี้ ตอบชื่อบริษัทไป เอาอีก ลุงงงหนักกว่าเดิม ตายๆๆจะไม่ให้เราผ่านปะวะ น้องคนไทยเพิ่งตรวจบัตรเสร็จเดินตามหลังมา น้องว่า เค้าถามว่ามาจากไหนรึเปล่า อ๋ออออออ มาจากไทยค่าาาา อายมั้ย ตอบที คุณๆ มาจากไหนเหรอ คุณๆมาจากประเทศอะไรเหรอ อ๋อเกต 84 ค่ะ !!!!! มันใช่มั้ยยย ลุงอย่าถามนอกตำราเรียนสิ เรียนมาแค่คำนี้อะ สุดเขตความรู้แล้วอะ ≧﹏≦

“หัวหน้าาาาาา เกโระๆๆๆๆ” มีคนนึงตะโกนสุดเสียง เกะโระไม่ใช่กบเขียวๆตาโตแป้นแร้น เกโระ คือทำที่หัวหน้าไม่อยากได้ยิน เกะโระคืออะไร??

เกโระคือเศษซากแห่งความหลังของอาหารมื้อเก่าก่อนที่ผู้โดยสารทิ้งไว้ดูต่างหน้าหลังจากลงเครื่องไปแล้ว ที่ใดมีเกะโระ ที่นั่นมีหัวหน้า

ได้ขึ้นชื่อว่าหัวหน้า เค้าว่าภาระต้องหนักหน่วง นี่แหละ รู้ซึ้งเลย หนักของแท้ เพราะหัวหน้าคือมืออาชีพแห่งการเก็บเกโระ

ต้องเนียนเรียบเหมือนไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น ณ ที่นั้น กลิ่น คราบ เศษซาก ต้องถูกกำจัดทั้งหมด เราเคยเจอเกะโระใหญ่มาก…. มหึมาขนาดที่หัวหน้าเช็ดไปมีเสียงอ้วกกกก ตามเป็นจังหวะ เกะโระไหลกินพื้นที่ไปยังเบาะหน้าและหลัง กลิ่นคละคลุ้ง ไปทั่วลำ หัวหน้าคุกเข่า บรรจงเช็ดอย่างตั้งใจ ยิ่งเช็ดกลิ่นยิ่งมา นี่ใครอ่านถึงตรงนี้แล้วได้กลิ่นมั้ง คนที่เคยเก็บผ้าห่ม ก้มไปขยุ้มผ้าที่ตกบนพื้น ปรากฏว่า...จังบะเร่อเล้ยยย เกะโระ!!! ไม่ใช่อ๊บอ๊บ แต่ อ้วกอ้วกค่าา  น้ำนี่ไหลเยิ้มตามแขนเข้าซอกเสื้อไป อ่าาาา…. ขอพระอภัยถ้าใครกินข้าวอยู่

ไม่แค่นั้น ถ้าหัวหน้าว่างจะมาช่วยเก็บขยะ เช็ดโต๊ะ ดูดฝุ่น ทำหมดแหละ หัวหน้าโคตรเซียน โคตรเทพ เรารีบแค่ไหน ทำไวแค่ไหน ไม่เคยทำตามได้ทัน  เราทำไป 4 ที่ หัวหน้าไป 6 เราไป 6 หัวหน้าไป 9 แล้ว ไม่เคยเกี่ยงว่า เฮ้ย...ข้าหัวหน้าเอ็งลูกน้อง เราทำงานเหมือนกันหมด แต่เราไม่ขอไปช่วยเก็บเกโระนะ แหะๆ เคยมั้ยล่ะ พนักงานกวาดถนนอยู่ หัวหน้ามาช่วยไรงี มาๆช่วยกัน มันไม่เคยเห็นไง เนี่ยย... ที่แรก

ฝนตก ลมแรง อากาศร้อน อากาศหนาว เราถอยไม่ได้ หน้าหนาวหนาวสะท้าน เรายืนรอเครื่องท่ามกลางอุณหภูมิใกล้ 0 องศา และลมพัดตึงๆๆๆ อยากจะเต้นตามเพลงแก้หนาวละเกิน หรือจะฝนตกหนักแบบไต้ฝุ่น เราฝ่าฝนเดินขึ้นเครื่องไปพร้อมความเปียกระดับกางเกงในชื้น ก้มหน้าเช็ดโต๊ะแบบมีน้ำจากหมวกไหลหยดติ๋งๆๆ ไรวะยิ่งเช็ดยิ่งเปียก อ่อ น้ำฝนนี้เอง หน้าร้อนเราทำความเข้าใจจิตใจของไก่ย่าง5ดาวด้วยการทำงานในเครื่องบินที่จอดกลางแจ้งอุณหภูมิ35องศา อ่อ ไก่อบมันรู้สึกอย่างนี้เองใช่มั้ย แผ่นดินไหว เครื่องสั่นไปทั้งลำ เราก็ไม่หวั่นไหว เคยนั่งเก็บขยะไปจินตนาการไปว่า ถ้าไหวขนาดแผ่นดินแยก โลกถล่ม กัปตันจะพาเราขึ้นบินหนีมั้ยนะ เหมือนหนังเรื่องไรอะ ที่พระเอกขับเครื่องบินหนีแผ่นดินไหว จำไม่ได้แล้ว

ถ้าเจอฟ้าผ่า อาจจะมีประกาศฉุกเฉิน ทุกคนต้องอยู่กับที่ ใครทำอะไรอยู่ให้อยู่ตรงนั้น ใครอยู่บนเครื่องก็ต้องนั่งนิ่งๆ ห้ามเดินไปมา อันนี้เรายังไม่เคยเจอ เห็นว่าบางครั้งต้องอยู่แบบนั้นกันเป็นชั่วโมง โชคดีว่าไต้ฝุ่นลูกก่อนที่มาแรงๆ เป็นวันหยุดเราพอดี ซึ่งวันนั้นมีประกาศ condition 1  และหลังจากนั้นเครื่องดีเลย์มากมาย พร้อมกับพี่ๆกะดึกที่ลากงานยาวถึงตี  4 หลังจากพายุสงบลง ปกติ 4-5 ทุ่มก็เลิกงานกันหมดแล้วค่ะ

นอกจากจะฉุกเฉินเพราะธรรมชาติ เราต้องเจอฉุกเฉินอื่นๆอีก ลุงฝรั่งมาจากอังกฤษกับลูกสาว นั่งเครื่องมาหลายชั่วโมง พอมาถึงก็ลุกเดินไม่ไหว ต้องรอให้วีลแชร์จากสนามบินเข้ามารับ เราเข้าทำความสะอาดไม่ได้ ต้องรอจนกว่าผู้โดยสารจะลงเครื่องครบทุกคน

เคยเจอผู้โดยสารจากจีน เข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย หรืออะไรซักอย่าง ไม่แน่ใจความผิด ภาษาไม่แข็งแรง ต่อมเผือกสั่นแรงแต่ทำอะไรไม่ได้ น่าเจ็บใจนัก เราต้องรอให้ตำรวจมาถึง พร้อมนำตัวออกไป กว่าจะเสร็จเรื่อง กินเวลาไป 10 นาที

เหตุการณ์เฉพาะหน้าทำให้เราจะเหลือเวลาทำงานน้อยลง ไม่เท่านั้น เรามีคิวขึ้นลำต่อไปในกำหนดเวลาที่แน่นอน เราสายไม่ได้ เพราะการที่เครื่องดีเลย์จะเป็นเรื่องใหญ่โต เครื่องต่อไปที่จ่อเข้าเกตก็เข้าไม่ได้ คือยุ่งเหยิง เวลาน้อยลงก็ต้องทำให้เร็วขึ้น เซิ้งไปค่ะทุกคน คิดถึงเสียงแคนอินโทรลเพลงหมอลำ รัวกลอง แล้วเซิ้งงง จีบมือเหมือนนางไห่ แล้วดีดขยะออกไปให้หมด!!!

แต่ละลำจะมีคนทำงานไม่เท่ากัน เครื่องเล็กอาจใช้คนแค่ 10 คน เครื่อง A380 อาจมีคนขึ้นพร้อมกัน 30 คนขึ้นไป อะไรแบบนั้น แล้วแต่ความรีบ แล้วแต่ขนาด

งานนี้ทำให้เราได้นั่งเบาะระดับโคตรวีไอพีของสายการบินระดับแนวหน้ามาแล้วทั้งนั้น บางลำหรูหรามาก อย่างกับมีห้องส่วนตัว อุปกรณ์ครบครัน เครื่องดื่ม อาหารการกิน  ดีมั้ยล่ะ ไม่เสียค่าตั๋วด้วยนะ แต่นั่งเก็บขยะแล้วก็ลุกไปนะ  (o^^)o

บางวันเราได้นั่งเครื่องบินออกทัวร์ เป็นไง  ชีวิตดีๆที่ญี่ปุ่น บอกแล้ว... ไปไหน?? ไปรอบสนามบินนี่แหละจ้ะ5555 เครื่องจอด ขึ้นเครื่องไปทำงาน เครื่องออกไป maintenance ที่โกดัง เราก็ไปกับเครื่อง ฟีลเหมือนนั่งม้าหมุนไปเช็ดโต๊ะไป ชมวิวรอบสนามบินไป ฮายยโคเรียนแอร์ บลายย เอมิเรตส์แอร์ ทักทายเพื่อนบ้านหน่อย

เราขึ้นทำความสะอาดเครื่องบินที่มาจากทั่วโลก อเมริกา ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย หลังๆเชี่ยวชาญขนาดที่เวลามีคนโพสต์ภาพบนเครื่องบิน เห็นแค่เบาะ โต๊ะ ก็จำได้เลยว่าสายการบินไหน มีแฟนพันธุ์แท้เบาะและโต๊ะเครื่องบินมั้ย นี่ได้อยู่นะ

ทุกวัน เราจะได้เห็นตอนฟ้าเปลี่ยนสี ช่วงโพล้เพล้ บางวันฟ้าเป็นสีแพนโทนปีนี้เลยค่ะ ชมพูโรสควอสกับฟ้าไซเรนนิตี บางวันมีเมฆฝนดำไปครึ่ง อีกครึ่งสว่างสดใส แสงไฟจากสนามบินค่อยๆสว่างขึ้น มันคือมุมที่สวยที่สุดในสนามบิน มุมที่ไม่ผ่านกระจก คุณปู่คนขับรถประจำทีมเราสอนว่า ถ้าวันไหนมีดาวเยอะ ฟ้าสวย วันพรุ่งนี้จะอากาศดี

คนไทยเวลาเจอกันชอบถาม ไปไหนมา กินข้าวยัง อ้วนขึ้นป่าว สวยขึ้นนะ อะไรแบบนี้ แต่คนญี่ปุ่นชอบพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ โอย วันนี้ร้อนเนอะ พรุ่งนี้ฝนตกแน่ แต่พยากรณ์เปลี่ยนแล้วนะ เห็นว่ามีแต่เมฆ หวายลมแรงจังวันนี้ อยากคุยแบบญี่ปุ่น ต้องเช็คสภาพอากาศมาคุยกันนะ จะมาไก่กาไม่ได้

เวลารีบๆแล้วเอามือล้วงไปในกระเป๋าที่เบาะ บางทีจะเจอของที่ไม่คาดคิด เช่น ใบมีดคัทเตอร์ที่หักปลาย แทงนิ้วเข้าให้สิ ไม้จิ้มฟัน มีเยอะและโดนบ่อย อันนี้แสบ แผงยาที่กินหมดแล้ว แข็งและคมมาก หมากฝรั่ง เต็มมือไปเลยค่ะ ลวดเย็บกระดาษ เข็ม แซนด์วิชที่กินไปได้ครึ่งอันแล้วผู้โดยสารหวังดีเก็บไว้ให้เราโดยแนบแน่นไปกับนิตยสาร ไม่ต้องแบ่งไว้ให้ค่ะ ของบนเครื่องเราเก็บเอาเองไม่ได้ แม้ว่าผู้โดยสารจะทิ้งแล้วก็ตาม ขอบคุณมากที่อุตส่าห์คิดถึงกัน เคยรีบขนาดจับถุงอ้วกที่มีอ้วกอยู่เต็มไปจังๆจนเกือบแตกคามือ

เลยฝากบอกผู้โดยสารทุกท่าน ช่วยระวังของมีคมด้วยนะคะ สงสารคนเก็บ บางทีไม่มีเวลา รีบมาก ไม่ทันเห็น มันจึ๊กมือเค้า หมากฝรั่งอย่าแปะไปทั่ว มันเก็บยากกกก เคยเจอแปะหมากฝรั่งไว้ที่เข็มขัด จากสายการบินของไทยด้วย คนชาติไหนทำไม่รู้เหมือนกัน ครีเอทมากๆ ถุงอ้วกที่มีตามกระเป๋า ใช้ได้เลยค่ะ ใส่ขยะคมๆ เลอะๆ ถ้าจะอยากได้สำรองไว้กันอ้วก ขอเพิ่มได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่