2> กว่าจะถึงโอตารุ (Snow Drop Otaru)
ตอนนี้ผมจะเล่าเกี่ยวกับการเดินทางเป็นส่วนใหญ่นะครับ .. เพราะสถานที่ต่างๆกระทู้ข้อมูลมีเยอะแล้ว
กระทู้ที่แล้วเป็นขั้นตอนการเตรียมตัวทั้งหมด .. ทีนี้มาดูวันเดินทางจริงกันบ้างครับ O_o
Young Blood Backpacker - Hokkaido Winter - ตอนที่ 1 - จุดเริ่มต้น
ก่อนวันเดินทางเราควรเตรียมพร้อมให้หมด ตั๋ว พาสปอร์ต เสื้อผ้า พาวเวอร์แบงค์ บลาๆๆๆ
อันนึงที่เราอย่าลืมยืนยันอีกทีก็คือตารางเที่ยวบินของสายการบินที่เราจะไปครับ
ครั้งนี้ผมเลือกบินกับ JAL ครับจะมีการไปต่อเครื่องเพื่อบินเที่ยวบินในประเทศ 1 ครั้งที่ โอซาก้า
ในขั้นตอนโหลดกระเป๋าพนักงานก็ได้แจ้งครับว่าพอไปถึง สนามบินคันไซ (KIX) แล้ว .. ต้องรับกระเป๋าแล้วไป Check in เองอีกครั้ง
!!! อันนี้ยอมรับเลยครับว่าเราไม่รู้มาก่อน !!! ดีที่เราเลือกบินเที่ยวบินที่มีเวลาต่อเครื่องเพียงพอสำหรับการ Check in อีกครั้ง
ตามขั้นตอนที่ต้องทำทั้งหมดก็คือ .. ผ่านตม.+รับกระเป๋า+ตรวจกระเป๋า+Check in
รับกระเป๋าที่ชั้น 1 เดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 มองหา Counter ของ JAL และยื่น Boarding Pass ที่ได้มาจากไทยให้เค้าครับ
อย่างที่บอกในกระทู้ที่แล้วว่าราคาตั๋วจะต่างออกไปตามแต่ละสายการบิน เช่น บินตรงเวลา ดีเลย์น้อย ฯลฯ
ถ้าบินตรงที่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเพราะว่าถ้าดีเลย์ก็แค่ไปถึงช้า แต่การบินแบบต่อเครื่องมันเสี่ยงตกเที่ยวบินถัดไปได้ 55
จริงๆให้เผื่อเวลา Transit อย่างน้อย 3 ชั่วโมงละกันครับ เผื่อไว้สำหรับเหตุต่างๆที่ทำให้เวลาเคลื่อน ฝนตก รถติด สนามบินแออัด
แล้วก็ได้เวลาออกเดินทาง .. อันนี้เป็นมื้ออาหารง่ายๆบน JAL
ไปถึงตรงเวลาครับ ช่วงเช้าของวันที่ 5 ธันวาคม 2558 ยังมีใบไม้แดงเหลือให้เราเห็น
หลังจากเรารีบ Check in เราก็พักเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็ตรงเข้าไปที่ Gate เลยครับ
ช่วงระหว่างรอ 2 ชั่วโมงด้านในก็จะมีร้านขายขนม เครื่องดื่ม ยา หนังสืออ่านเล่น
แล้วก็ถึงเวลาขึ้นบินซึ่ง JAL ตรงเวลาดีมากครับ เราก็บอกลาสนามบิน KIX ไว้เพียงเท่านี้ เพื่อบินไปที่ ซัปโปโร (CTS)
ระหว่างบินเราก็ทบทวนเอกสารที่เราต้องใช้เมื่อไปถึงสนามบินกันอีกกันอีกครั้ง
ช่วงที่ผมเดินทาง ฮอกไกโดได้ออกคูปองเพื่อการท่องเที่ยวออกมาโดยคูปองมีมูลค่า 10,000 เยน แต่จ่ายเพียง 6,000 เยน
พาสปอร์ตหนึ่งเล่มจำกัดคนละ 3 ใบเท่านั้นครับ ก็นับว่าคุ้มเพราะเราได้เงิน 30,000 เยน ในราคาเพียง 18,000 เยน
คูปองจะใช้ได้กับร้านค้าที่ร่วมรายการที่อยู่นอกเขตซัปโปโร จากนี้ไม่รู้ว่าทางฮอกไกโดจะมีโครงการนี้อีกรึเปล่านะครับ ..
ปีที่แล้วคูปองนี้ออกมาให้เริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 1 กันยายน 58 – 29 กุมภาพันธ์ 59 (ปีนี้อาจจะมีโครงการอื่น ต้องติดตามครับ)
เรามาดูแผนผังอาคาร Domestic ของสนามบินชิโตเซะกันครับ ซึ่งตอนเราไปถึงจะได้ไม่งงกัน
เครื่องบินขาเข้าจะมาลงที่ชั้น 1F หลังจากเรารับกระเป๋าอย่าพึ่งรีบเปลี่ยนไปใส่เสื้อกันหนาวเพราะในสนามบินฮีทเตอร์แรงครับ
ก่อนลงชั้นใต้ดินก็เตรียมตัวใส่เสื้อกันหนาวแบบจัดเต็มได้ละครับ เพราะที่แลกตั๋วอยู่ใกล้รถไฟ อากาศหนาวเชียวละ
ลงไปถึงก็มองหาป้าย JR Information เพื่อแลกตั๋ว JR แล้วก็ให้พนักงานสำรองที่นั่งรถไฟที่เราจะนั่งไปโอตารุได้เลยครับ
รับตารางรถไฟ + ดูตั๋วเรียบร้อยก็เดินไปรอได้เลยครับ ( โบกี้ไหน?ขบวนไหน?รอบไหน?ชานชาลาที่เท่าไร?)
ระหว่างทางก็มีฝนปนหิมะตกลงมาตลอดทาง .. ทำให้บ้านเมืองดูเงียบเหงา มีแววแฉะแน่นอน
จากซัปโปโรเดินทางไปโอตารุ ถ้าเรานั่งฝั่งขวาเราจะเห็นทะเล + บ้านเมืองฝั่งที่ติดทะเลครับ
ก็จะเห็นวิถีชีวิตอีกแบบที่เราไม่คุ้นตา ( บ้านที่เจอทั้งลมทะเลทั้งพายุหิมะจะหนาวขนาดไหน >,<)
แล้วก็มาถึงครับสถานีโอตารุ รถไฟตรงตามเวลา หลังจากนี้เราก็จะเดินเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรมกันครับ
ใช่ครับจากแผนที่ก็ไม่ไกลนะพอเดินไหว .. แต่มันลากกระเป๋าผ่านหิมะไงครับ 555+ มีความบันเทิง
ช่วงที่ไปถึงหิมะตกพอดียังไม่หนามาก .. เราก็จะเจอหิมะปนน้ำนิดหน่อยซึ่งทำให้ลื่นและเข้าไปติดที่ล้อของกระเป๋า
เหมือนเป็นการลากกระเป๋าแบบไม่มีล้อเลยครับ .. เดินฝ่าหิมะกันไปจนถึงที่พัก T-T
ภาพบรรยากาศตอนนั้นไม่ได้ถ่ายรูปเลย .. เพราะหิมะที่ตกลงมาตอนเราไม่มีร่มจะละลายเป็นน้ำง่ายมาก
ห้องพักเตียงเดี่ยวคืนนี้ของเราก็หน้าตาประมาณนี้ครับ .. เตียงพอดีๆกับมีพื้นที่ให้กางกระเป๋าลาก
หลังจากเก็บของกันเรียบร้อยเราก็ไปรวมตัวเพื่อเตรียมออกไปเที่ยวตามแผนเดิมที่วางไว้ JR Otaru -> JR Minami Otaru
แผนเดิมคือเดินจากจุด A เริ่มต้นที่สถานี JR Minami Otaru เพื่อที่เราจะได้เดินรวดเดียวกลับไปที่พักได้เลยแบบไม่ต้องย้อน
ตารางก็เป็นไปตามแผนนะครับคือเริ่มเดินไปเรื่อยๆและไปแวะทานข้าวที่ร้านซูซิตอน 18:30 น. ซึ่งเราจองล่วงหน้ามาจะมีส่วนลด
ถ้าใครจะทำแผนเที่ยวตอนหิมะตกแบบนี้ ควรเผื่อเวลาไปเยอะๆหน่อยครับจะได้ไม่หงุดหงิดไม่เร่งรีบมาก
หิมะทำเราเหนื่อยครับ เดินยากเพราะทั้งลื่นทั้งเปียกตกหนักขนาดว่ากางร่มแล้วก็ต้องคอยสะบัดออก
กว่าจะเดินมาถึงสถานที่เที่ยวจุดแรกเราก็มาถึงใกล้จะมืดแล้วครับ .. หน้าหนาวที่นี่ 16:00 น. เริ่มมืดและจะหนาวขึ้นทันที
อุณหภูมิตอนนั้นลดลงเหลือประมาณ -8 องศา .. แสงอาทิตย์หมดไปจากหิมะจะกลายเป็นน้ำแข็งมันวาวสวยงามและลื่นมาก
เราเดินดูของสวยงามที่พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดขายของโอตารุ
ซึ่งตอนนั้นใจนึงก็หวังว่าหิมะจะหยุดตกจะได้เดินได้ง่ายขึ้นและถ่ายรูปง่ายขึ้นด้วย >,<
ของสวยงาม อากาศอุ่นๆ เพลงเพราะๆ
555 สุดท้ายก็เดินฝ่าความหนาวบนพื้นน้ำแข็งที่มืดมิด
เราก็เลยตัดสินใจเดินจนไปถึงร้านขนม Kitakaro ที่ขึ้นชื่อของที่นี่ครับ
ไปถึงร้านเราก็อยากจะสั่งเมนูเด็ดเลยซึ่งก็คือชูครีมนั่นเอง .. แต่ด้วยเวลาที่เราไปถึงร้านใกล้จะปิดแล้ว หมดครับ!!
อดกิน 55 เลยสั่งเมนูที่ทดแทนก็คือซอฟครีม ก็กินกันไปทั้งหนาวๆแบบนั้นเลยครับ ฟินมาก
เราออกจากร้านก็ใกล้ๆ 17:00 น. ก็เดินเล่นดูเมืองดูถนนกันไปเรื่อยๆครับ เวลาเหลือๆก่อนจะถึงมื้อเย็นที่จองไว้
ระหว่างทางก็มีเหตุครับ .. คือเพื่อนลืมของไว้ที่ร้านขนมเมื่อกี้ >,<
บันเทิงครับเพราะใกล้เวลาที่จองร้านอาหารไว้แล้ว .. ต้องวิ่งๆๆบนพื้นน้ำแข็งกลับมาเอาของที่ร้านขนม
สรุป .. ร้านปิดแล้ว!! 555+ ระทึกอีกทีนี้ .. ตะโกนก็แล้ว กดออดก็แล้วเงียบสนิทแต่มีแสงไฟอยู่แสดงว่ามีคนอยู่ข้างใน
ตอนนั้นคิดอะไรกันไม่ออกก็เลยเดินไปหลังร้านครับ .. แล้วทุบๆๆๆๆๆๆ จนเค้าเปิด T-T สรุปกว่าจะได้ของคืนก็ครึ่งชั่วโมง
เราได้ของคืนแล้วก็รีบวิ่งกลับทางเก่าเลยครับ .. แล้วก็มาถึง Masazushi
มื้อนี้กินกันเบามากๆ อาจจะเพราะซอฟครีมที่เรากินที่ร้านขนมตัดกำลังเราไปเยอะ
แต่ยังไงเครื่องดื่มนี้ก็ยังเติมความสดชื่นให้เราได้อยู่ดี >,<
ตอนที่เรามาถึงคลองคือเหมือนเรามาถึงจุดหมายของทริปเมืองนี้ละ
มันดีมากๆครับเพราะตรงนั้นมันมีแค่เราจริงๆ .. เป็น Unseen แน่นอน ที่คลองโอตารุเงียบสงบ
ได้เวลากลับไปพักผ่อนกันสักที .. พรุ่งนี้เช้าเราจะนั่งรถไฟ 4 ชั่วโมงไปเที่ยว Hakodate กันครับ
Snow Drop Otaru
ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ .. ตอนต่อไปไม่นานเกินรอแน่นอน (งงเลยแฟนเดย์ .. เที่ยวกันยังไงในวันเดียว >,< )
#YoungBloodBackpacker
[CR] Young Blood Backpacker - Hokkaido Winter - ตอนที่ 2 - กว่าจะถึงโอตารุ (Snow Drop Otaru)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น