คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 318
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
พอเราเห็นกระทู้ เราถึงกับต้องสมัครสมาชิกเข้ามา ทั้งที่ไม่เคยคิดอยากจะมาคอมเม้นหรือแสดงความคิดเห็นอะไรในพันทิปมาก่อน อยากเป็นแต่เพียงผู้อ่าน ผู้ติดตามที่ดี
ตอนนี้สภาพจิตใจเพื่อนเราแย่มาก มากถึงมากที่สุด เราไม่เคยเห็นเพื่อนที่ร่าเริง เข้มแข็งของเราเป็นหนักขนาดนี้มาก่อน ขนาดนั่งอยู่เฉยๆก็น้ำตาไหลออกมาเอง เพื่อนเราเจอเหตุการณ์ที่มันแย่มากๆๆ มันเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจ เหยียบย้ำ จิตใจ และศักดิ์ศรีของคนคนนึงมากจริงๆๆ ใครไม่เจอกับตัว คงไม่มีวันเข้าใจ เพราะมันไม่ได้จบแค่วันที่ไกล่เกลียกัน ที่กดดัน บังคับให้เพื่อนเรากราบเท้าลูกเค้าที่เป็นออทิสติก แต่ยังมีการเอาเรื่องราวในวันนั้นไปคุยอย่างสนุกปาก ราวกับเป็น the winner รับ 10 ล้านรายการเกมส์โชว์ มันเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก และมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ทราบ ว่าความจริงทั้งหมดคืออะไร เพื่อนเราถูกกระทำซ้ำแล้ว ซ้ำอีก มันรู้สึกแย่มากขนาดไหน
ในเวลาที่เราเจอเรื่องเลวร้าย ก็เหมือนเรายืนอยู่ริมปากเหวอยู่แล้ว แต่การถูกกดดันจากคนภายในองค์กรเดียวกัน ให้ก้มกราบแทบเท้าผดส. ก็ไม่ต่างจากการถูกคนที่รู้จัก ล่อลวงมามัดมือ มัดเท้า แล้วผลักตกเหว
การกราบไม่ได้กราบแค่ครั้งเดียวอย่างที่มีคนก่อนหน้าเขียนจริงๆคะ เพราะเมื่อกราบไปทีแรก แล้วก็ยังไม่พอใจ ให้กราบใหม่ โดยระบุให้กราบแบบแบมือ เพื่อนเรากราบทั้งน้ำตา ทั้งที่ไม่ได้ทำความผิดอะไร แค่เข้าไปสอบถามผดส.ท่านนั้น ว่า “น้องเป็นอะไรรึป่าวคะ” แบบนี้ 2 ครั้ง เนื่องจากน้องเค้ามีลักษณะท่าทาง มีอาการคล้ายชักเกร็ง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆจากผู้เป็นแม่ ซึ่งถ้าใครได้เข้าไปเห็นรูปลูกสาวของผดส.ท่านดังกล่าวในเฟสบุ๊ค ซึ่งต้องมีการใช้รถเข็นอยู่ตลอด ก็ต้องเข้าไปถามไถ่ เนื่องจากมันเป็นแนวทางปฏิบัติที่ถูกอบรมในการดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เดินทางในแต่ละเที่ยวบิน จึงได้เรียกกราวมาเพื่อถามข้อมูลเพิ่มเติม และรายงานกัปตันทราบ ซึ่งถ้าใครทำงานในสายงานด้านการบิน คงทราบดีอยู่แล้ว ไม่ว่ามีสิ่งผิดปกติใดๆเกิดขึ้น จะต้องมีการรายงานให้กัปตันทราบ และตัดสินใจ โดยไม่มีใครคิดเลยว่าเรื่องราวมันจะบานปลาย กลายเป็นการดูถูก เหยียดหยามศักดิ์ศรี ยโส หยาบคาย บลาๆๆๆ ถึงขนาดขั้นขอให้บริษัทไล่เพื่อนเราออกจากงาน ตามที่ระบุในเฟสของผสด.ท่านดังกล่าว ที่ร่ายยาวในเฟสตัวเอง และเปิดเผยชื่อของเพื่อนเรา ไม่รู้กี่โพสต่อกี่โพส มีการแชร์ออกไปมากถึง 91 ครั้ง การบังคับให้คนอื่นก้มกราบ เป็นวิธีการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกตัวเองอย่างงั้นหรอกคะ เสียดายจริงๆ เสียดายการศึกษา และหน้าที่การงานไม่ได้ช่วยพัฒนาจิตใจคนเราได้เลย
สำหรับคนที่พูดว่า กราบทำไม ทำไมต้องกราบ เป็นเรา เราไม่กราบหรอก เราลาออกไปแล้ว
ใช่ คุณอาจจะพูดแบบนั้นได้ ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ประสบกับตัวเอง แล้วไม่ได้แบกความรับผิดชอบ แบกหน้าตาชื่อเสียงของบริษัท
ก็คงจะกดดันคุณให้คุณทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเรื่องนี้จะผิด ก็คงผิดเพราะเพื่อนเรารักบริษัท รักงานที่ทำ รักเพื่อนร่วมงานมากเกินไป
เราไม่อยากจะลงดีเทลมาก แต่เข้ามาเพื่ออยากจะบอกว่า มันคือเรื่องจริง
เราอยากจะเล่าแบบคำต่อคำ อย่างที่เพื่อนเราเล่าให้ฟังทั้งน้ำตา อยากให้ทุกคนได้รู้ ว่าเรื่องจริงมันคืออะไร
ผดส. คนนั้นจิตใจผิดปกติมากเกินคนขนาดไหน แต่ก็คิดว่าไม่เหมาะสม ถ้าเราเล่า คนก็จะหาว่าเราเข้าข้างเพื่อนเรา แต่เอาเป็นว่า ถ้าใครทันเข้าไปอ่านในเฟสป้าคนนั้น ก่อนที่จะปิดไป ก็น่าจะพอทราบได้ ว่าไม่ใช่ level ของคนปกติเค้าทำกัน
เรารู้เรื่องนี้มาหลายวันแล้ว แล้วก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจเรามากมาย
ว่านี่คือสิ่งที่เพื่อนเราควรได้รับจากการที่ทุ่มเทในการปฎิบัติหน้าที่อย่างตั้งใจ
รักในงานที่ทำ รักในองค์กรที่อยู่ รักเพื่อนร่วมงานที่ร่วมเดินทาง คอยดูแลผู้โดยสารอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าผู้โดยสารจะร้องขอหรือไม่ก็ตามอย่างนั้นหรอกหรอ
สุดท้ายแล้ว อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวนะ
เป็นเรา เสียใจยิ่งกว่าการที่ต้องไปกราบเท้าผดส.ทั้งที่ตัวเองไม่ผิด ก็ตรงแนวทางการแก้ปัญหาขององค์กรนี่แหละ ไม่ได้จะต้องให้มากางปีกปกป้องนะ
แต่ขอหน่อยเถอะ อย่างน้อยก็ควรแยกแยะผิดถูกหน่อยป่ะ ทั้งที่ความจริงยังไม่ปรากฏเลย แต่กัวเสียชื่อเสียง อยากให้เรื่องจบ เรื่องเงียบ โดยที่ไม่แคร์ว่าคนอื่นก็มีหัวจิตหัวใจเหมือนกัน มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่าๆกัน ผลักไสไล่ส่งให้ไปกราบเท้าขอโทษผู้โดยสารอย่างเดียว อยากรีบๆให้เรื่องมันเงียบ มันแย่อ่ะ แย่ที่สุดละ เป็นเรา คงจะทนทำงานต่อไปกับองค์กรที่มีแนวทางแบบนี้ไม่ไหวหรอก มันดูเห็นแก่ตัว รักแต่ตัวเองเกินไป
พอเราเห็นกระทู้ เราถึงกับต้องสมัครสมาชิกเข้ามา ทั้งที่ไม่เคยคิดอยากจะมาคอมเม้นหรือแสดงความคิดเห็นอะไรในพันทิปมาก่อน อยากเป็นแต่เพียงผู้อ่าน ผู้ติดตามที่ดี
ตอนนี้สภาพจิตใจเพื่อนเราแย่มาก มากถึงมากที่สุด เราไม่เคยเห็นเพื่อนที่ร่าเริง เข้มแข็งของเราเป็นหนักขนาดนี้มาก่อน ขนาดนั่งอยู่เฉยๆก็น้ำตาไหลออกมาเอง เพื่อนเราเจอเหตุการณ์ที่มันแย่มากๆๆ มันเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจ เหยียบย้ำ จิตใจ และศักดิ์ศรีของคนคนนึงมากจริงๆๆ ใครไม่เจอกับตัว คงไม่มีวันเข้าใจ เพราะมันไม่ได้จบแค่วันที่ไกล่เกลียกัน ที่กดดัน บังคับให้เพื่อนเรากราบเท้าลูกเค้าที่เป็นออทิสติก แต่ยังมีการเอาเรื่องราวในวันนั้นไปคุยอย่างสนุกปาก ราวกับเป็น the winner รับ 10 ล้านรายการเกมส์โชว์ มันเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก และมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ทราบ ว่าความจริงทั้งหมดคืออะไร เพื่อนเราถูกกระทำซ้ำแล้ว ซ้ำอีก มันรู้สึกแย่มากขนาดไหน
ในเวลาที่เราเจอเรื่องเลวร้าย ก็เหมือนเรายืนอยู่ริมปากเหวอยู่แล้ว แต่การถูกกดดันจากคนภายในองค์กรเดียวกัน ให้ก้มกราบแทบเท้าผดส. ก็ไม่ต่างจากการถูกคนที่รู้จัก ล่อลวงมามัดมือ มัดเท้า แล้วผลักตกเหว
การกราบไม่ได้กราบแค่ครั้งเดียวอย่างที่มีคนก่อนหน้าเขียนจริงๆคะ เพราะเมื่อกราบไปทีแรก แล้วก็ยังไม่พอใจ ให้กราบใหม่ โดยระบุให้กราบแบบแบมือ เพื่อนเรากราบทั้งน้ำตา ทั้งที่ไม่ได้ทำความผิดอะไร แค่เข้าไปสอบถามผดส.ท่านนั้น ว่า “น้องเป็นอะไรรึป่าวคะ” แบบนี้ 2 ครั้ง เนื่องจากน้องเค้ามีลักษณะท่าทาง มีอาการคล้ายชักเกร็ง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆจากผู้เป็นแม่ ซึ่งถ้าใครได้เข้าไปเห็นรูปลูกสาวของผดส.ท่านดังกล่าวในเฟสบุ๊ค ซึ่งต้องมีการใช้รถเข็นอยู่ตลอด ก็ต้องเข้าไปถามไถ่ เนื่องจากมันเป็นแนวทางปฏิบัติที่ถูกอบรมในการดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เดินทางในแต่ละเที่ยวบิน จึงได้เรียกกราวมาเพื่อถามข้อมูลเพิ่มเติม และรายงานกัปตันทราบ ซึ่งถ้าใครทำงานในสายงานด้านการบิน คงทราบดีอยู่แล้ว ไม่ว่ามีสิ่งผิดปกติใดๆเกิดขึ้น จะต้องมีการรายงานให้กัปตันทราบ และตัดสินใจ โดยไม่มีใครคิดเลยว่าเรื่องราวมันจะบานปลาย กลายเป็นการดูถูก เหยียดหยามศักดิ์ศรี ยโส หยาบคาย บลาๆๆๆ ถึงขนาดขั้นขอให้บริษัทไล่เพื่อนเราออกจากงาน ตามที่ระบุในเฟสของผสด.ท่านดังกล่าว ที่ร่ายยาวในเฟสตัวเอง และเปิดเผยชื่อของเพื่อนเรา ไม่รู้กี่โพสต่อกี่โพส มีการแชร์ออกไปมากถึง 91 ครั้ง การบังคับให้คนอื่นก้มกราบ เป็นวิธีการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกตัวเองอย่างงั้นหรอกคะ เสียดายจริงๆ เสียดายการศึกษา และหน้าที่การงานไม่ได้ช่วยพัฒนาจิตใจคนเราได้เลย
สำหรับคนที่พูดว่า กราบทำไม ทำไมต้องกราบ เป็นเรา เราไม่กราบหรอก เราลาออกไปแล้ว
ใช่ คุณอาจจะพูดแบบนั้นได้ ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ประสบกับตัวเอง แล้วไม่ได้แบกความรับผิดชอบ แบกหน้าตาชื่อเสียงของบริษัท
ก็คงจะกดดันคุณให้คุณทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเรื่องนี้จะผิด ก็คงผิดเพราะเพื่อนเรารักบริษัท รักงานที่ทำ รักเพื่อนร่วมงานมากเกินไป
เราไม่อยากจะลงดีเทลมาก แต่เข้ามาเพื่ออยากจะบอกว่า มันคือเรื่องจริง
เราอยากจะเล่าแบบคำต่อคำ อย่างที่เพื่อนเราเล่าให้ฟังทั้งน้ำตา อยากให้ทุกคนได้รู้ ว่าเรื่องจริงมันคืออะไร
ผดส. คนนั้นจิตใจผิดปกติมากเกินคนขนาดไหน แต่ก็คิดว่าไม่เหมาะสม ถ้าเราเล่า คนก็จะหาว่าเราเข้าข้างเพื่อนเรา แต่เอาเป็นว่า ถ้าใครทันเข้าไปอ่านในเฟสป้าคนนั้น ก่อนที่จะปิดไป ก็น่าจะพอทราบได้ ว่าไม่ใช่ level ของคนปกติเค้าทำกัน
เรารู้เรื่องนี้มาหลายวันแล้ว แล้วก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจเรามากมาย
ว่านี่คือสิ่งที่เพื่อนเราควรได้รับจากการที่ทุ่มเทในการปฎิบัติหน้าที่อย่างตั้งใจ
รักในงานที่ทำ รักในองค์กรที่อยู่ รักเพื่อนร่วมงานที่ร่วมเดินทาง คอยดูแลผู้โดยสารอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าผู้โดยสารจะร้องขอหรือไม่ก็ตามอย่างนั้นหรอกหรอ
สุดท้ายแล้ว อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวนะ
เป็นเรา เสียใจยิ่งกว่าการที่ต้องไปกราบเท้าผดส.ทั้งที่ตัวเองไม่ผิด ก็ตรงแนวทางการแก้ปัญหาขององค์กรนี่แหละ ไม่ได้จะต้องให้มากางปีกปกป้องนะ
แต่ขอหน่อยเถอะ อย่างน้อยก็ควรแยกแยะผิดถูกหน่อยป่ะ ทั้งที่ความจริงยังไม่ปรากฏเลย แต่กัวเสียชื่อเสียง อยากให้เรื่องจบ เรื่องเงียบ โดยที่ไม่แคร์ว่าคนอื่นก็มีหัวจิตหัวใจเหมือนกัน มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่าๆกัน ผลักไสไล่ส่งให้ไปกราบเท้าขอโทษผู้โดยสารอย่างเดียว อยากรีบๆให้เรื่องมันเงียบ มันแย่อ่ะ แย่ที่สุดละ เป็นเรา คงจะทนทำงานต่อไปกับองค์กรที่มีแนวทางแบบนี้ไม่ไหวหรอก มันดูเห็นแก่ตัว รักแต่ตัวเองเกินไป
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
เรื่องจริงแบบไม่มโนเลยหละค่ะ
ป้ามหาภัยคนนี้มีเรื่องกับเค้าไปทั่วไปค่ะ อันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ป้าเหวี่ยงสายการบิน หลายรอบ หลายที่ ป้าใช้เครดิตตรงที่ว่าการศึกษาดีหน้าที่การงานดี(แต่จิตใจแปรผกผัน)พูดอะไรคอมเพลนอะไรเลยดูน่าเชื่อถือ
ป้าจะใช้มุขประมาณว่า นี่มาหยามสิทธิ์ลูกชั้น! มาหยามศักดิ์ศรี! (เอิ่มป้าคะ เค้าถามเฉยๆว่า น้องเป็นอะไรคะ จะได้รู้ว่า ต้องเตรียมความช่วยเหลือพิเศษอะไรมั้ย..วีลแชร์ต่างๆ นี่พอถาม น้องเป็นอะไรคะ ป้าตอบว่า "เป็นลูกสาวค่ะ" บรายยยย)
ป้าให้น้องแอร์กราบขอขมาลูกสาวตัวเอง กราบครั้งแรก ป้าบอก ยังไม่พอใจ ให้กราบใหม่ น้องแอร์ก็กราบอีกรอบ จรดพื้น! แต่ป้าบอกว่าลูกสาวเค้ายังไม่พอใจ กราบใหม่ค่าาา แบมือด้วยค่าาาา โอเอมจี! น้องแอร์ก็ก้มหน้าน้ำตาตกไปสิคะ #กราบวนไปค่ะ
แต่จุดพีคไม่อยู่แค่นั้น เพราะตอนน้องแอร์ก้มกราบขุ่นลูกออทิสติคเดินกระหยองกระเหยงมาดึงหัวเค้าด้วยจ้าาาา เกร๋จะตาย
คนสมัยนี้การศึกษาสูงหน้าที่การงานดีใช่ว่าจิตใจจะดีไปด้วยนะคะ บางทีเราเองยังหลงกลสิ่งเหล่านี้อยู่เลยค่ะ
ป้ามหาภัยคนนี้มีเรื่องกับเค้าไปทั่วไปค่ะ อันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ป้าเหวี่ยงสายการบิน หลายรอบ หลายที่ ป้าใช้เครดิตตรงที่ว่าการศึกษาดีหน้าที่การงานดี(แต่จิตใจแปรผกผัน)พูดอะไรคอมเพลนอะไรเลยดูน่าเชื่อถือ
ป้าจะใช้มุขประมาณว่า นี่มาหยามสิทธิ์ลูกชั้น! มาหยามศักดิ์ศรี! (เอิ่มป้าคะ เค้าถามเฉยๆว่า น้องเป็นอะไรคะ จะได้รู้ว่า ต้องเตรียมความช่วยเหลือพิเศษอะไรมั้ย..วีลแชร์ต่างๆ นี่พอถาม น้องเป็นอะไรคะ ป้าตอบว่า "เป็นลูกสาวค่ะ" บรายยยย)
ป้าให้น้องแอร์กราบขอขมาลูกสาวตัวเอง กราบครั้งแรก ป้าบอก ยังไม่พอใจ ให้กราบใหม่ น้องแอร์ก็กราบอีกรอบ จรดพื้น! แต่ป้าบอกว่าลูกสาวเค้ายังไม่พอใจ กราบใหม่ค่าาา แบมือด้วยค่าาาา โอเอมจี! น้องแอร์ก็ก้มหน้าน้ำตาตกไปสิคะ #กราบวนไปค่ะ
แต่จุดพีคไม่อยู่แค่นั้น เพราะตอนน้องแอร์ก้มกราบขุ่นลูกออทิสติคเดินกระหยองกระเหยงมาดึงหัวเค้าด้วยจ้าาาา เกร๋จะตาย
คนสมัยนี้การศึกษาสูงหน้าที่การงานดีใช่ว่าจิตใจจะดีไปด้วยนะคะ บางทีเราเองยังหลงกลสิ่งเหล่านี้อยู่เลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 112
ไม่รู้ว่าลึกๆ ใครถูกใครผิดแต่อ่านความเห็นคู่กรณีแล้วได้แต่ส่ายหัว
คุณสู้กับ แอร์ฯและ จนท.ที่อาจจะไม่ได้มาจากครอบครัวที่มีฐานะทางสังคมสูงอะไรมากพอจะงัดกับคุณได้
คุณก็สามารถเอาฐานะทางสังคมที่มีอยู่มากไปบลัฟได้
คุณมาเจอกับคนพันทิปที่ส่วนมากมีการรายงานเลขบัตรประชาชน แล้วความเห็นไหนคุณเห็นว่าเป็นผลทางกฏหมาย
คุณก็อาจจะลากความเห็นที่คุณไม่พอใจออกมาได้
แต่ตอนนี้ทั้งคุณและลูกสาวของคุณโดน drag เข้าสู่หายนะชนิดใหม่คือ social network ที่คนหมู่มากเริ่มไม่เข้าข้างคุณ
แล้วคุณไม่อาจรู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นใคร คนที่เจ็บแค้นแทนคุ่กรณีของคุณโดยไม่สนถูกผิดและออกลาแม่มดตัวคุณและลูกสาว
เอาเรื่องของคุณและลูกสาว เอารูปภาพต่างๆ ไปล้อเลียนเหยียดหยามเสียหายจะเกิดขึ้นแน่นอน และคนที่ปลอมตัวตนบนโลกออนไลน์
จนคุณไม่สามารถสาวไปถึงตัวหรือเอาฐานะทางสังคมของคุณไปข่มขู่ได้มีอีกมากมาย
พึงระลึกนะครับว่าความเดือดร้อนการดูถูกเหยียบหยามยิ่งกว่าที่คุณจะจินตนาการต่อจากนี้มาจากน้ำมือคุณเอง
คุณสู้กับ แอร์ฯและ จนท.ที่อาจจะไม่ได้มาจากครอบครัวที่มีฐานะทางสังคมสูงอะไรมากพอจะงัดกับคุณได้
คุณก็สามารถเอาฐานะทางสังคมที่มีอยู่มากไปบลัฟได้
คุณมาเจอกับคนพันทิปที่ส่วนมากมีการรายงานเลขบัตรประชาชน แล้วความเห็นไหนคุณเห็นว่าเป็นผลทางกฏหมาย
คุณก็อาจจะลากความเห็นที่คุณไม่พอใจออกมาได้
แต่ตอนนี้ทั้งคุณและลูกสาวของคุณโดน drag เข้าสู่หายนะชนิดใหม่คือ social network ที่คนหมู่มากเริ่มไม่เข้าข้างคุณ
แล้วคุณไม่อาจรู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นใคร คนที่เจ็บแค้นแทนคุ่กรณีของคุณโดยไม่สนถูกผิดและออกลาแม่มดตัวคุณและลูกสาว
เอาเรื่องของคุณและลูกสาว เอารูปภาพต่างๆ ไปล้อเลียนเหยียดหยามเสียหายจะเกิดขึ้นแน่นอน และคนที่ปลอมตัวตนบนโลกออนไลน์
จนคุณไม่สามารถสาวไปถึงตัวหรือเอาฐานะทางสังคมของคุณไปข่มขู่ได้มีอีกมากมาย
พึงระลึกนะครับว่าความเดือดร้อนการดูถูกเหยียบหยามยิ่งกว่าที่คุณจะจินตนาการต่อจากนี้มาจากน้ำมือคุณเอง
ความคิดเห็นที่ 190
เรื่องราวที่แท้จริงบนไฟลท์เป็นอย่างไร ไม่มีใครทราบ
แต่ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้โดยสาร หรือบุคคลทั่วไปในฐานะที่เป็นลูกเรือละกันนะคะ
ทุกๆไฟลท์ก่อนที่ลูกเรือจะทำการบอร์ดผู้โดยสาร โดยทั่วไป ลูกเรือจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็น จำนวนผู้โดยสารทั้งหมด เด็กทารก และที่สำคัญคือ จำนวนผู้โดยสารพิเศษ (ในที่นี้หมายรวมถึง ผู้โดยสารสูงอายุ พิการ ตาบอด หูหนวก หรือผู้โดยสารที่ต้องใช้รถเข็นในการเคลื่อนย้าย ) ลูกเรือทุกคนบนเครื่องต้องรู้ว่า ผู้โดยสารเหล่านั้นนั่งอยู่ที่ไหนบนไฟลท์ เขาต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่ ระหว่างเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นความช่วยเหลือทั่วไป เช่น การเข้าห้องน้ำ การทานอาหาร หรือในกรณีฉุกเฉิน ลูกเรือทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการนำผู้โดยสารท่านนั้นๆออกจากเครื่องได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้นข้อมูลที่ลูกเรือจะได้รับจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของตัวผู้โดยสารเอง
ในกรณีนี้ ผู้โดยสารไม่ได้ทำการแจ้งสายการบินล่วงหน้า ว่าเป็นผู้โดยสารพิเศษ ถึงคุณแม่จะกล่าวว่า ลูกสาวนั้นไม่ได้มีปัญหาในการขึ้นเครื่องบิน อันนี้ถูกต้องค่ะ น้องที่เป็นออ ไม่ได้มีปัญหาแน่นอนกับการเดินทางไปกับสายการบิน ในเหตุการณ์ปกติ ย้ำนะคะ ในเหตุการณ์ปกติ
แต่ถ้าเกิดวันนึงเครื่องบินลำนั้นเกิดตกหรือมีความจำเป็นที่จะต้องอพยพฉุกเฉิน การเคลื่อนย้ายน้องออกจากเครื่องบินให้ทันท่วงที อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่นอนค่ะ
ด้วยเหตุนี้ ลูกเรือจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทราบข้อมูลของผู้โดยสารท่านนั้นๆ ว่าสามารถสื่อสารได้หรือไม่ หรือถ้าในกรณีฉุกเฉิน สามารถอพยพด้วยตนเองได้หรือไม่ หรือต้องการความช่วยเหลือจากเรา สิ่งเหล่านี้คือหน้าที่ ที่แท้จริงของลูกเรือทุกคนค่ะ
อยากให้ทุกคนเข้าใจการทำงานของลูกเรือและให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วยนะคะ ไม่มีลูกเรือคนไหนหรอกค่ะ ที่จะพูดจาไม่ดีโดยไม่มีเหตุผล รังเกียจผู้โดยสาร หรือคนพิการโดยที่ไม่คำนึงถึงจิตใจเขาเหล่านั้น ลูกเรือก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนึง ที่มีจิตใจและความรู้สึกเช่นเดียวกันกับพวกคุณค่ะ (และอาจพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือกับพวกคุณ มากกว่าที่พวกคุณคิดไว้หลายเท่าค่ะ)
สุดท้ายนี้ ขอความเห็นใจให้กับลูกเรือบนไฟลท์นี้ด้วยนะคะ เชื่อว่ายังไงก็คงทำไปตามหน้าที่ และไม่ได้มีเจตนาจะเหยียดหยามน้องตามที่คุณแม่กล่าวมาแน่นอนค่ะ ประเทศเราไม่ควรมีใครต้องมากราบใคร ด้วยเหตุผลอะไรเหล่านี้แล้วละค่ะ
แต่ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้โดยสาร หรือบุคคลทั่วไปในฐานะที่เป็นลูกเรือละกันนะคะ
ทุกๆไฟลท์ก่อนที่ลูกเรือจะทำการบอร์ดผู้โดยสาร โดยทั่วไป ลูกเรือจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็น จำนวนผู้โดยสารทั้งหมด เด็กทารก และที่สำคัญคือ จำนวนผู้โดยสารพิเศษ (ในที่นี้หมายรวมถึง ผู้โดยสารสูงอายุ พิการ ตาบอด หูหนวก หรือผู้โดยสารที่ต้องใช้รถเข็นในการเคลื่อนย้าย ) ลูกเรือทุกคนบนเครื่องต้องรู้ว่า ผู้โดยสารเหล่านั้นนั่งอยู่ที่ไหนบนไฟลท์ เขาต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่ ระหว่างเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นความช่วยเหลือทั่วไป เช่น การเข้าห้องน้ำ การทานอาหาร หรือในกรณีฉุกเฉิน ลูกเรือทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการนำผู้โดยสารท่านนั้นๆออกจากเครื่องได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้นข้อมูลที่ลูกเรือจะได้รับจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของตัวผู้โดยสารเอง
ในกรณีนี้ ผู้โดยสารไม่ได้ทำการแจ้งสายการบินล่วงหน้า ว่าเป็นผู้โดยสารพิเศษ ถึงคุณแม่จะกล่าวว่า ลูกสาวนั้นไม่ได้มีปัญหาในการขึ้นเครื่องบิน อันนี้ถูกต้องค่ะ น้องที่เป็นออ ไม่ได้มีปัญหาแน่นอนกับการเดินทางไปกับสายการบิน ในเหตุการณ์ปกติ ย้ำนะคะ ในเหตุการณ์ปกติ
แต่ถ้าเกิดวันนึงเครื่องบินลำนั้นเกิดตกหรือมีความจำเป็นที่จะต้องอพยพฉุกเฉิน การเคลื่อนย้ายน้องออกจากเครื่องบินให้ทันท่วงที อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่นอนค่ะ
ด้วยเหตุนี้ ลูกเรือจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทราบข้อมูลของผู้โดยสารท่านนั้นๆ ว่าสามารถสื่อสารได้หรือไม่ หรือถ้าในกรณีฉุกเฉิน สามารถอพยพด้วยตนเองได้หรือไม่ หรือต้องการความช่วยเหลือจากเรา สิ่งเหล่านี้คือหน้าที่ ที่แท้จริงของลูกเรือทุกคนค่ะ
อยากให้ทุกคนเข้าใจการทำงานของลูกเรือและให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วยนะคะ ไม่มีลูกเรือคนไหนหรอกค่ะ ที่จะพูดจาไม่ดีโดยไม่มีเหตุผล รังเกียจผู้โดยสาร หรือคนพิการโดยที่ไม่คำนึงถึงจิตใจเขาเหล่านั้น ลูกเรือก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนึง ที่มีจิตใจและความรู้สึกเช่นเดียวกันกับพวกคุณค่ะ (และอาจพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือกับพวกคุณ มากกว่าที่พวกคุณคิดไว้หลายเท่าค่ะ)
สุดท้ายนี้ ขอความเห็นใจให้กับลูกเรือบนไฟลท์นี้ด้วยนะคะ เชื่อว่ายังไงก็คงทำไปตามหน้าที่ และไม่ได้มีเจตนาจะเหยียดหยามน้องตามที่คุณแม่กล่าวมาแน่นอนค่ะ ประเทศเราไม่ควรมีใครต้องมากราบใคร ด้วยเหตุผลอะไรเหล่านี้แล้วละค่ะ
ความคิดเห็นที่ 16
คนที่เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นคนให้ลูกสาวตน
แต่กลับทำกับคนอื่นเหมือนไม่ใช่คน!!
กราบแล้วกราบอีก กราบวนไปค่ะ
คุณผดส.เข้าใจอะไรผิดหรือป่าวคะ
แอร์มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ให้ไปถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ
แอร์เขาต้องทราบข้อมูลของผู้โดยสารพิเศษค่ะ
Special handling guest นะคะ
เขาไม่ให้เกียรติลูกสาวคุณตรงไหน
นอกจากจะต่อว่าน้องแอร์ระหว่างรอออกจากเครื่องแล้ว
ยังต้องเชิญมาออฟฟิส เพื่อให้กราบลูกสาวตน
กราบวนไปค่ะ 🙇🏻🙇🏻🙇🏻
แต่กลับทำกับคนอื่นเหมือนไม่ใช่คน!!
กราบแล้วกราบอีก กราบวนไปค่ะ
คุณผดส.เข้าใจอะไรผิดหรือป่าวคะ
แอร์มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ให้ไปถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ
แอร์เขาต้องทราบข้อมูลของผู้โดยสารพิเศษค่ะ
Special handling guest นะคะ
เขาไม่ให้เกียรติลูกสาวคุณตรงไหน
นอกจากจะต่อว่าน้องแอร์ระหว่างรอออกจากเครื่องแล้ว
ยังต้องเชิญมาออฟฟิส เพื่อให้กราบลูกสาวตน
กราบวนไปค่ะ 🙇🏻🙇🏻🙇🏻
แสดงความคิดเห็น
มีใครพอรู้เรื่องที่แอร์โฮสเตสคนไทยโดนบังคับให้ก้มกราบเด็กพิเศษบ้างไหม?
ข้างบนคือเท่าที่ได้ยินเพื่อนเล่ามา ใครพอรู้อะไรมากกว่านี้ไหม แค่อยากรู้เรื่องราวจริงๆ เป็นมายังไงและสุดท้ายจบลงยังไง ไม่อยากเจาะจงเรื่องการกระทำของใครทั้งนั้น เพราะมองได้หลายมุมมากๆ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการพูดของแอร์คนนั้นที่มีต่อเด็กซึ่งเราไม่รู้ว่าพูดอย่างไรแม่เด็กถึงโกรธขนาดนั้น ส่วนการกระทำของแม่เด็กถือว่ารุนแรงเกินไปหรือไม่