เห็นด้วยกับการที่พี่ว๊ากน้องมันไม่ดี พี่มีสิทธิอะไรมาว๊ากรุ่นน้อง พ่อแม่ยังไม่เคยมาทำอะไรกับเราแบบนี้ แต่เมื่อไม่มีพี่ว๊ากมันดีแล้วจริงๆหรอ ?
ขอบอกก่อนเลยว่าเราเกลียดการว๊ากน้องแบบนี้มาก เกลียดจนไม่เข้าใกล้รุ่นพี่พวกนั้นเลยแม้แต่ตอนพี่เขาเป็นนักศึกษาธรรมดา
ตอนปี 1 ก็โดนมาเยอะเหมือนกัน รำคาญเหมือนกันที่มาด่ามาว่าเรา แต่ก็ไม่อยากจะยอมรับว่าที่พี่เขามาด่ามันคือเรื่องจริง บางคนบอกพูดดีๆก็เข้าใจได้ บางคนบอกไม่เห็นจำเป็นโตแล้วน้องคิดเองได้ ก็จริงอยู่ที่บางคนทำได้ แล้วบางคนล่ะ ?
พอตอนนี้มาเป็นรุ่นพี่ปี 2 ต้องทำหน้าที่ดูแลน้องพึ่งจะเข้าใจ..
มหาวิทยาลัยของเราได้ยกเลิกระบบว๊ากน้องไปแต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะจะแบ่งพี่ว๊ากเป็นกลุ่มใหญ่และกลุ่มย่อย ซึ่งกลุ่มใหญถูกยกเลิกไปแล้ว เหลือกลุ่มย่อยแต่ก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง มหาวิทยาลัยเรานักศึกษาปี 1 ต้องอยู่หอในเลยทำให้น้องอยู่ในสายตาของพี่ตลอดเวลา และในแต่ละปีจะมีการจัดกิจกรรมและพิธีการต่างๆ ซึ่งบางกิจกรรมก็เป็นกิจกรรมของน้องปี 1 เลยอย่างเช่น กิจกรรมไหว้ครู เป็นต้น
ในปีที่แล้วน้องปี 1 จะมีเพื่อนว๊ากไปปลุกที่ล่างหอเพื่อให้น้องๆได้รวมตัวกันเพื่อจะได้มาแจกข้าวแล้วส่งน้องเข้ากิจกรรม ซึ่งตอนนั้นก็บอกเลยเกลียดมากคุณมีสิทธิอะไรมาปลุกฉัน ทั้งโมโหทั้งหงุดหงิด
แต่พอปีนี้ไม่มีพี่ว๊าก แล้วต้องให้พี่ปี 2 ไปรับ อย่างที่บอกพอยกเลิกการว๊ากไปพี่จึงไม่สามารถด่าน้องได้ ได้แต่ตามผ่านทางเฟสเพราะพี่ไม่สามารถขึ้นไปปลุกน้องได้ สำหรับน้องบางคนที่ลงมาตามเวลาพี่ปี2อย่างเราโอเคมาก เพราะอย่างน้อยน้องก็ลงมา แต่นั่นก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่ลงมา เพราะมันยังเช้าเลยทำให้น้องส่วนมากไม่ค่อยตื่นกัน น้อง 300 กว่าคนในคณะ ลงมาแค่ 100 กว่าคน พอมันถึงเวลาน้องไม่ลงมาพี่ก็ต้องพาน้องไปกินข้าวและให้พี่ว๊าก (กลุ่มย่อยมาตรวจเครื่องแต่งกาย) ทั้งๆที่ปี 2 ก็บอกน้องแล้วว่า น้องต้องแต่งตัวให้ถูกระเบียบอย่าใส่กระโปรงสั้น น้องผู้หญิงบางคนเสื้อนักศึกษามันบางพี่บอกให้ใส่เสื้อซับในมาก็ไม่ใส่ บอกให้รวบผมด้วยก็ไม่ยอมมัดมา พอพี่ว๊ากมาตรวจก็ต้องโดนว่าไปตามระเบียบ แต่พี่เขาก็ไม่ได้มาด่าอย่างเดียว เขามาจัดการหายางมัดผมให้น้อง และถ้ากระโปรงมันสั้นมาก พี่เขาก็เอากระโปรงมาเปลี่ยนให้ แต่ก็ต้องเสียเวลาเพราะน้องมี 100 คน พี่ว๊ากมีไม่กี่คนก็ต้องเสียเวลาไปเยอะ จนเกือบเข้ากิจกรรมไม่ตรงเวลา ... แล้วปี1 อีก 200 คนที่เหลือ บางคนอยากเข้ากิจกรรมมาเอาใบกิจกรรมแต่ตื่นไม่ทัน เลยแต่งตัวไม่เรียบร้อยแอบเข้ามาเอาใบกิจกรรมตอนพิธีใกล้จะเสร็จ ซึ่งมันเอาเปรียบน้องคนที่ตื่นเช้ามากแต่รุ่นพี่ก็ทำอะไรไม่ได้
และนอกจากนี้บางกิจกรรมที่สำคัญ พี่นัด 7.00 น้องมา 10.00 โมงก็มี บางครั้งพี่บอกให้ใส่ป้ายชื่อเวลาอยู่ในมหาลัยเพราะจะได้รู้ว่าน้องเป็นใครอยู่สาขาอะไร เวลาเกิดอะไรพี่คนอื่นๆที่ไม่ใช่สาขาตัวเองจะได้ติดต่อถูกที่ ก็ไม่ใส่ เหตุเพราะบอกว่าอาย (ถ้าเกิดอะไรก็เรียกรถพยาบาลสิ ! .. ก็จริงแต่หลังจากนั้นก็ต้องแจ้งเรื่องถึงอธิการ แจ้งส่วนพัฒนานักศึกษา แจ้งพ่อแม่น้องไม่ใช่หรือไง ถ้ารอโรงพยาบาลแจ้งให้มันอาจจะช้ากว่าก็ได้) หรือบางกิจกรรมพี่ให้แต่งชุดสุภาพน้องบางคนใส่เสื้อขาวไม่ใส่เสื้อในทับ ใส่เสื้อคอกว้างจนเกือบเห็นร่องอก ซึ่งมันดีต่อสายตาผู้ชายบางคน ! (ทั้งคนนอก รุ่นพี่ รุ่นน้อง) พี่ปี2ก็ว่าน้องไม่ได้ เลยให้พี่ว๊ากมาว่า มากระตุ้น แต่น้องก็ต่อต้านสร้างเพจแอนตี้ด่าพี่เสียๆหายๆ บอกว่าสิทธิส่วนบุคคนโน่นนี่นั่น ซึ่งก็จริงอยู่ที่สิทธิส่วนบุคคนแต่ก็อยากให้น้องเข้าใจด้วยว่ากิจกรรมมันเลิกค่ำแล้วพี่ปี2ก็เป็นคนนัดน้อง พอเลิกแล้วเกิดอะไรขึ้นมาคนที่ต้องรับผิดชอบคือปี2
สำหรับน้องบางคนที่ทนไม่ได้ ก็จะมีการแยกน้องที่ป่วยออกมา มีพี่อีกกลุ่มคอยดูแล และในระหว่างที่พี่ว๊ากน้องก็จะมีกลุ่มพี่สวัสดิที่ถือกล่องยาคอยประกบอยู่ตลอดเวลา
เพราะสังคมมหาวิทยาลัยเป็นสังคมใหญ่เลยทำให้มีคนในสังคมหลายแบบ มาจากคนละที่ คนละพ่อคนละแม่ ดังนั้นน้องคนที่ดีก็มี น้องคนที่ไม่ดีก็มี ก็อยากจะบอกว่าถ้าเกิดน้องไม่ได้ทำอะไรผิดก็อยากให้หูทวนลม อย่าเก็บมาใส่ใจ ถ้าน้องมาตรงเวลา น้องแต่งตัวถูกระเบียบ พี่เขาว่าก็ไม่เห็นต้องใส่ใจเพราะพี่เขาไม่ได้ว่าน้อง ส่วนน้องที่ไม่เข้ากิจกรรมไม่เอากิจกรรมพี่เขาก็ไม่ได้ว่าหรอก แต่ก็อยากให้แจ้งพี่เขาด้วย เพราะถ้าอยู่ๆหายไปคนที่รับผิดชอบก็คือรุ่นพี่อีกนั่นแหละ
บางมหาวิทยาลัยพี่ว๊ากทำเกินไปก็แย่อยู่ แต่บางที่พี่ว๊ากดีๆก็มี ก็อยากให้เข้าใจ เรื่องที่ว่ามีพี่ว๊ากเพื่อนฝึกน้องให้มีระเบียบ มีความอดทนอันนี้เราเห็นด้วยนะ เพราะน้องบางคนก็ไข่ในหินเหลือเกิน อย่าลืมว่าน้องโตแล้ว ออกมาจากอกของพ่อแม่แล้วไม่มีคนมาคอยประคบประหงมแล้ว สังคมภายนอกบางทีมันก็โหดร้ายเกินไป อยู่ที่บ้านเวลาพ่อแม่ว่า เราเถียงกลับจนพ่อแม่ไม่พอใจแต่เขาก็ไม่หนีไปไหนเพราะเขารักน้อง แต่ถ้าเป็นคนอื่นเมื่อน้องไม่ทำตามกฎไม่รักษาวินัย คนอื่นเขาไม่มาแคร์น้องหรอก
ดังนั้นที่เรากล่าวมาทั้งหมดคืออยากให้มีการว๊ากน้องต่อไป แต่ต้องมีกฎคุ้มครองน้องและรุ่นพี่ที่โดนกล่าวหา กฎลงโทษรุ่นพี่ที่ทำเกินกว่าเหตุรุนแรงขึ้น
และอยากให้จัดการพวกที่สร้างเพจแอนตี้การรับน้องที่กล่าวหา แต่ละมหาลัยเกินกว่าเหตุ (บางมหาลัยก็ไม่แรงขนาดนั้น) เพราะบางครั้งเราไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรม พอได้ยินว่ามีการว๊ากน้องก็กล่าวหาว่าพี่ทำเกินกว่าเหตุต่างๆนานา คนจะด่ามันก็ด่า ไม่เคยคิดจะเข้าใจอะไรเลย พอมีรุ่นน้องรุ่นพี่มาแก้ต่าง ก็บอกว่าอ้างโน้นอ้างนี่ ทำให้คนภายนอกมองมหาลัยที่โดนแอนตี้ว่าไม่ดีจนเสียชื่อมาก
ปล. นี่คือความเห็นส่วนตัวของเรา หากใครไม่เห็นด้วยหรือไม่พอใจอะไร สามารถแย้งได้ แต่ขอให้ใช้คำสุภาพกันนิดนึง
แท็กผิดห้องก็ขออภัย
การไม่มีพี่ว๊ากในมหาวิทยาลัยมันดีแล้วจริงๆหรอ ?
ขอบอกก่อนเลยว่าเราเกลียดการว๊ากน้องแบบนี้มาก เกลียดจนไม่เข้าใกล้รุ่นพี่พวกนั้นเลยแม้แต่ตอนพี่เขาเป็นนักศึกษาธรรมดา
ตอนปี 1 ก็โดนมาเยอะเหมือนกัน รำคาญเหมือนกันที่มาด่ามาว่าเรา แต่ก็ไม่อยากจะยอมรับว่าที่พี่เขามาด่ามันคือเรื่องจริง บางคนบอกพูดดีๆก็เข้าใจได้ บางคนบอกไม่เห็นจำเป็นโตแล้วน้องคิดเองได้ ก็จริงอยู่ที่บางคนทำได้ แล้วบางคนล่ะ ?
พอตอนนี้มาเป็นรุ่นพี่ปี 2 ต้องทำหน้าที่ดูแลน้องพึ่งจะเข้าใจ..
มหาวิทยาลัยของเราได้ยกเลิกระบบว๊ากน้องไปแต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะจะแบ่งพี่ว๊ากเป็นกลุ่มใหญ่และกลุ่มย่อย ซึ่งกลุ่มใหญถูกยกเลิกไปแล้ว เหลือกลุ่มย่อยแต่ก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง มหาวิทยาลัยเรานักศึกษาปี 1 ต้องอยู่หอในเลยทำให้น้องอยู่ในสายตาของพี่ตลอดเวลา และในแต่ละปีจะมีการจัดกิจกรรมและพิธีการต่างๆ ซึ่งบางกิจกรรมก็เป็นกิจกรรมของน้องปี 1 เลยอย่างเช่น กิจกรรมไหว้ครู เป็นต้น
ในปีที่แล้วน้องปี 1 จะมีเพื่อนว๊ากไปปลุกที่ล่างหอเพื่อให้น้องๆได้รวมตัวกันเพื่อจะได้มาแจกข้าวแล้วส่งน้องเข้ากิจกรรม ซึ่งตอนนั้นก็บอกเลยเกลียดมากคุณมีสิทธิอะไรมาปลุกฉัน ทั้งโมโหทั้งหงุดหงิด
แต่พอปีนี้ไม่มีพี่ว๊าก แล้วต้องให้พี่ปี 2 ไปรับ อย่างที่บอกพอยกเลิกการว๊ากไปพี่จึงไม่สามารถด่าน้องได้ ได้แต่ตามผ่านทางเฟสเพราะพี่ไม่สามารถขึ้นไปปลุกน้องได้ สำหรับน้องบางคนที่ลงมาตามเวลาพี่ปี2อย่างเราโอเคมาก เพราะอย่างน้อยน้องก็ลงมา แต่นั่นก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่ลงมา เพราะมันยังเช้าเลยทำให้น้องส่วนมากไม่ค่อยตื่นกัน น้อง 300 กว่าคนในคณะ ลงมาแค่ 100 กว่าคน พอมันถึงเวลาน้องไม่ลงมาพี่ก็ต้องพาน้องไปกินข้าวและให้พี่ว๊าก (กลุ่มย่อยมาตรวจเครื่องแต่งกาย) ทั้งๆที่ปี 2 ก็บอกน้องแล้วว่า น้องต้องแต่งตัวให้ถูกระเบียบอย่าใส่กระโปรงสั้น น้องผู้หญิงบางคนเสื้อนักศึกษามันบางพี่บอกให้ใส่เสื้อซับในมาก็ไม่ใส่ บอกให้รวบผมด้วยก็ไม่ยอมมัดมา พอพี่ว๊ากมาตรวจก็ต้องโดนว่าไปตามระเบียบ แต่พี่เขาก็ไม่ได้มาด่าอย่างเดียว เขามาจัดการหายางมัดผมให้น้อง และถ้ากระโปรงมันสั้นมาก พี่เขาก็เอากระโปรงมาเปลี่ยนให้ แต่ก็ต้องเสียเวลาเพราะน้องมี 100 คน พี่ว๊ากมีไม่กี่คนก็ต้องเสียเวลาไปเยอะ จนเกือบเข้ากิจกรรมไม่ตรงเวลา ... แล้วปี1 อีก 200 คนที่เหลือ บางคนอยากเข้ากิจกรรมมาเอาใบกิจกรรมแต่ตื่นไม่ทัน เลยแต่งตัวไม่เรียบร้อยแอบเข้ามาเอาใบกิจกรรมตอนพิธีใกล้จะเสร็จ ซึ่งมันเอาเปรียบน้องคนที่ตื่นเช้ามากแต่รุ่นพี่ก็ทำอะไรไม่ได้
และนอกจากนี้บางกิจกรรมที่สำคัญ พี่นัด 7.00 น้องมา 10.00 โมงก็มี บางครั้งพี่บอกให้ใส่ป้ายชื่อเวลาอยู่ในมหาลัยเพราะจะได้รู้ว่าน้องเป็นใครอยู่สาขาอะไร เวลาเกิดอะไรพี่คนอื่นๆที่ไม่ใช่สาขาตัวเองจะได้ติดต่อถูกที่ ก็ไม่ใส่ เหตุเพราะบอกว่าอาย (ถ้าเกิดอะไรก็เรียกรถพยาบาลสิ ! .. ก็จริงแต่หลังจากนั้นก็ต้องแจ้งเรื่องถึงอธิการ แจ้งส่วนพัฒนานักศึกษา แจ้งพ่อแม่น้องไม่ใช่หรือไง ถ้ารอโรงพยาบาลแจ้งให้มันอาจจะช้ากว่าก็ได้) หรือบางกิจกรรมพี่ให้แต่งชุดสุภาพน้องบางคนใส่เสื้อขาวไม่ใส่เสื้อในทับ ใส่เสื้อคอกว้างจนเกือบเห็นร่องอก ซึ่งมันดีต่อสายตาผู้ชายบางคน ! (ทั้งคนนอก รุ่นพี่ รุ่นน้อง) พี่ปี2ก็ว่าน้องไม่ได้ เลยให้พี่ว๊ากมาว่า มากระตุ้น แต่น้องก็ต่อต้านสร้างเพจแอนตี้ด่าพี่เสียๆหายๆ บอกว่าสิทธิส่วนบุคคนโน่นนี่นั่น ซึ่งก็จริงอยู่ที่สิทธิส่วนบุคคนแต่ก็อยากให้น้องเข้าใจด้วยว่ากิจกรรมมันเลิกค่ำแล้วพี่ปี2ก็เป็นคนนัดน้อง พอเลิกแล้วเกิดอะไรขึ้นมาคนที่ต้องรับผิดชอบคือปี2
สำหรับน้องบางคนที่ทนไม่ได้ ก็จะมีการแยกน้องที่ป่วยออกมา มีพี่อีกกลุ่มคอยดูแล และในระหว่างที่พี่ว๊ากน้องก็จะมีกลุ่มพี่สวัสดิที่ถือกล่องยาคอยประกบอยู่ตลอดเวลา
เพราะสังคมมหาวิทยาลัยเป็นสังคมใหญ่เลยทำให้มีคนในสังคมหลายแบบ มาจากคนละที่ คนละพ่อคนละแม่ ดังนั้นน้องคนที่ดีก็มี น้องคนที่ไม่ดีก็มี ก็อยากจะบอกว่าถ้าเกิดน้องไม่ได้ทำอะไรผิดก็อยากให้หูทวนลม อย่าเก็บมาใส่ใจ ถ้าน้องมาตรงเวลา น้องแต่งตัวถูกระเบียบ พี่เขาว่าก็ไม่เห็นต้องใส่ใจเพราะพี่เขาไม่ได้ว่าน้อง ส่วนน้องที่ไม่เข้ากิจกรรมไม่เอากิจกรรมพี่เขาก็ไม่ได้ว่าหรอก แต่ก็อยากให้แจ้งพี่เขาด้วย เพราะถ้าอยู่ๆหายไปคนที่รับผิดชอบก็คือรุ่นพี่อีกนั่นแหละ
บางมหาวิทยาลัยพี่ว๊ากทำเกินไปก็แย่อยู่ แต่บางที่พี่ว๊ากดีๆก็มี ก็อยากให้เข้าใจ เรื่องที่ว่ามีพี่ว๊ากเพื่อนฝึกน้องให้มีระเบียบ มีความอดทนอันนี้เราเห็นด้วยนะ เพราะน้องบางคนก็ไข่ในหินเหลือเกิน อย่าลืมว่าน้องโตแล้ว ออกมาจากอกของพ่อแม่แล้วไม่มีคนมาคอยประคบประหงมแล้ว สังคมภายนอกบางทีมันก็โหดร้ายเกินไป อยู่ที่บ้านเวลาพ่อแม่ว่า เราเถียงกลับจนพ่อแม่ไม่พอใจแต่เขาก็ไม่หนีไปไหนเพราะเขารักน้อง แต่ถ้าเป็นคนอื่นเมื่อน้องไม่ทำตามกฎไม่รักษาวินัย คนอื่นเขาไม่มาแคร์น้องหรอก
ดังนั้นที่เรากล่าวมาทั้งหมดคืออยากให้มีการว๊ากน้องต่อไป แต่ต้องมีกฎคุ้มครองน้องและรุ่นพี่ที่โดนกล่าวหา กฎลงโทษรุ่นพี่ที่ทำเกินกว่าเหตุรุนแรงขึ้น
และอยากให้จัดการพวกที่สร้างเพจแอนตี้การรับน้องที่กล่าวหา แต่ละมหาลัยเกินกว่าเหตุ (บางมหาลัยก็ไม่แรงขนาดนั้น) เพราะบางครั้งเราไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรม พอได้ยินว่ามีการว๊ากน้องก็กล่าวหาว่าพี่ทำเกินกว่าเหตุต่างๆนานา คนจะด่ามันก็ด่า ไม่เคยคิดจะเข้าใจอะไรเลย พอมีรุ่นน้องรุ่นพี่มาแก้ต่าง ก็บอกว่าอ้างโน้นอ้างนี่ ทำให้คนภายนอกมองมหาลัยที่โดนแอนตี้ว่าไม่ดีจนเสียชื่อมาก
ปล. นี่คือความเห็นส่วนตัวของเรา หากใครไม่เห็นด้วยหรือไม่พอใจอะไร สามารถแย้งได้ แต่ขอให้ใช้คำสุภาพกันนิดนึง
แท็กผิดห้องก็ขออภัย