-แฟนเดย์-
-แฟนกันแค่วันเดียว-
ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร..ของเด่นชัยและนุ้ย
ตัวละครเด่นชัย
หนุ่มเนิร์ดโลกส่วนตัวสูง ไร้ความมั่นใจ หน้าตาใช้ได้แต่introvert
บทนี้คนดูจะสงสาร (ไม่รู้ว่าคนดูควรรักตัวละครนี้มั้ย แต่เราไม่) เราว่าเต๋อเล่นดีมากที่ทำให้เราเชื่อว่ามีคนแบบนี้ คนที่พร้อมจะประทับใจใครก็ตามที่มองเห็นเค้า เป็นคนประเภทขาดการถูกสนใจมานานจนเรื้อรัง(ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมต้องการเป็นจุดสนใจ) ไม่แปลกใจที่เค้าจะเทใจให้นุ้ยง่ายๆ
เต๋อทำได้ดี เล่นละเอียดมาก ใช่..เรารำคาญเด่นชัยคนนี้ ใช่..เรารู้สึกเหมือนนุ้ยเวลาที่เค้าพูดกับเธอ(นั่นคือเงิบหนักมาก) และใช่..เราต้องอึดอัดใจที่จะอยู่ด้วยเหมือนที่นุ้ยเป็นแน่ๆ
แต่เต๋อนี่ให้แปลงโฉมยังไงก็ยังมีความสูงและสไตล์ที่มองข้ามไม่ได้ ทำให้เราไม่เชื่อ100%ว่าเค้าถูกเมิน
เลยได้แต่เสียดายที่พี่โต้งไม่ยอมเอาหนุ่มโนเนมมาเล่น น่าจะอินกว่า
ตัวละครนุ้ย
นี่แหละผู้หญิงที่พอดี ทำให้เราเชื่อได้จริงๆว่าผู้หญิงแบบนี้แหละที่ผู้ชายจะชอบจนถึงขนาดที่ว่ายอมปีนเอเวอเรสต์ได้เพื่อเธอ
ผู้หญิงที่สวย..แบบไม่เกินไปนัก เป็นคนดี..แบบไม่เกินไปนัก เป็นคนทันสมัย..แบบไม่เกินไปนัก ทุกอย่างหล่อหลอมนุ้ยออกมาเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง เป็นเพอร์เฟคชั่นนิสต์ เธอก้าวให้ทันโลกที่หมุนเร็วอยู่เสมอ เห็นได้จากเสื้อผ้าหน้าผมตามสมัยนิยม การสะสมตุ๊กตา และการที่เธอยอมเป็นแฟนกับผู้ชายที่เพอร์เฟคอย่างพี่ท๊อป ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เธอไม่สมบูรณ์แบบ ด้วยเหตุนี้เธอจึงทั้งน่ารักและน่าเห็นใจไปพร้อมๆกัน
เห็นได้ชัดว่าบางครั้งนุ้ยมัวแต่ไล่ตามโลกจนลืมกลับมาดูแลตัวเอง ทั้งในเรื่องเล็กๆอย่างการจัดของส่วนตัวให้เป็นระบบระเบียบ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆอย่างชีวิตคู่
มิวตีบทแตกมาก นับเป็นส่วนที่ดีที่สุดของเรื่องนี้เลยทีเดียว #ปรบมือสิคะรออะไร
นิสัยของนุ้ยทำให้เราเชื่อว่าตัวละครนี้จะทำแบบนี้แหละ ขอชื่นชมความละเอียดในการแสดงของมิว การเขียนบทของผู้เขียนบท คอสตูม การกำกับของพี่โต้ง และทีมงานส่วนอื่นๆที่รังสรรค์ “นุ้ย” ขึ้นมา
วันหนึ่ง
เราชอบจุดเริ่มต้นของเรื่องนะ ที่เด่นตัดสินใจอยู่ดูแลนุ้ยต่อ มันแสดงให้เห็นความเนิร์ด ความแปลก และความรักที่เค้ามีให้นุ้ยได้หมดจดจริงๆ
และเอาเข้าจริงระฆังนั่นอาจจะไม่เกี่ยวอะไรเลยก็ได้ (..นี่ยังแอบคิดเล่นๆอยู่เลยว่าถ้าหนังเรื่องนี้บูม คงมีแต่คงแห่ไปตีระฆังนี่5555)
เหมือนที่เค้าว่ากันว่า99%คือเราขวนขวายพยายามเอง ส่วนอีก1%นั้นเป็นเรื่องของโชคชะตา
และเรื่องราวใน1วันนั้นที่หนังบรรจงปูความสัมพันธ์ของเด่นกับนุ้ย ก็ทำได้ดี ทำให้เชื่อได้สนิทใจว่าเออ นุ้ยมันจะทำแบบนี้แหละ เป็นแบบนี้แหละ รู้สึกแบบนี้แหละ
ท้ายสุด นุ้ยที่“พยายาม”เปิดใจ ก็เริ่มเห็นใจและเข้าใจในตัวเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นความน่ารักที่ซ่อนอยู่ลึกมากกกก (เอาเข้าจริงเราว่า ที่เด่นเป็นน่ะ มันไม่พอจะเป็นแฟนใครจริงๆนะ) และยอมรับเค้าเป็นแฟน..
กลับกัน เด่นที่ทำแบบเดิมในสถานการณ์ที่นุ้ยไม่จำเป็นต้องพยายามเปิดใจ.. เห็นได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
เราชอบฉากนี้มากนะ เหมือนกลับมาตบหน้าคนดูที่กำลังอินกับความรักของสองคนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ตัวนุ้ยเอง เหมือนหนังตั้งใจจะโชว์ให้เห็นว่าการปรับเปลี่ยนมุมมอง(หรือการเปิดใจ) เป็นตัวแปรสำคัญต่อเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็น มุมมองที่มีต่อบุคคล ->เทียบพี่ท๊อปตอนร่ายมนต์ กับ เด่นตอนร่ายมนต์
หรือมุมมองที่มีต่อสถานะ ->เทียบตอนเด่นบอกเรื่องที่เค้าทำเพื่อนุ้ย ครั้งนึงถูกมองว่าน่ารัก ส่วนอีกครั้งถูกมองว่าโรคจิต
และฉากเฟลชแบ็คนี้แหละที่เฉลยว่าเด่นชัยจำเป็นแค่ไหนในการก่อน้ำแข็งให้เป็นรูปเป็นร่าง..ทั้งๆที่รู้ว่าพรุ่งนี้มันก็จะละลายหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
ตอนจบ
ขอชื่นชมที่กล้าจบแบบนี้ กล้าหาญมาก ด้วยบุคลิกของเด่นและนุ้ยทำให้มองไม่ออกเลยว่าถ้าไม่จบแบบนี้แล้วจะไปต่อยังไง
ในวันที่11กุมภานั้น นุ้ยมีแรงจูงใจให้ยอมรับรักเด่นหลายอย่าง ทั้ง“ความรู้สึก”โดนทิ้งจากพี่ท๊อปที่ฝังแน่นมาหลายปี(จนอยากฆ่าตัวตาย) และที่เชื่อว่าเป็นแฟนกับเด่นมาสามปี ถ้าลำพังแค่ความเอาใจใส่ของเด่นคงไม่พอ(ซึ่งก็ไม่พอจริงๆแหละ ดูได้จากฉากแฟลชแบค)
ถือว่าได้แหวกแนวเดิมๆ แต่ก็ยังคงความเป็นจีทีเอชอยู่มาก เส้นเรื่องชัดเจนดี แต่เรียบง่ายไปหน่อย เดาเรื่องง่าย แอบผิดหวังไม่น้อย
เก็บตก
-ชื่อ “ท๊อป” กับ “เด่น” พ้องความหมายแต่กลับกลายเป็นคนละขั้ว ..ขึ้นกับการให้ความสำคัญของคนที่รับสารจริงๆ
..ใครจะไปรู้ อาจจะมีคนแบบเด่นที่มองเด่นเหมือนเด่นมองนุ้ยอยู่ก็ได้
-สำหรับนุ้ยและเด่นแล้ว ..หิมะมันสวยงามแต่ไม่คงทน มีไว้ให้มองไม่ใช่ครอบครอง ..พี่ท๊อปและนุ้ยก็เช่นกัน(ตามลำดับ)
สุดท้ายนี้ขอติง2ฉากที่มันไปไม่สุด
ฉากขยี้อารมณ์ตอนท้ายๆที่นุ้ยพร่ำเพ้อว่าไม่อยากจะเชื่อว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นอะไรกับพี่ท๊อป แอบเสียดายที่มันดูไม่แพงที่ให้นุ้ยพูดทุกความรู้สึกออกมา ทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลย น่าจะใช้แค่ body language
ฉากวันรุ่งขึ้นที่เด่นสะเทือนใจกับการเก็บกวาดเทศกาลหิมะ แล้วตัดภาพไปเมื่อคืน เหมือนกระชากเราออกจากความอินนิดหน่อย ทั้งๆที่กำลังจะไหลไปกับอารมณ์ของเด่นแล้วเชียว
[CR] - รีวิว(สปอยล์) - แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว
-แฟนกันแค่วันเดียว-
ตัวละครเด่นชัย
หนุ่มเนิร์ดโลกส่วนตัวสูง ไร้ความมั่นใจ หน้าตาใช้ได้แต่introvert
บทนี้คนดูจะสงสาร (ไม่รู้ว่าคนดูควรรักตัวละครนี้มั้ย แต่เราไม่) เราว่าเต๋อเล่นดีมากที่ทำให้เราเชื่อว่ามีคนแบบนี้ คนที่พร้อมจะประทับใจใครก็ตามที่มองเห็นเค้า เป็นคนประเภทขาดการถูกสนใจมานานจนเรื้อรัง(ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมต้องการเป็นจุดสนใจ) ไม่แปลกใจที่เค้าจะเทใจให้นุ้ยง่ายๆ
เต๋อทำได้ดี เล่นละเอียดมาก ใช่..เรารำคาญเด่นชัยคนนี้ ใช่..เรารู้สึกเหมือนนุ้ยเวลาที่เค้าพูดกับเธอ(นั่นคือเงิบหนักมาก) และใช่..เราต้องอึดอัดใจที่จะอยู่ด้วยเหมือนที่นุ้ยเป็นแน่ๆ
แต่เต๋อนี่ให้แปลงโฉมยังไงก็ยังมีความสูงและสไตล์ที่มองข้ามไม่ได้ ทำให้เราไม่เชื่อ100%ว่าเค้าถูกเมิน
เลยได้แต่เสียดายที่พี่โต้งไม่ยอมเอาหนุ่มโนเนมมาเล่น น่าจะอินกว่า
ตัวละครนุ้ย
นี่แหละผู้หญิงที่พอดี ทำให้เราเชื่อได้จริงๆว่าผู้หญิงแบบนี้แหละที่ผู้ชายจะชอบจนถึงขนาดที่ว่ายอมปีนเอเวอเรสต์ได้เพื่อเธอ
ผู้หญิงที่สวย..แบบไม่เกินไปนัก เป็นคนดี..แบบไม่เกินไปนัก เป็นคนทันสมัย..แบบไม่เกินไปนัก ทุกอย่างหล่อหลอมนุ้ยออกมาเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง เป็นเพอร์เฟคชั่นนิสต์ เธอก้าวให้ทันโลกที่หมุนเร็วอยู่เสมอ เห็นได้จากเสื้อผ้าหน้าผมตามสมัยนิยม การสะสมตุ๊กตา และการที่เธอยอมเป็นแฟนกับผู้ชายที่เพอร์เฟคอย่างพี่ท๊อป ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เธอไม่สมบูรณ์แบบ ด้วยเหตุนี้เธอจึงทั้งน่ารักและน่าเห็นใจไปพร้อมๆกัน
เห็นได้ชัดว่าบางครั้งนุ้ยมัวแต่ไล่ตามโลกจนลืมกลับมาดูแลตัวเอง ทั้งในเรื่องเล็กๆอย่างการจัดของส่วนตัวให้เป็นระบบระเบียบ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆอย่างชีวิตคู่
มิวตีบทแตกมาก นับเป็นส่วนที่ดีที่สุดของเรื่องนี้เลยทีเดียว #ปรบมือสิคะรออะไร
นิสัยของนุ้ยทำให้เราเชื่อว่าตัวละครนี้จะทำแบบนี้แหละ ขอชื่นชมความละเอียดในการแสดงของมิว การเขียนบทของผู้เขียนบท คอสตูม การกำกับของพี่โต้ง และทีมงานส่วนอื่นๆที่รังสรรค์ “นุ้ย” ขึ้นมา
วันหนึ่ง
เราชอบจุดเริ่มต้นของเรื่องนะ ที่เด่นตัดสินใจอยู่ดูแลนุ้ยต่อ มันแสดงให้เห็นความเนิร์ด ความแปลก และความรักที่เค้ามีให้นุ้ยได้หมดจดจริงๆ
และเอาเข้าจริงระฆังนั่นอาจจะไม่เกี่ยวอะไรเลยก็ได้ (..นี่ยังแอบคิดเล่นๆอยู่เลยว่าถ้าหนังเรื่องนี้บูม คงมีแต่คงแห่ไปตีระฆังนี่5555)
เหมือนที่เค้าว่ากันว่า99%คือเราขวนขวายพยายามเอง ส่วนอีก1%นั้นเป็นเรื่องของโชคชะตา
และเรื่องราวใน1วันนั้นที่หนังบรรจงปูความสัมพันธ์ของเด่นกับนุ้ย ก็ทำได้ดี ทำให้เชื่อได้สนิทใจว่าเออ นุ้ยมันจะทำแบบนี้แหละ เป็นแบบนี้แหละ รู้สึกแบบนี้แหละ
ท้ายสุด นุ้ยที่“พยายาม”เปิดใจ ก็เริ่มเห็นใจและเข้าใจในตัวเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นความน่ารักที่ซ่อนอยู่ลึกมากกกก (เอาเข้าจริงเราว่า ที่เด่นเป็นน่ะ มันไม่พอจะเป็นแฟนใครจริงๆนะ) และยอมรับเค้าเป็นแฟน..
กลับกัน เด่นที่ทำแบบเดิมในสถานการณ์ที่นุ้ยไม่จำเป็นต้องพยายามเปิดใจ.. เห็นได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
เราชอบฉากนี้มากนะ เหมือนกลับมาตบหน้าคนดูที่กำลังอินกับความรักของสองคนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ตัวนุ้ยเอง เหมือนหนังตั้งใจจะโชว์ให้เห็นว่าการปรับเปลี่ยนมุมมอง(หรือการเปิดใจ) เป็นตัวแปรสำคัญต่อเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็น มุมมองที่มีต่อบุคคล ->เทียบพี่ท๊อปตอนร่ายมนต์ กับ เด่นตอนร่ายมนต์
หรือมุมมองที่มีต่อสถานะ ->เทียบตอนเด่นบอกเรื่องที่เค้าทำเพื่อนุ้ย ครั้งนึงถูกมองว่าน่ารัก ส่วนอีกครั้งถูกมองว่าโรคจิต
และฉากเฟลชแบ็คนี้แหละที่เฉลยว่าเด่นชัยจำเป็นแค่ไหนในการก่อน้ำแข็งให้เป็นรูปเป็นร่าง..ทั้งๆที่รู้ว่าพรุ่งนี้มันก็จะละลายหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
ตอนจบ
ขอชื่นชมที่กล้าจบแบบนี้ กล้าหาญมาก ด้วยบุคลิกของเด่นและนุ้ยทำให้มองไม่ออกเลยว่าถ้าไม่จบแบบนี้แล้วจะไปต่อยังไง
ในวันที่11กุมภานั้น นุ้ยมีแรงจูงใจให้ยอมรับรักเด่นหลายอย่าง ทั้ง“ความรู้สึก”โดนทิ้งจากพี่ท๊อปที่ฝังแน่นมาหลายปี(จนอยากฆ่าตัวตาย) และที่เชื่อว่าเป็นแฟนกับเด่นมาสามปี ถ้าลำพังแค่ความเอาใจใส่ของเด่นคงไม่พอ(ซึ่งก็ไม่พอจริงๆแหละ ดูได้จากฉากแฟลชแบค)
ถือว่าได้แหวกแนวเดิมๆ แต่ก็ยังคงความเป็นจีทีเอชอยู่มาก เส้นเรื่องชัดเจนดี แต่เรียบง่ายไปหน่อย เดาเรื่องง่าย แอบผิดหวังไม่น้อย
เก็บตก
-ชื่อ “ท๊อป” กับ “เด่น” พ้องความหมายแต่กลับกลายเป็นคนละขั้ว ..ขึ้นกับการให้ความสำคัญของคนที่รับสารจริงๆ
..ใครจะไปรู้ อาจจะมีคนแบบเด่นที่มองเด่นเหมือนเด่นมองนุ้ยอยู่ก็ได้
-สำหรับนุ้ยและเด่นแล้ว ..หิมะมันสวยงามแต่ไม่คงทน มีไว้ให้มองไม่ใช่ครอบครอง ..พี่ท๊อปและนุ้ยก็เช่นกัน(ตามลำดับ)
สุดท้ายนี้ขอติง2ฉากที่มันไปไม่สุด
ฉากขยี้อารมณ์ตอนท้ายๆที่นุ้ยพร่ำเพ้อว่าไม่อยากจะเชื่อว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นอะไรกับพี่ท๊อป แอบเสียดายที่มันดูไม่แพงที่ให้นุ้ยพูดทุกความรู้สึกออกมา ทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลย น่าจะใช้แค่ body language
ฉากวันรุ่งขึ้นที่เด่นสะเทือนใจกับการเก็บกวาดเทศกาลหิมะ แล้วตัดภาพไปเมื่อคืน เหมือนกระชากเราออกจากความอินนิดหน่อย ทั้งๆที่กำลังจะไหลไปกับอารมณ์ของเด่นแล้วเชียว