ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นผู้ป่วยทางจิต จนมาถึงวันที่ความรู้สึกเริ่มมีแต่ความเครียด วิตตกกังวล รวมถึงการไม่ต้องการสนทนากับใครใดๆ
ผลกระทบจากจิตใจหลายๆด้าน เปลี่ยนผมจากคนร่าเริง กลางเป็นคนเศร้าหมองที่ นับวันๆสภาพจิตใจคิดวนอยู่แต่กับปัญหาและปมในชีวิต
เมื่อสถานการณ์หลาย ๆ อย่างในชีวิตสะสมมาเรื่อยๆ จนสมองไม่หลั่งสารความสุข ผมเข้ารับการรักษามาแล้วเป็นเวลากว่า 3 เดือน
ผมมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เมื่อตาปิดภาพความสับสนวุ่นวายในใจมันขึ้นมาเกินควบคุม
ผมไม่รู้ว่า คำว่าความสุขมันเป็นไง
การรับยาครั้งแรกที่หมอจ่าย เกิดเอฟเฟคอย่างมาก มันทำให้ผมอยากแต่จะล้มตัวนอนตลอดเวลาในเวลาทำงาน และปวดหัวมาก
หมอนัดครั้งที่สองผมได้รับการปรับยามันเหมือนจะดีขึ้นในวีคแรก แต่แล้ววีคที่สองผมเริ่มกลับมีอาการเครียดมากขึ้น มันเพิ่มความรุนแรงมาพร้อมอาการเกรงในเวลาที่ยานอนหลับกดประสาทให้ตาปิดแต่สมองนังคงมีความคิดไหลมาตลอดทั้งคืน
ผมตื่นมาด้วยความอ่อนเพลีย และรู้สึกล้าอบ่างเห็นได้ชัดจากสภาพร่างกายที่ดูอิดโรย
ผมแจ้งหมอในการพบแพทย์ครั้งที่สาม ได้รับการปรับยาอีกครั้ง ดูเหมื่อนอะไรๆ มันน่าจะดีขึ้น
แต่มันกลับทวีความรุนแรงของภาวะซึมเศร้ารวมถึงความเครียดในสมองผมทวีคูณมากขึ้น
ผมฝันร้ายตกใจตื่นเป็นระยะ รวมถึงประสาทหลอน ได้ยินเสียงคนเรียก ตะโกนใสจนสะดุ้งตื่น มันทำหให้การดำเนินชีวิตผมแน่ลงรมถึงสุขภาพที่ทรุด
ผมพบแพทย์อีกครั้งตามนัด และเล่าอาการให้แพทย์ฟัง ได้รับการปรับยาอีกครั้ง
ผมยังคงไม่รู้สึกดีขึ้นเพราะทุกเช้าที่ตื่นมาด้วยความอิดโรย ไม่อยากสนทนากับใคร ไม่มีสมาธิในการทำงาน ไม่แม้แต่จะอยากตอบคำถามใครรวมถึงพ่อกับแม่และแฟน ผมได้ยินคำถามแต่ปากผมไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
คนรอบข้างเสนอวิธีให้ผมบำบัดทั้งสวดมนต์ สมาธิ ออกกำลัง แต่ทำไมในหัวสมองผมมันคิดวนอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ ตลอดเวลา
ผมอยากหาทางออกกับสภาพจิตใจในสภาวะเช่นนี้
มาถึงวันที่ผมต้องพบจิตแพทย์ด้วย "โรคซึมเศร้า"
ผลกระทบจากจิตใจหลายๆด้าน เปลี่ยนผมจากคนร่าเริง กลางเป็นคนเศร้าหมองที่ นับวันๆสภาพจิตใจคิดวนอยู่แต่กับปัญหาและปมในชีวิต
เมื่อสถานการณ์หลาย ๆ อย่างในชีวิตสะสมมาเรื่อยๆ จนสมองไม่หลั่งสารความสุข ผมเข้ารับการรักษามาแล้วเป็นเวลากว่า 3 เดือน
ผมมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เมื่อตาปิดภาพความสับสนวุ่นวายในใจมันขึ้นมาเกินควบคุม
ผมไม่รู้ว่า คำว่าความสุขมันเป็นไง
การรับยาครั้งแรกที่หมอจ่าย เกิดเอฟเฟคอย่างมาก มันทำให้ผมอยากแต่จะล้มตัวนอนตลอดเวลาในเวลาทำงาน และปวดหัวมาก
หมอนัดครั้งที่สองผมได้รับการปรับยามันเหมือนจะดีขึ้นในวีคแรก แต่แล้ววีคที่สองผมเริ่มกลับมีอาการเครียดมากขึ้น มันเพิ่มความรุนแรงมาพร้อมอาการเกรงในเวลาที่ยานอนหลับกดประสาทให้ตาปิดแต่สมองนังคงมีความคิดไหลมาตลอดทั้งคืน
ผมตื่นมาด้วยความอ่อนเพลีย และรู้สึกล้าอบ่างเห็นได้ชัดจากสภาพร่างกายที่ดูอิดโรย
ผมแจ้งหมอในการพบแพทย์ครั้งที่สาม ได้รับการปรับยาอีกครั้ง ดูเหมื่อนอะไรๆ มันน่าจะดีขึ้น
แต่มันกลับทวีความรุนแรงของภาวะซึมเศร้ารวมถึงความเครียดในสมองผมทวีคูณมากขึ้น
ผมฝันร้ายตกใจตื่นเป็นระยะ รวมถึงประสาทหลอน ได้ยินเสียงคนเรียก ตะโกนใสจนสะดุ้งตื่น มันทำหให้การดำเนินชีวิตผมแน่ลงรมถึงสุขภาพที่ทรุด
ผมพบแพทย์อีกครั้งตามนัด และเล่าอาการให้แพทย์ฟัง ได้รับการปรับยาอีกครั้ง
ผมยังคงไม่รู้สึกดีขึ้นเพราะทุกเช้าที่ตื่นมาด้วยความอิดโรย ไม่อยากสนทนากับใคร ไม่มีสมาธิในการทำงาน ไม่แม้แต่จะอยากตอบคำถามใครรวมถึงพ่อกับแม่และแฟน ผมได้ยินคำถามแต่ปากผมไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
คนรอบข้างเสนอวิธีให้ผมบำบัดทั้งสวดมนต์ สมาธิ ออกกำลัง แต่ทำไมในหัวสมองผมมันคิดวนอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ ตลอดเวลา
ผมอยากหาทางออกกับสภาพจิตใจในสภาวะเช่นนี้