การขายของออนไลน์ยังคงเป็นช่องทางสร้างรายได้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งในกลุ่มของมนุษย์เงินเดือนทั่วไปที่มักทำกันเป็นอาชีพเสริม และกลุ่มสตาร์ทอัพที่อยากทดลองรูปแบบธุรกิจของตัวเอง เพราะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย และไม่ต้องใช้เงินทุนสูง แต่การก้าวเข้ามาในโลกของการทำธุรกิจก็ไม่ได้หอมหวานอย่างที่คิด เพราะมีเรื่องให้เราต้องพิจารณาให้รอบด้านมากมาย ซึ่งเรื่องเงินก็ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย เราคงเคยเห็นบางร้านที่ขายดี แต่ผ่านไปสักสองสามปีกลับต้องปิดกิจการไป ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขาดสภาพคล่องนั่นเอง ดังนั้น เราจึงควรให้ความสำคัญกับการบริหารสภาพคล่อง 3 เรื่องด้วยกัน จะมีเรื่องอะไรบ้างและมีแนวทางในการจัดการสภาพคล่องอย่างไร K-Expert ได้รวบรวมมาฝากแล้วครับ
1. เจ้าหนี้การค้า
การที่เราจ่ายเงินซื้อวัตถุดิบในกรณีของการผลิตเพื่อขาย หรือจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ในกรณีซื้อมาขายไป หากจ่ายเป็นเงินสดก็ถือว่าเราไม่ได้ไม่เสียอะไร แต่หากจ่ายแบบผ่อนได้ ไม่ว่าจะเป็นการขอเครดิตจากคู่ค้าของเราหรือใช้บัตรเครดิตเป็นตัวดึงเวลาในการชำระเงินแล้วล่ะก็ ถือว่าเราสามารถรักษาเงินสดไว้กับตัวได้
2. วัตถุดิบและสินค้าในสต็อก
การเร่งผลิตสินค้าให้เสร็จเพื่อรอจำหน่ายในกรณีของการผลิตเพื่อขาย หรือการพยายามหมุนสต็อกสินค้าให้ขายออกไปได้อย่างรวดเร็ว หากสามารถทำได้ไว เราก็ไม่ต้องเอาเงินไปจมนานๆ ซึ่งจะเป็นผลดีกับเงินสดของกิจการนั่นเองครับ
3. ลูกหนี้การค้า
การเรียกเก็บเงินสดหลังจากที่ขายสินค้าได้ โดยทั่วไปการขายของออนไลน์มักไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องนี้สักเท่าไร เพราะลูกค้ามักเป็นรายย่อยและจ่ายเงินทันทีหรือก่อนการส่งมอบไม่กี่วัน แต่หากเราขายให้กับลูกค้ารายใหญ่ที่เขาขอเครดิตเงินเอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นเพราะนโยบายการรับประกันคืนเงินให้ลูกค้าปลายทาง หรือนโยบายตัดรอบจ่ายเงินก็ตาม ถือว่าเป็นการดึงเงินของเราออกไป
ดังนั้น หากเราสามารถชะลอการจ่ายเงินได้ หมุนสินค้าได้เร็ว และได้รับเงินก่อน ก็จะช่วยให้เราหมุนเงินได้อย่างไม่ขาดมือ
สำหรับแนวทางการจัดการสภาพคล่องร้านค้าออนไลน์สามารถทำได้โดย
• จ่ายค่าวัตถุดิบหรือสินค้าด้วยบัตรเครดิต เพราะวิธีนี้จะทำให้เราได้รับระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยในช่วง 15 ถึง 45 วัน ขึ้นอยู่กับว่าเราทำธุรกรรมกำหนดตัดรอบบิลในวันไหน
• ประเมินตลอดเวลาว่าสินค้าสต็อกมานานแค่ไหน หากมองว่าสินค้าบางอย่างปล่อยยากก็ควรทดลองปรับแก้หลายๆ อย่าง เช่น ถ่ายรูปสินค้าให้ดูน่าดึงดูดมากขึ้น โดยเทคนิคที่นิยมใช้กันมากคือ ถ่ายรูปสินค้านั้นแบบใช้งานจริงซึ่งจะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเห็นประโยชน์ของสินค้าอย่างชัดเจน นอกจากนี้ อาจใช้เทคนิค Cross-Selling คือแนะนำสินค้าที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ให้กับลูกค้า ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้มากขึ้น และยังทำให้ลูกค้าประทับใจอีกด้วย
• เปิดรับพรีออเดอร์ เป็นวิธีที่น่าสนใจสำหรับการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เพราะทำให้รู้ถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก่อน ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าบางรายอาจใช้วิธี Dropship คือเอาแค็ตตาล็อกมาวางขาย เมื่อมีคนซื้อจึงค่อยไปสั่งสินค้ามา ทำให้ลดความเสี่ยงในการสต็อกสินค้าลงได้
• ลดราคา เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมา รุนแรงและเด็ดขาด แต่อยากให้ใช้ในกรณีที่เรามีทางเลือกน้อยมากๆ แล้วเท่านั้น เพราะการลดราคาช่วยให้เราได้สภาพคล่องกลับมาก็จริง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเลือด (เงิน) ของเราเอง รวมถึงอาจเป็นการทำลายอุตสาหกรรมซื้อมาขายไปอีกด้วย จึงอยากให้ลองพิจารณาเรื่องการทำการตลาดและการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเป็นลำดับแรกๆ ก่อนครับ
เมื่อเห็นความสำคัญของการบริหารสภาพคล่อง และได้เทคนิคจัดการสภาพคล่องสำหรับร้านออนไลน์แล้ว ลองนำไปปรับใช้กันดูนะครับ เพื่อช่วยให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพเสริมหรือสตาร์ทอัพ การทำธุรกิจในช่วงแรกถือเป็นการทดลองอย่างหนึ่ง คือทดลองว่าโมเดลธุรกิจของเราจะเติบโตและทำกำไรได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ หากทำสำเร็จ เราเองก็จะสุขใจ แต่หากทำพลาดไปก็ยังได้รับความรู้และประสบการณ์ ถือว่าไม่มีอะไรเสียครับ
อ่านบทความเกี่ยวกับการสร้างอาชีพเสริมเพิ่มเติมได้ที่
http://k-expert.askkbank.com/Pages/Need-based16.aspx
เทคนิคจัดการสภาพคล่องสำหรับร้านออนไลน์
การขายของออนไลน์ยังคงเป็นช่องทางสร้างรายได้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งในกลุ่มของมนุษย์เงินเดือนทั่วไปที่มักทำกันเป็นอาชีพเสริม และกลุ่มสตาร์ทอัพที่อยากทดลองรูปแบบธุรกิจของตัวเอง เพราะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย และไม่ต้องใช้เงินทุนสูง แต่การก้าวเข้ามาในโลกของการทำธุรกิจก็ไม่ได้หอมหวานอย่างที่คิด เพราะมีเรื่องให้เราต้องพิจารณาให้รอบด้านมากมาย ซึ่งเรื่องเงินก็ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย เราคงเคยเห็นบางร้านที่ขายดี แต่ผ่านไปสักสองสามปีกลับต้องปิดกิจการไป ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขาดสภาพคล่องนั่นเอง ดังนั้น เราจึงควรให้ความสำคัญกับการบริหารสภาพคล่อง 3 เรื่องด้วยกัน จะมีเรื่องอะไรบ้างและมีแนวทางในการจัดการสภาพคล่องอย่างไร K-Expert ได้รวบรวมมาฝากแล้วครับ
1. เจ้าหนี้การค้า
การที่เราจ่ายเงินซื้อวัตถุดิบในกรณีของการผลิตเพื่อขาย หรือจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ในกรณีซื้อมาขายไป หากจ่ายเป็นเงินสดก็ถือว่าเราไม่ได้ไม่เสียอะไร แต่หากจ่ายแบบผ่อนได้ ไม่ว่าจะเป็นการขอเครดิตจากคู่ค้าของเราหรือใช้บัตรเครดิตเป็นตัวดึงเวลาในการชำระเงินแล้วล่ะก็ ถือว่าเราสามารถรักษาเงินสดไว้กับตัวได้
2. วัตถุดิบและสินค้าในสต็อก
การเร่งผลิตสินค้าให้เสร็จเพื่อรอจำหน่ายในกรณีของการผลิตเพื่อขาย หรือการพยายามหมุนสต็อกสินค้าให้ขายออกไปได้อย่างรวดเร็ว หากสามารถทำได้ไว เราก็ไม่ต้องเอาเงินไปจมนานๆ ซึ่งจะเป็นผลดีกับเงินสดของกิจการนั่นเองครับ
3. ลูกหนี้การค้า
การเรียกเก็บเงินสดหลังจากที่ขายสินค้าได้ โดยทั่วไปการขายของออนไลน์มักไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องนี้สักเท่าไร เพราะลูกค้ามักเป็นรายย่อยและจ่ายเงินทันทีหรือก่อนการส่งมอบไม่กี่วัน แต่หากเราขายให้กับลูกค้ารายใหญ่ที่เขาขอเครดิตเงินเอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นเพราะนโยบายการรับประกันคืนเงินให้ลูกค้าปลายทาง หรือนโยบายตัดรอบจ่ายเงินก็ตาม ถือว่าเป็นการดึงเงินของเราออกไป
ดังนั้น หากเราสามารถชะลอการจ่ายเงินได้ หมุนสินค้าได้เร็ว และได้รับเงินก่อน ก็จะช่วยให้เราหมุนเงินได้อย่างไม่ขาดมือ
สำหรับแนวทางการจัดการสภาพคล่องร้านค้าออนไลน์สามารถทำได้โดย
• จ่ายค่าวัตถุดิบหรือสินค้าด้วยบัตรเครดิต เพราะวิธีนี้จะทำให้เราได้รับระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยในช่วง 15 ถึง 45 วัน ขึ้นอยู่กับว่าเราทำธุรกรรมกำหนดตัดรอบบิลในวันไหน
• ประเมินตลอดเวลาว่าสินค้าสต็อกมานานแค่ไหน หากมองว่าสินค้าบางอย่างปล่อยยากก็ควรทดลองปรับแก้หลายๆ อย่าง เช่น ถ่ายรูปสินค้าให้ดูน่าดึงดูดมากขึ้น โดยเทคนิคที่นิยมใช้กันมากคือ ถ่ายรูปสินค้านั้นแบบใช้งานจริงซึ่งจะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเห็นประโยชน์ของสินค้าอย่างชัดเจน นอกจากนี้ อาจใช้เทคนิค Cross-Selling คือแนะนำสินค้าที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ให้กับลูกค้า ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้มากขึ้น และยังทำให้ลูกค้าประทับใจอีกด้วย
• เปิดรับพรีออเดอร์ เป็นวิธีที่น่าสนใจสำหรับการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เพราะทำให้รู้ถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก่อน ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าบางรายอาจใช้วิธี Dropship คือเอาแค็ตตาล็อกมาวางขาย เมื่อมีคนซื้อจึงค่อยไปสั่งสินค้ามา ทำให้ลดความเสี่ยงในการสต็อกสินค้าลงได้
• ลดราคา เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมา รุนแรงและเด็ดขาด แต่อยากให้ใช้ในกรณีที่เรามีทางเลือกน้อยมากๆ แล้วเท่านั้น เพราะการลดราคาช่วยให้เราได้สภาพคล่องกลับมาก็จริง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเลือด (เงิน) ของเราเอง รวมถึงอาจเป็นการทำลายอุตสาหกรรมซื้อมาขายไปอีกด้วย จึงอยากให้ลองพิจารณาเรื่องการทำการตลาดและการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเป็นลำดับแรกๆ ก่อนครับ
เมื่อเห็นความสำคัญของการบริหารสภาพคล่อง และได้เทคนิคจัดการสภาพคล่องสำหรับร้านออนไลน์แล้ว ลองนำไปปรับใช้กันดูนะครับ เพื่อช่วยให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพเสริมหรือสตาร์ทอัพ การทำธุรกิจในช่วงแรกถือเป็นการทดลองอย่างหนึ่ง คือทดลองว่าโมเดลธุรกิจของเราจะเติบโตและทำกำไรได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ หากทำสำเร็จ เราเองก็จะสุขใจ แต่หากทำพลาดไปก็ยังได้รับความรู้และประสบการณ์ ถือว่าไม่มีอะไรเสียครับ
อ่านบทความเกี่ยวกับการสร้างอาชีพเสริมเพิ่มเติมได้ที่ http://k-expert.askkbank.com/Pages/Need-based16.aspx