เราทำงานเป็นเลขาให้กับเจ้านายชาวต่างชาติมาได้ 10 ปีแล้วค่ะ นอกจากเลขาแล้วเรายังต้องดูแลเรื่องการสั่งซื้อสินค้าของบริษัทด้วยค่ะ โดยที่ให้อำนาจเราให้การตัดสินใจเรื่องปริมาณการสั่งซิ้อสำหรับสินค้าหลักของบริษัท แต่ถ้าเป็นสินค้าใหม่ที่ยังไม่มีฐานลูกค้าเจ้านายเราและฝ่ายขายจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องปริมาณ
เรื่องมีอยู่ว่าเจ้านายเราเป็นคนจู้จี้และจุกจิกมาก แถมไม่ค่อยไว้ใจใครด้วย แล้วตอนนี้บริษัทที่ทำอยู่กำลังขยายตัวค่ะ และก็มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องบ้างเนื่องจากลงทุนไปกับสต็อกสินค้าและปล่อยเครดิตให้ลูกค้าค่อนข้างนาน (ได้เครดิต 90 วันแต่นับตั้งแต่ส่งสินค้าออกจากโรงงานที่เยอรมัน ใช้การขนส่งทางเรือเวลาเดินทางจนของเข้าโกดังในไทยประมาณ 50 วัน ให้เครดิตลูกค้า 60 วันซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วยังระบบวางบิล รับเช็คของลูกค้าอีก กว่าจะเห็นเงินเข้าบัญชีก็ร่วม 4 เดือนเข้าไปแล้ว) ทำให้มองไม่ค่อยเห็นกำไรจากตัวเลขเงินคงเหลือในบัญชีเพราะต้องหมุนเงินไปจ่ายชำระค่าสินค้า เจ้านายเราเครียดอยากให้ยอดเงินในบัญชีเพิ่มขึ้นตามกำไรที่ขายได้ ทำให้คิดว่าที่บริษัทไม่มีเงินตามที่ควรเป็นเพราะเราทำงานพลาดเนื่องจากสั่งซื้อสินค้าเข้ามามากเกินไป (แต่ในความเป็นจริง dead stock ของที่บริษัทเรามีไม่ถึง 10% นะคะ และส่วนมากประมาณ 80% ของ dead stock จะมาจากสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อจะทำตลาดใหม่ แต่ไม่สามารถเจาะเข้าไปในฐานลูกค้าใหม่ได้)
ตอนนี้เจ้านายเลยควบคุมการทำงานของเราไปทุกสิ่งอย่าง (เจ้านายเราไม่ค่อยเข้าออฟฟิศ แต่โทรศัพท์ติดต่อเราเกิน 20 ครั้ง/วัน ช่วงพีคน้องที่ช่วยงานเราอยู่เคยนับให้เรารับสายจากเจ้านาย 37 ครั้งในวันเดียว) งานจากที่เยอะอยู่แล้วก็ยิ่งเยอะขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เพราะนอกจากงานส่วนเลขากับจัดซื้อที่ต้องทำแล้วเรายังต้องดูแลเรื่องการเงิน/ต้นทุนของบริษัทด้วย ซึ่งเราต้องให้รายละเอียดทุกเรื่องทุกอย่าง ถ้าเป็นเฉพาะเรื่องของเราก็ไม่เท่าไหร่ แต่นี่เราต้องรู้ความเคลื่อนไหวของทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเทคนิคที่อยู่ในห้องแล็บ เซลล์ที่ออกไปพบลูกค้า สโตร์ที่ทำเรื่องรับจ่ายสินค้า ว่าใครทำอะไร ยังไง ที่ไหน เมื่อไหร่ ตอนนี้เราเหนื่อยมากเพราะชั่วโมงทำงานเกือบ 12 ชั่วโมงทุกวัน ถ้าเป็นช่วงต้นเดือนที่ต้องส่งพวกตัวเลขต่างๆก็ยิ่งลากยาว
ตอนนี้เราทั้งเหนื่อย เบื่อ และอยากลาออกมากๆ เลยอยากฟังความคิดเห็นของเพื่อนๆค่ะว่าเราไม่อดทนเอง รึว่าเจ้านายเราเยอะเกินไปจริงๆ
ขอแชร์ความคิดเห็นงานด้านเลขาที่มีเจ้านายเรื่องเยอะหน่อยค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าเจ้านายเราเป็นคนจู้จี้และจุกจิกมาก แถมไม่ค่อยไว้ใจใครด้วย แล้วตอนนี้บริษัทที่ทำอยู่กำลังขยายตัวค่ะ และก็มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องบ้างเนื่องจากลงทุนไปกับสต็อกสินค้าและปล่อยเครดิตให้ลูกค้าค่อนข้างนาน (ได้เครดิต 90 วันแต่นับตั้งแต่ส่งสินค้าออกจากโรงงานที่เยอรมัน ใช้การขนส่งทางเรือเวลาเดินทางจนของเข้าโกดังในไทยประมาณ 50 วัน ให้เครดิตลูกค้า 60 วันซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วยังระบบวางบิล รับเช็คของลูกค้าอีก กว่าจะเห็นเงินเข้าบัญชีก็ร่วม 4 เดือนเข้าไปแล้ว) ทำให้มองไม่ค่อยเห็นกำไรจากตัวเลขเงินคงเหลือในบัญชีเพราะต้องหมุนเงินไปจ่ายชำระค่าสินค้า เจ้านายเราเครียดอยากให้ยอดเงินในบัญชีเพิ่มขึ้นตามกำไรที่ขายได้ ทำให้คิดว่าที่บริษัทไม่มีเงินตามที่ควรเป็นเพราะเราทำงานพลาดเนื่องจากสั่งซื้อสินค้าเข้ามามากเกินไป (แต่ในความเป็นจริง dead stock ของที่บริษัทเรามีไม่ถึง 10% นะคะ และส่วนมากประมาณ 80% ของ dead stock จะมาจากสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อจะทำตลาดใหม่ แต่ไม่สามารถเจาะเข้าไปในฐานลูกค้าใหม่ได้)
ตอนนี้เจ้านายเลยควบคุมการทำงานของเราไปทุกสิ่งอย่าง (เจ้านายเราไม่ค่อยเข้าออฟฟิศ แต่โทรศัพท์ติดต่อเราเกิน 20 ครั้ง/วัน ช่วงพีคน้องที่ช่วยงานเราอยู่เคยนับให้เรารับสายจากเจ้านาย 37 ครั้งในวันเดียว) งานจากที่เยอะอยู่แล้วก็ยิ่งเยอะขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เพราะนอกจากงานส่วนเลขากับจัดซื้อที่ต้องทำแล้วเรายังต้องดูแลเรื่องการเงิน/ต้นทุนของบริษัทด้วย ซึ่งเราต้องให้รายละเอียดทุกเรื่องทุกอย่าง ถ้าเป็นเฉพาะเรื่องของเราก็ไม่เท่าไหร่ แต่นี่เราต้องรู้ความเคลื่อนไหวของทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเทคนิคที่อยู่ในห้องแล็บ เซลล์ที่ออกไปพบลูกค้า สโตร์ที่ทำเรื่องรับจ่ายสินค้า ว่าใครทำอะไร ยังไง ที่ไหน เมื่อไหร่ ตอนนี้เราเหนื่อยมากเพราะชั่วโมงทำงานเกือบ 12 ชั่วโมงทุกวัน ถ้าเป็นช่วงต้นเดือนที่ต้องส่งพวกตัวเลขต่างๆก็ยิ่งลากยาว
ตอนนี้เราทั้งเหนื่อย เบื่อ และอยากลาออกมากๆ เลยอยากฟังความคิดเห็นของเพื่อนๆค่ะว่าเราไม่อดทนเอง รึว่าเจ้านายเราเยอะเกินไปจริงๆ