ซินเดอเรลล่า
“...แล้วซินเดอเรลล่าก็สวมรองเท้าแก้วได้พอดี หลังจากนั้นพิธีเสกสมรสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรก็ถูกจัดขึ้น แขกผู้ทรงเกียรติรวมถึงเหล่าราษฎรทั้งปวงต่างเป็นสักขีพยานในรักครั้งนี้ และทั้งคู่ได้ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป”
“จบแล้วเหรอคะ คุณแม่”
เสียงเล็กใสของลูกแก้ว เด็กหญิงวัยห้าขวบที่กำลังนอนฟังอยู่เอ่ยถาม ลักษิกาปิดหนังสือวางมันไว้บนหัวเตียง เอื้อมมือไปหรี่แสงจากโคมไฟที่อยู่ใกล้กันก่อนที่จะเอนกายลงนอนข้างลูกสาว
“จบแล้วสิคะลูก ซินเดอเรลล่าได้แต่งงานกับเจ้าชายแล้วนี่จ๊ะ”
ห้องทั้งห้องถูกทาทับไปด้วยแสงสีส้มอ่อนๆ เธอส่งยิ้มหวานให้ลูกสาวตัวน้อยในอ้อมกอด สายตาเต็มไปด้วยความรักสุดหัวใจ
“แล้วหลังแต่งงานล่ะคะ ซินเดอเรลล่าจะเป็นยังไงต่อไป”
“ก็ต้องมีความสุขสิคะ เมื่อซินเดอเรลล่าได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก เธอจะต้องมีความสุขแน่นอน”
ลักษิกาตอบคำถามอย่างเอ็นดู อดอมยิ้มในความขี้สงสัยของเด็กน้อยไม่ได้ เธอลูบผมละเอียดนุ่มลื่นของลูกสาวอย่างรักใคร่
“ลูกแก้วเชื่อคุณแม่ค่ะว่าซินเดอเรลล่าจะมีความสุข”
“งั้นก็นอนได้แล้ว เจ้าหญิงของแม่”
ลักษิกาบรรจงหอมแก้มใสของลูกสาว กลิ่นแป้งที่เพิ่งปะให้หลังอาบน้ำหอมกรุ่นติดจมูก เธอลุกขึ้นนั่ง เลื่อนผ้าห่มที่ปกป้องลูกน้อยจากอากาศเย็นของเครื่องปรับอากาศให้สูงขึ้นอีกหน่อย
“คุณแม่ก็ต้องมีความสุขสินะคะ คุณแม่ได้แต่งงานกับคุณพ่อแล้ว ก็ต้องมีความสุขตลอดไปเหมือนซินเดอเรลล่า”
เด็กหญิงพูดในขณะที่ดวงตากลมโตนั้นหลับไปแล้ว เธอไม่ตอบ ลูบหัวเจ้าหญิงตัวน้อยบนเตียงนอนอีกครั้งก่อนจะหยิบหนังสือนิทานที่เพิ่งอ่านเมื่อสักครู่จากหัวเตียงมาถือไว้ในมือ
หน้าปกหนังสือเล่มนั้นเป็นภาพหญิงสาวแสนสวยนามซินเดอเรลล่ายืนเคียงคู่กับเจ้าชายสูงศักดิ์ที่สุดแสนสง่างาม ปราสาทสีขาวอันยิ่งใหญ่และท้องฟ้าที่ถูกประดับประดาไปด้วยสายรุ้งเป็นฉากหลังดุจดั่งต้องการเฉลิมฉลองให้กับบุคคลทั้งสอง
ลักษิกาละสายตาจากหนังสือเหลียวไปมองกรอบรูปบนหัวเตียงข้างโคมไฟ ภาพชายคนหนึ่งอุ้มทารกเพศหญิงในอ้อมกอดโดยมีตัวของเธอเองนั่งอยู่เคียงข้าง ใบหน้าของบุคคลทั้งสองอาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี มันเป็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขขนาดที่สามารถส่งผ่านความอิ่มใจให้แก่ผู้ที่ได้มองภาพนั้น
ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานแล้วจะจบลงอย่างมีความสุขหรอกนะ
ก้อนสะอื้นจุกอยู่ที่อก เธอเก็บอีกคำตอบของซิลเดอเรลล่าไว้ในใจ ละสายตาจากรูปถ่ายกลับมายังลูกสาวก่อนน้ำใสที่เรื้ออยู่ขอบตาจะร่วงผล็อยลงมา
ลูกสาวของเธอหลับไปแล้ว หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ จังหวะหายใจสม่ำเสมอ รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏที่มุมปาก เด็กน้อยคงกำลังฝันดี
“ราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะ ลูกรัก”
............................................
ณ ดินแดนอันไกลโพ้น ที่แห่งนั้นยังมีปราสาทที่ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชั้นยอดของอาณาจักรจำนวนนับไม่ถ้วนจนมันงามวิจิตรหาที่ติมิได้ ปราสาทสีขาวยิ่งใหญ่ที่ยอดของมันแทงขึ้นจนสูงเสียดฟ้า กำแพงป้อมปราการที่โอบล้อมกินพื้นที่มากมายมหาศาลทั้งภูเขา บึงน้ำใส และสวนดอกไม้ไกลสุดลูกหูลูกตา
ซินเดอเรลล่านั่งอยู่ที่นั่น หน้าตาสะสวยและรูปร่างอ้อนแอ้นไม่ไหวติง นิ่งเงียบเนิ่นนานราวรูปสลักหิน สายตาทอดมองออกไปไกลสู่สวนดอกไม้
ราวจิตวิญญาณของนางกำลังหลุดลอยไปยังที่ไกลแสนไกล สู่โลกที่มีเพียงนางเท่านั้นที่ย่างกรายเข้าไปได้ ในบางครั้งคิ้วงามบนใบหน้าหมดจดก็ขมวดเข้าหากันและบางครั้งใบหน้านั้นก็เรียบเฉยจนน่ากลัว
แม้จะมีสาวใช้ประจำกายยืนเคียงข้างอยู่ถึงสองคน แต่แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถอ่านใจของซินเดอเรลล่าได้
“พระราชาเสด็จ...จจจ”
เสียงมหาดเล็กดังกังวานลากยาวประกาศการมาเยือนของเจ้าเหนือหัว สาวใช้ทั้งสองทรุดกายคุกเข่าลงกับพื้น ซินเดอเรลล่าหลุดจากภวังค์ลุกขึ้นยืนก่อนจะแสดงความเคารพเช่นกัน
“อยู่นี่เอง ซินเดอเรลล่า ไม่ต้องเกรงใจเรา เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”
หากนับจากวันที่ซินเดอเรลล่าสวมรองเท้าแก้วที่เจ้าชายนำมาตามหาหญิงในงานเต้นรำได้พอดีและได้เสกสมรสกัน นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว มันนานขนาดที่เจ้าชายหนุ่มในครั้งนั้นเติบใหญ่และได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากพระราชบิดา และซินเดอเรลล่าเองก็กลายเป็นราชินี
ร่างสูงสง่าก้าวเข้าไปหาพลางประคองแขนของนางที่กำลังจะย่อเข่าลงให้ลุกขึ้น
“ทำไมเจ้าถึงออกมาชมดอกไม้ที่นี่ล่ะ อากาศเย็นขนาดนี้จะไม่เป็นผลดีต่อทั้งเจ้าและลูกในครรภ์ของเรานะ รีบกลับเข้าข้างในเสียเถิด หากป่วยไปจะลำบาก”
“ค่ะ ต่อไปข้าพเจ้าจะระวังตัวให้มากกว่านี้...”
ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี ร่างของซินเดอเรลล่าก็ทรุดลงสู่พื้นไปต่อหน้าต่อตาทุกคน โลกรอบกายของนางหมุนคว้าง ตัวเบาไร้น้ำหนัก ใจสั่น หายใจหอบถี่ นางเห็นภาพใบหน้ารางๆ ของราชาและใครต่อใคร ได้ยินเสียงอื้ออึงที่ฟังไม่ได้ศัพท์
มันดูโกลาหล วุ่นวาย นางอยากตะโกนออกไปแต่ไม่สามารถทำได้ แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลงไป
หมอที่เก่งที่สุดในอาณาจักรถูกเรียกตัวโดยด่วนเพื่อตรวจอาการ ราชาเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย ในที่สุดหมอก็หยุดการตรวจรักษา
“ร่างกายราชินีอ่อนแอมาก ซ้ำยังต้องเจออากาศเย็นเป็นเวลานาน ตอนนี้เราไม่สามารถรักษาเด็กในครรภ์ไว้ได้แล้ว และที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้น ข้าพเจ้าเกรงว่าราชินีเองก็อาจจะไม่สามารถมีทายาทได้อีก”
สิ้นคำอธิบาย ทุกอย่างในห้องที่ดูสับสนวุ่นวายเมื่อสักครู่ก็กลับกลายเป็นเงียบเชียบราวไร้สิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่น
ในเวลานั้นใครต่อใครต่างก็คิดว่าราชาคงจะเสียใจมากกับข่าวที่เพิ่งได้รับฟัง สีหน้าที่แสดงออกคงระทมทุกข์และเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความเศร้าหมอง
แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น ใบหน้าของราชาไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา มันเรียบเฉยเสียจนไม่แน่ใจว่านั่นคือใบหน้าแห่งความเศร้าโศกเสียใจ หรือนั่นคือใบหน้าแห่งความโกรธเกลียดกันแน่
หรือว่าแท้ที่จริงแล้วในใบหน้าเฉยชานั้นจะไม่มีความนัยอะไรอยู่เลย
ไร้คำพูดจา ไร้คำปลอบโยน ราชาเบือนหน้าและก้าวเดินออกจากห้องไปไม่เหลียวหลังกลับมามองซินเดอเรลล่าที่กำลังสะอื้นไห้อยู่บนเตียง
และตั้งแต่วันนั้นราชาก็ไม่เคยกลับมาหานางอีกเลย
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า ไม่เคยมีใครในปราสาทเห็นหน้าซินเดอเรลล่าอีก นางหมกตัวอยู่ในห้อง ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนนิ่งๆ บนเตียง สายตาเหม่อลอยว่างเปล่า นางไม่พูด ไม่หัวเราะ ไม่ร้องไห้ ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา
หัวใจนางแตกสลายนับตั้งแต่ราชาที่รักยิ่งสุดหัวใจเดินจากไป
และตั้งแต่วันนั้นเช่นกัน ปราสาทใหญ่โตที่เคยดูเคร่งขรึมทรงอำนาจก็เปลี่ยนไป งานเลี้ยงรื่นเริงถูกจัดขึ้นไม่เคยเว้นแต่ละวัน ไม่มีวันใดที่ประตูทางเข้าจะไร้ผู้คนเดินเข้าออก และไม่เคยมีคืนใดที่ท้องพระโรงจะไร้เสียงหัวเราะและเสียงดนตรีครื้นเครง
ในขณะที่ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเหล่าบรรดาอิสตรีที่ถูกเกณฑ์มาให้ราชา แขกมีชื่อเสียงจากทั่วสารทิศ อาหารเลิศรส ไวน์ชั้นยอด และเสียงขับกล่อมรัญจวนใจ ซินเดอเรลล่ากลับนอนอยู่เพียงลำพังในห้องมืดทึบที่แสงจันทร์ถูกบดบังโดยเมฆฝน
เมื่อไร้ราชาเคียงข้างก็ไร้ซึ่งคนยำเกรง เมื่อไม่เป็นที่โปรดปรานก็ไร้คนพินอบพิเทา แม้จะได้ชื่อว่าเป็นราชินีแต่ก็หาได้มีคนเคารพดั่งเก่าก่อน แม้แต่สาวใช้ประจำกายก็ยังตีจากไปหานายใหม่
แม่และพ่อแท้ๆ ตายจากนางไป แม่เลี้ยงและพี่สาวบุญธรรมทั้งสองก็ถูกประหารเมื่อครั้งสมอ้างเป็นเจ้าของรองเท้าแก้ว และบัดนี้แม้แต่ชายที่นางฝากชีวิตไว้ก็กลับมาหันหลังให้ เขาทำลายความรักความหวังของนางเสียจนไม่เหลือชิ้นดี
ไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรอีกแล้วที่จะอยู่ในโลกอันว่างเปล่าใบนี้
ฟ้าแลบแปลบปลาบ เสียงร้องจากท้องฟ้าราวอสูรกายร้าย สายฟ้าฟาดคล้ายกรงเล็บที่รอขย้ำเหยื่อตัวน้อยที่บังเอิญพลัดหลงออกไป ซินเดอเรลล่าเดินไปตามทางเดินหินเย็นเฉียบในปราสาทโดยปราศจากสิ่งใดห่อหุ้มเท้าเปลือย แววตาเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
ละอองน้ำโปรยปรายก่อนที่สายลมคลั่งจะพาฝนห่าใหญ่กระหน่ำเทลงมา เสียงก้องกัมปนาทดังไม่ขาดสาย เนื้อตัวเปียกปอน ร่างกายสั่นสะท้านหนาวเหน็บ แต่ก็ไม่อาจทำให้ซินเดอเรลล่าสั่นคลอนได้ นางยังคงเดินต่อไป
บึงน้ำตรงหน้าช่างมืดมิดและปั่นป่วนเฉกเช่นเดียวกับใจของนาง จนถึงตอนนี้นางเองก็ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเหตุใดถึงทำให้นางต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
แต่มันไม่สำคัญอีกแล้ว
เท้าทั้งสองก้าวออกไปทีละก้าว ความเย็นเฉียบของแผ่นน้ำแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ แต่ก่อนที่จะได้เกิดอะไรต่อไป ฉับพลันนั้นแสงเรืองหม่นๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นห่างออกไปที่ใจกลางบึงน้ำ มันค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มซึ่งมีปีกสีดำงอกออกมาจากด้านหลัง
“ซินเดอเรลล่าเอ๋ย เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบทิ้งชีวิตหรอก ข้าจะให้เจ้าได้เห็นอะไรที่เจ้าไม่เคยได้รับรู้มาก่อน”
ภาพต่างๆ ไหลเข้าไปในสมองของซินเดอเรลล่าไม่ขาดสาย นางตกตะลึงกับเหตุการณ์ในมโนภาพ ไม่อยากคิดว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นเรื่องจริง น้ำตาที่เคยไหลอยู่ในอกพรั่งพรูออกมาจนเป็นสายเลือด ความคลางแคลงใจ โกรธเกลียด ปะทุออกมาทางแววตา นางกรีดร้องราวคนเสียสติ
“ภาพที่เจ้าเห็นคือความจริงทั้งหมด แค้นใช่มั้ย อยากให้คนๆ นั้นเจ็บปวดเหมือนเจ้ามั้ยล่ะ ขายวิญญาณให้ข้าสิ แล้วข้าจะให้อำนาจแก่เจ้า”
“ข้ายอมขายทุกอย่างของข้าเพื่อแลกกับทุกอย่างของคนผู้นั้นเช่นกัน”
แววตาที่เคยใสซื่อกลับกลายเป็นเกรี้ยวกราด กรามขบกันจนได้ยินเสียงกระทบของฟัน ชายปีกดำยิ้มรับคำสัญญา
“จงกลับไปที่ห้อง ตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่าจะต้องทำอะไร เมื่อเจ้าได้ตามที่ปรารถนาแล้ว จงกลับมาหาข้าที่นี่และทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้า”
ซินเดอเรลล่ากลับมาที่ห้องของนาง รินไวน์องุ่น ดื่มด่ำไปกับรสเปรี้ยวอมฝาดของเครื่องดื่มในถ้วย นางอาบน้ำ ทำผม แต่งตัวด้วยชุดที่สวยที่สุด ประดับเรือนกายด้วยเครื่องประดับที่งามที่สุด นางยิ้มให้กับหญิงงามในกระจกเงาตรงหน้า
แม่ทัพอันเกรียงไกรของอาณาจักรคือเป้าหมาย เขาถูกเชิญให้มางานสังสรรค์ในคืนนี้ ซินเดอเรลล่าลอบพบเขา ออดอ้อน หัวร่อต่อกระซิก นางใช้ทุกมารยาหญิงแก่ชายผู้แข็งแกร่งที่สุด และในคืนนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็จบลงที่ห้องนอนของนาง
อำนาจแห่งอิสตรีนั้นทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธใดๆ มันมีพลังครอบงำจิตใจ ไม่ว่าชายผู้นั้นจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งห้าวหาญเพียงใดก็ไม่อาจต้านทานเสน่ห์แห่งสตรีได้
และเพียงแค่คืนเดียวที่ทุกคนในปราสาทยังคงหลงระเริงไปกับงานรื่นเริง ไม่มีใครคาดคิดหรือระแวดระวังเลยว่าเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
ทั่วทั้งปราสาทถูกโอบล้อมโดยเหล่าทหารของแม่ทัพ ท้องพระโรงถูกปิดตาย และราชาก็ถูกจับกุมในขณะที่มือข้างหนึ่งยังคงถือถ้วยไวน์องุ่นอยู่ เหล่าทหารและข้าทาสบริวารในข้าเก่าทั้งหมดต่างยอมสยบให้แก่นายใหม่ทันที
ทุกอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ราชากลับกลายเป็นนักโทษเพียงเสี้ยววินาที เขาถูกคุมขังในห้องมืดส่วนที่ลึกที่สุดของปราสาท ด้วยความพลิกผันที่ไม่อาจยอมรับ ราชาซึ่งเคยเป็นนายเหนือหัวของทุกผู้ในอาณาจักรกลับกลายเป็นคนวิกลจริต
เขามักจะนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของห้องขัง พูดกับตัวเอง เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวโกรธเกรี้ยว ไร้ซึ่งความสง่างามสูงส่งอีกต่อไป
ในบางคืนที่ความเงียบสงัดเข้าครอบงำ จะมีผู้ได้ยินเสียงร้องโหยหวนราวอสูรกายดังมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของตัวปราสาทจนเป็นที่กล่าวขานกันสืบมาเรื่องปีศาจร้ายในคุกใต้ดิน
เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ซินเดอเรลล่ากลับมายังบึงน้ำดำมืด คืนนี้ลมสงบ ผืนน้ำนิ่งราวกระจก มันสะท้อนให้เห็นดวงจันทร์และดวงดาวบนฟากฟ้า ไฟแห่งความแค้นมอดลงแล้ว แต่ใจนางกลับไม่รู้สึกสงบดั่งเช่นผืนน้ำตรงหน้า
ซินเดอเรลล่า
“...แล้วซินเดอเรลล่าก็สวมรองเท้าแก้วได้พอดี หลังจากนั้นพิธีเสกสมรสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรก็ถูกจัดขึ้น แขกผู้ทรงเกียรติรวมถึงเหล่าราษฎรทั้งปวงต่างเป็นสักขีพยานในรักครั้งนี้ และทั้งคู่ได้ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป”
“จบแล้วเหรอคะ คุณแม่”
เสียงเล็กใสของลูกแก้ว เด็กหญิงวัยห้าขวบที่กำลังนอนฟังอยู่เอ่ยถาม ลักษิกาปิดหนังสือวางมันไว้บนหัวเตียง เอื้อมมือไปหรี่แสงจากโคมไฟที่อยู่ใกล้กันก่อนที่จะเอนกายลงนอนข้างลูกสาว
“จบแล้วสิคะลูก ซินเดอเรลล่าได้แต่งงานกับเจ้าชายแล้วนี่จ๊ะ”
ห้องทั้งห้องถูกทาทับไปด้วยแสงสีส้มอ่อนๆ เธอส่งยิ้มหวานให้ลูกสาวตัวน้อยในอ้อมกอด สายตาเต็มไปด้วยความรักสุดหัวใจ
“แล้วหลังแต่งงานล่ะคะ ซินเดอเรลล่าจะเป็นยังไงต่อไป”
“ก็ต้องมีความสุขสิคะ เมื่อซินเดอเรลล่าได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก เธอจะต้องมีความสุขแน่นอน”
ลักษิกาตอบคำถามอย่างเอ็นดู อดอมยิ้มในความขี้สงสัยของเด็กน้อยไม่ได้ เธอลูบผมละเอียดนุ่มลื่นของลูกสาวอย่างรักใคร่
“ลูกแก้วเชื่อคุณแม่ค่ะว่าซินเดอเรลล่าจะมีความสุข”
“งั้นก็นอนได้แล้ว เจ้าหญิงของแม่”
ลักษิกาบรรจงหอมแก้มใสของลูกสาว กลิ่นแป้งที่เพิ่งปะให้หลังอาบน้ำหอมกรุ่นติดจมูก เธอลุกขึ้นนั่ง เลื่อนผ้าห่มที่ปกป้องลูกน้อยจากอากาศเย็นของเครื่องปรับอากาศให้สูงขึ้นอีกหน่อย
“คุณแม่ก็ต้องมีความสุขสินะคะ คุณแม่ได้แต่งงานกับคุณพ่อแล้ว ก็ต้องมีความสุขตลอดไปเหมือนซินเดอเรลล่า”
เด็กหญิงพูดในขณะที่ดวงตากลมโตนั้นหลับไปแล้ว เธอไม่ตอบ ลูบหัวเจ้าหญิงตัวน้อยบนเตียงนอนอีกครั้งก่อนจะหยิบหนังสือนิทานที่เพิ่งอ่านเมื่อสักครู่จากหัวเตียงมาถือไว้ในมือ
หน้าปกหนังสือเล่มนั้นเป็นภาพหญิงสาวแสนสวยนามซินเดอเรลล่ายืนเคียงคู่กับเจ้าชายสูงศักดิ์ที่สุดแสนสง่างาม ปราสาทสีขาวอันยิ่งใหญ่และท้องฟ้าที่ถูกประดับประดาไปด้วยสายรุ้งเป็นฉากหลังดุจดั่งต้องการเฉลิมฉลองให้กับบุคคลทั้งสอง
ลักษิกาละสายตาจากหนังสือเหลียวไปมองกรอบรูปบนหัวเตียงข้างโคมไฟ ภาพชายคนหนึ่งอุ้มทารกเพศหญิงในอ้อมกอดโดยมีตัวของเธอเองนั่งอยู่เคียงข้าง ใบหน้าของบุคคลทั้งสองอาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี มันเป็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขขนาดที่สามารถส่งผ่านความอิ่มใจให้แก่ผู้ที่ได้มองภาพนั้น
ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานแล้วจะจบลงอย่างมีความสุขหรอกนะ
ก้อนสะอื้นจุกอยู่ที่อก เธอเก็บอีกคำตอบของซิลเดอเรลล่าไว้ในใจ ละสายตาจากรูปถ่ายกลับมายังลูกสาวก่อนน้ำใสที่เรื้ออยู่ขอบตาจะร่วงผล็อยลงมา
ลูกสาวของเธอหลับไปแล้ว หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ จังหวะหายใจสม่ำเสมอ รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏที่มุมปาก เด็กน้อยคงกำลังฝันดี
“ราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะ ลูกรัก”
............................................
ณ ดินแดนอันไกลโพ้น ที่แห่งนั้นยังมีปราสาทที่ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชั้นยอดของอาณาจักรจำนวนนับไม่ถ้วนจนมันงามวิจิตรหาที่ติมิได้ ปราสาทสีขาวยิ่งใหญ่ที่ยอดของมันแทงขึ้นจนสูงเสียดฟ้า กำแพงป้อมปราการที่โอบล้อมกินพื้นที่มากมายมหาศาลทั้งภูเขา บึงน้ำใส และสวนดอกไม้ไกลสุดลูกหูลูกตา
ซินเดอเรลล่านั่งอยู่ที่นั่น หน้าตาสะสวยและรูปร่างอ้อนแอ้นไม่ไหวติง นิ่งเงียบเนิ่นนานราวรูปสลักหิน สายตาทอดมองออกไปไกลสู่สวนดอกไม้
ราวจิตวิญญาณของนางกำลังหลุดลอยไปยังที่ไกลแสนไกล สู่โลกที่มีเพียงนางเท่านั้นที่ย่างกรายเข้าไปได้ ในบางครั้งคิ้วงามบนใบหน้าหมดจดก็ขมวดเข้าหากันและบางครั้งใบหน้านั้นก็เรียบเฉยจนน่ากลัว
แม้จะมีสาวใช้ประจำกายยืนเคียงข้างอยู่ถึงสองคน แต่แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถอ่านใจของซินเดอเรลล่าได้
“พระราชาเสด็จ...จจจ”
เสียงมหาดเล็กดังกังวานลากยาวประกาศการมาเยือนของเจ้าเหนือหัว สาวใช้ทั้งสองทรุดกายคุกเข่าลงกับพื้น ซินเดอเรลล่าหลุดจากภวังค์ลุกขึ้นยืนก่อนจะแสดงความเคารพเช่นกัน
“อยู่นี่เอง ซินเดอเรลล่า ไม่ต้องเกรงใจเรา เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”
หากนับจากวันที่ซินเดอเรลล่าสวมรองเท้าแก้วที่เจ้าชายนำมาตามหาหญิงในงานเต้นรำได้พอดีและได้เสกสมรสกัน นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว มันนานขนาดที่เจ้าชายหนุ่มในครั้งนั้นเติบใหญ่และได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากพระราชบิดา และซินเดอเรลล่าเองก็กลายเป็นราชินี
ร่างสูงสง่าก้าวเข้าไปหาพลางประคองแขนของนางที่กำลังจะย่อเข่าลงให้ลุกขึ้น
“ทำไมเจ้าถึงออกมาชมดอกไม้ที่นี่ล่ะ อากาศเย็นขนาดนี้จะไม่เป็นผลดีต่อทั้งเจ้าและลูกในครรภ์ของเรานะ รีบกลับเข้าข้างในเสียเถิด หากป่วยไปจะลำบาก”
“ค่ะ ต่อไปข้าพเจ้าจะระวังตัวให้มากกว่านี้...”
ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี ร่างของซินเดอเรลล่าก็ทรุดลงสู่พื้นไปต่อหน้าต่อตาทุกคน โลกรอบกายของนางหมุนคว้าง ตัวเบาไร้น้ำหนัก ใจสั่น หายใจหอบถี่ นางเห็นภาพใบหน้ารางๆ ของราชาและใครต่อใคร ได้ยินเสียงอื้ออึงที่ฟังไม่ได้ศัพท์
มันดูโกลาหล วุ่นวาย นางอยากตะโกนออกไปแต่ไม่สามารถทำได้ แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลงไป
หมอที่เก่งที่สุดในอาณาจักรถูกเรียกตัวโดยด่วนเพื่อตรวจอาการ ราชาเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย ในที่สุดหมอก็หยุดการตรวจรักษา
“ร่างกายราชินีอ่อนแอมาก ซ้ำยังต้องเจออากาศเย็นเป็นเวลานาน ตอนนี้เราไม่สามารถรักษาเด็กในครรภ์ไว้ได้แล้ว และที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้น ข้าพเจ้าเกรงว่าราชินีเองก็อาจจะไม่สามารถมีทายาทได้อีก”
สิ้นคำอธิบาย ทุกอย่างในห้องที่ดูสับสนวุ่นวายเมื่อสักครู่ก็กลับกลายเป็นเงียบเชียบราวไร้สิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่น
ในเวลานั้นใครต่อใครต่างก็คิดว่าราชาคงจะเสียใจมากกับข่าวที่เพิ่งได้รับฟัง สีหน้าที่แสดงออกคงระทมทุกข์และเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความเศร้าหมอง
แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น ใบหน้าของราชาไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา มันเรียบเฉยเสียจนไม่แน่ใจว่านั่นคือใบหน้าแห่งความเศร้าโศกเสียใจ หรือนั่นคือใบหน้าแห่งความโกรธเกลียดกันแน่
หรือว่าแท้ที่จริงแล้วในใบหน้าเฉยชานั้นจะไม่มีความนัยอะไรอยู่เลย
ไร้คำพูดจา ไร้คำปลอบโยน ราชาเบือนหน้าและก้าวเดินออกจากห้องไปไม่เหลียวหลังกลับมามองซินเดอเรลล่าที่กำลังสะอื้นไห้อยู่บนเตียง
และตั้งแต่วันนั้นราชาก็ไม่เคยกลับมาหานางอีกเลย
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า ไม่เคยมีใครในปราสาทเห็นหน้าซินเดอเรลล่าอีก นางหมกตัวอยู่ในห้อง ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนนิ่งๆ บนเตียง สายตาเหม่อลอยว่างเปล่า นางไม่พูด ไม่หัวเราะ ไม่ร้องไห้ ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา
หัวใจนางแตกสลายนับตั้งแต่ราชาที่รักยิ่งสุดหัวใจเดินจากไป
และตั้งแต่วันนั้นเช่นกัน ปราสาทใหญ่โตที่เคยดูเคร่งขรึมทรงอำนาจก็เปลี่ยนไป งานเลี้ยงรื่นเริงถูกจัดขึ้นไม่เคยเว้นแต่ละวัน ไม่มีวันใดที่ประตูทางเข้าจะไร้ผู้คนเดินเข้าออก และไม่เคยมีคืนใดที่ท้องพระโรงจะไร้เสียงหัวเราะและเสียงดนตรีครื้นเครง
ในขณะที่ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเหล่าบรรดาอิสตรีที่ถูกเกณฑ์มาให้ราชา แขกมีชื่อเสียงจากทั่วสารทิศ อาหารเลิศรส ไวน์ชั้นยอด และเสียงขับกล่อมรัญจวนใจ ซินเดอเรลล่ากลับนอนอยู่เพียงลำพังในห้องมืดทึบที่แสงจันทร์ถูกบดบังโดยเมฆฝน
เมื่อไร้ราชาเคียงข้างก็ไร้ซึ่งคนยำเกรง เมื่อไม่เป็นที่โปรดปรานก็ไร้คนพินอบพิเทา แม้จะได้ชื่อว่าเป็นราชินีแต่ก็หาได้มีคนเคารพดั่งเก่าก่อน แม้แต่สาวใช้ประจำกายก็ยังตีจากไปหานายใหม่
แม่และพ่อแท้ๆ ตายจากนางไป แม่เลี้ยงและพี่สาวบุญธรรมทั้งสองก็ถูกประหารเมื่อครั้งสมอ้างเป็นเจ้าของรองเท้าแก้ว และบัดนี้แม้แต่ชายที่นางฝากชีวิตไว้ก็กลับมาหันหลังให้ เขาทำลายความรักความหวังของนางเสียจนไม่เหลือชิ้นดี
ไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรอีกแล้วที่จะอยู่ในโลกอันว่างเปล่าใบนี้
ฟ้าแลบแปลบปลาบ เสียงร้องจากท้องฟ้าราวอสูรกายร้าย สายฟ้าฟาดคล้ายกรงเล็บที่รอขย้ำเหยื่อตัวน้อยที่บังเอิญพลัดหลงออกไป ซินเดอเรลล่าเดินไปตามทางเดินหินเย็นเฉียบในปราสาทโดยปราศจากสิ่งใดห่อหุ้มเท้าเปลือย แววตาเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
ละอองน้ำโปรยปรายก่อนที่สายลมคลั่งจะพาฝนห่าใหญ่กระหน่ำเทลงมา เสียงก้องกัมปนาทดังไม่ขาดสาย เนื้อตัวเปียกปอน ร่างกายสั่นสะท้านหนาวเหน็บ แต่ก็ไม่อาจทำให้ซินเดอเรลล่าสั่นคลอนได้ นางยังคงเดินต่อไป
บึงน้ำตรงหน้าช่างมืดมิดและปั่นป่วนเฉกเช่นเดียวกับใจของนาง จนถึงตอนนี้นางเองก็ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเหตุใดถึงทำให้นางต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
แต่มันไม่สำคัญอีกแล้ว
เท้าทั้งสองก้าวออกไปทีละก้าว ความเย็นเฉียบของแผ่นน้ำแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ แต่ก่อนที่จะได้เกิดอะไรต่อไป ฉับพลันนั้นแสงเรืองหม่นๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นห่างออกไปที่ใจกลางบึงน้ำ มันค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มซึ่งมีปีกสีดำงอกออกมาจากด้านหลัง
“ซินเดอเรลล่าเอ๋ย เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบทิ้งชีวิตหรอก ข้าจะให้เจ้าได้เห็นอะไรที่เจ้าไม่เคยได้รับรู้มาก่อน”
ภาพต่างๆ ไหลเข้าไปในสมองของซินเดอเรลล่าไม่ขาดสาย นางตกตะลึงกับเหตุการณ์ในมโนภาพ ไม่อยากคิดว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นเรื่องจริง น้ำตาที่เคยไหลอยู่ในอกพรั่งพรูออกมาจนเป็นสายเลือด ความคลางแคลงใจ โกรธเกลียด ปะทุออกมาทางแววตา นางกรีดร้องราวคนเสียสติ
“ภาพที่เจ้าเห็นคือความจริงทั้งหมด แค้นใช่มั้ย อยากให้คนๆ นั้นเจ็บปวดเหมือนเจ้ามั้ยล่ะ ขายวิญญาณให้ข้าสิ แล้วข้าจะให้อำนาจแก่เจ้า”
“ข้ายอมขายทุกอย่างของข้าเพื่อแลกกับทุกอย่างของคนผู้นั้นเช่นกัน”
แววตาที่เคยใสซื่อกลับกลายเป็นเกรี้ยวกราด กรามขบกันจนได้ยินเสียงกระทบของฟัน ชายปีกดำยิ้มรับคำสัญญา
“จงกลับไปที่ห้อง ตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่าจะต้องทำอะไร เมื่อเจ้าได้ตามที่ปรารถนาแล้ว จงกลับมาหาข้าที่นี่และทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้า”
ซินเดอเรลล่ากลับมาที่ห้องของนาง รินไวน์องุ่น ดื่มด่ำไปกับรสเปรี้ยวอมฝาดของเครื่องดื่มในถ้วย นางอาบน้ำ ทำผม แต่งตัวด้วยชุดที่สวยที่สุด ประดับเรือนกายด้วยเครื่องประดับที่งามที่สุด นางยิ้มให้กับหญิงงามในกระจกเงาตรงหน้า
แม่ทัพอันเกรียงไกรของอาณาจักรคือเป้าหมาย เขาถูกเชิญให้มางานสังสรรค์ในคืนนี้ ซินเดอเรลล่าลอบพบเขา ออดอ้อน หัวร่อต่อกระซิก นางใช้ทุกมารยาหญิงแก่ชายผู้แข็งแกร่งที่สุด และในคืนนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็จบลงที่ห้องนอนของนาง
อำนาจแห่งอิสตรีนั้นทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธใดๆ มันมีพลังครอบงำจิตใจ ไม่ว่าชายผู้นั้นจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งห้าวหาญเพียงใดก็ไม่อาจต้านทานเสน่ห์แห่งสตรีได้
และเพียงแค่คืนเดียวที่ทุกคนในปราสาทยังคงหลงระเริงไปกับงานรื่นเริง ไม่มีใครคาดคิดหรือระแวดระวังเลยว่าเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
ทั่วทั้งปราสาทถูกโอบล้อมโดยเหล่าทหารของแม่ทัพ ท้องพระโรงถูกปิดตาย และราชาก็ถูกจับกุมในขณะที่มือข้างหนึ่งยังคงถือถ้วยไวน์องุ่นอยู่ เหล่าทหารและข้าทาสบริวารในข้าเก่าทั้งหมดต่างยอมสยบให้แก่นายใหม่ทันที
ทุกอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ราชากลับกลายเป็นนักโทษเพียงเสี้ยววินาที เขาถูกคุมขังในห้องมืดส่วนที่ลึกที่สุดของปราสาท ด้วยความพลิกผันที่ไม่อาจยอมรับ ราชาซึ่งเคยเป็นนายเหนือหัวของทุกผู้ในอาณาจักรกลับกลายเป็นคนวิกลจริต
เขามักจะนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของห้องขัง พูดกับตัวเอง เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวโกรธเกรี้ยว ไร้ซึ่งความสง่างามสูงส่งอีกต่อไป
ในบางคืนที่ความเงียบสงัดเข้าครอบงำ จะมีผู้ได้ยินเสียงร้องโหยหวนราวอสูรกายดังมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของตัวปราสาทจนเป็นที่กล่าวขานกันสืบมาเรื่องปีศาจร้ายในคุกใต้ดิน
เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ซินเดอเรลล่ากลับมายังบึงน้ำดำมืด คืนนี้ลมสงบ ผืนน้ำนิ่งราวกระจก มันสะท้อนให้เห็นดวงจันทร์และดวงดาวบนฟากฟ้า ไฟแห่งความแค้นมอดลงแล้ว แต่ใจนางกลับไม่รู้สึกสงบดั่งเช่นผืนน้ำตรงหน้า