สวัสดีครับ นี่คือกระทู้แรกของผม การพาเที่ยวครั้งนี้เกิดจากความอยากขอผมล้วนๆ ไม่มีสปอนเซอร์ ไม่ใช่คนชอบเที่ยว ถ่ายรูปไม่เป็น แต่งรูปก็ไม่เป็นด้วยแต่ผมมีเรื่องหนักใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ความรู้สึกมันเลยบอกว่าให้ผมออกไปนอกบ้าน ไปตะโกนดังๆ
สักครั้ง ถึงจะไม่มีอะไรดีขึ้น แต่คงดีกว่านอนคิดมากอยู่บ้านคนเดียว เดี๋ยวมันจะฟุ้งซ่าน และอยากบันทึกไว้ให้แฟนใหม่ของผมรู้ว่าครั้งนี้ผมมาเที่ยวคนเดียว สนุกแต่เหงามากกก ไว้ผมจะพามานะครับ แต่ตอนนี้ไม่มีแฟนนนนนนนนนนนนนนน อิอิ ไปกันเลยครับ
"ทุ่งแสลงหลวง"
ก่อนวันเดินทางต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนครับ
กล้องที่ผมจะใช้ในทริปนี้คือ Fuji X-M1 ครับ ซื้อมานานแล้ว ไม่ค่อยได้ใช้เลย อย่างอื่นก็ตามภาพครับ
การเดินทางไปได้หลายเส้นทางครับรายละเอียดตาม Google น่าจะมีบอกอยู่ ตัวผมเองมาทำงานอยู่จังหวัดเพชรบูรณ์อยู่แล้ว เลยขอลุยด้วยมอ'ไซค์คันเล็ก ใช้เส้นทาง ถนน สระบุรี - หล่มสัก ผ่านตัวเมืองตรงไปเรื่อยๆ ผ่านองค์พระใหญ่ ผ่านเทศบาลตำบลนางั่วไปนิดนึง
จะเจอทางเลี้ยวซ้ายขึ้นเขาค้อก็เลี้ยวโลด
ช่วงที่ผมไปนี้ มีการปรับปรุงถนนบนเขาค้อเป็นถนน 4 เลน อยู่เป็นช่วงๆ ระมัดระวังในการเดินทางด้วยนะครับ
ถ้าให้บอกเส้นทางโดยระเอียดนะครับ เมื่อเลี้ยวเข้าเขาค้อมาแล้ว ให้ตรงมาเรื่อยๆครับ เจอแยกไหนก็ไม่ต้องเลี้ยว จะผ่านทางขึ้น
พระตำหนักเขาค้อ , สำนักงานอุทยานแห่งชาติเขาค้อ , แยกหนองแม่นา จนกว่าจะเจอป้ายทางเข้านี้ครับ (ง่ายปะ)
ตรงเข้ามาเลยครับ เริ่มรู้สึกได้ถึงความร่มรื่น
เข้ามาประมาน 1 กม. จะเจอด่านเก็บค่าทำเนียม บุคคลละ 40 บาท เอามอ'ไซค์ เข้าด้วยเพิ่มอีก 20 บาท (รถยนต์ไม่รู้นะครับลืมถามมา)
ถึงแล้วครับ ทุ่งแสลงหลวง
แล้วก็มาติดต่อขอกางเต็นท์ที่สำนักงานอุทยาน และกรอกเอกสารนิดหน่อย เสียค่าธรรมเนียมอีก 30 บาท
เสร็จแล้วก็หาที่กางเต๊นท์เลยฮะ ... เอาตรงนี้แหละครับ ทำเลเหมาะมาก เห็นวิวแบบพาโนราม่า เลยทีเดียว ผมชอบมากเลยครับช่วงนี้นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก เงียบสงบสุดๆ แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยว
อยากอวดแรร์ไอเท็มอุปกรณ์แก้เหงา วิทยุทรานซิสเตอร์ แฮฟคุณยายของผมมาเองกับมือ
จัดแจงที่พักกางเต๊นท์เรียบร้อย นั่งพักฟังเพลงมองเหม่อไปที่ทุ่งหญ้าสะวันนาชิลๆ แป๊ปเดียวเท่านั้นแหละครับ เจ้าถิ่นมาทักทายเลย
ทีเดียว กวางครับ กวางจริงๆตัวเป็นๆไม่ใช่หมาแน่นอนสาบานเลย ผมยืนมองเธอนานมาก ประมาน 10 นาทีได้ ใกล้มากจริงๆครับ ใกล้ที่พักผมเลย ห่างกันประมานไม่เกิน 20 เมตร แต่ด้วยกล้องผมสมรรถนะไม่ดีเท่าไหร่ เลยซูมมาได้เท่านี้ครับ สังเกตุดีๆจะอยู่กลางภาพเลย
เมื่อน้องกวางเดินจากไป เราก็ขอเดินชมรอบๆสำนักงานอุทยานหน่อยละกัน
นี่แค่รัศมีรอบเต๊นท์ผมไม่เกิน 50 เมตรนะครับ ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ
ตรงนี้จะเป็นโซนบ้านพัก ราคาไม่แน่ใจเหมือนกัน ใครจะมาก็หาข้อมูลเอาเน้อ พักเป็นหมู่คณะน่าจะเหมาะครับ บรรยากาศใช้ได้
ช่วงนี้ร้านค้าสวัสดิการไม่เปิดจะเปิดช่วงไฮซีซั่น ใครจะซื้ออะไรต้องออกไปซื้อเองที่หมู่บ้านตรงทางเข้าน่ะ
แต่ที่นี้มีบริการให้เช่าเตาถ่าน 40 บาท ดีนะผมทำการบ้านมาแล้วไม่งั้นต้องลงไปซื้อของกินอีก.. แต่!! มีแต่เตาไม่มีถ่าน
ต้องลงไปซื้อถ่านจนได้ เจ็บใจจริงๆ
ผมวางโปรแกรมไว้ว่าจะไปชมแก่งวังน้ำเย็น , จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นศาลาดุสิตา และ ทุ่งนางพญาเมืองเลน แต่ก็อีกนั่นแหละ ช่วงนี้ทางอุทยานปิดปรับปรุงถนนไปแก่งวังน้ำเย็น เลยต้องตัดไป 1 เหลืออีก 2 เลยคิดว่าจะเช่าจักรยานปั่นไปชมสักหน่อย ทางอุทยานมีบริการ ชม.ละ 50 บาท วันละ 200
แต่!!! อีกแล้ว เนื่องจากถนนบางส่วนที่ผมจะใช้ ปิดปรับปรุง !!! ต้องอ้อมไปอีกด้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่กระซิบมาว่า ถ้าจะไปรถยนต์ต้อง 4x4 เลยสันนิษฐานว่าทางที่จะไปต้องหนัก !! ตัดสินใจ มอ'ไซค์เราเนี่ยแหละ ฝนก็ทำท่าจะตก แต่ไม่สนแล้ว หยิบเสื้อกันฝนแล้วลุย !!
ผมคิดถูกจริงๆ ที่ไม่ห้าวปั่นจักรยานมา ไม่งั้นผมร้องไห้ไป ปั่นไปแน่ๆ เนื่องจากช่วงนี้ยังอยู่ในหน้าฝนเส้นทางดินจะเละๆ
เป็นช่วงๆ บวกกับเนินสูงชันเป็นระยะๆถ้าคนไม่เคยปั่นจักรยาน แนะนำว่าอย่าครับ
ถนนเริ่มดีขึ้น 2 ข้างทางเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาสวยงามมาก
ระหว่างทางก็สวนกับ รถยนต์ , แก๊งนักบิดมอเตอร์ครอส , แก๊งนักปั่นอยู่บ้าง ซึ่งจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นศาลาดุสิตา จะห่างจากที่พัก 4 กม.
ส่วนทุ่งนางพญาเมืองเลน 14 กม. จะกิโลเมตร หรือกิโลแม้ว ต้องมาสัมผัสเองนะจ๊ะ
ถึงแล้ว จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นศาลาดุสิตา
เขาที่เห็นไกลๆนั้น "เขาย่า" ผมก็ไม่รู้จักหรอกได้ยินแก๊งนักปั่นเขาพูด อิอิ
เพื่อนบอกว่าชุดไม่เข้ากับป่าเล้ย 5555+ แต่ชุดไรก็แล้วแต่ ถ้ามาลุยแบบนี้ ใส่รองเท้าเดินป่ากางเกงขายาวจะดีมาก ป้องกันอันตรายจากสัตว์มีพิษ แมลงต่างๆ ทากดูดเลือดด้วย
ซึมซับบรรยากาศตรงนี้สักพัก ผมก็ตัดสินใจว่าจะไม่ไปทุ่งนางพญาเมืองเลนครับ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ไม่เคยไป ถ้าไปคนเดียวอาจเกิดเหตุฉุกเฉินรถเสีย เจอสัตว์ป่า หรืออุบัติเหตุ ซึ่งข้างในนั้นไม่มีสัญญานโทรศัพท์ตอนนั้นก็ บ่าย4โมงเย็นแล้ว กว่าจะไปกว่าจะกลับผมไม่เสี่ยงดีกว่าไว้โอกาสหน้าจะมาชมนะ
แต่ !! อีกแล้ว ผมกลับมาได้แพร๊พเดียว กำลังเตรียมก่อไฟหุงข้าว พี่ 2 คนเต๊นท์ใกล้ๆกันก็มาชวนขึ้นไปทุ่งนางพญาเมืองเลน กระบะ 4x4 ซะด้วย พลาดได้ที่ไหน แบบนี้ต้องโดนนนนน
แต่มันก็ยังมีแต่.. อีกแล้ว เราขึ้นมาได้จนเกือบจะถึงแล้วครับ ป้ายบอกทางชี้เป้าอีก 3 กม. ถึงทุ่งนางพญาเมืองเลน มาเจอรถของอีกกลุ่ม ติดโคลนขวางทางอยู่ จะแซงขึ้นไปก็ไม่ได้ จะถอยหลังกลับ ก็จะแล้งน้ำใจจนเกินไป ลงไปเข็นสิครับ 555555555+
ผมจะได้ขึ้นไปถึงทุ่งนางพญาเมืองเลนหรือไม่ และจะทำยังไงต่อไป รถข้างหน้าจะขึ้นได้ไหม เดี๋ยวมาต่อครับ
[CR] ไปปล่อยหัวใจ หรือไปผจญภัย ที่ทุ่งแสลงหลวง
สักครั้ง ถึงจะไม่มีอะไรดีขึ้น แต่คงดีกว่านอนคิดมากอยู่บ้านคนเดียว เดี๋ยวมันจะฟุ้งซ่าน และอยากบันทึกไว้ให้แฟนใหม่ของผมรู้ว่าครั้งนี้ผมมาเที่ยวคนเดียว สนุกแต่เหงามากกก ไว้ผมจะพามานะครับ แต่ตอนนี้ไม่มีแฟนนนนนนนนนนนนนนน อิอิ ไปกันเลยครับ
"ทุ่งแสลงหลวง"
ก่อนวันเดินทางต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนครับ
กล้องที่ผมจะใช้ในทริปนี้คือ Fuji X-M1 ครับ ซื้อมานานแล้ว ไม่ค่อยได้ใช้เลย อย่างอื่นก็ตามภาพครับ
การเดินทางไปได้หลายเส้นทางครับรายละเอียดตาม Google น่าจะมีบอกอยู่ ตัวผมเองมาทำงานอยู่จังหวัดเพชรบูรณ์อยู่แล้ว เลยขอลุยด้วยมอ'ไซค์คันเล็ก ใช้เส้นทาง ถนน สระบุรี - หล่มสัก ผ่านตัวเมืองตรงไปเรื่อยๆ ผ่านองค์พระใหญ่ ผ่านเทศบาลตำบลนางั่วไปนิดนึง
จะเจอทางเลี้ยวซ้ายขึ้นเขาค้อก็เลี้ยวโลด
ช่วงที่ผมไปนี้ มีการปรับปรุงถนนบนเขาค้อเป็นถนน 4 เลน อยู่เป็นช่วงๆ ระมัดระวังในการเดินทางด้วยนะครับ
ถ้าให้บอกเส้นทางโดยระเอียดนะครับ เมื่อเลี้ยวเข้าเขาค้อมาแล้ว ให้ตรงมาเรื่อยๆครับ เจอแยกไหนก็ไม่ต้องเลี้ยว จะผ่านทางขึ้น
พระตำหนักเขาค้อ , สำนักงานอุทยานแห่งชาติเขาค้อ , แยกหนองแม่นา จนกว่าจะเจอป้ายทางเข้านี้ครับ (ง่ายปะ)
ตรงเข้ามาเลยครับ เริ่มรู้สึกได้ถึงความร่มรื่น
เข้ามาประมาน 1 กม. จะเจอด่านเก็บค่าทำเนียม บุคคลละ 40 บาท เอามอ'ไซค์ เข้าด้วยเพิ่มอีก 20 บาท (รถยนต์ไม่รู้นะครับลืมถามมา)
ถึงแล้วครับ ทุ่งแสลงหลวง
แล้วก็มาติดต่อขอกางเต็นท์ที่สำนักงานอุทยาน และกรอกเอกสารนิดหน่อย เสียค่าธรรมเนียมอีก 30 บาท
เสร็จแล้วก็หาที่กางเต๊นท์เลยฮะ ... เอาตรงนี้แหละครับ ทำเลเหมาะมาก เห็นวิวแบบพาโนราม่า เลยทีเดียว ผมชอบมากเลยครับช่วงนี้นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก เงียบสงบสุดๆ แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยว
อยากอวดแรร์ไอเท็มอุปกรณ์แก้เหงา วิทยุทรานซิสเตอร์ แฮฟคุณยายของผมมาเองกับมือ
จัดแจงที่พักกางเต๊นท์เรียบร้อย นั่งพักฟังเพลงมองเหม่อไปที่ทุ่งหญ้าสะวันนาชิลๆ แป๊ปเดียวเท่านั้นแหละครับ เจ้าถิ่นมาทักทายเลย
ทีเดียว กวางครับ กวางจริงๆตัวเป็นๆไม่ใช่หมาแน่นอนสาบานเลย ผมยืนมองเธอนานมาก ประมาน 10 นาทีได้ ใกล้มากจริงๆครับ ใกล้ที่พักผมเลย ห่างกันประมานไม่เกิน 20 เมตร แต่ด้วยกล้องผมสมรรถนะไม่ดีเท่าไหร่ เลยซูมมาได้เท่านี้ครับ สังเกตุดีๆจะอยู่กลางภาพเลย
เมื่อน้องกวางเดินจากไป เราก็ขอเดินชมรอบๆสำนักงานอุทยานหน่อยละกัน
นี่แค่รัศมีรอบเต๊นท์ผมไม่เกิน 50 เมตรนะครับ ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ
ตรงนี้จะเป็นโซนบ้านพัก ราคาไม่แน่ใจเหมือนกัน ใครจะมาก็หาข้อมูลเอาเน้อ พักเป็นหมู่คณะน่าจะเหมาะครับ บรรยากาศใช้ได้
ช่วงนี้ร้านค้าสวัสดิการไม่เปิดจะเปิดช่วงไฮซีซั่น ใครจะซื้ออะไรต้องออกไปซื้อเองที่หมู่บ้านตรงทางเข้าน่ะ
แต่ที่นี้มีบริการให้เช่าเตาถ่าน 40 บาท ดีนะผมทำการบ้านมาแล้วไม่งั้นต้องลงไปซื้อของกินอีก.. แต่!! มีแต่เตาไม่มีถ่าน
ต้องลงไปซื้อถ่านจนได้ เจ็บใจจริงๆ
ผมวางโปรแกรมไว้ว่าจะไปชมแก่งวังน้ำเย็น , จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นศาลาดุสิตา และ ทุ่งนางพญาเมืองเลน แต่ก็อีกนั่นแหละ ช่วงนี้ทางอุทยานปิดปรับปรุงถนนไปแก่งวังน้ำเย็น เลยต้องตัดไป 1 เหลืออีก 2 เลยคิดว่าจะเช่าจักรยานปั่นไปชมสักหน่อย ทางอุทยานมีบริการ ชม.ละ 50 บาท วันละ 200
แต่!!! อีกแล้ว เนื่องจากถนนบางส่วนที่ผมจะใช้ ปิดปรับปรุง !!! ต้องอ้อมไปอีกด้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่กระซิบมาว่า ถ้าจะไปรถยนต์ต้อง 4x4 เลยสันนิษฐานว่าทางที่จะไปต้องหนัก !! ตัดสินใจ มอ'ไซค์เราเนี่ยแหละ ฝนก็ทำท่าจะตก แต่ไม่สนแล้ว หยิบเสื้อกันฝนแล้วลุย !!
ผมคิดถูกจริงๆ ที่ไม่ห้าวปั่นจักรยานมา ไม่งั้นผมร้องไห้ไป ปั่นไปแน่ๆ เนื่องจากช่วงนี้ยังอยู่ในหน้าฝนเส้นทางดินจะเละๆ
เป็นช่วงๆ บวกกับเนินสูงชันเป็นระยะๆถ้าคนไม่เคยปั่นจักรยาน แนะนำว่าอย่าครับ
ถนนเริ่มดีขึ้น 2 ข้างทางเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาสวยงามมาก
ระหว่างทางก็สวนกับ รถยนต์ , แก๊งนักบิดมอเตอร์ครอส , แก๊งนักปั่นอยู่บ้าง ซึ่งจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นศาลาดุสิตา จะห่างจากที่พัก 4 กม.
ส่วนทุ่งนางพญาเมืองเลน 14 กม. จะกิโลเมตร หรือกิโลแม้ว ต้องมาสัมผัสเองนะจ๊ะ
ถึงแล้ว จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นศาลาดุสิตา
เขาที่เห็นไกลๆนั้น "เขาย่า" ผมก็ไม่รู้จักหรอกได้ยินแก๊งนักปั่นเขาพูด อิอิ
เพื่อนบอกว่าชุดไม่เข้ากับป่าเล้ย 5555+ แต่ชุดไรก็แล้วแต่ ถ้ามาลุยแบบนี้ ใส่รองเท้าเดินป่ากางเกงขายาวจะดีมาก ป้องกันอันตรายจากสัตว์มีพิษ แมลงต่างๆ ทากดูดเลือดด้วย
ซึมซับบรรยากาศตรงนี้สักพัก ผมก็ตัดสินใจว่าจะไม่ไปทุ่งนางพญาเมืองเลนครับ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ไม่เคยไป ถ้าไปคนเดียวอาจเกิดเหตุฉุกเฉินรถเสีย เจอสัตว์ป่า หรืออุบัติเหตุ ซึ่งข้างในนั้นไม่มีสัญญานโทรศัพท์ตอนนั้นก็ บ่าย4โมงเย็นแล้ว กว่าจะไปกว่าจะกลับผมไม่เสี่ยงดีกว่าไว้โอกาสหน้าจะมาชมนะ
แต่ !! อีกแล้ว ผมกลับมาได้แพร๊พเดียว กำลังเตรียมก่อไฟหุงข้าว พี่ 2 คนเต๊นท์ใกล้ๆกันก็มาชวนขึ้นไปทุ่งนางพญาเมืองเลน กระบะ 4x4 ซะด้วย พลาดได้ที่ไหน แบบนี้ต้องโดนนนนน
แต่มันก็ยังมีแต่.. อีกแล้ว เราขึ้นมาได้จนเกือบจะถึงแล้วครับ ป้ายบอกทางชี้เป้าอีก 3 กม. ถึงทุ่งนางพญาเมืองเลน มาเจอรถของอีกกลุ่ม ติดโคลนขวางทางอยู่ จะแซงขึ้นไปก็ไม่ได้ จะถอยหลังกลับ ก็จะแล้งน้ำใจจนเกินไป ลงไปเข็นสิครับ 555555555+
ผมจะได้ขึ้นไปถึงทุ่งนางพญาเมืองเลนหรือไม่ และจะทำยังไงต่อไป รถข้างหน้าจะขึ้นได้ไหม เดี๋ยวมาต่อครับ