ความคิดเกิดจากการกระทำหรือการกระทำเกิดจากความคิด?
เมื่อบ่ายวันนี้ผมกำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ดังเช่นทุกวัน กำลังคิดทบทวนถึงเรื่องราวประกวดรางวัลว่า มากกว่ารางวัลที่เราได้มานั้น คือโอกาสในการพิสูจน์ตัวเอง ดังนั้นคำตอบที่ได้มาคือ เราอย่าไปคาดหวังกับรางวัลอะไรมากมายนัก มันก็เพียงการตัดสินจากกรรมการเพียงไม่กี่คน แต่งานเขียนของเรามันมีคุณค่ามากกว่านั้น
ซึ่งเราควรที่จะพึงพอใจจากผู้อ่านหลายๆสิบคนที่ให้คำวิพากย์วิจารณ์หรือคำตัดสิน เพราะที่สำคัญ งานเขียนที่ได้รางวัลที่หนึ่งอาจจะไม่ดีไปกว่ารางวัลที่สองหรือที่สามก็เป็นได้ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรเก็บเอามาคิดและกังวลจิตใจเราเลย อย่าไปจมปลักอยู่กับคำตัดสินเพียงไม่กี่คน ทั้งที่ผู้อ่านยังมีอีกหลายร้อยคนนั้นเอง
จากการที่นั่งคิดทบทวนอยู่ชั่วครู่คราว ก็มีเพื่อนแวะมาเยี่ยมเยียนที่ร้านกาแฟ เขาก็ได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบทุกครั้งที่ได้พบเจอ ผมก็ได้เล่าถึงผลประกาศรางวัลเมื่อสองวันก่อนให้เขา เราจึงมีคำถามและความคิดมากมายที่ถกเถียงกันถึงความสำเร็จในชีวิต
เพื่อนคนนี้มีความชอบหรือคลั่งไคล้เกี่ยวกับการทำอาหาร หากคำพูดที่เขาเปรยออกมาก็คือ 'ทำไมกูทำอะไรไม่เคยสำเร็จสักอย่างว่ะ ' เมื่อได้ยินแล้ว ผมไม่รู้จะตอบเขาอย่างไรกันดี เพราะความสำเร็จนั้น มันไม่ใช่จะถึงเป้าหมายกันง่ายๆ
"อย่าคิดอย่างเดียวมันช้า ลงมีปฏิบัติเลยจะเร็วกว่า"
เราทั้งสองก็ต่างหัวเราะเมื่อผมพูดคำนี้ออกมา เป็นเพราะผมเชื่อมั่นว่า หากเราไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างลงไป ก็ไม่มีวันเกิดผลทางความคิดเลย ผมจึงเปิดบทสัมภาษณ์ของสติฟ จ๊อปส์ 'Steve Jobs : The Lost Interview '
ซึ่งพิธีกรในรายการก็ได้ถามสติฟ จ๊อปส์ว่า ทำไมคุณถึงได้ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ และคุณมีความรู้ด้านการบริหารธุรกิจได้อย่างเก่งกาจมาอย่างไร ทั้งที่คุณไม่ได้เรียนมาหรือมีประสบการณ์ด้านทำธุรกิจมาก่อนเลย แต่เมื่อได้ฟังคำพูดที่เขาเอ่ยออกมา แทบจะหาคำตอบไม่ได้เลย
"หลังจากที่ทำธุรกิจนี้มาหลายปี ผมจึงถามตัวเองขึ้นมาว่า 'ทำไมถึงทำแบบนั้น' และคำตอบที่ได้มาทุกครั้งก็คือ 'ก็ทำไปอย่างนั้นเองแหละ' "
จากการที่ได้ฟังคำตอบ ผมก็ได้บอกเพื่อนไปว่า ในโลกนี้ไม่มีใครรู้เรื่องธุรกิจอย่างลึกซึ่งหรอก หากเราไม่เคยลงมือทำก็จะไม่มีวันรู้ว่า ธุรกิจมันมีขั้นตอนยากง่ายแค่ไหน โดยอย่างยิ่งสติฟ จ๊อปส์ เขาเพียงทำตามอย่างที่เขาตั้งใจ และไม่คิดว่ามันจะสำเร็จขึ้นมา ซึ่งก็เกิดขึ้นจากการกระทำอยู่ทุกวัน จึงเกิดประสบการณ์หรือเรียนรู้ธุรกิจอย่างเก่งกาจ โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
เมื่อได้ถกเถียงกันสักพักใหญ่ ก็นึกคำพูดจากเพื่อนอีกคนขึ้นมาว่า 'ความคิดเกิดจากการกระทำหรือการกระทำเกิดจากความคิด' ผมจึงถามเขาไป ซึ่งคำตอบที่ได้มาคือ การกระทำเกิดจากความคิด หรือง่ายๆก็คือ เราคิดก่อนจะลงมือทำอะไรสักอย่างนั้นเอง
ซึ่งคำตอบของผมเห็นแย้งกับเขาโดยสิ้นเชิง เพราะคำตอบที่ผมเลือกมานั้นก็คือ 'ความคิดเกิดจากการกระทำ' หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การที่จะมีความคิดอะไรสักอย่าง ก็เริ่มจากการลงมือทำก่อน หลังจากนั้นผมกับเขาก็โต้เถียงอย่างดุเดือด
มาถึงตรงนี้ ผมจะให้คำอธิบายว่า ทำไมความคิด จึงเกิดจากการกระทำก่อน ก็เพราะว่า ขบวนการนึกคิดนั้น มาจากสิ่งที่เราได้ลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า ทำไมเราจึงทำสิ่งนี้? หรือเราทำสิ่งนี้ขึ้นมาได้อย่างไรกัน? ซึ่งคำถามที่เรานึกคิดนั้น ก็มาจากการได้ลงมือกระทำแลัวนั่นเอง
ซึ่งเพื่อนผมก็เถียงผมกลับมาว่า มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิดเลย คำตอบที่เขาได้อธิบายขึ้นมาคือ การที่เราจะลงมือทำอะไรสักอย่างขึ้นมา มันก็มาจากการคิดไตร่ตรองแล้วว่า สิ่งๆนี้ที่เราจะลงมือทำ ก็มาจากความคิดของเราภายหลังนั่นแล้ว
เราโต้เถียงกันอย่างไม่มีบทสรุป ผมจึงยกตัวอย่างง่ายๆว่า ก่อนที่จะเป็นแก้วน้ำใบหนึ่งขึ้นมานั้น มาจากการกระทำหรือความคิดก่อน
ซึ่งผมก็อธิบายอีกครั้งว่า แน่นอน ก่อนที่จะเกิดแก้วน้ำสึกใบหนึ่ง มันก็ย่อมมาจากการกระทำสิ่งหนึ่งของเราก่อน ซึ่งการกระทำนั้น อาจจะมาจากการที่เราอยากดื่มน้ำขึ้นมา จึงเดินไปที่แอ่งน้ำ และเอามือตักน้ำซดดื่มอย่างนั้นอยู่ทุกๆวัน หลังจากที่ดื่มน้ำจากมือได้สักพัก ก็จึงเกิดปัญหาขึ้นมาว่า การที่ดื่มน้ำจากมือนั้น มันยากลำบาก ได้น้ำเพียงน้อยนิด ทั้งยังล้นมือและน้ำหกอีกเดียว
จากการดื่มน้ำด้วยมือนั้นเอง ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า เราจะทำอย่างไร ให้ตักน้ำได้ปริมาณครั้งละเยอะๆ แทมยังสามารถเก็บน้ำและไม่หกอีกเดียว ซึ่งจากการที่ตักน้ำด้วยมือ คือการลงมือกระทำ จึงเกิดความคิดแก้ปัญหาให้ดีขึ้นมาว่า เราควรจะผลิดสิ่งประดิษฐ์สักชิ้นหนึ่ง ก็คือแก้วน้ำที่เราใช้จนถงปัจจุบันนั่นเอง
ถึงตรงนี้ ความคิดที่จะทำอะไรสักอย่างให้เกิดผล ย่อมเกิดจากการลงมือทำก่อน เพราะว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะนึกคิดขึ้นมาว่า จะดื่มน้ำอย่างไรให้สะดวกและง่ายที่สุด ทั้งที่ไม่เคยทดลองทำมาก่อน หรืออีกนัยหนึ่ง เมื่อเรารู้สึกหิวกระหายน้ำขึ้นมา เป็นไปได้ไหม เมื่อเราไม่เคยรู้จักแก้วน้ำสักใบหนึ่งเลย และมีความคิดจินตนาการอยากประดิษฐ์แก้วสักใบ ซึ่งการเกิดขึ้นของแก้วน้ำ ย่อมมาจากการลองผิดลองถูก จากการเอาใบตองมาตักน้ำ หรือจากไม้ไผ่สักต้นหนึ่งก็เป็นได้
จึงให้คำตอบได้ว่า ก่อนจะเกิดความคิดมานั้น มันย่อมเกิดจากการลงมือทำ และเจอปัญหาให้คิดแก้ไข ส่วนความคิดที่อยากกระทำ มันเป็นความรู้สึก ซึ่งเป็นคนละเรื่องของเนื้อหาที่จะอธิบาย
ทั้งนี้ทั้งนั้น บทสรุปก็ยังคงคลุมเคลือไม่ชัดเจน ผมกับเพื่อนก็ให้คำตอบกลางๆว่า มันเป็นวัฏจักรที่หมุนเวียนเป็นวงกลม จากการกระทำก็จึงเกิดความคิด จากความคิดก็ทำให้เกิดการกระทำ ซึ่งสุดท้ายคำตอบก็เป็นที่ถกเถียงกันต่อไป
ปล. หากผู้ใดมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน สามารถมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันได้ครับ
ความคิดเกิดจากการกระทำหรือการกระทำเกิดจากความคิด?
เมื่อบ่ายวันนี้ผมกำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ดังเช่นทุกวัน กำลังคิดทบทวนถึงเรื่องราวประกวดรางวัลว่า มากกว่ารางวัลที่เราได้มานั้น คือโอกาสในการพิสูจน์ตัวเอง ดังนั้นคำตอบที่ได้มาคือ เราอย่าไปคาดหวังกับรางวัลอะไรมากมายนัก มันก็เพียงการตัดสินจากกรรมการเพียงไม่กี่คน แต่งานเขียนของเรามันมีคุณค่ามากกว่านั้น
ซึ่งเราควรที่จะพึงพอใจจากผู้อ่านหลายๆสิบคนที่ให้คำวิพากย์วิจารณ์หรือคำตัดสิน เพราะที่สำคัญ งานเขียนที่ได้รางวัลที่หนึ่งอาจจะไม่ดีไปกว่ารางวัลที่สองหรือที่สามก็เป็นได้ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรเก็บเอามาคิดและกังวลจิตใจเราเลย อย่าไปจมปลักอยู่กับคำตัดสินเพียงไม่กี่คน ทั้งที่ผู้อ่านยังมีอีกหลายร้อยคนนั้นเอง
จากการที่นั่งคิดทบทวนอยู่ชั่วครู่คราว ก็มีเพื่อนแวะมาเยี่ยมเยียนที่ร้านกาแฟ เขาก็ได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบทุกครั้งที่ได้พบเจอ ผมก็ได้เล่าถึงผลประกาศรางวัลเมื่อสองวันก่อนให้เขา เราจึงมีคำถามและความคิดมากมายที่ถกเถียงกันถึงความสำเร็จในชีวิต
เพื่อนคนนี้มีความชอบหรือคลั่งไคล้เกี่ยวกับการทำอาหาร หากคำพูดที่เขาเปรยออกมาก็คือ 'ทำไมกูทำอะไรไม่เคยสำเร็จสักอย่างว่ะ ' เมื่อได้ยินแล้ว ผมไม่รู้จะตอบเขาอย่างไรกันดี เพราะความสำเร็จนั้น มันไม่ใช่จะถึงเป้าหมายกันง่ายๆ
"อย่าคิดอย่างเดียวมันช้า ลงมีปฏิบัติเลยจะเร็วกว่า"
เราทั้งสองก็ต่างหัวเราะเมื่อผมพูดคำนี้ออกมา เป็นเพราะผมเชื่อมั่นว่า หากเราไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างลงไป ก็ไม่มีวันเกิดผลทางความคิดเลย ผมจึงเปิดบทสัมภาษณ์ของสติฟ จ๊อปส์ 'Steve Jobs : The Lost Interview '
ซึ่งพิธีกรในรายการก็ได้ถามสติฟ จ๊อปส์ว่า ทำไมคุณถึงได้ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ และคุณมีความรู้ด้านการบริหารธุรกิจได้อย่างเก่งกาจมาอย่างไร ทั้งที่คุณไม่ได้เรียนมาหรือมีประสบการณ์ด้านทำธุรกิจมาก่อนเลย แต่เมื่อได้ฟังคำพูดที่เขาเอ่ยออกมา แทบจะหาคำตอบไม่ได้เลย
"หลังจากที่ทำธุรกิจนี้มาหลายปี ผมจึงถามตัวเองขึ้นมาว่า 'ทำไมถึงทำแบบนั้น' และคำตอบที่ได้มาทุกครั้งก็คือ 'ก็ทำไปอย่างนั้นเองแหละ' "
จากการที่ได้ฟังคำตอบ ผมก็ได้บอกเพื่อนไปว่า ในโลกนี้ไม่มีใครรู้เรื่องธุรกิจอย่างลึกซึ่งหรอก หากเราไม่เคยลงมือทำก็จะไม่มีวันรู้ว่า ธุรกิจมันมีขั้นตอนยากง่ายแค่ไหน โดยอย่างยิ่งสติฟ จ๊อปส์ เขาเพียงทำตามอย่างที่เขาตั้งใจ และไม่คิดว่ามันจะสำเร็จขึ้นมา ซึ่งก็เกิดขึ้นจากการกระทำอยู่ทุกวัน จึงเกิดประสบการณ์หรือเรียนรู้ธุรกิจอย่างเก่งกาจ โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
เมื่อได้ถกเถียงกันสักพักใหญ่ ก็นึกคำพูดจากเพื่อนอีกคนขึ้นมาว่า 'ความคิดเกิดจากการกระทำหรือการกระทำเกิดจากความคิด' ผมจึงถามเขาไป ซึ่งคำตอบที่ได้มาคือ การกระทำเกิดจากความคิด หรือง่ายๆก็คือ เราคิดก่อนจะลงมือทำอะไรสักอย่างนั้นเอง
ซึ่งคำตอบของผมเห็นแย้งกับเขาโดยสิ้นเชิง เพราะคำตอบที่ผมเลือกมานั้นก็คือ 'ความคิดเกิดจากการกระทำ' หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การที่จะมีความคิดอะไรสักอย่าง ก็เริ่มจากการลงมือทำก่อน หลังจากนั้นผมกับเขาก็โต้เถียงอย่างดุเดือด
มาถึงตรงนี้ ผมจะให้คำอธิบายว่า ทำไมความคิด จึงเกิดจากการกระทำก่อน ก็เพราะว่า ขบวนการนึกคิดนั้น มาจากสิ่งที่เราได้ลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า ทำไมเราจึงทำสิ่งนี้? หรือเราทำสิ่งนี้ขึ้นมาได้อย่างไรกัน? ซึ่งคำถามที่เรานึกคิดนั้น ก็มาจากการได้ลงมือกระทำแลัวนั่นเอง
ซึ่งเพื่อนผมก็เถียงผมกลับมาว่า มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิดเลย คำตอบที่เขาได้อธิบายขึ้นมาคือ การที่เราจะลงมือทำอะไรสักอย่างขึ้นมา มันก็มาจากการคิดไตร่ตรองแล้วว่า สิ่งๆนี้ที่เราจะลงมือทำ ก็มาจากความคิดของเราภายหลังนั่นแล้ว
เราโต้เถียงกันอย่างไม่มีบทสรุป ผมจึงยกตัวอย่างง่ายๆว่า ก่อนที่จะเป็นแก้วน้ำใบหนึ่งขึ้นมานั้น มาจากการกระทำหรือความคิดก่อน
ซึ่งผมก็อธิบายอีกครั้งว่า แน่นอน ก่อนที่จะเกิดแก้วน้ำสึกใบหนึ่ง มันก็ย่อมมาจากการกระทำสิ่งหนึ่งของเราก่อน ซึ่งการกระทำนั้น อาจจะมาจากการที่เราอยากดื่มน้ำขึ้นมา จึงเดินไปที่แอ่งน้ำ และเอามือตักน้ำซดดื่มอย่างนั้นอยู่ทุกๆวัน หลังจากที่ดื่มน้ำจากมือได้สักพัก ก็จึงเกิดปัญหาขึ้นมาว่า การที่ดื่มน้ำจากมือนั้น มันยากลำบาก ได้น้ำเพียงน้อยนิด ทั้งยังล้นมือและน้ำหกอีกเดียว
จากการดื่มน้ำด้วยมือนั้นเอง ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า เราจะทำอย่างไร ให้ตักน้ำได้ปริมาณครั้งละเยอะๆ แทมยังสามารถเก็บน้ำและไม่หกอีกเดียว ซึ่งจากการที่ตักน้ำด้วยมือ คือการลงมือกระทำ จึงเกิดความคิดแก้ปัญหาให้ดีขึ้นมาว่า เราควรจะผลิดสิ่งประดิษฐ์สักชิ้นหนึ่ง ก็คือแก้วน้ำที่เราใช้จนถงปัจจุบันนั่นเอง
ถึงตรงนี้ ความคิดที่จะทำอะไรสักอย่างให้เกิดผล ย่อมเกิดจากการลงมือทำก่อน เพราะว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะนึกคิดขึ้นมาว่า จะดื่มน้ำอย่างไรให้สะดวกและง่ายที่สุด ทั้งที่ไม่เคยทดลองทำมาก่อน หรืออีกนัยหนึ่ง เมื่อเรารู้สึกหิวกระหายน้ำขึ้นมา เป็นไปได้ไหม เมื่อเราไม่เคยรู้จักแก้วน้ำสักใบหนึ่งเลย และมีความคิดจินตนาการอยากประดิษฐ์แก้วสักใบ ซึ่งการเกิดขึ้นของแก้วน้ำ ย่อมมาจากการลองผิดลองถูก จากการเอาใบตองมาตักน้ำ หรือจากไม้ไผ่สักต้นหนึ่งก็เป็นได้
จึงให้คำตอบได้ว่า ก่อนจะเกิดความคิดมานั้น มันย่อมเกิดจากการลงมือทำ และเจอปัญหาให้คิดแก้ไข ส่วนความคิดที่อยากกระทำ มันเป็นความรู้สึก ซึ่งเป็นคนละเรื่องของเนื้อหาที่จะอธิบาย
ทั้งนี้ทั้งนั้น บทสรุปก็ยังคงคลุมเคลือไม่ชัดเจน ผมกับเพื่อนก็ให้คำตอบกลางๆว่า มันเป็นวัฏจักรที่หมุนเวียนเป็นวงกลม จากการกระทำก็จึงเกิดความคิด จากความคิดก็ทำให้เกิดการกระทำ ซึ่งสุดท้ายคำตอบก็เป็นที่ถกเถียงกันต่อไป
ปล. หากผู้ใดมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน สามารถมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันได้ครับ