1. สมัคร & สัมภาษณ์
สวัสดีครับ แนะนำตัวสั้นๆว่าผมเป็นเด็กป.โท CMU สายคาบเส้น ตอนสมัครมหาวิทยาลัยผมโดนปฏิเสธ 6 ที่รวด และได้เป็นตัวสำรองที่นี่ที่เดียว โชคดีมีคนสละสิทธิ์ จึงได้มาเข้ามาเรียนครับ พอสมัครฝึกงานก็โดนปฏิเสธ >20 แห่ง ช่วงใกล้ๆสิ้นหวังอาจารย์ส่งอีเมลมาให้ภาควิชาว่ามีเพื่อนอยู่ที่ Microsoft Research(MSR) สำนักงานใหญ่ที่ Seattle(Redmond) กำลังรับสมัครเด็กฝึกงาน เนื่องจากผมตอบอีเมลภายใน 5 วินาทีจึงถูกเรียกสัมภาษณ์เป็นคนแรกๆ คำถามที่โดนคืองานวิจัยของพนักงานคนนึง(ซึ่งยังแก้ไม่ได้) คนสัมภาษณ์ต้องการจะวัดว่าเราชนกับปัญหาที่ยากมากอย่างไร ผมตอบไม่ได้เลยอ้อนวอนขอทำเป็นการบ้าน ใช้ท่าไม้ตายไม่นอนทั้งคืนชี้ข้อผิดพลาดของงานวิจัยเก่าๆและเสนอให้เอาทุกอย่างมายำกัน เค้าเลยประทับใจและให้โอกาสฝึกงานครับ
2. ผลิตภัณฑ์
ผมอยู่ในทีมที่พัฒนา Microsoft Pix [
https://itunes.apple.com/us/app/microsoft-pix/id1127910488?mt=8]
ไอเดียคือปกติถ่ายรูปทีละรูปแล้วไม่ค่อยสวย ก็ถ่ายเป็นสิบรูปซะเลย แล้วโปรแกรมจะเลือกรูปที่ดีที่สุดให้เอง ชี้แจงนิดนึงว่าระบบปัจจุบันที่เปิดให้ใช้งาน ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หวังว่าอัพเดตในอนาคตจะเอางานที่ผมทำมาใช้
3. การทำงาน
ผมได้คอกทำงานเล็กๆกับคอมเทพ(intel Xeon, ram 16GB, 2 จอ)มาใช้ในช่วงเดือนแรก พอเข้าเดือนที่สองงานเริ่มเข้มข้นขึ้น เลยได้ server ที่มี NVIDIA Titan X 8 ตัว (ราคาตัวละ >$1000) ใช้ไปมือสั่นไปกลัวทำพัง พอเดือนสุดท้ายหัวหน้ายกคอมของมือหนึ่งในวงการให้ใช้(แกลาออกกลับจีนไปทำ startup) รู้สึกซาบซึ้งถึงออร่า ปัญหาคือยิ่งคอมดียิ่งไม่มีข้ออ้าง หัวหน้าถามทุกวันว่าเสร็จยัง ทำไมคอมยังว่าง ยังคิดไรไม่ออกอีกเหรอ ซึ่งความรู้อันน้อยนิดของผมคิดไรออกนิดนึงก็น้ำตาไหลแล้ว การทำงานไม่มีเวลาตายตัว อยากเข้างานเที่ยงก็ได้ ถ้าทำงานเสร็จอยากกลับ 4 โมงก็ได้ ซึ่งช่วงแรกๆผมทำ 9.00am - 6.00pm ตามมารยาท แต่ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งเลิกดึกขึ้นเรื่อยๆเพราะทำไม่ทัน สัปดาห์สุดท้ายกลับเร็วคือ 5 ทุ่ม ฝันเป็นสมการเลข ฝึกงาน 3 เดือนได้ความรู้มากกว่าที่เรียนมาทั้งชีวิตเพราะได้จับปัญหาระดับโลกมากมาย แถมระหว่างทำงานหัวหน้าดูแลใกล้ชิด นัดคุยกันสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง แลกเปลี่ยนไอเดียและเสนอวิธีแก้ปัญหา หัวหน้าถึงกับลงมาช่วยเขียนโปรแกรมด้วยตัวเอง ซึ่งแอบตกใจและไม่เคยเจอมาก่อน ส่วนตัวผมคิดว่าการที่ได้รับความช่วยเหลือในจุดที่ยากมากทำให้งานเดินเร็วมาก ถ้าให้ผมแก้เองก็คงงมไปอีก 3-4 วัน
4. ค่าตอบแทน
เนื่องจากปกติ MSR จะจ้างแต่เด็กป.เอก ผมเลยได้เงินเดือนสูงกว่าเพื่อนที่ทำบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ(เพื่อนได้เงินเท่าวุฒิป.โท) เงินพิเศษนอกจากเงินเดือนมีค่าย้ายที่อยู่, ค่าเช่ารถ, ตั๋วเครื่องบิน, ค่าเดินทางจิปาถะ รวมแล้วฝึกงาน 12 สัปดาห์(หลังหักภาษี)ได้ประมาณทำบริษัทชั้นนำในไทย 2 ปี ช่วงใกล้ฝึกงานจบได้ Surface Book(~$1700) มาฟรี และได้ข้อเสนอให้ทำงานต่อหลังเรียนจบ คุ้มค่ามากที่กัดฟันอดหลับอดนอนครับ สำหรับค่าใช้จ่ายเสียค่าที่พัก $700/เดือน (อยู่ 2 คน), ทำกับข้าวเองเสียค่าอาหาร $300/เดือน นับว่าเก็บเงินได้มากพอสมควรครับ
สำหรับคนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเรียนต่อ, หางานทำที่อเมริกา, การทำงานใน MSR
ผมยินดีจะตอบในขอบข่ายที่ผมไม่โดนฟ้องครับ
แชร์ประสบการณ์ฝึกงานที่ Microsoft Research (Seattle)
สวัสดีครับ แนะนำตัวสั้นๆว่าผมเป็นเด็กป.โท CMU สายคาบเส้น ตอนสมัครมหาวิทยาลัยผมโดนปฏิเสธ 6 ที่รวด และได้เป็นตัวสำรองที่นี่ที่เดียว โชคดีมีคนสละสิทธิ์ จึงได้มาเข้ามาเรียนครับ พอสมัครฝึกงานก็โดนปฏิเสธ >20 แห่ง ช่วงใกล้ๆสิ้นหวังอาจารย์ส่งอีเมลมาให้ภาควิชาว่ามีเพื่อนอยู่ที่ Microsoft Research(MSR) สำนักงานใหญ่ที่ Seattle(Redmond) กำลังรับสมัครเด็กฝึกงาน เนื่องจากผมตอบอีเมลภายใน 5 วินาทีจึงถูกเรียกสัมภาษณ์เป็นคนแรกๆ คำถามที่โดนคืองานวิจัยของพนักงานคนนึง(ซึ่งยังแก้ไม่ได้) คนสัมภาษณ์ต้องการจะวัดว่าเราชนกับปัญหาที่ยากมากอย่างไร ผมตอบไม่ได้เลยอ้อนวอนขอทำเป็นการบ้าน ใช้ท่าไม้ตายไม่นอนทั้งคืนชี้ข้อผิดพลาดของงานวิจัยเก่าๆและเสนอให้เอาทุกอย่างมายำกัน เค้าเลยประทับใจและให้โอกาสฝึกงานครับ
2. ผลิตภัณฑ์
ผมอยู่ในทีมที่พัฒนา Microsoft Pix [https://itunes.apple.com/us/app/microsoft-pix/id1127910488?mt=8]
ไอเดียคือปกติถ่ายรูปทีละรูปแล้วไม่ค่อยสวย ก็ถ่ายเป็นสิบรูปซะเลย แล้วโปรแกรมจะเลือกรูปที่ดีที่สุดให้เอง ชี้แจงนิดนึงว่าระบบปัจจุบันที่เปิดให้ใช้งาน ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หวังว่าอัพเดตในอนาคตจะเอางานที่ผมทำมาใช้
3. การทำงาน
ผมได้คอกทำงานเล็กๆกับคอมเทพ(intel Xeon, ram 16GB, 2 จอ)มาใช้ในช่วงเดือนแรก พอเข้าเดือนที่สองงานเริ่มเข้มข้นขึ้น เลยได้ server ที่มี NVIDIA Titan X 8 ตัว (ราคาตัวละ >$1000) ใช้ไปมือสั่นไปกลัวทำพัง พอเดือนสุดท้ายหัวหน้ายกคอมของมือหนึ่งในวงการให้ใช้(แกลาออกกลับจีนไปทำ startup) รู้สึกซาบซึ้งถึงออร่า ปัญหาคือยิ่งคอมดียิ่งไม่มีข้ออ้าง หัวหน้าถามทุกวันว่าเสร็จยัง ทำไมคอมยังว่าง ยังคิดไรไม่ออกอีกเหรอ ซึ่งความรู้อันน้อยนิดของผมคิดไรออกนิดนึงก็น้ำตาไหลแล้ว การทำงานไม่มีเวลาตายตัว อยากเข้างานเที่ยงก็ได้ ถ้าทำงานเสร็จอยากกลับ 4 โมงก็ได้ ซึ่งช่วงแรกๆผมทำ 9.00am - 6.00pm ตามมารยาท แต่ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งเลิกดึกขึ้นเรื่อยๆเพราะทำไม่ทัน สัปดาห์สุดท้ายกลับเร็วคือ 5 ทุ่ม ฝันเป็นสมการเลข ฝึกงาน 3 เดือนได้ความรู้มากกว่าที่เรียนมาทั้งชีวิตเพราะได้จับปัญหาระดับโลกมากมาย แถมระหว่างทำงานหัวหน้าดูแลใกล้ชิด นัดคุยกันสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง แลกเปลี่ยนไอเดียและเสนอวิธีแก้ปัญหา หัวหน้าถึงกับลงมาช่วยเขียนโปรแกรมด้วยตัวเอง ซึ่งแอบตกใจและไม่เคยเจอมาก่อน ส่วนตัวผมคิดว่าการที่ได้รับความช่วยเหลือในจุดที่ยากมากทำให้งานเดินเร็วมาก ถ้าให้ผมแก้เองก็คงงมไปอีก 3-4 วัน
4. ค่าตอบแทน
เนื่องจากปกติ MSR จะจ้างแต่เด็กป.เอก ผมเลยได้เงินเดือนสูงกว่าเพื่อนที่ทำบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ(เพื่อนได้เงินเท่าวุฒิป.โท) เงินพิเศษนอกจากเงินเดือนมีค่าย้ายที่อยู่, ค่าเช่ารถ, ตั๋วเครื่องบิน, ค่าเดินทางจิปาถะ รวมแล้วฝึกงาน 12 สัปดาห์(หลังหักภาษี)ได้ประมาณทำบริษัทชั้นนำในไทย 2 ปี ช่วงใกล้ฝึกงานจบได้ Surface Book(~$1700) มาฟรี และได้ข้อเสนอให้ทำงานต่อหลังเรียนจบ คุ้มค่ามากที่กัดฟันอดหลับอดนอนครับ สำหรับค่าใช้จ่ายเสียค่าที่พัก $700/เดือน (อยู่ 2 คน), ทำกับข้าวเองเสียค่าอาหาร $300/เดือน นับว่าเก็บเงินได้มากพอสมควรครับ
สำหรับคนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเรียนต่อ, หางานทำที่อเมริกา, การทำงานใน MSR
ผมยินดีจะตอบในขอบข่ายที่ผมไม่โดนฟ้องครับ