ช่วงวันที่ 22-25 สิงหาคมนี้ ผมลาหยุด ตั้งใจจะพาภรรยาไปเที่ยวที่แม่ฮ่องสอน แต่เกิดมีธุระจำเป็นต้องไปที่จังหวัดแพร่ เมื่อเสร็จธุระแล้ว คุยกันว่าจะยังไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนอยู่หรือเปล่า ซึ่งจะต้องขับรถกลับเชียงใหม่ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วเดินทางไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน ใช้เวลาอีกเกือบ 5 ชั่วโมง ดูจะเหนื่อยเกินไป จึงตกลงกันว่าไปเที่ยวจังหวัดใกล้ ๆ แพร่นี่แล้วกัน ก็เลยเป็นที่มาของทริปเที่ยว จ.น่านในครั้งนี้ครับ ผมใช้เส้นทาง เชียงใหม่-ลำปาง-แพร่-น่าน ตามในแผนที่ครับ
จากแพร่ไปน่าน ถนนเป็น 2 เลน มีความคดเคี้ยวบ้าง แต่ไม่ชันนัก ถนนราดยางอย่างดี ขับสบาย ระยะทางประมาณ 99 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
เนื่องจากเป็นทริปแบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้า เลยต้องใช้เวลาขับรถวนหาที่พักกันอยู่สักพักหนึ่ง จนมาลงเอยที่ น่านลานนา เป็นโรงแรมขนาดเล็ก อยู่ด้านหลังวัดหัวข่วง ใกล้กับพิพิธภัณฑ์จังหวัดน่าน ใกล้กับวัดภูมินทร์ ข่วงคนเมืองที่จะมีการขายสินค้า อาหารพื้นเมืองทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ดังรูปในแผนที่ครับ
น่านลานนา เป็นโรงแรม 2 ชั้นขนาดเล็ก มีห้องประมาณ 10 ห้อง สอบถามผู้ดูแลเลยได้รู้ว่า เป็นโรงแรมเก่าแล้ว เพิ่งมารีโนเวทใหม่เมื่อไม่นานมานี้ มีที่จอดรถได้ 6 คัน
ระเบียงชั้นบน
ภายในห้อง มีทีวี ตู้เย็น ห้องน้ำมีน้ำอุ่น ไวไฟ (ไม่ค่อยเสถียรนัก) สภาพยังใหม่ดี
พอได้ที่พักแล้ว ตกเย็นก็ออกไปหาอาหารทานแถว ๆ ตลาดโต้รุ่ง ที่ชาวน่านเรียกว่า "กาดบน" ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย มีเรื่องขำ ๆ มาเล่า คือภรรยาผมคุ้นเคยกับภาษาเหนือสำเนียงเชียงใหม่ พอไปคุยกับพ่อค้าแม่ค้าที่พูดภาษาเหนือสำเนียงน่าน ปรากฏว่าภรรยาผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง น้องพ่อค้าก็เลยเปลี่ยนเป็นคุยด้วยภาษากลางไปเลย คนนึงพูดภาษาเชียงใหม่ คนนึงพูดภาษาน่าน แปบเดียวกลายเป็นคุยกันด้วยภาษากลางแทน
รุ่งเช้าวันถัดมา ผมตื่นแต่เช้าพากันไปเที่ยวตลาดเช้า ภาพบรรยากาศในตลาดเช้า
หาข้าวเช้าทานกันเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ขับรถไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตรงข้ามวัดภูมินทร์ เพื่อซื้อตั๋วรถรางนั่งชมเมือง
บรรยากาศยังครึ้ม ด้วยเมฆฝน มีฝนตกปรอย ๆ น่านอนอยู่ที่โรงแรมเป็นอย่างยิ่ง
มีร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกอยู่ติดกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
มองไปถนนฝั่งตรงกันข้าม ก็เป็นวัดภูมินทร์ซึ่งยังไม่มีนักท่องเที่ยวมาเลยสักคน คงเป็นเพราะยังเช้าอยู่
ด้วยความที่พวกเรามาเช้าเกินไป ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวยังไม่เปิดให้บริการ (เปิด 8.30 น.) เลยเดินข้ามถนนไปชมวัดภูมินทร์กัน
ภายในวิหารวัดภูมินทร์ ซึ่งสร้างโดยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน ช่วงปี พ.ศ. 2134-2156
ภาพปู่ม่านย่าม่าน "กระซิบรัก" ภายในฝาผนังวิหารวัด วาดโดย หนานบัวผัน ชาวไทลื้อ
ไหว้พระ ถ่ายภาพเสร็จ ก็เดินข้ามกลับไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซื้อตั๋วนั่งรถรางชมเมือง ในราคาคนละ 30 บาท รถรางจะออกตอน 10.30 น. มีเวลาเหลืออีกเกือบสองชั่วโมง เลยชวนกันไปเที่ยววัดพระธาตุเขาน้อย ตามเส้นทางในแผนที่
วันนั้นเมฆฝนครึ้ม ฝนตกปรอย ๆ ไปทั้งจังหวัด ภาพที่ถ่ายได้ก็เลยมัว ๆ หม่น ๆ หน่อย
ใช้เวลาอยู่ที่พระธาตุเขาน้อยได้สักพัก ก็กลับมารอขึ้นรถรางที่หน้าวัดภูมินทร์
พอสิบโมงครึ่ง ก็ขึ้นรถรางเตรียมตัววิ่งรอบเมือง บรรยากาศตอนนี้ท้องฟ้าใสสว่างแล้ว หน้าวัดภูมินทร์
รถรางวิ่งผ่านหน้าวัดหัวข่วง ซึ่งอยู่ด้านหน้าที่พักของเรา
วิ่งผ่านเมืองมาเรื่อย ๆ พร้อมกับน้องผู้บรรยาย บอกเล่าความเป็นมาของสถานที่ต่าง ๆ ให้เราได้ฟัง
แล้วมาจอดที่วัดสวนตาล
พระประธานในวิหารวัดสวนตาล
บ่อน้ำทิพย์ บริเวณหน้าวัด ซึ่งเป็นน้ำที่ใช้ประกอบในการทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา
[CR] บันทึกการเดินทาง กาลครั้งหนึ่ง ณ น่าน
จากแพร่ไปน่าน ถนนเป็น 2 เลน มีความคดเคี้ยวบ้าง แต่ไม่ชันนัก ถนนราดยางอย่างดี ขับสบาย ระยะทางประมาณ 99 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
เนื่องจากเป็นทริปแบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้า เลยต้องใช้เวลาขับรถวนหาที่พักกันอยู่สักพักหนึ่ง จนมาลงเอยที่ น่านลานนา เป็นโรงแรมขนาดเล็ก อยู่ด้านหลังวัดหัวข่วง ใกล้กับพิพิธภัณฑ์จังหวัดน่าน ใกล้กับวัดภูมินทร์ ข่วงคนเมืองที่จะมีการขายสินค้า อาหารพื้นเมืองทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ดังรูปในแผนที่ครับ
น่านลานนา เป็นโรงแรม 2 ชั้นขนาดเล็ก มีห้องประมาณ 10 ห้อง สอบถามผู้ดูแลเลยได้รู้ว่า เป็นโรงแรมเก่าแล้ว เพิ่งมารีโนเวทใหม่เมื่อไม่นานมานี้ มีที่จอดรถได้ 6 คัน
ระเบียงชั้นบน
ภายในห้อง มีทีวี ตู้เย็น ห้องน้ำมีน้ำอุ่น ไวไฟ (ไม่ค่อยเสถียรนัก) สภาพยังใหม่ดี
พอได้ที่พักแล้ว ตกเย็นก็ออกไปหาอาหารทานแถว ๆ ตลาดโต้รุ่ง ที่ชาวน่านเรียกว่า "กาดบน" ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย มีเรื่องขำ ๆ มาเล่า คือภรรยาผมคุ้นเคยกับภาษาเหนือสำเนียงเชียงใหม่ พอไปคุยกับพ่อค้าแม่ค้าที่พูดภาษาเหนือสำเนียงน่าน ปรากฏว่าภรรยาผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง น้องพ่อค้าก็เลยเปลี่ยนเป็นคุยด้วยภาษากลางไปเลย คนนึงพูดภาษาเชียงใหม่ คนนึงพูดภาษาน่าน แปบเดียวกลายเป็นคุยกันด้วยภาษากลางแทน
รุ่งเช้าวันถัดมา ผมตื่นแต่เช้าพากันไปเที่ยวตลาดเช้า ภาพบรรยากาศในตลาดเช้า
หาข้าวเช้าทานกันเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ขับรถไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตรงข้ามวัดภูมินทร์ เพื่อซื้อตั๋วรถรางนั่งชมเมือง
บรรยากาศยังครึ้ม ด้วยเมฆฝน มีฝนตกปรอย ๆ น่านอนอยู่ที่โรงแรมเป็นอย่างยิ่ง
มีร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกอยู่ติดกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
มองไปถนนฝั่งตรงกันข้าม ก็เป็นวัดภูมินทร์ซึ่งยังไม่มีนักท่องเที่ยวมาเลยสักคน คงเป็นเพราะยังเช้าอยู่
ด้วยความที่พวกเรามาเช้าเกินไป ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวยังไม่เปิดให้บริการ (เปิด 8.30 น.) เลยเดินข้ามถนนไปชมวัดภูมินทร์กัน
ภายในวิหารวัดภูมินทร์ ซึ่งสร้างโดยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน ช่วงปี พ.ศ. 2134-2156
ภาพปู่ม่านย่าม่าน "กระซิบรัก" ภายในฝาผนังวิหารวัด วาดโดย หนานบัวผัน ชาวไทลื้อ
ไหว้พระ ถ่ายภาพเสร็จ ก็เดินข้ามกลับไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซื้อตั๋วนั่งรถรางชมเมือง ในราคาคนละ 30 บาท รถรางจะออกตอน 10.30 น. มีเวลาเหลืออีกเกือบสองชั่วโมง เลยชวนกันไปเที่ยววัดพระธาตุเขาน้อย ตามเส้นทางในแผนที่
วันนั้นเมฆฝนครึ้ม ฝนตกปรอย ๆ ไปทั้งจังหวัด ภาพที่ถ่ายได้ก็เลยมัว ๆ หม่น ๆ หน่อย
ใช้เวลาอยู่ที่พระธาตุเขาน้อยได้สักพัก ก็กลับมารอขึ้นรถรางที่หน้าวัดภูมินทร์
พอสิบโมงครึ่ง ก็ขึ้นรถรางเตรียมตัววิ่งรอบเมือง บรรยากาศตอนนี้ท้องฟ้าใสสว่างแล้ว หน้าวัดภูมินทร์
รถรางวิ่งผ่านหน้าวัดหัวข่วง ซึ่งอยู่ด้านหน้าที่พักของเรา
วิ่งผ่านเมืองมาเรื่อย ๆ พร้อมกับน้องผู้บรรยาย บอกเล่าความเป็นมาของสถานที่ต่าง ๆ ให้เราได้ฟัง
แล้วมาจอดที่วัดสวนตาล
พระประธานในวิหารวัดสวนตาล
บ่อน้ำทิพย์ บริเวณหน้าวัด ซึ่งเป็นน้ำที่ใช้ประกอบในการทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา