พุกาม (Bagan) ทะเลย์เจดีย์กว่า 2,000 องค์ เดิมทีเคยมีมากถึงกว่า 4,000 องค์
แล้วยังมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับพันปีอีกด้วย
หลังจากที่มีข่าวว่าพม่าแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2559 เวลา 17.40 น. ตามเวลาบ้านเราโดยประมาณ
แต่ที่ประเทศพม่าจะช้ากว่าเราประมาณ 1 ชั่วโมง
พอได้ยินข่าวนี้ก็ทำเอาตกใจ และก็นึกอยู่ว่าที่พุกามจะมีผลกระทบอะไรด้วยมั้ย
และแล้วก็มีข่าวออกมาว่ามีเจดีย์เสียหายไปกว่า 66 องค์ เรานี่ทั้งเสียใจและเสียดายเลย
เชื่อว่าใครที่เคยไปเที่ยวพุกามน่าจะรู้สึกแบบเดียวกับเราเหมือนกันนะ
เพราะพอได้เห็นพุกามด้วยตาตัวเองแล้วก็รู้สึกหลงรักที่นี่เข้าจังๆ และถ้ามีโอกาศก็อยากจะไปเที่ยวทีนี่อีก
แต่ก็อย่างว่ามันเป็นอุบัตติเหตุ ที่เกิดจากธรรมชาติคงจะไม่มีใครอยากให้เกินขึ้น
ก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ขอให้พุกามอยู่ต่อไปอีกหลายพันปี สาธุ
วันนี้ก็เลยจะขอมารีวิวเมืองพุกามในแบบฉบับของเรา ข้อมูลหลักอิงมาจากหนังสือและอินเตอร์เน็ต
ผิดพลาดประการณ์ใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย สามารถทักท้วง และเพิ่มเติมข้อมูลได้ค่ะ
ช่วงที่เดินทางเป็นช่วงเดือน กรกฎาคม 2559 ค่ะ
วันที่ไปดันมีฝนตกลงมาช่วงเช้าๆสีท้องฟ้าเลยจะดูหม่นๆไปบ้าง
ช่วงนี้จะไม่มีบอลลูนให้เห็นนะคะ
เริ่มจากพุกาม พุกามเนี่ยมีประวัติศาสตร์ค่อนข้างจะยาวนานเป็นพันปีมาแล้ว
เดิมพุกามเป็นเมืองเล็กๆ จนถึงยุคของพระเจ้าอโนรธา โดยมีพระนิกายเถรวาทองค์นึงมาเผยแพร่ธรรมให้แก่พระเจ้าอโนรธา
ทำให้พระองค์เลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก จึงได้เดินทางเพื่อไปขอพระไตรปิฎกกับพระเจ้ามนูหะ ที่เมืองสะเทิม(มอญ)
แต่พระเจ้ามนูหะไม่ให้แถมต่อว่ากลับมาด้วย ทำให้พระเจ้าอโนรธาโกรธ จึงตีเมืองสะเทิมแตกและได้นำพระไตรปิฎก
รวมทั้ง พระ ช่างฝีมือดี และทาสอีกนับหมื่นกลับมาที่พุกาม ช่วงที่พระเจ้าอโนรธาครองราชย์นั้น (33 ปี)
พระพุทธศาสนาได้เจริญขึ้นมา และได้มีการปลูกสร้างเจดีย์ขึ้นมากมาย
เล่ากันว่าในสมัยรุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากกว่า 4,000 องค์ (ปัจจุบันเหลือประมาณ 2,000 กว่าองค์)
เพราะกษัตริย์ทุกองค์ล้วนมีความศัรทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากจึงนิยามสร้างเจดีย์
เพื่อสร้างเสริมศิริมงคลในรัชกาลของตยเอง เมื่อมาถึงยุคตกต่ำของพุกาม ตำนานเล่าว่า
ในยุคของพระเจ้านรสีหปติ ทรงให้สร้างเจดีย์ชื่อมิงกาลาเจดีย์ และได้เกิดมีคำทำนายว่า
ถ้าเจดีย์แห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อไหร่จะถึงจุดจบของพุกาม และหลังจากเจดีย์สร้างเสร็จได้ไม่นาน
กองทัพมองโกลก็เข้ามารุกรานพุกาม จนนำไปสู่ความล่มสลายของอาณาจักรพุกามและกลายเป็นเมืองร้างในที่สุด!!
เจดีย์ชเวสันดอว์ (shwesandaw pagoda)
จุดชมวิวที่ดีที่สุดอีกหนึ่งจุดสามารถมองเห็นทะเลเจดีย์ได้รอบ
คนนิยมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่เจดีย์แห่งนี้
เจดีย์สัพพัญญู (Thatbyinnyu Pagoda)
เจดีย์สัพพัญญูเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพุกาม ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะปิดไม่ให้ขึ้นไปแล้ว
ประวัติเจดีย์สัพพัญญู
ก่อสร้างขึ้นตั้งเเต่ พ.ศ. 1687 โดยกษัตริย์อลองสิตู ซึ่งเป็นการก่อสร้างขึ้นมาด้วยศิลปะในเเบบปาละของอินเดีย
จึงทำให้เจดีย์เเห่งนี้สามารถสร้างขึ้นได้สูงเป็นอย่างมาก เเละเป็นอีกหนึ่งเจดีย์ที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากในเมืองพุกาม
วัดอนันดา (Ananda temple)
วัดอนันดาเรียกได้ว่าเป็นเพชรน้ำเอกของพุทธศิลป์สกุลช่างพุกาม
ภายในวัดมีพระพุทธรูปที่พิเศษ คือถ้าเรายืนอยู่ไกลๆจะมองเห็นพระองค์นี้หน้ายิ้ม
ถ้ายืนอยู่ใกล้ๆจะมองเห็นหน้าองค์พระเป็นหน้าบึ้ง
ถือว่เป็นความเก่งของช่างที่สามารถสร้างมุมมองที่แตกต่างจากระยะการยืนมองพระพุทธรูป
ตอนนี้วัดนั้นได้บรูณะภายนอกวัดใหม่ (เหมือนจะเป็นวัดที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วย)
มองไกลๆพระจะยิ้ม
มองใกล้ๆพระจะหน้าบึ้ง
วิหารธรรมยันจี (Dham Ma Yang Yi)
เป็นวิหารที่ใหญ่มาก ไม่ว่าจะไปขึ้นเจดีย์ที่ไหนก็จะเห็นวิหารแห่งนี้
ตำนานเล่าว่า วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้านระธู สร้างขึ้นเพื่อต้องการจะล้างบาปที่ได้ฆ่า
พ่อและพี่ชายของตัวเอง เพื่อต้องการขึ้นครองราชย์
โดยการสร้างวิหารแห่งนี้อิฐทุกก้อนจะต้องวางกับแนบสนิทแม้แต่เข็มก็สอดผ่านไม่ได้
ถ้าช่างคนไหนวางอิฐไม่สนิทจะโดนตัดนิ้วทั้งสองข้าง เพราะพระองค์เชื่อว่าถ้ามีรูแม้แต่นิดเดียว
วิญญาณของพระองค์จะตกนรกอเวจี!!
แต่สุดท้ายวิหารแห่งนี้ก็สร้างไม่เสร็จ เพราะ พระองค์ถูกฆ่าตายเสียก่อน โดยกษัตริย์ แห่งอินเดีย
เพื่อเป็นการแก้แค้นให้พระราชธิดาของกษัตริย์อินเดีย ซึ่งถูกฆ่าโดยกษัตริย์นระธูพระสวามีของพระนางเอง
มุมใกล้ๆบ้าง
วิหารสุลามณี (Sulamani Temple)
วิหารนี้มีจุดเด่นคือ จิตรกรรมฝาผนัง
โครงสร้างวิหารด้านนอกอลังการด้วยฝีมือการก่ออิฐ
ที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในพุกาม
วิหารนี้สร้างโดยพระเจ้านระธู เหมือนกับวิหารธรรมยันจี
ตัวอย่าง จิตรกรรมฝาผนังภายในวัด
เจดีย์วิหารติโลมินโล (Htilominlo Temple)
สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระเจ้าติโลมินโล เหตุการณ์มีอยู่ว่า พระเจ้านรปติสิทธู
มีลูกชาย 5 คน และเลือกไม่ถูกว่าจะให้ใครขึ้นครองราชย์ เลยให้ฟ้าลิขิตผ่าน 'ฉัตร'
โดยให้ลูกชายทั้ง 5 คนนั่งล้อมวงและเอาฉัตรตั้งไว้ตรงกลาง
ถ้าฉัตรล้มไปทางใครคนนั้นก็ได้ขึ้นครองราชย์ไปเลย (คำว่า ติโลมินโล แปลว่า ฉัตรตั้ง)
ฉัตรนั้นได้ล้มไปทาง พระเจ้านันตางมยา และนี่คือสาเหตุที่พระองค์ได้นามใหม่ว่า 'ติโลมินโล'
เจดีย์บูราติ (Buradi pagoda)
ไม่ทราบประวัติอะไรเกี่ยวกับเจดีย์นี้นะคะ
เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเจดีย์ได้แบบ 360 องศา
เป็นเจดีย์ที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้
วัดมนูหะ (MANUHA TEMPLE)
ตำนานกล่าวเอาไว้ว่า พระเจ้ามนูหะ กษัตริย์ของมอญสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้น เมื่อพระองค์ตกเป็นเชลยของพระเจ้าอโนรธา
เมื่อครั้งที่พระเจ้าอโนรธาเข้าตี เมืองสะเทิม เมืองหลวงของชาวมอญ แล้วกวาดต้อนผู้คนมาที่พุกาม
เมื่อสะเทิมยอมแพ้กองทัพพม่า ได้พระไตรปิฎก จับพระเจ้ามนูหะใส่ตรวนทองคำ และจับข้าราชสำนักใส่หลังช้าง
พวกเชลยที่ถูกกวาดต้อนไปกรุงพุกามมีทั้งพระสงฆ์ นักปราชญ์ นักเขียนจารึกและคนงาน
จากหลักฐานระบุว่า พระเจ้ามนูหะและพระอัครมเหสีถูกคุมขังไว้ที่ มยินกาบา
พระเจ้าอโนรธาทรงมีพระราชานุญาติให้พระเจ้ามนูหะ สร้างวัดมนูหะขึ้น เพื่อทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศล
กษัตริย์มอญทรงระบายความรู้สึกใน ด้วยการให้สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่โตมากจนคับวิหาร
ขนาบข้างด้วยพุทธสาวก และถูกเรียกขานว่า “พระอึดอัด” มาจนถึงทุกวันนี้ เป็นการประชดพุกาม
ภาพของพระอึดอัด มองเห็นแล้วทำให้รู้สึกอึดอัดจริงๆ
รูปปั้นจำลองพระเจ้ามนูหะและพระมเหสี
เจดีย์บูพญา (Bupaya)
เจดีย์บูพญาเดิมเป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในพุกาม
แต่ในปี ค.ศ. 1975 เจดีย์องค์เดิมพังทลายลงทั้งหมด
ด้วยเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
เจดีย์ที่เห็นโดดเด่นบนริมฝั่งแม่น้ำเอยาวดีในปัจจุบัน
เป็นองค์ที่สร้างขึ้นมาใหม่แทนองค์เดิม
เจดีย์องค์นี้ เป็นหลักหมายของนักเดินเรือว่า
ถ้าเห็นเจดีย์บูพญา หมายถึงการเดินทางมาถึงพุกามแล้ว
ท่าเรือใกล้ๆกับ เจดีย์บูพญา
พระเจดีย์ชเวซิกอง( Shwezigon Pagoda )
ความหมายว่า "เจดีย์ที่ตั้งอยู่บนพื้นทราย" สร้างโดยพระเจ้าอโรรธามหาราช
กษัตริย์พม่าที่รวมอานาจักรพุกามได้เป็นปึกแผ่น ต่อมาพระเจ้าอโรรธามหาราชได้เจอชินอรหัน
พระผู้ที่นำพระพุทธศาสนามาเผยแพร่ในแผ่นดินนี้ พระเจ้าอโรรธามหาราชเลื่อมใสชินอรหันมาก
จึงส่งสาสน์ไปขออัญเชิญพระไตรปิฏก 30 คัมภีร์จากเมืองมอญ แต่พระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญไม่ยอมให้
พระเจ้าอโรรธามหาราชจึงยกทัพไปตีเมืองมอญและต้องช่างฝึมือของมอญมาสร้างวัดพระเจดีย์ชเวซิกอง
ที่วัดนี้จึงได้รับอิทธิพลศิลปวัฒนธรรมของมอญเต็มๆ
**วันที่ไปเจดีย์ได้บรูณะอยู่สีเลยไม่ทอง**
หลุมใส่น้ำเล็กๆหน้าพระเจดีย์ เมื่อเรามองเงาสะท้อนจะเห็นยอดพระเจดีย์พอดี
บรรยากาศรอบๆ ของเมืองพุกาม
ถนนหนทางในเมืองพุกาม สามารถเดินทางได้ทั้งจักรยาน จักรยานยนต์ รถยนต์หรือแม้กระทั่งรถม้า
เมืองพุกามเป็นเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน
เราเชื่อเลยว่าใครที่ได้ไปที่นี่ ต้องหลงรักกับสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
ลองไปเที่ยวกันดูนะคะ
สวัสดีค่ะ
[CR] พุกาม (Bagan) ดินแดนแห่งทะเลเจดีย์กว่า 2,000 องค์ เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี
แล้วยังมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับพันปีอีกด้วย
หลังจากที่มีข่าวว่าพม่าแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2559 เวลา 17.40 น. ตามเวลาบ้านเราโดยประมาณ
แต่ที่ประเทศพม่าจะช้ากว่าเราประมาณ 1 ชั่วโมง
พอได้ยินข่าวนี้ก็ทำเอาตกใจ และก็นึกอยู่ว่าที่พุกามจะมีผลกระทบอะไรด้วยมั้ย
และแล้วก็มีข่าวออกมาว่ามีเจดีย์เสียหายไปกว่า 66 องค์ เรานี่ทั้งเสียใจและเสียดายเลย
เชื่อว่าใครที่เคยไปเที่ยวพุกามน่าจะรู้สึกแบบเดียวกับเราเหมือนกันนะ
เพราะพอได้เห็นพุกามด้วยตาตัวเองแล้วก็รู้สึกหลงรักที่นี่เข้าจังๆ และถ้ามีโอกาศก็อยากจะไปเที่ยวทีนี่อีก
แต่ก็อย่างว่ามันเป็นอุบัตติเหตุ ที่เกิดจากธรรมชาติคงจะไม่มีใครอยากให้เกินขึ้น
ก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ขอให้พุกามอยู่ต่อไปอีกหลายพันปี สาธุ
วันนี้ก็เลยจะขอมารีวิวเมืองพุกามในแบบฉบับของเรา ข้อมูลหลักอิงมาจากหนังสือและอินเตอร์เน็ต
ผิดพลาดประการณ์ใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย สามารถทักท้วง และเพิ่มเติมข้อมูลได้ค่ะ
ช่วงที่เดินทางเป็นช่วงเดือน กรกฎาคม 2559 ค่ะ
วันที่ไปดันมีฝนตกลงมาช่วงเช้าๆสีท้องฟ้าเลยจะดูหม่นๆไปบ้าง
ช่วงนี้จะไม่มีบอลลูนให้เห็นนะคะ
เริ่มจากพุกาม พุกามเนี่ยมีประวัติศาสตร์ค่อนข้างจะยาวนานเป็นพันปีมาแล้ว
เดิมพุกามเป็นเมืองเล็กๆ จนถึงยุคของพระเจ้าอโนรธา โดยมีพระนิกายเถรวาทองค์นึงมาเผยแพร่ธรรมให้แก่พระเจ้าอโนรธา
ทำให้พระองค์เลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก จึงได้เดินทางเพื่อไปขอพระไตรปิฎกกับพระเจ้ามนูหะ ที่เมืองสะเทิม(มอญ)
แต่พระเจ้ามนูหะไม่ให้แถมต่อว่ากลับมาด้วย ทำให้พระเจ้าอโนรธาโกรธ จึงตีเมืองสะเทิมแตกและได้นำพระไตรปิฎก
รวมทั้ง พระ ช่างฝีมือดี และทาสอีกนับหมื่นกลับมาที่พุกาม ช่วงที่พระเจ้าอโนรธาครองราชย์นั้น (33 ปี)
พระพุทธศาสนาได้เจริญขึ้นมา และได้มีการปลูกสร้างเจดีย์ขึ้นมากมาย
เล่ากันว่าในสมัยรุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากกว่า 4,000 องค์ (ปัจจุบันเหลือประมาณ 2,000 กว่าองค์)
เพราะกษัตริย์ทุกองค์ล้วนมีความศัรทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากจึงนิยามสร้างเจดีย์
เพื่อสร้างเสริมศิริมงคลในรัชกาลของตยเอง เมื่อมาถึงยุคตกต่ำของพุกาม ตำนานเล่าว่า
ในยุคของพระเจ้านรสีหปติ ทรงให้สร้างเจดีย์ชื่อมิงกาลาเจดีย์ และได้เกิดมีคำทำนายว่า
ถ้าเจดีย์แห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อไหร่จะถึงจุดจบของพุกาม และหลังจากเจดีย์สร้างเสร็จได้ไม่นาน
กองทัพมองโกลก็เข้ามารุกรานพุกาม จนนำไปสู่ความล่มสลายของอาณาจักรพุกามและกลายเป็นเมืองร้างในที่สุด!!
เจดีย์ชเวสันดอว์ (shwesandaw pagoda)
จุดชมวิวที่ดีที่สุดอีกหนึ่งจุดสามารถมองเห็นทะเลเจดีย์ได้รอบ
คนนิยมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่เจดีย์แห่งนี้
เจดีย์สัพพัญญู (Thatbyinnyu Pagoda)
เจดีย์สัพพัญญูเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพุกาม ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะปิดไม่ให้ขึ้นไปแล้ว
ประวัติเจดีย์สัพพัญญู
ก่อสร้างขึ้นตั้งเเต่ พ.ศ. 1687 โดยกษัตริย์อลองสิตู ซึ่งเป็นการก่อสร้างขึ้นมาด้วยศิลปะในเเบบปาละของอินเดีย
จึงทำให้เจดีย์เเห่งนี้สามารถสร้างขึ้นได้สูงเป็นอย่างมาก เเละเป็นอีกหนึ่งเจดีย์ที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากในเมืองพุกาม
วัดอนันดา (Ananda temple)
วัดอนันดาเรียกได้ว่าเป็นเพชรน้ำเอกของพุทธศิลป์สกุลช่างพุกาม
ภายในวัดมีพระพุทธรูปที่พิเศษ คือถ้าเรายืนอยู่ไกลๆจะมองเห็นพระองค์นี้หน้ายิ้ม
ถ้ายืนอยู่ใกล้ๆจะมองเห็นหน้าองค์พระเป็นหน้าบึ้ง
ถือว่เป็นความเก่งของช่างที่สามารถสร้างมุมมองที่แตกต่างจากระยะการยืนมองพระพุทธรูป
ตอนนี้วัดนั้นได้บรูณะภายนอกวัดใหม่ (เหมือนจะเป็นวัดที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วย)
มองไกลๆพระจะยิ้ม
มองใกล้ๆพระจะหน้าบึ้ง
วิหารธรรมยันจี (Dham Ma Yang Yi)
เป็นวิหารที่ใหญ่มาก ไม่ว่าจะไปขึ้นเจดีย์ที่ไหนก็จะเห็นวิหารแห่งนี้
ตำนานเล่าว่า วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้านระธู สร้างขึ้นเพื่อต้องการจะล้างบาปที่ได้ฆ่า
พ่อและพี่ชายของตัวเอง เพื่อต้องการขึ้นครองราชย์
โดยการสร้างวิหารแห่งนี้อิฐทุกก้อนจะต้องวางกับแนบสนิทแม้แต่เข็มก็สอดผ่านไม่ได้
ถ้าช่างคนไหนวางอิฐไม่สนิทจะโดนตัดนิ้วทั้งสองข้าง เพราะพระองค์เชื่อว่าถ้ามีรูแม้แต่นิดเดียว
วิญญาณของพระองค์จะตกนรกอเวจี!!
แต่สุดท้ายวิหารแห่งนี้ก็สร้างไม่เสร็จ เพราะ พระองค์ถูกฆ่าตายเสียก่อน โดยกษัตริย์ แห่งอินเดีย
เพื่อเป็นการแก้แค้นให้พระราชธิดาของกษัตริย์อินเดีย ซึ่งถูกฆ่าโดยกษัตริย์นระธูพระสวามีของพระนางเอง
มุมใกล้ๆบ้าง
วิหารสุลามณี (Sulamani Temple)
วิหารนี้มีจุดเด่นคือ จิตรกรรมฝาผนัง
โครงสร้างวิหารด้านนอกอลังการด้วยฝีมือการก่ออิฐ
ที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในพุกาม
วิหารนี้สร้างโดยพระเจ้านระธู เหมือนกับวิหารธรรมยันจี
ตัวอย่าง จิตรกรรมฝาผนังภายในวัด
เจดีย์วิหารติโลมินโล (Htilominlo Temple)
สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระเจ้าติโลมินโล เหตุการณ์มีอยู่ว่า พระเจ้านรปติสิทธู
มีลูกชาย 5 คน และเลือกไม่ถูกว่าจะให้ใครขึ้นครองราชย์ เลยให้ฟ้าลิขิตผ่าน 'ฉัตร'
โดยให้ลูกชายทั้ง 5 คนนั่งล้อมวงและเอาฉัตรตั้งไว้ตรงกลาง
ถ้าฉัตรล้มไปทางใครคนนั้นก็ได้ขึ้นครองราชย์ไปเลย (คำว่า ติโลมินโล แปลว่า ฉัตรตั้ง)
ฉัตรนั้นได้ล้มไปทาง พระเจ้านันตางมยา และนี่คือสาเหตุที่พระองค์ได้นามใหม่ว่า 'ติโลมินโล'
เจดีย์บูราติ (Buradi pagoda)
ไม่ทราบประวัติอะไรเกี่ยวกับเจดีย์นี้นะคะ
เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเจดีย์ได้แบบ 360 องศา
เป็นเจดีย์ที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้
วัดมนูหะ (MANUHA TEMPLE)
ตำนานกล่าวเอาไว้ว่า พระเจ้ามนูหะ กษัตริย์ของมอญสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้น เมื่อพระองค์ตกเป็นเชลยของพระเจ้าอโนรธา
เมื่อครั้งที่พระเจ้าอโนรธาเข้าตี เมืองสะเทิม เมืองหลวงของชาวมอญ แล้วกวาดต้อนผู้คนมาที่พุกาม
เมื่อสะเทิมยอมแพ้กองทัพพม่า ได้พระไตรปิฎก จับพระเจ้ามนูหะใส่ตรวนทองคำ และจับข้าราชสำนักใส่หลังช้าง
พวกเชลยที่ถูกกวาดต้อนไปกรุงพุกามมีทั้งพระสงฆ์ นักปราชญ์ นักเขียนจารึกและคนงาน
จากหลักฐานระบุว่า พระเจ้ามนูหะและพระอัครมเหสีถูกคุมขังไว้ที่ มยินกาบา
พระเจ้าอโนรธาทรงมีพระราชานุญาติให้พระเจ้ามนูหะ สร้างวัดมนูหะขึ้น เพื่อทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศล
กษัตริย์มอญทรงระบายความรู้สึกใน ด้วยการให้สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่โตมากจนคับวิหาร
ขนาบข้างด้วยพุทธสาวก และถูกเรียกขานว่า “พระอึดอัด” มาจนถึงทุกวันนี้ เป็นการประชดพุกาม
ภาพของพระอึดอัด มองเห็นแล้วทำให้รู้สึกอึดอัดจริงๆ
รูปปั้นจำลองพระเจ้ามนูหะและพระมเหสี
เจดีย์บูพญา (Bupaya)
เจดีย์บูพญาเดิมเป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในพุกาม
แต่ในปี ค.ศ. 1975 เจดีย์องค์เดิมพังทลายลงทั้งหมด
ด้วยเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
เจดีย์ที่เห็นโดดเด่นบนริมฝั่งแม่น้ำเอยาวดีในปัจจุบัน
เป็นองค์ที่สร้างขึ้นมาใหม่แทนองค์เดิม
เจดีย์องค์นี้ เป็นหลักหมายของนักเดินเรือว่า
ถ้าเห็นเจดีย์บูพญา หมายถึงการเดินทางมาถึงพุกามแล้ว
ท่าเรือใกล้ๆกับ เจดีย์บูพญา
พระเจดีย์ชเวซิกอง( Shwezigon Pagoda )
ความหมายว่า "เจดีย์ที่ตั้งอยู่บนพื้นทราย" สร้างโดยพระเจ้าอโรรธามหาราช
กษัตริย์พม่าที่รวมอานาจักรพุกามได้เป็นปึกแผ่น ต่อมาพระเจ้าอโรรธามหาราชได้เจอชินอรหัน
พระผู้ที่นำพระพุทธศาสนามาเผยแพร่ในแผ่นดินนี้ พระเจ้าอโรรธามหาราชเลื่อมใสชินอรหันมาก
จึงส่งสาสน์ไปขออัญเชิญพระไตรปิฏก 30 คัมภีร์จากเมืองมอญ แต่พระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญไม่ยอมให้
พระเจ้าอโรรธามหาราชจึงยกทัพไปตีเมืองมอญและต้องช่างฝึมือของมอญมาสร้างวัดพระเจดีย์ชเวซิกอง
ที่วัดนี้จึงได้รับอิทธิพลศิลปวัฒนธรรมของมอญเต็มๆ
**วันที่ไปเจดีย์ได้บรูณะอยู่สีเลยไม่ทอง**
หลุมใส่น้ำเล็กๆหน้าพระเจดีย์ เมื่อเรามองเงาสะท้อนจะเห็นยอดพระเจดีย์พอดี
บรรยากาศรอบๆ ของเมืองพุกาม
ถนนหนทางในเมืองพุกาม สามารถเดินทางได้ทั้งจักรยาน จักรยานยนต์ รถยนต์หรือแม้กระทั่งรถม้า
เมืองพุกามเป็นเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน
เราเชื่อเลยว่าใครที่ได้ไปที่นี่ ต้องหลงรักกับสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
ลองไปเที่ยวกันดูนะคะ
สวัสดีค่ะ