คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
จขกท.ควรคิดเผื่อปัญหาไว้บ้างนะครับ เพราะเท่าทีู่ตอนนี้ จขกท.ดูเหมือนไม่ได้มีแผนสำรองไว้เลยถ้าเกิดธุรกิจมีปัญหาอะไรขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกันสามีของคุณดูจะรัดกุมมากกว่า การลงทุนเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่มันก็มีความเสี่ยงอยู่ในตัวด้วย บางคนทำธุรกิจด้วยความสนุกจนลามไปถึงความโลภที่ไม่สิ้นสุด บางคนทำธุรกิจเน้นผลกำไร ความเสี่ยงต่ำ ค่อยเป็นค่อยไป เน้นความมั่นคงไปเรื่อยๆ คุณกับสามีต้องหาความพอดีของกันและกันให้ได้ในการทำธุรกิจ ยิ่งดูสภาพของประเทศไทยในตอนนี้เศรษฐกิจกำลังทรุด ธุรกิจต่างๆจะมีความเสี่ยงมากขึ้น การทำธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา ตักตวงผลกำไรไปเรื่อยๆจึงน่าจะเหมาะสมกว่า
ส่วนเรื่องการแบ่งเงินนั้น ถ้า จขกท.รู้ตัวว่าเป็นคนเก็บเงินไม่อยู่ ก็ควรหาทางออกอื่น หรือให้สามีเข้ามาควบคุมดูแลเป็นหลักไปเลย เพราะการไปลงทุนขยายธุรกิจต่อมันต้องมีเหตุผล มีข้อมูลมารองรับมากพอสมควร ไม่ใช่ว่ามีเงินเหลือ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร จึงต้องใช้ให้หมด
เงินจาก 100% อะ คุณเอาไปเลย 20% เป็นเงินส่วนตัว อีก 80% ให้สามีจัดการทั้งหมดเลยครับ
ส่วนเรื่องการแบ่งเงินนั้น ถ้า จขกท.รู้ตัวว่าเป็นคนเก็บเงินไม่อยู่ ก็ควรหาทางออกอื่น หรือให้สามีเข้ามาควบคุมดูแลเป็นหลักไปเลย เพราะการไปลงทุนขยายธุรกิจต่อมันต้องมีเหตุผล มีข้อมูลมารองรับมากพอสมควร ไม่ใช่ว่ามีเงินเหลือ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร จึงต้องใช้ให้หมด
เงินจาก 100% อะ คุณเอาไปเลย 20% เป็นเงินส่วนตัว อีก 80% ให้สามีจัดการทั้งหมดเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
กำไรจากการทำธุรกิจร่วมกับสามีควรบริหารจัดการยังไงดีคะ
แต่มีสิ่งที่เหมือนกันคือเราต่างก็อยากเอาเงินที่ได้บางส่วน เก็บไว้สำหรับครอบครัวในอนาคตเป็นค่าใช้จ่ายของลูก และไว้ดูแลพ่อแม่ของเราทั้งคู่ค่ะ
ถ้าดิฉันคิดจัดสรรกำไรจากธุรกิจร่วมนี้เป็นอย่างนี้จะเหมาะสมมั๊ยนะคะ รบกวนให้คำปรึกษาทีนะคะ
ถ้าในทุกเดือน เราแบ่งตามนี้
1 จาก30%ของกำไรไปลงทุนต่อในธุรกิจที่ทำร่วมกันนี้
2 อีก40%เก็บเพื่อลูกและเป็นค่าใช้จ่ายที่มีร่วมกัน
3 อีก15%ให้เป็นเงินเก็บส่วนตัวของสามีเผื่อใช้จ่ายส่วนตัว เก็บออมส่วนตัว หรือเค้าอาจจะนำเงินส่วนนี้ไปดูแลพ่อแม่ของเค้า
4 อีก15%ให้เป็นเงินเก็บส่วนตัวของเรา เผื่อเราเก็บออมส่วนนี้ไปทำธุรกิจส่วนตัวอื่นต่อไลน์ไปอีก หรือดูแลพ่อแม่เราบ้าง
ปรึกษาสามีแล้วเค้าไม่ค่อยเห็นด้วย คือเค้าคิดว่าแต่งงานแล้วไม่ควรมีเงินส่วนตัว ควรเป็นเงินรวมของครอบครัว แต่เอาเข้าจริงๆยอมรับว่าเราต่างก็รักพ่อแม่ของเรามาก ต่างก็อยากดูแลท่านพาไปเที่ยวหรือซื้อของที่ท่านอยากได้บ้างตามโอกาส และดิฉันยังมีกิเลสค่ะยอมรับว่าชอบช็อปปิ้งมากกกกกก ที่ผ่านมาก็ใช้เงินตัวเองช็อปมาตลอดสามีเลยไม่ค่อยบ่น555
จะรบกวนปรึกษาทีนะคะ ถ้าแบ่งกำไรตามที่เราคิดมันเหมาะสมมั๊ยคะ หรือมีวิธีบริหารจัดการอื่น หรือถ้าควรแบ่งกำไรเป็นสัดส่วนควรจะเป็นเท่าไหร่ดี
ขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำนะคะ