วันก่อนนั่งเถียงกับเพื่อนตัวว่าละครไหนมันแน่กว่ากันระหว่างเซี่ยงอี่ที่มีความปรารถณาที่จะเป็นฮ่องเต้ชนิดที่เกิดใหม่หรือเหลือแต่วิญญาณโดนแยกเป็นส่วนๆก็ยังไม่ยอมแพ้ จนสุดท้ายยึดร่างจ้างควงจิ้นเอาไว้ได้ แต่โดนพระเอกสวดสยบวิญญาณนานหลายปี กับมารเดียวที่สำเร็จขั้นสุดยอดที่พระเอกภาคก่อนๆไม่สามารถไปถึงได้อย่างจักรวาลทมิฬ
โดยส่วนตัวผมไม่นับด้านพลังฝีมือผมชอบมารเดียวมากกว่า ถึงจะตัวร้ายแต่เป็นตัวละครที่มีมิติมากและที่สำคัญคือความมีน้ำใจต่อคู่ต่อสู้ เห็นได้จากตอนที่เซี่ยงอู๋เฮิ่นดวลแล้วแพ้เขาขอให้มารเดียวฆ่าตนเองซะ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ทำพร้อมพูดอย่างให้ข้อคิดว่า"เจ้าไม่คิดอยู่เพื่อลูกเพื่อเมียบ้างเรอะ" (อนึ่งอาจจะเพราะรับรู้เรื่องโศกนาฎกรรมของลูกเลยไม่คิดจะฆ่าคนที่กำลังจะมีลูกเมียรอคอยอยู่เบื้องหลัง ในขณะที่ตนเองทิ้งทุกอย่างเพียงเพื่อความยิ่งใหญ่) ซึ่งภายหลังเซี่ยงอู๋เฮิ่นก็ตั้งชื่อลูกตัวเองตามชื่อลูกของมารเดียวเพื่อแสดงระลึกถึงประมาณว่า "ถึงเขาจะเป็นศูตร์แต่นับเป็นศูตร์ที่น่าเคารพ" และที่น่านับถือสุดๆ คือการรู้จักปล่อยวางตัดสินใจละความทะเยอทยานใช้ชีวิตโดยสงบกับครอบครัว แม้ว่าในที่สุดจะต้องเสียสละตนเองเพื่อคนอื่นก็ไม่นึกเสียใจ ตรงกับคำพูดสุดท้ายที่ว่า "ชีวิตข้าเต็มไปด้วยสีส้น" จริงๆ
ตัวละครในตำนานจักรพรรดิ์ตัวไหนที่คุณชอบที่สุด
โดยส่วนตัวผมไม่นับด้านพลังฝีมือผมชอบมารเดียวมากกว่า ถึงจะตัวร้ายแต่เป็นตัวละครที่มีมิติมากและที่สำคัญคือความมีน้ำใจต่อคู่ต่อสู้ เห็นได้จากตอนที่เซี่ยงอู๋เฮิ่นดวลแล้วแพ้เขาขอให้มารเดียวฆ่าตนเองซะ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ทำพร้อมพูดอย่างให้ข้อคิดว่า"เจ้าไม่คิดอยู่เพื่อลูกเพื่อเมียบ้างเรอะ" (อนึ่งอาจจะเพราะรับรู้เรื่องโศกนาฎกรรมของลูกเลยไม่คิดจะฆ่าคนที่กำลังจะมีลูกเมียรอคอยอยู่เบื้องหลัง ในขณะที่ตนเองทิ้งทุกอย่างเพียงเพื่อความยิ่งใหญ่) ซึ่งภายหลังเซี่ยงอู๋เฮิ่นก็ตั้งชื่อลูกตัวเองตามชื่อลูกของมารเดียวเพื่อแสดงระลึกถึงประมาณว่า "ถึงเขาจะเป็นศูตร์แต่นับเป็นศูตร์ที่น่าเคารพ" และที่น่านับถือสุดๆ คือการรู้จักปล่อยวางตัดสินใจละความทะเยอทยานใช้ชีวิตโดยสงบกับครอบครัว แม้ว่าในที่สุดจะต้องเสียสละตนเองเพื่อคนอื่นก็ไม่นึกเสียใจ ตรงกับคำพูดสุดท้ายที่ว่า "ชีวิตข้าเต็มไปด้วยสีส้น" จริงๆ