จากเคส ขโมยเงินล้านจากบัญชีธนาคารโดยการปลอมสำเนาบัตรประชาชน สู่รายอื่นๆ จากรายการปากโป้ง ช่อง 27 ดิจิตอลทีวี

ดูรายการปากโป้งช่อง27
เวลา11.00-12.00
มิจฉาชีพ ไปส่งข้อความเข้าเฟสบุ๊ค
เจ้าทุกข์รายนี้ เขาเปิดร้านขายอะไหล่รถ
มีร้านที่อยุธยา และเปิดทางขายออนไลน์
มีคนร้ายขอดูอะไหล่ และตกลงซื้อ
ในราคา 48'000 บาท
และขอเลขบัญชีโอนเงิน
และขอชื่อสกุลยืนยันจากบัตร
ประชาชน เจ้าของร้าน
ให้บัตรประขาชนเพื่อยืนยันตัวตน
และปิดเลข13 หลักบัตรไว้

หลังจากนั้นคนร้ายนำชื่อสกุล
ไปทำกราฟฟิคบัตรชื่อสกุลเดิม
และไม่รู้ไปเอาเลขบัตรประขาชน
มาจากไหนและหน้าในบัตรเป็นหน้าคนร้าย
เอาไปยื่นที่ทรู อ้างมือถือหาย
พร้อมบัตรประชาชน ขอซิมเบอร์เดิม
แล้วนำซิมไปใส่มือถือไปทำการโอนเงิน
ออกจากธนาคาร ทางธนาคาร
ถามเลขบัญชี วันเดือนปีเกิด
คนร้ายตอบได้หมด...และใช้เบอร์มือถือ
โทรหาธนาคารอ้างลืมรหัส
ไปขอปลดล๊อครหัสกับทางธนาคาร
ปรากฏทางกสิกรไทยปลดล๊อครหัสให้
ผลคือเงินถูกโอนไปใส่อีกบัญชี

เจ้าของร้านอะไหล่รถบอกว่า
อยู่ๆ มือถือที่ใช้เบอร์โดนแฮกซิมไป
ใช้ไม้ได้ แต่ด้วยยุ่งๆอยู่เลยคิดแค่ว่า
ยังมีอีกเครื่อง จนอีกวันถึงรู้เงินในบัญชี
โดนแฮกไปหมด

ทางทนายร้านอะไหล่ ขอรูปวงจรปิด
ทางธนาคารบอกว่ากล้องเสีย
จนทนายต้องวิ่งขอเปืดกล้องเป็นจุดๆไป

จากนั้นยื่นเรื่องให้ทาง ธ.ชดใช้เงินคืน
เพราะเจ้าของเงินไม่ได้
ยื่นเรื่องโอนเงิน เป็นทาง ธ.กับคนร้าย
ซึ่งคนร้ายไปหลอก ธ. และคนร้าย
ไปหลอกทรู แฮกเบอร์มือถือ

ทาง ธ.ยอมรับผิดแต่รับชดใช้
33% ให้ไปเอากับทรู 33%
และไปเอากับคนร้าย 33%

แต่ทางทนายยื่นฟ้อง ธ.ด้วยเหตุ
เจ้าของบัญชีไม่ได้ไปขอปลดล๊อครหัส
เหตุใด ธ.ปลดให้ทันที แล้วคนร้าย
โอนเงินออกไปอีกบัญชี
เป็นการร่วมมือกันระหว่างคนร้าย
กับธนาคาร...เจ้าของเงินไม่ได้
ไปหลอกอะไรธนาคาร...
สุดท้าย..จึงเป็นเรื่องของธนาคารต้อง
ไปตามจับคนร้ายเอง...ซึ่งทรูต้องรับ
ผิดชอบร่วมกับธนาคารเพราะ
บัตรประขาชนปลอมแปลงทางทรู
ไม่ตรวจสอบให้รอบคอบ

น่ากลัวมากๆ...คนค้าขายเมื่อจะมี
การโอนเงินเจ้าของร้านต้องให้
ส่วนชื่อสกุลอันตรายมากๆ
คนร้ายนำไปหาเลข13หลักได้อีก
ผลรวมทั้งหมดสามารถนำไปโอนเงิน
ถอนเงินจากธนาคารได้....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่