ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 5 วอชิงตันดีซี
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=IydJXT43NwQ&index=35&list=PLNNEpgjidh3peDayS3ikBCPP6tJVMso-6
https://www.youtube.com/watch?v=xwLKI30lLSI&index=36&list=PLNNEpgjidh3peDayS3ikBCPP6tJVMso-6
ตอนแรกก็ทึ่งว่า เมืองนี้ ทำไมสวยงามจัง พอข้ามสะพานเจอสี่แยกก็เจอไม้ประดับแขวนตรงสี่แยก เหมือนหลายๆ เมืองในยุโรป และยูฟุอิน ในญี่ปุ่น ริมถนนบนฟุตบาทหน้าอาคารที่ใหญ่โต สวยงามก็มีต้นไม้ให้ร่มเงาแก่คนเดิน ป้าเห็นมีเด็กๆ มัธยมพลุกพล่าน จึงก้มดูนาฬิกาข้อมือ ที่ต้องหมุนเข็มตามเวลาของรัฐ เป็นเวลา 15.30 น. จึงรู้ว่าเป็นเวลาที่โรงเรียนเลิกพอดี ได้เห็นสภาพครู และนักเรียน ต่างกลุ่มต่างอยู่ นักเรียนดูรูปร่างฟิต&เฟิร์ม แต่ครูที่เห็นอยู่เกือบ 10 คน ล้วนอยู่ดีกินดี ทั้งชายและหญิง แล้วรถก็เลี้ยวขึ้นไปบนทางที่เหมือนลานจอดรถ และมันก็ใช่จริงๆ มีป้ายบอกว่า Union Station คนขับประกาศชื่อสถานี แล้วบอกว่า ทุกคนลงรถได้ ป้างง จึงถามว่า ที่นี่ที่ไหน ป้ายสุดท้ายแล้วใช่ไหม คนขับตอบว่า ใช่ มัน คือ Washington DC....เหวออออะดิ...เมื่อกี้เห็นคำว่า Welcome to District of Columbia ยังนึกไม่ออกอีก....แป่ว..
ลงรถไปถามคนที่อยู่ข้างล่างว่า เราจะไปทำเนียบขาวได้อย่างไร เขาบอกให้ลงไปนั่งรถใต้ดินข้างล่าง ไปไม่กี่สถานีก็ถึงแล้ว
ทีนี้ก็มาถึงเวลาที่ต้องหาตั๋วไปไมอามี่ให้ได้ก่อนออกไปเที่ยว เดินไปถามหาออฟฟิศรถเมกะบัส...ไม่มีออฟฟิศ... เขาซื้อตั๋วทางอินเตอร์เน็ท ไม่มีท่าจอดรถเป็นของตัวเอง นัดลูกค้าทางเน็ต มิน่าล่ะ ตอนป้าเข้าไปดูในเน็ต จึงเห็นว่า ค่ารถถูกกว่าบริษัทอื่น และทำเวลาได้ดีกว่า มีรถแค่วันละ เที่ยว หรือ 2 เที่ยวเท่านั้น อืออออ...ทำให้เราติดใจแล้วก็ไปต่อไม่ได้
เราจึงต้องกลับไปพึ่งเกรย์ฮาวน์อีกแล้ว เพราะเห็นสนง.ขายตั๋วเกรย์ฮาวน์อยู่เยื้องไปประมาณ 50 เมตร กะจะไปเที่ยวทำเนียบขาว เดินดูรอบๆ ในเมืองแล้วกลับไปต่อรถดึก ยาวไปไมอามี่ ปรากฏว่า ตั๋วหมด มีอีกทีพรุ่งนี้ 13.30 น. ทำไงได้ก็ต้องเอา ลุงบอกว่า ได้ตั๋วแล้วค่อยไปหาที่พักกัน พรุ่งนี้ค่อยเที่ยว ลุงเอาใบที่จองหอพักที่ยกเลิกไปแล้วมาด้วย มองเห็นห้องพักรอรถที่จัดไว้เป็นสัดส่วน ก็แอบมีความหวัง ว่า ถ้าหอพักเต็มจะกลับไปสิงที่นั่น ห้องไม่ใหญ่ แต่มีป้ายบอกว่า เฉพาะคนที่มีตั๋ว ห้ามนอนหลับ ห้ามส่งเสียงดัง....จบข่าว
ได้ตั๋วไปไมอามี่แล้ว 2 คน 363.4 ดอลล่าร์ ใช้เวลาเดินทาง 25 ชม.
โจทย์ต่อไป คือ จะไปที่พักได้อย่างไร ป้าไปขอความช่วยเหลือจากสาวที่กำลังนั่งง่วนอยู่กับหน้าจอมือถือ เธอเข้ากูเกิลแม็พหาพิกัดให้ แล้วบอกให้เราไปนั่งรถใต้ดินสายสีแดงไปต่อรถสายสีเขียวที่สถานี Gallerie Palace ไปลงที่สถานี Mount Vernon/Convention Hall มันเป็นเวลาเร่งด่วนที่ตั๋วแพงกว่าเวลาอื่น เดินทางแค่ 3 สถานี คนละ 3.15 ดอลล่าร์ ค่าตั๋วอีกใบละ 1 ดอลล่าร์ พอๆ กับค่ารถใต้ดินในสต็อคโฮล์ม ที่เราคิดว่า แพงที่สุดในโลก 1 สถานี 170 บาทโดยประมาณ
ถึงสถานี Mt. Vernon....เดินหาถนน ที่ 9 ตามที่อยู่ DC Hostel 1418 9th St. ....ออกจากสถานีเลี้ยวขวา และขวาผ่าน Convention Hall เห็นป้ายถนนที่ 9 แต่ยังไม่เห็นวงเวียน เจอสาวผิวสีเอาที่อยู่ให้เธอดู เธอชี้ที่ป้ายทางแยก บอกว่า ตรงนั้นเป็นแยก 11 เลข 14 ข้างหน้า บอกทางแยก ส่วนอีก 2 ตัวหลังเป็นเลขที่ เดินเลี้ยวขวาไปให้ถึงแยก 14 แล้วตามหาเลขที่ ...หาไม่ยาก แต่ถ้าเราเลี้ยวซ้ายตั้งแต่สถานีจะเดินใกล้กว่ามาก เวลา 18.00 ร. แล้ว แต่แดดยังจ้ามาก เราเดินฝั่งที่ไม่มีร่มเงา ไปประมาณ 1 กม.เศษ ข้ามถนนไปที่แยก 14 แล้วไล่เลขที่ไป มีป้าย DC Hostel เล็กๆ ข้างประตูสีแดง ค่าที่พักตามราคาจองคนละ 1,050 บาท แต่ราคาไม่จองคนละ 1,400 บาท 40 ดอลล่าร์ คืนนี้จ่ายค่าที่พัก 2,800 บาท
เราถามวิธีการเดินทางไปทำเนียบขาว แต่พนักงานต้อนรับดูจะไม่โปร สาวผิวสีรูปร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ที่ล็อบบี้ บอกให้เราไปรถเมล์ราคาจะถูกกว่าใต้ดิน แล้วเธอก็เสิร์จให้ เป็นรถเมล์สาย G8 ผ่านหน้าหอพัก ป้ายอยู่ที่แยก 15 แค่ข้ามแยกไป เธอน่ารักมาก ให้เว็บค้นเวลารถเข้า แล้วเธอก็บอกว่า รถกำลังจะมา 1 คัน ให้ออกไปดูไว้จะได้คุ้นเคย พอป้าเปิดประตูออกไป เธอตามไปดูด้วย แล้วเธอก็บอกว่า รถมาตามเวลา ค้นเวลาก่อนลงไป จะได้ไม่ต้องลงไปตากแดด ตากฝน รอ เธอมาจากมิชิแกน ดูเธอเหงาๆ อยากหาเพื่อนคุย
เราขึ้นไปห้องพักชั้น 3 ห้อง 303 เป็นห้องรวม 8 เตียง ห้องน้ำห้องเดียวอยู่นอกห้อง ใช้รวมกับห้องอื่นๆ ด้วย เหมือนอยู่บ้าน แต่คนเยอะ
รูมเมตที่เข้าพักก่อน 2 คน คนหนึ่งมาจากจอร์เจียเป็นคนบ้าคอนเสิร์ต เขาไปคอนเสิร์ตใหญ่ทุกทวีป เมืองไทยไปแล้วติดใจ อยากไปบ่อยๆ เพราะค่าใช้จ่ายถูกมาก คุยเก่งมาก เป็นคนตุ้ยนุ้ย ผมน้อย นอนกรนสนั่น ผายลมบ่อยๆ จนลุงชิดซ้ายไปเลย ส่วนอีกคนเป็นหนุ่มบราซิลจากเซาเปาโล มาเที่ยวภรรยา ชาวเปอโตริโก้ ที่เพิ่งมาทำงานที่ดีซี เธอเก่งจัง....เขาแนะนำสถานที่เที่ยวในบราซิลและบ้านเกิดของเขา....คนตุ้ยนุ้ยเล่าเรื่องเขาถูกตบทรัพย์ที่เปอโตริโก้ ขณะนั่งรถแท็กซี่ โดยเอาเชือกฟาดหน้าต่างรถแล้วบังคับให้รถจอด เอาพาสปอร์ตของเขาไป และเรียกเงินด้วย ที่จริงน่าจะเรียกว่า ปล้น...กว่าเขาจะไปขอที่สถานทูตใหม่ได้ก็ติดอยู่ที่นั่น 3 วัน....ป้าคิดในใจว่า นั่นเขาเป็นคนอเมริกัน มีสถานทูตอยู่ทั่วไป ถ้าเป็นคนไทย จะทำไงดี....หนุ่มบราซิล ออกไปเดินเล่นก่อน หนุ่มจอร์เจียตามออกไปทีหลัง...ส่วนเรา
พอแดดร่มลมตก เราก็หิ้วถุงแอ๊ปเปิ้ลกับน้ำ ลงไปหาซื้อของกิน เจอร้านขายของเอื้ออาทร มีของกินแบบเด็กๆ ชิ้นละ 50 ด้วย เห็นคนขายกำลังนับเศษเงินจากลูกค้าที่เหมือนคนเก็บขยะ เห็นแล้วประทับใจ ลูกค้าแบบนี้สามารถซื้อขนมอร่อยชิ้นเล็กๆ ที่ที่อื่นมีแต่ชิ้นใหญ่ราคาแพงมากินพอรู้รสได้ และอาหารชิ้นใหญ่ที่ราคาไม่แพง แม้จะไม่อร่อยแต่ก็ทำให้พวกเขามีชีวิตรอดได้ คนขายเป็นหนุ่มรูปร่างบางๆ หน้าตาประมาณปากีสถาน ตุรกี หรือ อะไรแถวๆ นั้น แต่ยังเป็นที่น่าสงสัยเพราะพวกแขกมักงก แต่หนุ่มคนนี้เอื้ออาทร เขาใส่เสื้อตัวนอกเก่าๆ ยับๆ คลุมเสื้อดูดีที่อยู่ข้างใน เหมือนเจ้าเงาะ
เราซื้อของที่เรากินได้ออกไปกินใต้ร่มไม้ริมสนามฟุตบอลในชุมชนที่เด็กๆ เตะกันเจี๊ยวจ๊าวอยู่หลายกลุ่ม
มีคนจูงหมาเดินผ่านหลายคน คนเดิน และวิ่งออกกำลังกาย หลังเลิกงาน ดูเป็นชุมชนสงบ อยู่สบายๆ ตรงมุมถนนฝั่งตรงข้ามกับหอพัก. 12. พุธที่ 15 มิ.ย. ตื่นเช้าอาบน้ำ นั่งทำงานนอกห้อง รอลุงตื่น เพิ่งรู้ว่านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ที่เดินสวนตอนที่เราลงบันไดหอเมื่อเย็นวาน คือ รูมเมต คนที่เข้าห้องคนสุดท้าย เขาออกไปเข้าห้องน้ำตอนที่ป้านั่งทำงาน แล้วก็แต่งตัวลากกระเป๋าใบใหญ่ออกไป ลุงทำธุระเสร็จ หนุ่มจอร์เจีย เข้าห้องน้ำต่อ ลุงออกมาบอกให้เข้าไปทำงานต่อในห้องคนอื่นๆ ตื่นแล้ว จะได้ชาร์จแบ็ต
หนุ่มจอร์เจีย เข้าห้องมานอนต่อ ขอให้ปิดไฟ แล้วชวนคุย เหมือนเด็กช่างคุย แล้วก็หลับหนี กรนเสียงดัง และผายลมอยู่ในผ้าห่มเป็นระยะ....ส่วนหนุ่มบราซิล ยังคงหลับเงียบกริบ...ป้าทำงานต่อจนแบ็ตใกล้เต็ม จึงได้เวลาดึงผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนออกไปเช็คเอาท์
เวลา 08.35 น. ถึงป้ายรถ G8 ดูเวลาตามตารางรถเข้าป้ายทุก 10 นาที มองไปด้านหลังเป็นโบสถ์ Shiloh Baptist Church มีป้ายติดใต้ป้ายจอดรถประจำทางว่า สำรองที่จอดรถสำหรับงานศพตั้งแต่เวลา 08.30 น.
กว่ารถจะมาก็มีผู้โดยสารคนอื่นๆ มาสมทบอีก 2 คน เป็นสาวร่างเล็กหน้าเอเชีย กับสาวแหม่ม
รถมาช้าไป 5 นาที คนขับเป็นสาวผิวสีร่างใหญ่ พูดไม่อ้าปาก ค่ารถคนละ 1.30 ต้องจ่าย 3 ใบ ไม่มีเงินทอนตามเคย คนขับไม่ยินดีตอบคำถามและรับคำขอร้อง จึงเดินไปข้างใน ลุงเร่งเร้าให้ถามน้องเอเชีย เธอก็ไม่รับบุญ ลุงจะให้ถามคนที่นั่งอยู่เพื่อเอาคำตอบให้ได้ จะได้ลงไม่พลาด ป้าเห็นหน้าแต่ละคนบอกบุญไม่รับ จึงทำมึนให้ลุงโมโหแต่เช้า บอกลุงว่า ให้ดูป้ายถนน I 15th Ave ตามที่ สาวชิคาโก / มิชิแกน เขียนรายละเอียดว่า G8 Bus Farrangut I Street 15th St. ทำให้ไม่พลาด ลุงไม่รู้เรื่อง ถ่ายวิดีโอดับอารมณ์
รถวิ่งไปทางที่เราเดินผ่านเมื่อวาน เห็นป้าย 9th St. กับหัวถนน I ได้ยินประกาศว่า ถนน I ป้าเริ่มจับทางได้ เพราะถนนต่อไปเป็นถนน H รู้เลยว่า รถจะต้องเลี้ยวขวาที่ถนนหนึ่ง แล้ววกกลับถนน I ตอนนั้นค่อยดูตัวเลขถนน กับฟังเสียงประกาศเบาๆ....
ใกล้ถึง ป้าบอกให้ลุงยกเป้เตรียมตัวลง ลุงถามว่า รู้ได้อย่างไร ป้าบอกว่า มีลายแทง
แล้วเราก็เริ่มการตะลุย วอชิงตันดีซี เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ทั้งประเทศประกอบด้วย 50 รัฐ มีพื้นที่รวมทั้งหมด 9,629,091 ตร.กม. มีประชากร 320 ล้านคน รายได้เฉลี่ย $54,596
ใช้ภาษาอังกฤษ แบบอเมริกัน เป็นภาษาราชการ วอชิงตันดีซี เป็นเขตปกครองพิเศษ District of Columbia มีทำเนียบขาว หรือ White House เป็นที่ทำการรัฐบาล สร้างด้วมยหินทรายอะเกรียครีก สีขาว สถาปัตยกรรม คลาสสิก เรเนสซอง เคยถูกกองทัพอังกฤษเผาตอนตั้งประเทศใหม่ๆ แล้วบูรณะใหม่
ปีกตะวันออก คือ อาคารบริหาร Eisenhower Executive Building มี Blair House เป็นที่รับรองอาคันตุกะ มีคฤหาสน์พำนัก 6 ชั้น 132 ห้อง
เราลงรถที่ป้ายถนนที่ 15 เป็น จัตุรัส....มีอนุสาวรีย์ ตามชื่อจัตุรัส ถามสาวทำงานเธอให้ข้ามถนนไปพร้อมกัน แล้วข้ามไปทางขวาอีกที เดินตามถนนลงเนินไปจนสุดตึก มองไปด้านขวาเห็นรถเมโทรบัสจอดอยู่หน้าสวนสาธารณะ มีป้ายตรงมุมถนน ชี้ทางลงไปทำเนียบขาว ซ้ายมือของทางลงเป็นทางจักรยานเราข้ามถนนที่กำลังซ่อมมุมถนน ไปที่มุมสวนสาธารณะ เดินลงไปตามทางเดินที่สองข้างเป็นต้นไม้ใหญ่ ร่มรื่นไปโผล่ที่อนุสาวรีย์ To General La Fayette & His Compatriot ครูกำลังยืนเล่าเรื่องราวของการต่อสู้และการพลีชีพที่มาของอนุสาวรีย์ เด็กนักเรียนยืนเช็ดน้ำตาป้อยๆ...นึกถึงสาวสวยชุดสีแดงเพลิงที่เราเจอที่นิวยอร์ค เมื่อวาน ตอนเดินสวนกันที่หน้าห้างใหญ่มีเสาธง 3 ต้น ป้าถามเธอว่า เขาลดธงครึ่งเสาทำไม เธอหยุดเล่าว่า มีคนตายที่ Orlando เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ป้าไม่ได้ดูข่าวหรือ ป้าบอกว่า เราอยู่ระหว่างเดินทางไม่มีเน็ต เธอบอกว่า มีผู้ก่อการร้ายยิงคนตายที่ออรันโด 42 คน แล้วเธอก็สะอื้น....เช็ดน้ำตาป้อยๆ วัฒนธรรมตะวันตกเป็นแบบนี้ จึงมีคนร่วมงานรำลึกตามที่ต่างๆ มากมายเสมอ เช่น ที่กราวนด์ซีโร่ หรือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว....
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 5 วอชิงตันดีซี
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=IydJXT43NwQ&index=35&list=PLNNEpgjidh3peDayS3ikBCPP6tJVMso-6
https://www.youtube.com/watch?v=xwLKI30lLSI&index=36&list=PLNNEpgjidh3peDayS3ikBCPP6tJVMso-6
ตอนแรกก็ทึ่งว่า เมืองนี้ ทำไมสวยงามจัง พอข้ามสะพานเจอสี่แยกก็เจอไม้ประดับแขวนตรงสี่แยก เหมือนหลายๆ เมืองในยุโรป และยูฟุอิน ในญี่ปุ่น ริมถนนบนฟุตบาทหน้าอาคารที่ใหญ่โต สวยงามก็มีต้นไม้ให้ร่มเงาแก่คนเดิน ป้าเห็นมีเด็กๆ มัธยมพลุกพล่าน จึงก้มดูนาฬิกาข้อมือ ที่ต้องหมุนเข็มตามเวลาของรัฐ เป็นเวลา 15.30 น. จึงรู้ว่าเป็นเวลาที่โรงเรียนเลิกพอดี ได้เห็นสภาพครู และนักเรียน ต่างกลุ่มต่างอยู่ นักเรียนดูรูปร่างฟิต&เฟิร์ม แต่ครูที่เห็นอยู่เกือบ 10 คน ล้วนอยู่ดีกินดี ทั้งชายและหญิง แล้วรถก็เลี้ยวขึ้นไปบนทางที่เหมือนลานจอดรถ และมันก็ใช่จริงๆ มีป้ายบอกว่า Union Station คนขับประกาศชื่อสถานี แล้วบอกว่า ทุกคนลงรถได้ ป้างง จึงถามว่า ที่นี่ที่ไหน ป้ายสุดท้ายแล้วใช่ไหม คนขับตอบว่า ใช่ มัน คือ Washington DC....เหวออออะดิ...เมื่อกี้เห็นคำว่า Welcome to District of Columbia ยังนึกไม่ออกอีก....แป่ว..
ลงรถไปถามคนที่อยู่ข้างล่างว่า เราจะไปทำเนียบขาวได้อย่างไร เขาบอกให้ลงไปนั่งรถใต้ดินข้างล่าง ไปไม่กี่สถานีก็ถึงแล้ว
ทีนี้ก็มาถึงเวลาที่ต้องหาตั๋วไปไมอามี่ให้ได้ก่อนออกไปเที่ยว เดินไปถามหาออฟฟิศรถเมกะบัส...ไม่มีออฟฟิศ... เขาซื้อตั๋วทางอินเตอร์เน็ท ไม่มีท่าจอดรถเป็นของตัวเอง นัดลูกค้าทางเน็ต มิน่าล่ะ ตอนป้าเข้าไปดูในเน็ต จึงเห็นว่า ค่ารถถูกกว่าบริษัทอื่น และทำเวลาได้ดีกว่า มีรถแค่วันละ เที่ยว หรือ 2 เที่ยวเท่านั้น อืออออ...ทำให้เราติดใจแล้วก็ไปต่อไม่ได้
เราจึงต้องกลับไปพึ่งเกรย์ฮาวน์อีกแล้ว เพราะเห็นสนง.ขายตั๋วเกรย์ฮาวน์อยู่เยื้องไปประมาณ 50 เมตร กะจะไปเที่ยวทำเนียบขาว เดินดูรอบๆ ในเมืองแล้วกลับไปต่อรถดึก ยาวไปไมอามี่ ปรากฏว่า ตั๋วหมด มีอีกทีพรุ่งนี้ 13.30 น. ทำไงได้ก็ต้องเอา ลุงบอกว่า ได้ตั๋วแล้วค่อยไปหาที่พักกัน พรุ่งนี้ค่อยเที่ยว ลุงเอาใบที่จองหอพักที่ยกเลิกไปแล้วมาด้วย มองเห็นห้องพักรอรถที่จัดไว้เป็นสัดส่วน ก็แอบมีความหวัง ว่า ถ้าหอพักเต็มจะกลับไปสิงที่นั่น ห้องไม่ใหญ่ แต่มีป้ายบอกว่า เฉพาะคนที่มีตั๋ว ห้ามนอนหลับ ห้ามส่งเสียงดัง....จบข่าว
ได้ตั๋วไปไมอามี่แล้ว 2 คน 363.4 ดอลล่าร์ ใช้เวลาเดินทาง 25 ชม.
โจทย์ต่อไป คือ จะไปที่พักได้อย่างไร ป้าไปขอความช่วยเหลือจากสาวที่กำลังนั่งง่วนอยู่กับหน้าจอมือถือ เธอเข้ากูเกิลแม็พหาพิกัดให้ แล้วบอกให้เราไปนั่งรถใต้ดินสายสีแดงไปต่อรถสายสีเขียวที่สถานี Gallerie Palace ไปลงที่สถานี Mount Vernon/Convention Hall มันเป็นเวลาเร่งด่วนที่ตั๋วแพงกว่าเวลาอื่น เดินทางแค่ 3 สถานี คนละ 3.15 ดอลล่าร์ ค่าตั๋วอีกใบละ 1 ดอลล่าร์ พอๆ กับค่ารถใต้ดินในสต็อคโฮล์ม ที่เราคิดว่า แพงที่สุดในโลก 1 สถานี 170 บาทโดยประมาณ
ถึงสถานี Mt. Vernon....เดินหาถนน ที่ 9 ตามที่อยู่ DC Hostel 1418 9th St. ....ออกจากสถานีเลี้ยวขวา และขวาผ่าน Convention Hall เห็นป้ายถนนที่ 9 แต่ยังไม่เห็นวงเวียน เจอสาวผิวสีเอาที่อยู่ให้เธอดู เธอชี้ที่ป้ายทางแยก บอกว่า ตรงนั้นเป็นแยก 11 เลข 14 ข้างหน้า บอกทางแยก ส่วนอีก 2 ตัวหลังเป็นเลขที่ เดินเลี้ยวขวาไปให้ถึงแยก 14 แล้วตามหาเลขที่ ...หาไม่ยาก แต่ถ้าเราเลี้ยวซ้ายตั้งแต่สถานีจะเดินใกล้กว่ามาก เวลา 18.00 ร. แล้ว แต่แดดยังจ้ามาก เราเดินฝั่งที่ไม่มีร่มเงา ไปประมาณ 1 กม.เศษ ข้ามถนนไปที่แยก 14 แล้วไล่เลขที่ไป มีป้าย DC Hostel เล็กๆ ข้างประตูสีแดง ค่าที่พักตามราคาจองคนละ 1,050 บาท แต่ราคาไม่จองคนละ 1,400 บาท 40 ดอลล่าร์ คืนนี้จ่ายค่าที่พัก 2,800 บาท
เราถามวิธีการเดินทางไปทำเนียบขาว แต่พนักงานต้อนรับดูจะไม่โปร สาวผิวสีรูปร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ที่ล็อบบี้ บอกให้เราไปรถเมล์ราคาจะถูกกว่าใต้ดิน แล้วเธอก็เสิร์จให้ เป็นรถเมล์สาย G8 ผ่านหน้าหอพัก ป้ายอยู่ที่แยก 15 แค่ข้ามแยกไป เธอน่ารักมาก ให้เว็บค้นเวลารถเข้า แล้วเธอก็บอกว่า รถกำลังจะมา 1 คัน ให้ออกไปดูไว้จะได้คุ้นเคย พอป้าเปิดประตูออกไป เธอตามไปดูด้วย แล้วเธอก็บอกว่า รถมาตามเวลา ค้นเวลาก่อนลงไป จะได้ไม่ต้องลงไปตากแดด ตากฝน รอ เธอมาจากมิชิแกน ดูเธอเหงาๆ อยากหาเพื่อนคุย
เราขึ้นไปห้องพักชั้น 3 ห้อง 303 เป็นห้องรวม 8 เตียง ห้องน้ำห้องเดียวอยู่นอกห้อง ใช้รวมกับห้องอื่นๆ ด้วย เหมือนอยู่บ้าน แต่คนเยอะ
รูมเมตที่เข้าพักก่อน 2 คน คนหนึ่งมาจากจอร์เจียเป็นคนบ้าคอนเสิร์ต เขาไปคอนเสิร์ตใหญ่ทุกทวีป เมืองไทยไปแล้วติดใจ อยากไปบ่อยๆ เพราะค่าใช้จ่ายถูกมาก คุยเก่งมาก เป็นคนตุ้ยนุ้ย ผมน้อย นอนกรนสนั่น ผายลมบ่อยๆ จนลุงชิดซ้ายไปเลย ส่วนอีกคนเป็นหนุ่มบราซิลจากเซาเปาโล มาเที่ยวภรรยา ชาวเปอโตริโก้ ที่เพิ่งมาทำงานที่ดีซี เธอเก่งจัง....เขาแนะนำสถานที่เที่ยวในบราซิลและบ้านเกิดของเขา....คนตุ้ยนุ้ยเล่าเรื่องเขาถูกตบทรัพย์ที่เปอโตริโก้ ขณะนั่งรถแท็กซี่ โดยเอาเชือกฟาดหน้าต่างรถแล้วบังคับให้รถจอด เอาพาสปอร์ตของเขาไป และเรียกเงินด้วย ที่จริงน่าจะเรียกว่า ปล้น...กว่าเขาจะไปขอที่สถานทูตใหม่ได้ก็ติดอยู่ที่นั่น 3 วัน....ป้าคิดในใจว่า นั่นเขาเป็นคนอเมริกัน มีสถานทูตอยู่ทั่วไป ถ้าเป็นคนไทย จะทำไงดี....หนุ่มบราซิล ออกไปเดินเล่นก่อน หนุ่มจอร์เจียตามออกไปทีหลัง...ส่วนเรา
พอแดดร่มลมตก เราก็หิ้วถุงแอ๊ปเปิ้ลกับน้ำ ลงไปหาซื้อของกิน เจอร้านขายของเอื้ออาทร มีของกินแบบเด็กๆ ชิ้นละ 50 ด้วย เห็นคนขายกำลังนับเศษเงินจากลูกค้าที่เหมือนคนเก็บขยะ เห็นแล้วประทับใจ ลูกค้าแบบนี้สามารถซื้อขนมอร่อยชิ้นเล็กๆ ที่ที่อื่นมีแต่ชิ้นใหญ่ราคาแพงมากินพอรู้รสได้ และอาหารชิ้นใหญ่ที่ราคาไม่แพง แม้จะไม่อร่อยแต่ก็ทำให้พวกเขามีชีวิตรอดได้ คนขายเป็นหนุ่มรูปร่างบางๆ หน้าตาประมาณปากีสถาน ตุรกี หรือ อะไรแถวๆ นั้น แต่ยังเป็นที่น่าสงสัยเพราะพวกแขกมักงก แต่หนุ่มคนนี้เอื้ออาทร เขาใส่เสื้อตัวนอกเก่าๆ ยับๆ คลุมเสื้อดูดีที่อยู่ข้างใน เหมือนเจ้าเงาะ
เราซื้อของที่เรากินได้ออกไปกินใต้ร่มไม้ริมสนามฟุตบอลในชุมชนที่เด็กๆ เตะกันเจี๊ยวจ๊าวอยู่หลายกลุ่ม
มีคนจูงหมาเดินผ่านหลายคน คนเดิน และวิ่งออกกำลังกาย หลังเลิกงาน ดูเป็นชุมชนสงบ อยู่สบายๆ ตรงมุมถนนฝั่งตรงข้ามกับหอพัก. 12. พุธที่ 15 มิ.ย. ตื่นเช้าอาบน้ำ นั่งทำงานนอกห้อง รอลุงตื่น เพิ่งรู้ว่านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ที่เดินสวนตอนที่เราลงบันไดหอเมื่อเย็นวาน คือ รูมเมต คนที่เข้าห้องคนสุดท้าย เขาออกไปเข้าห้องน้ำตอนที่ป้านั่งทำงาน แล้วก็แต่งตัวลากกระเป๋าใบใหญ่ออกไป ลุงทำธุระเสร็จ หนุ่มจอร์เจีย เข้าห้องน้ำต่อ ลุงออกมาบอกให้เข้าไปทำงานต่อในห้องคนอื่นๆ ตื่นแล้ว จะได้ชาร์จแบ็ต
หนุ่มจอร์เจีย เข้าห้องมานอนต่อ ขอให้ปิดไฟ แล้วชวนคุย เหมือนเด็กช่างคุย แล้วก็หลับหนี กรนเสียงดัง และผายลมอยู่ในผ้าห่มเป็นระยะ....ส่วนหนุ่มบราซิล ยังคงหลับเงียบกริบ...ป้าทำงานต่อจนแบ็ตใกล้เต็ม จึงได้เวลาดึงผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนออกไปเช็คเอาท์
เวลา 08.35 น. ถึงป้ายรถ G8 ดูเวลาตามตารางรถเข้าป้ายทุก 10 นาที มองไปด้านหลังเป็นโบสถ์ Shiloh Baptist Church มีป้ายติดใต้ป้ายจอดรถประจำทางว่า สำรองที่จอดรถสำหรับงานศพตั้งแต่เวลา 08.30 น.
กว่ารถจะมาก็มีผู้โดยสารคนอื่นๆ มาสมทบอีก 2 คน เป็นสาวร่างเล็กหน้าเอเชีย กับสาวแหม่ม
รถมาช้าไป 5 นาที คนขับเป็นสาวผิวสีร่างใหญ่ พูดไม่อ้าปาก ค่ารถคนละ 1.30 ต้องจ่าย 3 ใบ ไม่มีเงินทอนตามเคย คนขับไม่ยินดีตอบคำถามและรับคำขอร้อง จึงเดินไปข้างใน ลุงเร่งเร้าให้ถามน้องเอเชีย เธอก็ไม่รับบุญ ลุงจะให้ถามคนที่นั่งอยู่เพื่อเอาคำตอบให้ได้ จะได้ลงไม่พลาด ป้าเห็นหน้าแต่ละคนบอกบุญไม่รับ จึงทำมึนให้ลุงโมโหแต่เช้า บอกลุงว่า ให้ดูป้ายถนน I 15th Ave ตามที่ สาวชิคาโก / มิชิแกน เขียนรายละเอียดว่า G8 Bus Farrangut I Street 15th St. ทำให้ไม่พลาด ลุงไม่รู้เรื่อง ถ่ายวิดีโอดับอารมณ์
รถวิ่งไปทางที่เราเดินผ่านเมื่อวาน เห็นป้าย 9th St. กับหัวถนน I ได้ยินประกาศว่า ถนน I ป้าเริ่มจับทางได้ เพราะถนนต่อไปเป็นถนน H รู้เลยว่า รถจะต้องเลี้ยวขวาที่ถนนหนึ่ง แล้ววกกลับถนน I ตอนนั้นค่อยดูตัวเลขถนน กับฟังเสียงประกาศเบาๆ....
ใกล้ถึง ป้าบอกให้ลุงยกเป้เตรียมตัวลง ลุงถามว่า รู้ได้อย่างไร ป้าบอกว่า มีลายแทง
แล้วเราก็เริ่มการตะลุย วอชิงตันดีซี เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ทั้งประเทศประกอบด้วย 50 รัฐ มีพื้นที่รวมทั้งหมด 9,629,091 ตร.กม. มีประชากร 320 ล้านคน รายได้เฉลี่ย $54,596
ใช้ภาษาอังกฤษ แบบอเมริกัน เป็นภาษาราชการ วอชิงตันดีซี เป็นเขตปกครองพิเศษ District of Columbia มีทำเนียบขาว หรือ White House เป็นที่ทำการรัฐบาล สร้างด้วมยหินทรายอะเกรียครีก สีขาว สถาปัตยกรรม คลาสสิก เรเนสซอง เคยถูกกองทัพอังกฤษเผาตอนตั้งประเทศใหม่ๆ แล้วบูรณะใหม่
ปีกตะวันออก คือ อาคารบริหาร Eisenhower Executive Building มี Blair House เป็นที่รับรองอาคันตุกะ มีคฤหาสน์พำนัก 6 ชั้น 132 ห้อง
เราลงรถที่ป้ายถนนที่ 15 เป็น จัตุรัส....มีอนุสาวรีย์ ตามชื่อจัตุรัส ถามสาวทำงานเธอให้ข้ามถนนไปพร้อมกัน แล้วข้ามไปทางขวาอีกที เดินตามถนนลงเนินไปจนสุดตึก มองไปด้านขวาเห็นรถเมโทรบัสจอดอยู่หน้าสวนสาธารณะ มีป้ายตรงมุมถนน ชี้ทางลงไปทำเนียบขาว ซ้ายมือของทางลงเป็นทางจักรยานเราข้ามถนนที่กำลังซ่อมมุมถนน ไปที่มุมสวนสาธารณะ เดินลงไปตามทางเดินที่สองข้างเป็นต้นไม้ใหญ่ ร่มรื่นไปโผล่ที่อนุสาวรีย์ To General La Fayette & His Compatriot ครูกำลังยืนเล่าเรื่องราวของการต่อสู้และการพลีชีพที่มาของอนุสาวรีย์ เด็กนักเรียนยืนเช็ดน้ำตาป้อยๆ...นึกถึงสาวสวยชุดสีแดงเพลิงที่เราเจอที่นิวยอร์ค เมื่อวาน ตอนเดินสวนกันที่หน้าห้างใหญ่มีเสาธง 3 ต้น ป้าถามเธอว่า เขาลดธงครึ่งเสาทำไม เธอหยุดเล่าว่า มีคนตายที่ Orlando เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ป้าไม่ได้ดูข่าวหรือ ป้าบอกว่า เราอยู่ระหว่างเดินทางไม่มีเน็ต เธอบอกว่า มีผู้ก่อการร้ายยิงคนตายที่ออรันโด 42 คน แล้วเธอก็สะอื้น....เช็ดน้ำตาป้อยๆ วัฒนธรรมตะวันตกเป็นแบบนี้ จึงมีคนร่วมงานรำลึกตามที่ต่างๆ มากมายเสมอ เช่น ที่กราวนด์ซีโร่ หรือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว....
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น