ปัญหานักเขียน

กระทู้สนทนา
จู่ๆ ก็อยากรีไรท์ เรื่องนี้ ขึ้นมา...  โดยไม่มีเหตุผลใหญ่ๆๆ  ..
มีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ครับ  

ปล. เรื่องนี้ไม่ได้สร้างมาจากเรื่องจริงๆ ใดๆ ทั้งสิ้น..ไม่ได้พาดพิงถึงใคร  เป็นจินตนาการเพี้ยนๆ เท่านั้น
ถ้าชื่อ สถานที่ อาคาร บ้านเรือน  ไปตรงกับท่านใด เป็นความบังเอิญปานกลางเท่านั้น อภัยใหญ่ๆ...




             ในห้องใหญ่ๆ ของคนร่างใหญ่ และเสียงใหญ่ๆ

            “รู้ไหม...อะไรที่ทำให้ผมเกลียดมหึมาที่สุด”

            ชายวัยค่อนคน ค่อนวัย  แต่ไม่ค่อนเงิน กับท่าทางภูมิฐานมีชาติตระกูลร่ำรวย ระเบิดคำพูดออกมาจากสมองโดยใช้ปากและปอดเป็นตัวกลาง  ก่อนขว้างต้นและปลายฉบับลงบนพื้นโต๊ะอย่างแรง  ทำเอาชายหนุ่มเจ้าของต้นฉบับสะดุ้งเฮือก โยนสายตามองต้นฉบับและตวัดสายตากลับอย่างแรง จ้องมองหน้าคนเจ้าอารมณ์สลับกันไปมาอยู่เช่นนั้น

          “อ่า...มีอะไรหรือครับ....”

          เขาเหวี่ยงคำถามออกจากปากด้วยสีหน้ามึนงงสงสัย เพราะนิยายเรื่องนี้เขาตั้งใจตั้งกายเขียนแบบทุ่มเทสุดชีวิตแทบล้มประดาตาย หลายวันหลายคืน   แต่ตอนนี้เขาไม่เข้าใจอารมณ์ของบรรณาธิการคนนี้เอาเสียเลย บรรณาธิการยิ้มสยองโหดมุมปากแบบมองไม่เห็นคะแนนเป็นบวกเลยสักนิด หยิบต้นฉบับขึ้นมาก่อนเปิดกระดาษไปมาแล้วจิ้มนิ้วไปยังกระดาษหน้าหนึ่งพลางบอกด้วยน้ำเสียงอำมหิต

          “อ่านย่อหน้านี้ซิ”

           หนุ่มนักเขียนขมวดคิ้วเป็นเงื่อนพิรอดมัดหัวใจตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ขณะทำหน้ารันทด ก้มหน้าดูต้นฉบับ ท่อนนี้มันวรรคทองของเขาชัดๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าบรรณาธิการจอมโหดคิดอะไรอยู่ในใจ บ้าชะมัด....พวก บก. ทำไมไม่เข้าใจอารมณ์ศิลปินของคนเขียนเลย

          “อ่านดังๆให้ผมฟัง”

          เสียงประกาศิตโยนออกมาจากปากอีก โดยละลายความไม่พอใจแบบสารละลายอิ่มตัวยิ่งยวด ชายหนุ่มแม้จะไม่เข้าใจจุดประสงค์  แต่เข้าใจในชะตากรรมของตนเองโดยไม่โทษฟ้าดิน ยอมอ่านออกเสียงโดยดี เพราะบรรณาธิการจอมโหดคนนี้มีผลต่อการพิจารณานิยายของเขา หรือชีวิตจิตใจของเขา และเงินในกระเป๋า


          “มือหนาของชายหนุ่มร่างโตคว้ามือบางของหญิงสาวร่างบาง ร่างหนาเคลื่อนเข้าไปใกล้ร่างบาง ร่างบางพยายามเบี่ยงกายหนีมือหนา แต่มือใหญ่ของคนร่างโตยังพยายามคว้ามือเล็ก แต่ร่างบางถอยหลังหลบ มือหนาของคนร่างใหญ่ตัวโตยังยื่นมาแบบมีเจตนา ปากหนายิ้มบางๆ คิ้วกระโดดขึ้นสูงจากองคาพยพ ...ตาโตกะพริบวิบวับ...ตาเล็กหยี ไล่อ่านตัวหนังสือเล็กบาง”


          ยังไมทันอ่านจบย่อหน้านั้น บรรณาธิการก็ยกมือใหญ่โบกไปมา  บอกด้วยเสียงใหญ่ดังว่า

          “ พอแล้วๆ พอๆๆๆ”

          “ทำไมหรือครับ”    ชายหนุ่มถามอย่างผิดหวัง ก่อนกระตุกตัวเองให้นั่งตัวตรง เขาไม่เชื่อว่าจะไม่มีคนเข้าใจความงดงามของงานเขียนย่อหน้านั้น เพราะกว่าจะเขียนออกมาได้... หมายถึงเขาตะลุยอ่านนิยายในโลกนี้มาอย่างดีจนจับแนวทางและวิธีการเขียนของนักเขียนดังๆมาตั้งหลายบรรทัดในรอบสี่ปี...แหม....ร่างใหญ่ร่างเล็กร่างบางตัวหนามือใหญ่มือบางร่างสูง กำลังเป็นที่นิยม ทำไมเขาจะเขียนไม่ได้

          “ทำไมนายวนเวียนอยู่แต่ร่างและมือ อวัยวะสวนอื่นมันไม่น้อยใจหรือ”

           “ผมไม่เข้าใจ...” ชายหนุ่มหมายความตามที่พูด และพูดตามที่คิด และคิดตามที่เขารับฟังมา.... และหมายความตามนั้นบรรณาธิการเหวี่ยงรอยยิ้มหมิ่นๆออกมาจากริมฝีปากบางกึ่งหนาสุดแรงเกิด รอยยิ้มหมิ่นนั้นคมราวกระบี่ไร้เงาเชือดเฉือนความเชื่อมั่นและความภูมิใจของชายหนุ่มรักเขียนขาดกระเด็นกระจุยกระจาย

           “คุณต้องให้เกียรติอวัยวะส่วนอื่นบ้าง ไม่ใช่วนเวียนอยู่แต่กับมือและร่าง อะไรกัน....ทั้งเรื่องมีแต่ ร่างบาง... ร่างใหญ่... มือใหญ่ ตัวโต  ตัวเล็ก ..ร่างใหญ่... แบบนี้มันทำให้พระเอกต้องเป็นคนร่างหนาตัวใหญ่ นางเอกต้องตัวบางร่างเล็ก มันไม่ยุติธรรม รู้ไหม มันไม่ยุติธรรม มันเก็บกดรู้ไหม.....มันเก็บกด  ฮ่วย...”

          บรรณาธิการหลั่งไหลคำพูดออกมาไม่ขาดสายราวเพลงดาบแม่น้ำร้อยสายของซามูไรพ่อลูกอ่อน โอกามิ อิโต ... สีหน้าท่าทางฉาบเคลือบไว้ด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างหนาและความขมขื่นไปทิ้งแม่โขงอย่างสิ้นหวัง เขาโยนสายตาใส่หน้านักเขียนหนุ่มเต็มแรงแล้วแนะนำเสียงบางว่า  (ขนาดเสียงยังบางได้...แล้วอย่างอื่นจะเหลืออะไร)


          “คุณต้องปรับปรุงงานคุณใหม่...ให้ดีกว่านี้....และกว่านี้”

          “แต่นี่มันงานระดับมาสเตอร์พิชของผมนะครับ  ” นักเขียนหนุ่มหลบสายตาได้แบบหวุดหวิด ก่อนเทคำพูดออกมาจากปากบางๆ อย่างระมัดระวังว่า

          “แล้วผมต้องเขียนยังไงครับ”

          บรรณาธิการระบายริมผีปากตัวเองด้วยรอยยิ้มซึ่งจำลองเหตุการณ์มาจากการยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดีวันดีเดย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2487 ก่อนหยิบต้นฉบับขึ้นมาพลางพูดว่า

          “ถ้าเป็นผม... ใช่.....หมายถึงว่าไม่ใช่คุณแน่นอน ผมจะแก้งานย่อหน้านี้ว่า...... ว่า......."

          .... “มือหนาของชายหนุ่มคว้ามือบางของหญิงสาว ตาใหญ่เคลื่อนเข้าไปใกล้ตาเล็ก เท้าบางๆ พยายามเบี่ยงกายหนีปากหนา แต่ปากหนายังพยายามคว้าหูเล็ก แค่จมูกบางถอยหลังหลบก้นหนาที่ยื่นมาแบบมีเจตนาแอบแฝง...หัวใหญ่เคลื่อนเข้าไปใกล้หัวเล็ก แต่เธอเคลื่อนคิ้วเล็กออกห่างปากใหญ่....”

           “โอย....ไอ้บ้า.”

             นักเขียนหนุ่มร้องสุดเสียง ล้มฟาดลงบนพื้นเต็มความยาว ไม่คิดไม่ฝันว่าในจักรวาลนี้จะมีสิ่งมีชีวิตที่มองโลกกว้างขนาดนี้ ความเชื่อมั่นของเขาติดปีกโบยบินสูงขึ้นไปทุกทีแบบไร้อนาคต ลอยไปจนถึงเลยบรรยากาศและกลายเป็นจุณ  งานเขียนเป็นงานที่ไม่ง่ายดายเลย แต่ย่อหน้าเดียวยังทำให้เขาสะท้านสะเทือนไปถึงวัยเด็กอนุบาลน้อยๆ  เขามองโลกแคบเกินไป งานถึงจำกัดอยู่แค่มือกับร่างกายภายนอก... งานเลยออกมามีแต่มือบางร่างบาง.. มือใหญ่...ตัวหนา...ตัวใหญ่..กุมมือเล็ก อะไรประมาณนั้น

            ทำไมเขาไม่คิดนะว่า อวัยวะทุกส่วนของร่างกายมันมี เสรีภาพ เสมอภาค ถราดรภาพ ความเท่าเทียมกัน

           ทำไมเขาไม่นึกถึงข้อนี้มาก่อนเลย ทำไมต้องแต่มือใหญ่กุมมือหนา... ร่างใหญ่จับร่างบาง .... ร่างบางหลบมือใหญ่..ความจริงมันต้องมี... ก้นใหญ่กอดปากเล็ก... ตาใหญ่มองตาเล็กอย่างมีความหมาย...หัวใหญ่ชนหัวเล็ก ให้ตายเถอะ..งานเขียนไม่ง่ายเลย

          และก่อนที่เขาจะเป็นคนสิ้นคิดไปมากกว่านี้ บรรณาธิการจอมโหดก็ฟาดคำพูดออกมาเต็มเบ้าหูเขาว่า

           “อ้ะๆๆ..กฎทุกข้อต้องมีข้อยกเว้น... นายสามารถเอาอวัยวะใด ก็ได้ไปเขียน... มีข้อแม้ว่าห้ามเอาอวัยวะของสงวนไปเขียนเด็ดขาด นายบอกว่าสะดือใหญ่วิ่งหนีหน้าแข้งเล็กได้ แต่ห้ามลามกทะลึ่งเด็ดขาด ข้อนี้ไม่ต้องยกตัวอย่างก็ได้เข้าใจไหม”

          “คร้าบ.....”

          นักเขียนหนุ่มน้ำตานองหน้า แต่เรื่องยังไม่ยุติแค่นี้ เพราะเสียงของบรรณาธิการจอมโหรยังเหวี่ยงไปมาในอากาศราวแผ่นเหล็กมหึมาจนสะท้านสะเทือนหัวใจบอบบาง

          “ยัง ยังไม่พอ ความจริงแล้วต้องให้เกียรติอวัยวะภายในด้วย....ไม่ใช่สนใจแต่ภายนอก..อันเป็นเพียงภาชนะห่อหุ้มของเสีย นายต้องเขียนประมาณว่า....

          เส้นเอ็นของชายหนุ่มคว้าเส้นเลือดของหญิงสาว... ตับหนาเคลื่อนเข้าไปใกล้ลำไล้เล็ก  ตับอ่อนพยายามเบี่ยงกายหนีต่อมลูกหมากหนา แต่กระดูกอ่อนยังพยายามคว้าไตเล็ก แต่เซ่งจี้บางถอยหลังหลบกึ๋นหนาที่ยื่นมาแบบมีเจตนาแอบแฝง...ลำไส้เล็กสะบัดไปมาอย่างขวยเขิน  หญิงสาวรีบพารังไข่เล็กๆหลบออกไปอย่างเอียงอาย  เม็ดเลือดแดงวิ่งพล่านเข้าหาปอดใหญ่เพื่อไปรับแก้สออกซิเจน ”

            หนุ่มนักเขียนลืมตาโพลง อะไรจะบ้าขนาดนี้....แต่หูปานกลาง ยังแว่วคำแนะนำต่อไป

          “นี่เป็นเพียงจุดเริ่มตันเท่านั้น.....ความจริงคุณต้องคำนึงถึง อรูปหรือนามธรรม เอามาใช้ให้หมด เช่น หญิงสาวเคลื่อนความรักหนาๆ ของหล่อนออกห่างจากความหวานบางๆ ของชายหนุ่ม ความคิดถึงใหญ่ๆ ของเขาวางลงบนความอ่อนหวานโตๆ ของเธอ....ดวงตากลมโตของเธอค่อยเปลี่ยนเป็นกลมปานกลาง...และยังไม่พอ คุณต้องใส่ลักษณะอื่นเข้าไปด้วย เช่น  มือหนาสีหม่นเอื้อมหาร่างบางสีขาว  และ”

          ยังไม่ทันจบประโยค นักเขียนหนุ่มก็ถีบตัวเองจนกระเด็นขึ้นมายืนสูง แล้วแหกปากสุดเสียงว่า

           “ตู....ไม่เขียนแล้วโว้ย...ทำไมต้องเอาอวัยวะภายในภายนอกมาบรรยายแทนด้วยฟะ...งือ...แกบ้าใหญ่ๆ ของแกไปคนเดียวเถอะ”

             ว่าแล้ว....มือหนาของชายหนุ่มก็คว้ามือบรรณาธิการ ร่างหนาเคลื่อนเข้าไปใกล้ร่างท้วม ร่างท้วมพยายามเบี่ยงกายหนีมือหนา แต่มือใหญ่ยังพยายามคว้ามืออวบเล็ก แต่ร่างท้วมถอยหลังหลบมือหนาที่ยื่นมาแบบมีเจตนาแอบแผง... แต่ไม่ทันการเสียแล้ว มือหนาอีกข้างซึ่งยื่นมานั้นมันรวดเร็วจนมือท้วมปัดป้องไม่ทัน วัตถุวาววับในมือหนาฉีกอากาศเข้ามาหาร่างท้วม ผ่านมือท้วมที่กำลังเปะปะป่ายปัด

             สวบ !  สวบ !!  สวบใหญ่ !!!

            ว่าแล้วเขาก็วิ่งหนีกระเซอะกระเซิงแบบไม่รู้เหนือไม่รู้ใต้ ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมแม้แต่เจ้าหนี้และเมียของตัวเอง อนิจจา..
<ปล. ย่อหน้านี้คุณเปลวอัคคี(ในสมัยนั้น) ได้เพิ่มเติมเสริมให้ อย่างลงตัว..... ตรงนี้ขออนุญาตคุณเปลวนำงานของคุณเปลวมาเสริมครับ แฮ่>
มือใหญ่และหนา ขยี้มือเล็กและบางอย่างรุนแรงที่สุด..(แล้วมีเจตนาแอบแฝงด้วย) .. ตรงนี้คุณ  kasareev  กรุณาใหญ่ๆ มาเสริมให้หนาๆ

            บรรณาธิการร้องสุดเสียงใหญ่ ร่างหนา.(.เอ้ะ...หรือร่างบางกันแน่ ไม่รู้ไม่สนล่ะ.. เพราะคนเรามัน หนาๆ บางๆ กันได้.. ) ลุกขึ้นวิ่งหนีสุดชีวิต  เขาผิดอะไรมากมายหรืออย่างไร กับการสอนให้นักเขียนรุ่นใหม่พยายามอ้างอิงถึงส่วนของร่างกายและจิตใจ ให้หลุดพ้นจากแนวทางเก่าๆ ที่รุ่นพี่นักเขียนเคยทำไว้..

            มันถึงยุคแล้วที่โลกการเขียนจะเปลี่ยนไป  อะไรก็ใหญ่ๆ หนาๆ โตๆ บางๆ เล็กๆ  ได้ทั้งนั้น ไม่ผิดอันใด ..หรืออย่างไร  เขากะว่าเรื่องหน้าจะต้องเอาให้ถึงระเดับโมเลกุลหรืออะตอมเลย  เช่น โมเลกุลของหัวใจเต้นแรง.... .. ..


            <เผ่นล่ะ....ก่อนมือบางๆ ของคนร่างบาง  จะฟาดลงบนหน้าใหญ่ๆ>
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่