พ่อ พ่อ เดียวก่อนพ่ออย่าเพิ่งทิ้งผมไป พ่อ...............
น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งทียังคงหลับตาอยู่ ดวงหน้าที่ปกติดูมีร่องรอยความโศกเศร้า ดูเหงาไปอีก
คนร่างบางเขย่าตัวคนตัวโตพร้อมกับเรียกให้ตื่นจากฝันร้าย
"อ้วน อ้วน เป็นอะไรหรือเปล่า"
คนร่างบางเขย่าตัวปลุกคนร่างหนาขึ้นจากการหลับฝัน คนที่เพิ่งตื่นจากหลับฝันคว้าตัวคนร่างบางมากอดเอาไว้แน่น
เหมือนกับกลัวว่าอีกคนหนึ่งจะหนีเขาไปไกลแสนไกล
"ฝันถึงพ่ออีกแล้วล่ะสิ"
"ครับ" "หวานพรุ่งนี้ไปทำบุญให้พ่อกันนะคับ อ้วนคิดถึงพ่อ"
"เอาสิก็นานแล้วนะที่อ้วนไม่ได้ไปทำบุญหาท่านพรุ่งนี้ก็ตื่นแต่เข้าไปทำบุญสักหน่อยอ้วนจะได้สบายใจ"
"นอนต่อเถอะ" ร่างบางบอกกับคนข้างๆ"
คนโตตัวพยักหน้าแบบว่าง่าย
ผละจากอ้อมกอดและก็หลับตาลงไปอย่างง่ายดาย
แต่คนที่บอกให้คนร่างหนานอนตัวเองกลับลืมตาโพลงในความมืดมิดนั้นเสียเอง
ย้อนกลับไปในตอนแรกที่เข้าหอพักแล้วรู้ว่าใครเป็นรูมเมท
หนุ่มผมสกินเฮดร่างหนานั้นไม่เคยปริปากอะไรเลยเกี่ยวกับที่บ้านเลย
เพราะต่างคนต่างเรียนกันคนละสาขาวิชาเลยเข้าออกห้องกันคนละเวลา
เวลาจะเจอกันก็เฉพาะหลังเลิกเรียนแล้วเท่านั้น
แต่พอกลับมาถึงห้องคนหนึ่งอยู่มุมประจำของเขาคือนั่งวาดรูปตามสาขาวิชาที่เขาเรียนหนุ่มตัวโตเรียนศิลปกรรม
และชอบขีดๆเขียนอะไรไปเรื่อยเปื่อยตามประสาของคนไม่ค่อยพูด
แต่ใช้พู่กันตวัดและระบายสิ่งต่างๆสะท้อนลงมาในผืนผ้าใบแทน
ส่วนอีกคนก็เป็นคนช่างพูดแต่พอเจอรูมเมทที่เงียบถามคำตอบคำมันก็ทำให้เขาต้องเงียบไป
บรรยากาศในห้องดูอึมครึมพิลึกแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะต่างคนต่างอยู่ในส่วนของตัวเอง
หอพักนักศึกษามีเตียงขนาดสอง3.5 2 เตียงตู้เสื้อผ้าสองใบ โต๊ะเขียนหนังสือและระเบียงหลังห้องพื้นที่แค่ไม่กี่ตารางเมตร
พอเอาข้าวของมาวางและคนอีก 2 คนเข้าไปอยู่อาศัยก็และดูแคบไปถนัดตา
คนร่างบางพยายามจะจัดสรรพื้นที่ให้กว้างและสะดวกที่สุดโดยอีกคนก็
ไม่ได้ปริปากอะไรแถมยังไม่ช่วยอีกต่างหากแต่เมื่อขยับข้าวของไม่ไหวก็ทิ้งขวางไว้กลางห้องแบบนั้น
อีกคนหนึ่งก็คงมองดูด้วยความรำคาญสักพักก็ถามขึ้นมาทำลายบรรยากาศความเงียบไปทันที
"จะเอาไปไว้ตรงไหน" น้ำเสียงไม่ได้บอกบอกว่ารำคาญเจือไปด้วยความเอื้ออาทรนิดนิด
อีกคนหนึ่งที่เหนื่อยล้าเต็มทีก็ชี้มือไปที่มุมห้องซึ่งพอขยับดู้เสื้อผ้าออกที่กั้นระหว่างเตียงสองเตียง
พื้นที่ก็ดูกว้างขวางมากขึ้นกว่าเดิมขึ้นมาทันที
"จะให้ย้ายอะไรอีกไหม" คนตัวโตถามต่อ
คนร่างบางชี้ไปที่โตีะเขียนหนังสือ
"พูดบ้างก็ได้นะ เอาแต่ชี้นิ้วสั่งที่บ้านไม่สอนหรอว่าเวลาขอความช่วยเหลือจากคนอื่นให้พูดขอร้องดีดี"
คนตัวโตกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบไม่ได้ตำหนิอะไรแต่ก็ยกโต๊ะเขียนหนังสือไปด้วยซึ่งตอนนี้ถูกยกมาวางชิดกับหัวเตียงแทน
ระหว่างเตียงนอนสองเตียงซึ่งพื้นที่ด้านซ้ายเป็นของคนตัวโตส่วนคนร่างบางอยู่ด้านขวา
ตู้เสื้อผ้าถูกนำไปชิดกันตรงใกล้ประตูห้องน้ำแทน
"จะไปซื้อน้ำเอาอะไรมั้ย" คนร่างบางถาม คนตัวโตยังยกโต๊ะเขียนหนังสืออยู่ไม่ได้ฟัง
คนร่างบางก็คว้ากระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกห้องไปก่อนประตูจะปิดลง "เอานมเย็นให้แก้วนึงนะ"
ร่างบางยิ้มมุมปากก่อนจะเดินลงบันไดไปเพื่อซื้อน้ำที่ร้านค้าหน้ามหาวิทยาลัย
ความร้อนจากการจัดข้าวของในห้องเรียกเหงือได้ไม่น้อย
คนเดินไปซื้อน้ำบ่นพึมพำในใจตัวเหมือนยักษ์แต่กินนมเย็น
คิดแล้วก็ยิ้มมุมปากเพราะมันช่างขัดกับบุคลิคของอีกคนเหลือเกิน
"ป้าครับเอาชาเขียวหนึ่งแก้ว แล้วก็นมเย็นแก้วหนึ่ง" คนร่างบางสั่งเครื่องดื่มของตัวเองแล้วก็สั่งให้อีกคน
"มาคนเดียวแต่สั่งสองแก้วแบบนี้แสดงว่าสั่งให้แฟนแน่นอนเลย นมเย็นเสียด้วย"
ป้าคนขายน้ำแซว
"ป่าวหรอกป้าให้รูมเมทนะครับ" "อ้าวหรอป้านึกว่าให้แฟนถ้าน้องนุ๊กเกอรืมีแฟนคงน่ารักดีนะป้าว่า"
"หน้าตาเรานี้สาวๆคงชอบเยอะเลยแหละ" ป้ายังคงคุยฟุ้งต่อแต่มือก็สาละวนชงเครื่องดื่มไปด้วย
"ไม่หรอกครับป้ายังเด็กกันอยู่อีกนานครับ"คนฟังตอบไปแบบเลี่ยงๆ
คนร่างบางสนิทสนมกับป้าคนขายน้ำเพราะว่าเค้าได้มาฝากท้องตั้งแต่มาสอบเข้าเรียนที่นี่แล้ว
เลยทำให้สนิทสนมกันดีบวกกับความอัธยาศัยดีของนุ๊กเกอร์ทำให้เป็นที่รักของคนที่พบเจอได้ไม่ยาก
แต้กับรูมเมทของเขาล่ะ ถามคำตอบคำ
ก่อนหน้าจะมาเป็นรูมเมทกันสองคนนี้ก็เคยเจอกันมาก่อนแล้วในวันเปิดภาคเรียน
นุ๊กเกอร์ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวขาวตาโตและจมุกโด่งรับกับปากสีแดงระเรื่อนั้นทำให้ชวนมองเป็นพิเศษ
เขามาถึงมหาวิทยาลัยก่อนเวลาสักพักแล้วก็เดินเล่นชมบรรยากาศรอบมหาวิทยาลั กำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆฟ้าครึ้มนิดหน่อย
บรรยากาศเช้านี้ก็ดูสดชื่นในต้นฤดูฝน หยดมีละอองหยดน้ำเกาะบนใบไม้ปลายหญ้าสีเขียวสดใสสะอาดตาชวนมองชวนชม
จู่ๆฝนก็เทกระจาดลงมานักศึกษาที่เดินมาเมื่อตะกี้ต่างวิ่งกรูหลบฝนกันใหญ่ตามสองข้างทางเดินตอนนี้
นักศึกษาหลายคนก็รีบเบียดเสียดกันหลบฝนตามศาลานั่งพักสองข้างทางเดินก็เหลือศาลาหลังสุดท้าย
ตรงหน้าทางเชื่อมขึ้นหอสมุดที่ยังว่างอยู่นุ๊กเกอร์ก็รีบวิ่งไปอีกที
พร้อมกับกลุ่มเพื่อนนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่มัวแต่ชื่นชอบบบรยากาศรอบมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน
พอเข้ามาคนที่มาก็นหน้าก็นั่งลงก่อนซึ่งอีกคนก็ตามเขามาก็เปียกไม่น้อยไปกว่ากัน
"นึกจะตกก็ตกคน" ตามมาทีหลังบ่นอุบ
ส่วนกลุ่มที่มาก่อนหน้าก็เบียดเสียดกันหาที่นั่งเพื่อหลบสายฝนที่โปรยปรายลงมาและดูท่าว่าจะหนักเอาการ
"โดนรับน้องซะแล้ว"หนึ่งในกลุ่มที่มาก่อนหน้าบ่นปนรอยยิ้มแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจริงจังอะไรมากนักออกแนวตลกขบขันมากกว่า
บรรยากาศของความเงียบเริ่มปกคลุมในพื้นที่เพราะต่างคนก็เป็นแปลกหน้าซึ่งกันและกันแทบทั้งหมด
วัยวุ่นลุ้นรัก(หนุ่ม)นักศึกษา ตอนที่ 1
น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งทียังคงหลับตาอยู่ ดวงหน้าที่ปกติดูมีร่องรอยความโศกเศร้า ดูเหงาไปอีก
คนร่างบางเขย่าตัวคนตัวโตพร้อมกับเรียกให้ตื่นจากฝันร้าย
"อ้วน อ้วน เป็นอะไรหรือเปล่า"
คนร่างบางเขย่าตัวปลุกคนร่างหนาขึ้นจากการหลับฝัน คนที่เพิ่งตื่นจากหลับฝันคว้าตัวคนร่างบางมากอดเอาไว้แน่น
เหมือนกับกลัวว่าอีกคนหนึ่งจะหนีเขาไปไกลแสนไกล
"ฝันถึงพ่ออีกแล้วล่ะสิ"
"ครับ" "หวานพรุ่งนี้ไปทำบุญให้พ่อกันนะคับ อ้วนคิดถึงพ่อ"
"เอาสิก็นานแล้วนะที่อ้วนไม่ได้ไปทำบุญหาท่านพรุ่งนี้ก็ตื่นแต่เข้าไปทำบุญสักหน่อยอ้วนจะได้สบายใจ"
"นอนต่อเถอะ" ร่างบางบอกกับคนข้างๆ"
คนโตตัวพยักหน้าแบบว่าง่าย
ผละจากอ้อมกอดและก็หลับตาลงไปอย่างง่ายดาย
แต่คนที่บอกให้คนร่างหนานอนตัวเองกลับลืมตาโพลงในความมืดมิดนั้นเสียเอง
ย้อนกลับไปในตอนแรกที่เข้าหอพักแล้วรู้ว่าใครเป็นรูมเมท
หนุ่มผมสกินเฮดร่างหนานั้นไม่เคยปริปากอะไรเลยเกี่ยวกับที่บ้านเลย
เพราะต่างคนต่างเรียนกันคนละสาขาวิชาเลยเข้าออกห้องกันคนละเวลา
เวลาจะเจอกันก็เฉพาะหลังเลิกเรียนแล้วเท่านั้น
แต่พอกลับมาถึงห้องคนหนึ่งอยู่มุมประจำของเขาคือนั่งวาดรูปตามสาขาวิชาที่เขาเรียนหนุ่มตัวโตเรียนศิลปกรรม
และชอบขีดๆเขียนอะไรไปเรื่อยเปื่อยตามประสาของคนไม่ค่อยพูด
แต่ใช้พู่กันตวัดและระบายสิ่งต่างๆสะท้อนลงมาในผืนผ้าใบแทน
ส่วนอีกคนก็เป็นคนช่างพูดแต่พอเจอรูมเมทที่เงียบถามคำตอบคำมันก็ทำให้เขาต้องเงียบไป
บรรยากาศในห้องดูอึมครึมพิลึกแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะต่างคนต่างอยู่ในส่วนของตัวเอง
หอพักนักศึกษามีเตียงขนาดสอง3.5 2 เตียงตู้เสื้อผ้าสองใบ โต๊ะเขียนหนังสือและระเบียงหลังห้องพื้นที่แค่ไม่กี่ตารางเมตร
พอเอาข้าวของมาวางและคนอีก 2 คนเข้าไปอยู่อาศัยก็และดูแคบไปถนัดตา
คนร่างบางพยายามจะจัดสรรพื้นที่ให้กว้างและสะดวกที่สุดโดยอีกคนก็
ไม่ได้ปริปากอะไรแถมยังไม่ช่วยอีกต่างหากแต่เมื่อขยับข้าวของไม่ไหวก็ทิ้งขวางไว้กลางห้องแบบนั้น
อีกคนหนึ่งก็คงมองดูด้วยความรำคาญสักพักก็ถามขึ้นมาทำลายบรรยากาศความเงียบไปทันที
"จะเอาไปไว้ตรงไหน" น้ำเสียงไม่ได้บอกบอกว่ารำคาญเจือไปด้วยความเอื้ออาทรนิดนิด
อีกคนหนึ่งที่เหนื่อยล้าเต็มทีก็ชี้มือไปที่มุมห้องซึ่งพอขยับดู้เสื้อผ้าออกที่กั้นระหว่างเตียงสองเตียง
พื้นที่ก็ดูกว้างขวางมากขึ้นกว่าเดิมขึ้นมาทันที
"จะให้ย้ายอะไรอีกไหม" คนตัวโตถามต่อ
คนร่างบางชี้ไปที่โตีะเขียนหนังสือ
"พูดบ้างก็ได้นะ เอาแต่ชี้นิ้วสั่งที่บ้านไม่สอนหรอว่าเวลาขอความช่วยเหลือจากคนอื่นให้พูดขอร้องดีดี"
คนตัวโตกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบไม่ได้ตำหนิอะไรแต่ก็ยกโต๊ะเขียนหนังสือไปด้วยซึ่งตอนนี้ถูกยกมาวางชิดกับหัวเตียงแทน
ระหว่างเตียงนอนสองเตียงซึ่งพื้นที่ด้านซ้ายเป็นของคนตัวโตส่วนคนร่างบางอยู่ด้านขวา
ตู้เสื้อผ้าถูกนำไปชิดกันตรงใกล้ประตูห้องน้ำแทน
"จะไปซื้อน้ำเอาอะไรมั้ย" คนร่างบางถาม คนตัวโตยังยกโต๊ะเขียนหนังสืออยู่ไม่ได้ฟัง
คนร่างบางก็คว้ากระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกห้องไปก่อนประตูจะปิดลง "เอานมเย็นให้แก้วนึงนะ"
ร่างบางยิ้มมุมปากก่อนจะเดินลงบันไดไปเพื่อซื้อน้ำที่ร้านค้าหน้ามหาวิทยาลัย
ความร้อนจากการจัดข้าวของในห้องเรียกเหงือได้ไม่น้อย
คนเดินไปซื้อน้ำบ่นพึมพำในใจตัวเหมือนยักษ์แต่กินนมเย็น
คิดแล้วก็ยิ้มมุมปากเพราะมันช่างขัดกับบุคลิคของอีกคนเหลือเกิน
"ป้าครับเอาชาเขียวหนึ่งแก้ว แล้วก็นมเย็นแก้วหนึ่ง" คนร่างบางสั่งเครื่องดื่มของตัวเองแล้วก็สั่งให้อีกคน
"มาคนเดียวแต่สั่งสองแก้วแบบนี้แสดงว่าสั่งให้แฟนแน่นอนเลย นมเย็นเสียด้วย"
ป้าคนขายน้ำแซว
"ป่าวหรอกป้าให้รูมเมทนะครับ" "อ้าวหรอป้านึกว่าให้แฟนถ้าน้องนุ๊กเกอรืมีแฟนคงน่ารักดีนะป้าว่า"
"หน้าตาเรานี้สาวๆคงชอบเยอะเลยแหละ" ป้ายังคงคุยฟุ้งต่อแต่มือก็สาละวนชงเครื่องดื่มไปด้วย
"ไม่หรอกครับป้ายังเด็กกันอยู่อีกนานครับ"คนฟังตอบไปแบบเลี่ยงๆ
คนร่างบางสนิทสนมกับป้าคนขายน้ำเพราะว่าเค้าได้มาฝากท้องตั้งแต่มาสอบเข้าเรียนที่นี่แล้ว
เลยทำให้สนิทสนมกันดีบวกกับความอัธยาศัยดีของนุ๊กเกอร์ทำให้เป็นที่รักของคนที่พบเจอได้ไม่ยาก
แต้กับรูมเมทของเขาล่ะ ถามคำตอบคำ
ก่อนหน้าจะมาเป็นรูมเมทกันสองคนนี้ก็เคยเจอกันมาก่อนแล้วในวันเปิดภาคเรียน
นุ๊กเกอร์ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวขาวตาโตและจมุกโด่งรับกับปากสีแดงระเรื่อนั้นทำให้ชวนมองเป็นพิเศษ
เขามาถึงมหาวิทยาลัยก่อนเวลาสักพักแล้วก็เดินเล่นชมบรรยากาศรอบมหาวิทยาลั กำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆฟ้าครึ้มนิดหน่อย
บรรยากาศเช้านี้ก็ดูสดชื่นในต้นฤดูฝน หยดมีละอองหยดน้ำเกาะบนใบไม้ปลายหญ้าสีเขียวสดใสสะอาดตาชวนมองชวนชม
จู่ๆฝนก็เทกระจาดลงมานักศึกษาที่เดินมาเมื่อตะกี้ต่างวิ่งกรูหลบฝนกันใหญ่ตามสองข้างทางเดินตอนนี้
นักศึกษาหลายคนก็รีบเบียดเสียดกันหลบฝนตามศาลานั่งพักสองข้างทางเดินก็เหลือศาลาหลังสุดท้าย
ตรงหน้าทางเชื่อมขึ้นหอสมุดที่ยังว่างอยู่นุ๊กเกอร์ก็รีบวิ่งไปอีกที
พร้อมกับกลุ่มเพื่อนนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่มัวแต่ชื่นชอบบบรยากาศรอบมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน
พอเข้ามาคนที่มาก็นหน้าก็นั่งลงก่อนซึ่งอีกคนก็ตามเขามาก็เปียกไม่น้อยไปกว่ากัน
"นึกจะตกก็ตกคน" ตามมาทีหลังบ่นอุบ
ส่วนกลุ่มที่มาก่อนหน้าก็เบียดเสียดกันหาที่นั่งเพื่อหลบสายฝนที่โปรยปรายลงมาและดูท่าว่าจะหนักเอาการ
"โดนรับน้องซะแล้ว"หนึ่งในกลุ่มที่มาก่อนหน้าบ่นปนรอยยิ้มแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจริงจังอะไรมากนักออกแนวตลกขบขันมากกว่า
บรรยากาศของความเงียบเริ่มปกคลุมในพื้นที่เพราะต่างคนก็เป็นแปลกหน้าซึ่งกันและกันแทบทั้งหมด