สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
มีต่อค่ะ
ชอบตัวละครไหนมากที่สุด
ตอบแบบคนลำเอียงรักลูกไม่เท่ากันเลยนะคะว่าชอบ ‘เฉินหมิง’ ที่สุดค่ะ เขาเป็นตัวละครหนึ่งในไม่กี่ตัวที่เคยเขียนมาแล้วมี ‘เสียงของตัวเอง’ คือไม่ดำเนินเรื่องไปตามที่เราบอก แต่เป็นฝ่ายบอกเราว่าจะเดินเรื่องไปทางไหนบ้าง คือขอมีชีวิตเป็นของตัวเองว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ เขาไม่ได้เป็นพระรองหรือตัวร้ายนะคะ แต่เป็นพระเอกที่นางเอกไม่รักในภาคนี้เท่านั้นเอง เฉินหมิงมีความน่าสงสารสูงมาก เขาไม่เคยรับรู้เรื่องเลวร้ายที่พ่อกับพี่ชายทำ ถูกดึงมาเป็นเครื่องมือในสงครามระหว่างแก๊ง เหมือนเด็กน้อยที่ถูกบังคับให้โตก่อนวัย เป็นเครื่องแก้วที่เต็มไปด้วยรอยร้าว ต้องมีคนที่รู้วิธีประคับประคองถึงจะรู้ว่าแตะต้องเขาอย่างไร เขาถึงจะไม่แหลกสลายลงมาต่อหน้าต่อตา และคนเดียวที่ทำได้ก็คือบัวบูชา นางเอกในภาคถัดไปของเขานั่นเองค่ะ
แบ่งเวลาในการเขียนอย่างไรคะ
ข้อนี้เป็นคำถามที่ยากมากเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะเป็นคนเขียนตลอดเวลาเลย ส่วนมากจะพักแค่เสาร์หรืออาทิตย์ แต่ที่เหลือจะเขียนตลอด ไปไหนมาไหนจะมีสมุดไว้เล่มหนึ่ง คอยจด คอยเขียนไอเดียต่างๆ แล้วค่อยมาขยายต่อเวลากลับถึงบ้านแล้ว ไม่ชอบพกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กนะคะ รู้สึกว่ามันต้องคอยระวังดูแลมาก มันไม่อิสระ
เคยเหนื่อยหรือท้อจากการเขียนบ้างไหม
ไม่เคยเลยค่ะ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก แล้วเลี้ยงชีพตัวเองและครอบครัวได้ จะเครียดก็ตอนทำงานไม่ทันเดดไลน์นี่แหละค่ะ ซึ่ง...ก็ไม่เคยทันนะคะ (หัวเราะ)
หลักและแนวคิดในการทำงานของชญาน์พิมพ์คืออะไรคะ
คนอ่านคือคนสำคัญที่สุดของทอฟฟี่เพราะเราเขียนงานให้ทุกคนอ่าน ฉะนั้นทอฟฟี่จะนึกถึงความสุขของนักอ่านเป็นหลักเลยค่ะ เราต้องรู้ตัวก่อนว่าในเมื่อเรานึกถึงความสุขของทุกคนแบบนี้ แนวทางของเราคือประโลมโลกแน่นอน ไม่ใช่งานสายประกวด งานสายรางวัลซึ่งจะละเมียดกว่างานเรามาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็อย่ามัวแต่ใส่ฉากที่ให้คนอ่านฟิน หรือมีความสุขลงไปอย่างเดียว นิยายจะประโลมโลกอย่างไรก็แล้วแต่ ควรให้คนอ่านได้ความรู้หรือข้อคิดติดหัวไปบ้างหลังอ่านจบ เราควรเป็นทั้งที่พักพิงทางใจให้คนอ่านได้ผ่อนคลายความเคร่งเครียดความเหน็ดเหนื่อยจากโลกภายนอก ได้มาหาโอเอซิสกลางทะเลทราย พักใจสักครู่ แล้วกลับออกไปสู้ชีวิตใหม่ โลกแห่งความเป็นจริงมันไม่สวยหรอกค่ะ แต่นักเขียนอย่างเราก็มีหน้าที่ทำให้มันสวย แม้แต่ในจินตนาการก็ยังดี
ฝากถึงนักอ่านและแฟนละครทีนะคะ
ขอบพระคุณที่ให้การสนับสนุนชญาน์พิมพ์เสมอมาค่ะ ถ้าไม่มีทุกคนคอยให้กำลังใจ ติดตามผลงานในวันนั้นก็ไม่มีชญาน์พิมพ์ในวันนี้ หลายๆ คนมักพูดว่า เราโตมากับนิยายคุณทอฟฟี่นะ เราเลยตามดูละครด้วย โอ้โห ใจทอฟฟี่พองโตมาก คือกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ทำให้ทอฟฟี่สู้กับอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตมาได้จนทุกวันนี้ และมีแรงผลักดันในการเขียนนิยายต่อไปจริงๆ ค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ขอฝากละครด้วยนะคะ ถือเป็น “นิยาย” อีกรูปแบบหนึ่ง เพียงแต่ไปปรากฏบนหน้าจอเท่านั้นเอง ทีมงานและนักแสดงทุกคนทุ่มเทกันเต็มที่ และสู้อย่างมากให้งานออกมาสู่สายตาของผู้ชมได้ แดเนียล ฟ้าใส เฉินหมิง เฉินเปียว ปุยฝ้าย ทุกตัวละครที่อยู่ในเรื่องล้วนแล้วแต่มีชีวิตชีวาเหมือนเดินออกมาจากหนังสือจริงๆ ค่ะ ทอฟฟี่ประทับใจมาก ขอบพระคุณมงคลการละครและช่อง 7 รวมไปถึงนักแสดงทุกท่าน ที่มาร่วมเป็น ‘กาลครั้งหนึ่ง...ในหัวใจ’ ของชญาน์พิมพ์นะคะ
เป็นอย่างไรบ้างคะ นักเขียนคนเก่งผู้อยู่เบื้องหลังนิยายสุดฟิน สถาพรบุ๊คส์ต้องขอขอบคุณชญาน์พิมพ์มากๆ เลยนะคะที่มาเล่าถึงเบื้องหลังและให้ข้อคิดดีๆ มากมาย ใครที่เป็นแฟนละคร 'กาลครั้งหนึ่ง...ในหัวใจ' อยากให้ลองติดตามฉบับนวนิยายดูบ้าง แม้จะคนละอรรถรสและความสนุกความฟินไม่แพ้กันแน่นอน และทางที่ดีแนะนำให้ติดตามครบทุกเล่มในชุดเลย
นวนิยายชุด RCA โดย ชญาน์พิมพ์ ออกมาแล้วทั้งหมด 3 เล่ม ได้แก่ 'กาลครั้งหนึ่ง...ในหัวใจ' 'ตราบดินสิ้นฟ้า...สัญญารักนิรันดร์' และ 'เพียงเธอ' นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันลูกให้ติดตามกันได้ใน 'รักร้อยถ้อยคำ' ช่องทางอ่านนวนิยายออนไลน์บน www.satapornbooks.com สามารถเข้าไปติดตามกันได้ที่ http://www.satapornbooks.co.th/SPBmag/
เท่าที่ตามข่าวมาตลอด หนังสือต้องพิมพ์เพิ่มด้วยค่ะ มีคนตามหนังสือเยอะ ดีใจกับทุก ๆ ท่านที่มีส่วนร่วมกับละครเรื่องนี้นะคะ ยินดีด้วยจริง ๆ
อ่านแล้วรู้เลยว่าทำไมละครเรื่องนี้ถึงได้ละมุนละไมนัก เพราะตั้งแต่ตัวหนังสือนิยายความคิดของผู้แต่งอย่างคุณทอฟฟี่ก็ละมุนละไมอยู่แล้วและยังถ่ายทอดลงมาแทบจะทุกตัวอักษรในหนังสือของเธอ
ไฮไลท์อยู่ตรงนี้นะคะทุกคน เพราะผมอยากทำต่อ คุณเติ้ลต้องทำนะคะ อุ๊บอิ๊บเกี่ยวก้อยสัญญานะตัวเอง
ชอบตัวละครไหนมากที่สุด
ตอบแบบคนลำเอียงรักลูกไม่เท่ากันเลยนะคะว่าชอบ ‘เฉินหมิง’ ที่สุดค่ะ เขาเป็นตัวละครหนึ่งในไม่กี่ตัวที่เคยเขียนมาแล้วมี ‘เสียงของตัวเอง’ คือไม่ดำเนินเรื่องไปตามที่เราบอก แต่เป็นฝ่ายบอกเราว่าจะเดินเรื่องไปทางไหนบ้าง คือขอมีชีวิตเป็นของตัวเองว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ เขาไม่ได้เป็นพระรองหรือตัวร้ายนะคะ แต่เป็นพระเอกที่นางเอกไม่รักในภาคนี้เท่านั้นเอง เฉินหมิงมีความน่าสงสารสูงมาก เขาไม่เคยรับรู้เรื่องเลวร้ายที่พ่อกับพี่ชายทำ ถูกดึงมาเป็นเครื่องมือในสงครามระหว่างแก๊ง เหมือนเด็กน้อยที่ถูกบังคับให้โตก่อนวัย เป็นเครื่องแก้วที่เต็มไปด้วยรอยร้าว ต้องมีคนที่รู้วิธีประคับประคองถึงจะรู้ว่าแตะต้องเขาอย่างไร เขาถึงจะไม่แหลกสลายลงมาต่อหน้าต่อตา และคนเดียวที่ทำได้ก็คือบัวบูชา นางเอกในภาคถัดไปของเขานั่นเองค่ะ
แบ่งเวลาในการเขียนอย่างไรคะ
ข้อนี้เป็นคำถามที่ยากมากเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะเป็นคนเขียนตลอดเวลาเลย ส่วนมากจะพักแค่เสาร์หรืออาทิตย์ แต่ที่เหลือจะเขียนตลอด ไปไหนมาไหนจะมีสมุดไว้เล่มหนึ่ง คอยจด คอยเขียนไอเดียต่างๆ แล้วค่อยมาขยายต่อเวลากลับถึงบ้านแล้ว ไม่ชอบพกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กนะคะ รู้สึกว่ามันต้องคอยระวังดูแลมาก มันไม่อิสระ
เคยเหนื่อยหรือท้อจากการเขียนบ้างไหม
ไม่เคยเลยค่ะ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก แล้วเลี้ยงชีพตัวเองและครอบครัวได้ จะเครียดก็ตอนทำงานไม่ทันเดดไลน์นี่แหละค่ะ ซึ่ง...ก็ไม่เคยทันนะคะ (หัวเราะ)
หลักและแนวคิดในการทำงานของชญาน์พิมพ์คืออะไรคะ
คนอ่านคือคนสำคัญที่สุดของทอฟฟี่เพราะเราเขียนงานให้ทุกคนอ่าน ฉะนั้นทอฟฟี่จะนึกถึงความสุขของนักอ่านเป็นหลักเลยค่ะ เราต้องรู้ตัวก่อนว่าในเมื่อเรานึกถึงความสุขของทุกคนแบบนี้ แนวทางของเราคือประโลมโลกแน่นอน ไม่ใช่งานสายประกวด งานสายรางวัลซึ่งจะละเมียดกว่างานเรามาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็อย่ามัวแต่ใส่ฉากที่ให้คนอ่านฟิน หรือมีความสุขลงไปอย่างเดียว นิยายจะประโลมโลกอย่างไรก็แล้วแต่ ควรให้คนอ่านได้ความรู้หรือข้อคิดติดหัวไปบ้างหลังอ่านจบ เราควรเป็นทั้งที่พักพิงทางใจให้คนอ่านได้ผ่อนคลายความเคร่งเครียดความเหน็ดเหนื่อยจากโลกภายนอก ได้มาหาโอเอซิสกลางทะเลทราย พักใจสักครู่ แล้วกลับออกไปสู้ชีวิตใหม่ โลกแห่งความเป็นจริงมันไม่สวยหรอกค่ะ แต่นักเขียนอย่างเราก็มีหน้าที่ทำให้มันสวย แม้แต่ในจินตนาการก็ยังดี
ฝากถึงนักอ่านและแฟนละครทีนะคะ
ขอบพระคุณที่ให้การสนับสนุนชญาน์พิมพ์เสมอมาค่ะ ถ้าไม่มีทุกคนคอยให้กำลังใจ ติดตามผลงานในวันนั้นก็ไม่มีชญาน์พิมพ์ในวันนี้ หลายๆ คนมักพูดว่า เราโตมากับนิยายคุณทอฟฟี่นะ เราเลยตามดูละครด้วย โอ้โห ใจทอฟฟี่พองโตมาก คือกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ทำให้ทอฟฟี่สู้กับอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตมาได้จนทุกวันนี้ และมีแรงผลักดันในการเขียนนิยายต่อไปจริงๆ ค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ขอฝากละครด้วยนะคะ ถือเป็น “นิยาย” อีกรูปแบบหนึ่ง เพียงแต่ไปปรากฏบนหน้าจอเท่านั้นเอง ทีมงานและนักแสดงทุกคนทุ่มเทกันเต็มที่ และสู้อย่างมากให้งานออกมาสู่สายตาของผู้ชมได้ แดเนียล ฟ้าใส เฉินหมิง เฉินเปียว ปุยฝ้าย ทุกตัวละครที่อยู่ในเรื่องล้วนแล้วแต่มีชีวิตชีวาเหมือนเดินออกมาจากหนังสือจริงๆ ค่ะ ทอฟฟี่ประทับใจมาก ขอบพระคุณมงคลการละครและช่อง 7 รวมไปถึงนักแสดงทุกท่าน ที่มาร่วมเป็น ‘กาลครั้งหนึ่ง...ในหัวใจ’ ของชญาน์พิมพ์นะคะ
เป็นอย่างไรบ้างคะ นักเขียนคนเก่งผู้อยู่เบื้องหลังนิยายสุดฟิน สถาพรบุ๊คส์ต้องขอขอบคุณชญาน์พิมพ์มากๆ เลยนะคะที่มาเล่าถึงเบื้องหลังและให้ข้อคิดดีๆ มากมาย ใครที่เป็นแฟนละคร 'กาลครั้งหนึ่ง...ในหัวใจ' อยากให้ลองติดตามฉบับนวนิยายดูบ้าง แม้จะคนละอรรถรสและความสนุกความฟินไม่แพ้กันแน่นอน และทางที่ดีแนะนำให้ติดตามครบทุกเล่มในชุดเลย
นวนิยายชุด RCA โดย ชญาน์พิมพ์ ออกมาแล้วทั้งหมด 3 เล่ม ได้แก่ 'กาลครั้งหนึ่ง...ในหัวใจ' 'ตราบดินสิ้นฟ้า...สัญญารักนิรันดร์' และ 'เพียงเธอ' นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันลูกให้ติดตามกันได้ใน 'รักร้อยถ้อยคำ' ช่องทางอ่านนวนิยายออนไลน์บน www.satapornbooks.com สามารถเข้าไปติดตามกันได้ที่ http://www.satapornbooks.co.th/SPBmag/
เท่าที่ตามข่าวมาตลอด หนังสือต้องพิมพ์เพิ่มด้วยค่ะ มีคนตามหนังสือเยอะ ดีใจกับทุก ๆ ท่านที่มีส่วนร่วมกับละครเรื่องนี้นะคะ ยินดีด้วยจริง ๆ
และอย่าดัดแปลงให้เฉินหมิงตายเป็นอันขาด ในภาคนี้เขาอาจจะเป็นพระเอกที่นางเอกไม่เลือก แต่ภาคหน้าเขามีนางเอกชื่อบัวบูชาเป็นของตัวเองอยู่นะคะ ซึ่งคุณติ้ลเองก็บอกไว้ว่าไม่ให้เฉินหมิงตายหรอกครับพี่ เพราะผมอยากทำต่อ
อ่านแล้วรู้เลยว่าทำไมละครเรื่องนี้ถึงได้ละมุนละไมนัก เพราะตั้งแต่ตัวหนังสือนิยายความคิดของผู้แต่งอย่างคุณทอฟฟี่ก็ละมุนละไมอยู่แล้วและยังถ่ายทอดลงมาแทบจะทุกตัวอักษรในหนังสือของเธอ
ไฮไลท์อยู่ตรงนี้นะคะทุกคน เพราะผมอยากทำต่อ คุณเติ้ลต้องทำนะคะ อุ๊บอิ๊บเกี่ยวก้อยสัญญานะตัวเอง
แสดงความคิดเห็น
///***///เปิดใจ ‘ชญาน์พิมพ์’ เจ้าของบทประพันธ์ถึงละครสุดฟิน ‘กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ’
ก่อนอื่น อยากให้ชญาน์พิมพ์แนะนำตัวสักนิดนะคะ
สวัสดีค่ะ ทอฟฟี่ ชญาน์พิมพ์ค่ะ
ชญาน์พิมพ์ติดตามการถ่ายทำละคร ‘กาลครั้งหนึ่ง…ในหัวใจ’ มาอย่างต่อเนื่องเลย ตอนที่เห็นละครที่สร้างจากนวนิยายของตัวเองเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกอย่างไรบ้างคะ
ตื่นเต้นนะคะ ไม่เคยคิดว่านิยายของตัวเองจะเป็นละครได้ เวลาเขียนก็ตั้งใจเขียนในแบบของนิยายไม่เคยคิดเผื่อว่าวันหนึ่งจะได้เป็นละครเลย แถมยังเป็นนิยายเรื่องที่สองในชีวิตที่เขียนในช่วงวัยหวานแหววคืออายุ 20 กลางๆ อีกต่างหาก พอผ่านมา 10 ปีแล้วได้มาเป็นภาพเคลื่อนไหวบนจอก็รู้สึกเขินๆ อยู่เหมือนกันค่ะ
กาลครั้งหนึ่ง…ในหัวใจ’ เวอร์ชันละคร ประทับใจอย่างไรบ้างคะ
ประทับใจตั้งแต่เรื่องที่คุณเติ้ล-ตะวัน จารุจินดา ไฟแรงและมีความคิดหัวก้าวหน้า กล้าเลือกนิยายและเนื้อหาที่ไม่น่าจะตรงกับกลุ่มคนดูของช่องมาทำแล้วค่ะ แถมยังแคสติงนักแสดงที่ถือว่าหน้าใหม่มากในขณะนั้นมาเป็นนักแสดงนำ น้องมิกค์ ทองระย้าก็เพิ่งจะขึ้นมาเป็นพระเอกละครกลางคืนเต็มตัว น้องพิม พิมประภาก็ถือว่าเรื่องแรก แล้วไหนจะน้องบูม กิตตน์ก้อง น้องเมฆ จุติ คือเรียกได้ว่าอาจมีประสบการณ์กันมาบ้าง แต่ก็ถือเป็นหน้าใหม่สำหรับการเป็นนักแสดงนำของละครหลังข่าวภาคค่ำนะคะ
แต่เชื่อไหมวันที่ไปบวงสรวงแล้วพบน้องๆ ตัวจริงทุกคนแล้วรู้เลยว่า คุณเติ้ลมีความละเอียดลออในการคัดเลือกมาก ทั้งเรื่องความสูงของบอสแดเนียลและฟ้าใสที่ต้องสูงห่างกันถึง 27 เซนติเมตรตามบทประพันธ์ เรื่องของเสื้อผ้า สีสันประจำตัวของตัวละคร สัญลักษณ์ต่างๆ ในเรื่อง ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่าไม่มีอะไรที่ใส่เข้าไปในฉากโดยไม่มีนัยยะแฝงเลย อย่างฉากที่บ้านเฉินหมิง ก่อนที่เขาจะวาดภาพฟ้าใสก็มีช็อตภาพแมวดำนั่งอยู่ด้วย เป็นการสื่อถึงเรื่องราวของเฉินหมิงในภาคถัดไปอย่าง ‘ตราบดินสิ้นฟ้า...สัญญารักนิรันดร์’ ด้วย ละเอียดไหมล่ะคะ กระทั่งตอนที่นางเอกเลือดกำเดาไหล หนังสือเล่มที่กระแทกจมูกนางเอกเลือดออก หน้าปกจะเห็นคำว่า Accident ชัดมาก เป็นมุกขำขันเล็กๆ ที่มีนัยยะอยู่ตลอดเรื่องเลย
จะทำอะไรแบบนี้ได้ ต้องมีคนเขียนบทที่ใส่ใจเนื้อหา มีผู้กำกับที่มีความละเอียดเหนือมนุษย์ (หัวเราะ) และทีมงานที่พร้อมลุยไปด้วยกัน นักแสดงเองก็มีพัฒนาการในการแสดงแบบก้าวกระโดดกันทุกคน ทอฟฟี่เป็นเจ้าของนวนิยาย ดูแล้วยังชื่นใจ ไม่ได้ขอให้ต้องเคารพบทประพันธ์ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกค่ะ การที่ตั้งใจสร้างผลงานชนิดทุ่มสุดตัวแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการเคารพบทประพันธ์ของทอฟฟี่อย่างที่สุดแล้ว แล้วทอฟฟี่ก็คงไม่ร้องขออะไรมากไปกว่านี้
มีส่วนไหนที่เปลี่ยนแปลงไปจากบทประพันธ์บ้าง
เอ...จริงๆ ต้องถามว่ามีตรงไหนที่เหมือนบ้างดีกว่าไหมคะ (หัวเราะ) วันที่ไปเซ็นสัญญากัน คุณเติ้ลถามว่าอยากให้คงอะไรไว้บ้าง ทอฟฟี่ตอบเลยค่ะว่าขอแค่ตัดฉากรุนแรงที่พระเอกรังแกนางเอกในเรื่องออก และอย่าดัดแปลงให้เฉินหมิงตายเป็นอันขาด ในภาคนี้เขาอาจจะเป็นพระเอกที่นางเอกไม่เลือก แต่ภาคหน้าเขามีนางเอกชื่อบัวบูชาเป็นของตัวเองอยู่นะคะ ซึ่งคุณติ้ลเองก็บอกไว้ว่าไม่ให้เฉินหมิงตายหรอกครับพี่ เพราะผมอยากทำต่อ
เรื่องของเส้นเรื่องที่เปลี่ยนไปนั้น ทอฟฟี่ไม่ติดใจนะคะ พี่ๆ น้องๆ คนเขียนบทซึ่งในเรื่องนี้เปลี่ยนมาแล้วหลายท่านมากก่อนจะมาเป็นคุณชมนาดเนี่ย ก็มีวิธีการทำงานแตกต่างกัน ทอฟฟี่โชคดีมากที่ทุกคนมาพูดคุยสอบถามในส่วนของการเปลี่ยนแปลงจนทอฟฟี่รู้สึกว่าโอเค ทำได้นะคะ ไม่มีปัญหาอะไร รู้สึกเป็นเกียรติด้วยซ้ำที่ทางทีมงานโทร. มาถามเรื่องต่างๆ คุณเติ้ลเองเวลาโทร. มาถามรายละเอียดของเนื้องานในช่วงตัดต่อยังให้เกียรตินักเขียนด้วยการพูดว่า “พี่ทอฟฟี่ครับ ผมมาขอความรู้หน่อยครับ” แถมยังชวนไปดูละครตอนแรกก่อนออนแอร์จริง เพื่อถามความรู้สึกของเราอีก ใส่ใจนักเขียนมากๆ เลยค่ะ
คือทอฟฟี่เป็นต้นน้ำ ปลายน้ำจะแตกสาขาออกไปทางไหนบ้าง บางครั้งต้นน้ำก็คาดเดาไม่ได้หรอกค่ะ แต่การแตกสาขาครั้งนี้มันน่าตื่นตาตื่นใจ คุณเติ้ลกำกับเป็นเรื่องแรก ทอฟฟี่เองก็เพิ่งมีนวนิยายที่ได้รับเลือกทำเป็นละครครั้งแรก ทอฟฟี่ก็ถือว่างานนี้เป็นของทุกคน ไม่ใช่ของฉัน ของเธอ แต่เป็น ‘ของเรา’ ทุกคน ทอฟฟี่ดีใจด้วยนะคะที่ช่อง 7 กรุณาให้โอกาสพวกเราได้ทำละครเรื่องนี้ออกมาในมุมมองของคุณเติ้ลและมงคลการละคร
คุณเติ้ลเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์น่าสนใจมาก คุณชมนาดเล่าว่า คนที่ให้โอกาสคุณชมนาดซึ่งถือเป็นมือใหม่สำหรับการบินเดี่ยวเขียนบทละครโทรทัศน์เรื่อง ‘เลื่อมสลับลาย’ เป็นเรื่องแรก แล้วก็ได้รับคำชมมากมายเลยค่ะ แล้วทอฟฟี่ก็โชคดีที่ได้คุณสา ชมนาดมาเขียนบทเรื่องนี้ให้ด้วย ทอฟฟี่มองว่าการที่รู้ว่าใครทำอะไรได้ และควรให้โอกาสใครบ้างก็ถือเป็นจุดแข็งของคุณเติ้ลเลย ฉะนั้นเชื่อในการทำงานของเขาและทีมงานมาก การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในส่วนของเนื้อหาจึงไม่เคยหนักใจเลย ประกอบกับo;นิยายของทอฟฟี่เองก็ไม่ใช่ทางละครอยู่แล้ว การได้เห็นเนื้องานที่คุณเติ้ลเก็บกลิ่นอายของนิยายไว้ครบถ้วนแบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากด้วยซ้ำ
นักแสดงเหมือนอย่างที่จินตนาการไว้ไหมคะ
อยากบอกว่าประทับใจกับการแคสติงมากค่ะ คือคุณเติ้ลละเอียดนะคะ เลือกน้องๆ มาแต่ละคนคือพยายามให้ตรงตามบทประพันธ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีบ้างที่ดัดแปลงไปเพื่อความเหมาะสมกับบุคลากรที่มี ตอนแรกที่เห็นน้องพิม พิมประภา ในวันบวงสรวงก็อึ้งไปเหมือนกัน เพราะน้องเหมือนฟ้าใสที่เคยจินตนาการไว้มาก ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม แถมน้องยังสวมบทบาทได้ดี สมเป็นฟ้าใสที่เกิดขึ้นในจินตนาการครั้งที่ทอฟฟี่ยังสาวอีก เห็นแล้วรักเลยค่ะ ส่วนน้องมิกค์นั้นความสูงใช่เลย 190 เซนติเมตร ตามบทประพันธ์ แม้หน้าจะฝรั่ง ผิดจากในเนื้อหานิยาย แต่น้องสวมบทบาทได้ดีจนทอฟฟี่เชื่อว่าน้องคือแดเนียลนะคะ น้องบูม กิตตน์ก้อง ตอนแรกที่เจอก็มัวแต่มองลักยิ้มน้อง ไม่ได้สนอย่างอื่นเลย (หัวเราะ) น้องหล่อเหลาสมกับเป็นเฉินหมิง หนุ่มหน้าหยกมาก ตัวจริงหล่อกว่าในทีวีมากเลยละค่ะ เห็นหางตาตวัดเฉียงนิดๆ แล้วก็ อืม...คุณเติ้ลเข้าใจเลือกจริงๆ นั่นละ
นักแสดงสมทบท่านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณดวงดาว จารุจินดา หรือคุณมนตรี เจนอักษร ก็รับบทพ่อแม่ของฟ้าใสไว้ในแบบที่เราคิดจริงๆ นะคะ คือน่ารักอบอุ่นและจิตใจดีทำให้มีลูกน่ารัก มองโลกในแง่ดีอย่างฟ้าใสได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเลยค่ะ
แก๊งฮวงหลงนี่สาวๆ กรี๊ดมาก เรียกว่าคัดหน้าตามากันเลยค่ะ ไม่ว่าจะน้องเมฆจุติ น้องเบน สันติ น้องเฟอร์กี้ ที่ใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อความสมจริงของเจ้าพ่อมาเฟียที่มีลูกน้องเก่งๆ รายล้อม ก็ไม่ขัดตาเลย แต่เวลาอยู่นอกจอเนี่ย ทอฟฟี่อยากจะเรียกแก๊งนี้ว่าแก๊งลิงแสมจริงๆ เป็นเด็กซนกันมากๆ
ทางฝั่งเสือขาวก็มีตัวละครเด่นๆ อย่างเทียนคง ที่รับบทโดยคุณต๊อก ศุภกร และเฉินเซียวเหยาที่รับบทโดยคุณเต้ นันทศัย ช่วยเติมความหมองหม่นให้ชีวิตเฉินหมิงได้อย่างเยี่ยมยอดเลย เป็นการบาลานซ์เนื้อหาแบบที่ทอฟฟี่ประทับใจมาก นิยายตั้ง 600 หน้า ทั้งอ่าน ทั้งเลือกตัวละครมาได้แบบนี้ ถือว่าละเอียดจริงๆ ค่ะ
ส่วนของปุยฝ้ายและนุตรา รวมไปถึงเพื่อนๆ ที่ออฟฟิศของฟ้าใส น่ารักสมจริงมากนะคะ ดูทีไรอมยิ้มทุกที ไม่มีส่วนไหนที่รู้สึกว่าไม่ชอบการแคสติงตัวละครเลยค่ะ
ละครเรื่องนี้กำลังทำให้ผู้ชมฟินกันทั่วบ้านทั่วเมือง รวมไปถึงผู้ชมแดนมังกรด้วย รู้สึกอย่างไรบ้างคะ
ดีใจแทนทีมงานและนักแสดงค่ะ ตื่นเต้นด้วย เขาทำงานหนักก็สมควรได้รับผลตอบรับแบบนี้อยู่แล้วนะคะ ที่ตลกคือตอนนี้มีแต่คนเรียกทอฟฟี่ว่าคุณแม่ เพราะนักเขียนก็เหมือนแม่ตัวละครค่ะ (หัวเราะ) อยากเป็นลูกสะใภ้กันเลยทีเดียว เรื่องแฟนคลับชาวจีนที่ดูละครเรื่องนี้กันล้นหลามนี่เหนือความคาดหมายมาก ก็รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจที่ทุกคนให้การสนับสนุนละครเรื่องนี้นะคะ ล่าสุดได้ข่าวว่ายอดวิวที่จีนสูงมาก ตื่นเต้นกับทีมงานเลย เพราะคนจีนมีทางเลือกเยอะแยะ งานดีๆ ของเขามีเยอะมาก แต่ยังเลือกดูละครเรื่องนี้กัน ก็ขอบพระคุณจริงๆ ค่ะ
คิดว่าเพราะอะไรเรื่องนี้ถึงได้รับกระแสตอบรับที่ดีขนาดนี้คะ
เป็นเพราะความตั้งใจของทีมงานและนักแสดงทุกคนค่ะ ทุ่มเทสุดตัวตั้งแต่ยกกองไปถ่ายทำที่ญี่ปุ่นในระยะเวลาจำกัดก็ยังเก็บภาพงามๆ กลับมาฝากได้ ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด แล้วไหนจะต้องรอลุ้นอีกว่าผลตอบรับจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ทอฟฟี่เชื่อว่าคงหายเหนื่อยกันไปบ้างแล้วค่ะ ชื่นใจแทนจริงๆ
ถามเรื่องนวนิยายบ้าง แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้คืออะไรคะ
แรงบันดาลใจในเรื่องนี้เกิดจากตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นค่ะ ตอนนั้นพักที่โรงแรมซันไชน์ แล้วฝั่งตรงข้ามเป็นห้างที่เปิด 24 ชั่วโมง ตอนนั้นดึกแล้ว อยากกินขนมกับพวกบะหมี่สำเร็จรูป ก็เลยเดินไปซื้อคนเดียว จังหวะที่หยิบของอยู่ที่ชั้นวางของก็เห็นว่ามีช่องว่างที่มองเห็นอีกฝั่งได้ ก็คิดว่า เออ คงดีนะ ถ้าพระเอกนางเอกในนิยายพบกันครั้งแรกแล้วมองตาลอดเชลฟ์วางของแบบนี้ จากนั้น...ก็พรั่งพรูออกมา 600 หน้าอย่างที่เห็นนั่นละค่ะ เป็นอย่างที่เขาว่ากันนะคะ นักเขียนต้องเพ้อเจ้อแบบนี้นี่แหละ (หัวเราะ)
เค้าโครงเรื่องมีที่มาอย่างไร และจุดเด่นของนวนิยายเรื่องนี้คือ
เค้าโครงรื่องคือยกตัวละคร แดเนียล หว่อง มาจาก ‘ข่าววุ่นลุ้นรัก’ ค่ะ ชอบเขาเป็นพิเศษ จะทิ้งก็เสียดาย เลยคิดว่าเขาน่าจะมีเรื่องของตัวเองต่อ อยากให้เขาสมหวังในความรักเท่านั้นเอง จริงๆ ไม่คิดว่านิยายเรื่องนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่าจุดเด่นอะไรมากมายนะคะ แต่ตอนที่เขียนก็คิดเอาไว้ว่า อยากเขียนเรื่องราวความรักต่อจากคาแรคเตอร์ของแดเนียลที่วางไว้แต่แรกเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรเป็นขั้นตอนว่าต้องวางแผน ด้วยเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องที่ 2 ชีวิตด้วยค่ะ อยากเขียนอะไรก็ใส่เต็มที่เลย ไม่มีการยั้งมือ แต่จะเริ่มคิดเป็นขั้นตอนก็ตอนที่เขียน ‘ตราบดินสิ้นฟ้า...สัญญารักนิรันดร์’ ภาคถัดมาค่ะ
ใช้เวลาเขียนเรื่องนี้นานไหมคะ
ก็นานนะคะ ประมาณปีกว่า เพราะตอนนั้นยังทำงานประจำอยู่ด้วย แต่เขียนไปสักสี่ห้าตอนแรกก็ลาออกจากงานมาเขียนนิยายเต็มตัวเลยค่ะ
คิดว่าเพราะอะไรที่ทำให้ทางช่องหยิบนวนิยายเรื่องนี้ไปทำละครคะ
จริงๆ เรื่องนี้มีคนติดต่อมาหลายทางมาก แต่ก็ไม่ได้มีการสานต่อหรือลงลึกคุยรายละเอียดอะไรมากซึ่งตัวทอฟฟี่เองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย เพราะเราเขียนนิยายให้คนอ่านอ่าน ไม่ได้ตั้งใจให้เอาไปทำละคร ฉะนั้นจะมีจุดที่ทำละครยากอยู่ค่อนข้างเยอะ จริงๆ ไม่เคยถามคุณเติ้ลนะคะว่าทำไมถึงเลือกเรื่องนี้ แต่จำได้ว่าคุณเติ้ลบอกว่าชอบโทนเรื่องกับความเป็นผู้หญิงในเรื่อง คือเป็นนิยายบู๊ที่มีความโรแมนติกของผู้หญิงอยู่ คุณเติ้ลเป็นผู้ชายแมนๆ ก็เลยอยากได้โทนความเป็นผู้หญิงมาไว้ในเรื่องบ้าง คงไม่ค่อยมีผู้หญิงเขียนนิยายบู๊ระเบิดภูเขาเผากระท่อมแบบทอฟฟี่มั้งคะ (หัวเราะ) อีกอย่างที่คุณเติ้ลบอกว่าชอบก็คือ กลอน ‘I carry your heart with me’ ของ อี.อี. คัมมิง ที่อยู่ในเรื่องด้วยค่ะ
ที่มา http://www.satapornbooks.co.th/SPBcommunity/writer_Interview