พอดีว่ารถโดนชนค่ะ 4 คันซ้อน โดยรถของเราเป็นคันแรกที่โดนคู่กรณีชนแล้วเด้งไปชนท้ายคันหน้า ทำให้รถเราเสียหายทั้งด้านหน้าและหลัง โดนชนค่อนข้างหนักค่ะ ตอนแรกทางตัวแทนประกันจะให้เขียนยินยอมไม่เรียกร้องค่าเสียหาย/ค่าขาดผลประโยชน์ แต่เราไม่ยอมเซ็น ทางประกันถามถึงอู่ที่จะเข้ารับการซ่อม ซึ่งเราต้องการอู่กลางแต่ทีนี้เราไม่รู้ว่าอู่แถวบ้านเราพุทธมณฑลสาย 1 อู่ไหนดี ไม่ได้เอารถเข้าซ่อมใหญ่แบบนี้จะเป็นสิบปีแล้ว ตัวแทนประกันเลยแนะนำอู่ในเครือเค้าตรงลาดพร้าว 71 ให้ บอกเป็นอู่กลางอู่ใหญ่ทำดี เราก็ตกลงในเมื่อตัวแทนรับรอง แต่ตัวแทนให้เขียนในบันทึกว่าเรายินยอมที่จะเข้ารับการซ่อมที่อู่นี้ซึ่งเป็นอู่ในเครือของบริษัทประกันเองด้วยความสมัครใจ เราก็เซ็นไป และตัวแทนก็ให้ทางอู่มาลากรถไปซ่อม วันรุ่งขึ้นทางอู่ให้เราเอาเอกสารไปให้สำเนาทะเบียนรถและใบขับขี่พร้อมกับให้เรารับใบเคลมรถหรือใบรับการซ่อมรถนี่แหละ แต่พอเราไปกลับให้เราเซ็นใบยินยอมไม่เรียกร้องค่าความเสียหาย เราเลยบอกไปว่าเราไม่เซ็นและเราได้คุยกับทางตัวแทนแล้วเรื่องนี้ ทางอู่บอกว่าเป็นนโยบายของบริษัทประกันถ้าไม่เซ็นทางอู่ซ่อมรถให้ไม่ได้ เราเลยบอกทางอู่ว่าเราเป็นผู้ได้รับความเสียหายนะ ไม่ใช่คนชน เราเป็นคนถูกชน ให้บริษัทประกันติดต่อเรามาว่าจะยังไงในเมื่อตัวแทนเป็นคนให้เราเอารถมาซ่อมที่อู่นี้เอง หลังจากนั้นผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ทางบริษัทประกันจึงติดต่อเรามาบอกว่าทางอู่ยินดีจะดำเนินการซ่อมรถให้เรา ที่ผ่านมาเราไม่เคยเข้าไปจู้จี้กับการซ๋อมเลย เนื่องจากว่าอยู่ไกลจากบ้านด้วย และเจ้าของอู่เองก็โทรมาหาเราเป็นระยะๆ แจ้งความคืบหน้าต่างๆ ของงานซ่อม อะไหล่ที่ต้องสั่งนำเข้ามา แล้วก็แจ้งเราเสมอว่าจะซ่อมรถให้ดี อู่เค้าเป็นอู่ที่ได้มาตรฐานเป็นอยู่ใหญ่เป็นอู่กลาง เป็นอู่ที่มีชื่ออยู่ในลิสบริษัทประกันหลายแห่ง ไว้ใจได้ จะทำการซ่อมให้อย่างดี จะดูแลอย่างดี ดูแลเป็นพิเศษเลย เรารับประกันสีปีนึงเลย ตอนนี้รถใกล้เสร็จแล้วสวยมาก สวยกว่าเดิมอีก ขอลองเทสอีกนิดเวลามารับรถจะได้ไม่ต้องกลับมาแก้อะไร บลาๆๆๆ จนสุดท้ายวันเสาร์ที่ผ่านมาแจ้งเราว่ารถเสร็จแล้วให้มารับรถได้ เราเลยบอกไปว่าวันจันทร์เราจะเข้าไปเอาแต่เช้า เราดูฤกษ์เอารถออกจากอู่เลย
แต่พอไปรับรถ สิ่งแรกที่เราได้เห็นคือคอนโซลรถตรงเกียร์+วิทยุยังไม่ได้ใส่ เปลือยมาเห็นสายไฟด้านในหมดเลย ด้านหลังเบาะข้างคนขับมันหลุดห้อยรุ่งริ่งก็ยังอยู่ในสภาพเดิม ตอนแรกเรานึกว่าจะเหลือแค่เก็บงานแค่นี้แค่ประกอบกลับเข้าที่ เราก็นั่งรอให้ทางอู่เก็บรายละเอียด จาก 9 โมงเช้ารอจนเที่ยงเราเดินไปที่รถอีกทียังเห็นเก็บงานไม่เสร็จเลยดูรอบๆ คันรถและภายในปรากฏว่ามีหลายจุดที่ยังไม่ได้ซ๋อม เราเลยเรียกเจ้าของอู่มาดูและบอกว่าเราไม่ขอรับรถในวันนี้แล้ว ให้ทางอู่เคลียร์รถให้เรียบร้อย จากวันที่โดนชนจนถึงวันนี้ รถเข้าอู่ไปแล้ว 56 วันค่ะ
ทางตัวแทนและทางอู่เคยบอกเราว่าถ้าจะเรียกร้องค่าเสียหายจากการไม่ได้ใช้รถตรงนี้เราจะได้แค่ 300 บาทต่อวัน ทางบริษัทประกันไม่ให้มากไปกว่านี้หรอก ตัวแทนบอกว่าพวกทหาร ตำรวจ ทางบริษัทประกันก็จ่ายให้เท่านี้ ดูจากค่าแรงขั้นต่ำ ดูจากเงินเดือน ดูจากรายได้ เราเลยย้อนตัวแทนไปว่าถ้าดูจากรายได้เราบริษัทประกันคงต้องจ่ายให้เรามากกว่าวันละ 1,000 จากตอนแรกที่คิดว่าจะไม่เรียกร้องอะไร ที่ไม่ยอมเซ็นให้แต่แรกเพราะกลัวว่าถ้าเซ็นไปทางอู่จะดำเนินการซ๋อมรถให้ช้าเพราะว่าไม่ต้องกลัวว่าผู้เสียหายจะเรียกร้องผลประโยชน์อะไร จนมาเจอคำพูดของตัวแทนและการเข้าไปรับรถที่อู่ในวันจันทร์ที่ผ่านมาทำให้เราเริ่มคิดจะเรียกร้องผลประโยชน์ตรงนี้บ้างแล้ว
เราอยากสอบถามเพื่อนๆ ที่เคยมีประสบการณ์ หรือเพื่อนๆ ที่มีความรู้ทางด้านนี้ค่ะว่าเราสามารถเรียกร้องการขาดผลประโยชน์จากการไม่ใช้รถได้วันละเท่าไหร่คะ ปกติ จ-ศ เช้าเราจะขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้วค่อยไปทำงานเย็นขับกลับบ้านแวะซื้อกลับข้าว บางวันต้องออกไปประชุมกับลูกค้า ส-อา ปกติเราจะขับรถพาพ่อแม่ไปธุระไปต่างจังหวัด บางครั้งก็ต้องพาแม่ไปหาหมอ นี่กลายเป็นว่าต้องใช้บริการรถแท็กซี่ซึ่งไม่สะดวกมากๆ เรียกรถยาก ยิ่งเวลากลางคืนที่ต้องพาแม่ไปโรงพยาบาลนี่ลำบาก เพราะบ้านเราไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ ต้องโทรเรียกรถแท็กซี่เอา ส่วนสามีทำงานต่างจังหวัด แทนที่เราจะได้ขับรถพาลูกๆ ไปเที่ยวที่ทำงานสามีก็ไม่สามารถไปได้
แล้วก็เรื่องค่าความเสื่อมของรถที่ถูกชน คือถ้ารถไม่ถูกชนแบบนี้เวลาขายก็จะสามารถขายได้ราคา แต่พอถูกชนหนักแบบนี้เวลาไปขายต่อราคาตกแม้จะซ่อมอย่างดีก็ไม่เหมือนเดิม สามีเห็นรถยังถามเราเลยว่าขายดีมั้ยซ่อมมาก็คงขับไม่เหมือนเดิม
การซ่อมรถกับอู่ในเครือประกันคู่กรณีกับการเรียกร้องการขาดผลประโยชน์การใช้รถ
แต่พอไปรับรถ สิ่งแรกที่เราได้เห็นคือคอนโซลรถตรงเกียร์+วิทยุยังไม่ได้ใส่ เปลือยมาเห็นสายไฟด้านในหมดเลย ด้านหลังเบาะข้างคนขับมันหลุดห้อยรุ่งริ่งก็ยังอยู่ในสภาพเดิม ตอนแรกเรานึกว่าจะเหลือแค่เก็บงานแค่นี้แค่ประกอบกลับเข้าที่ เราก็นั่งรอให้ทางอู่เก็บรายละเอียด จาก 9 โมงเช้ารอจนเที่ยงเราเดินไปที่รถอีกทียังเห็นเก็บงานไม่เสร็จเลยดูรอบๆ คันรถและภายในปรากฏว่ามีหลายจุดที่ยังไม่ได้ซ๋อม เราเลยเรียกเจ้าของอู่มาดูและบอกว่าเราไม่ขอรับรถในวันนี้แล้ว ให้ทางอู่เคลียร์รถให้เรียบร้อย จากวันที่โดนชนจนถึงวันนี้ รถเข้าอู่ไปแล้ว 56 วันค่ะ
ทางตัวแทนและทางอู่เคยบอกเราว่าถ้าจะเรียกร้องค่าเสียหายจากการไม่ได้ใช้รถตรงนี้เราจะได้แค่ 300 บาทต่อวัน ทางบริษัทประกันไม่ให้มากไปกว่านี้หรอก ตัวแทนบอกว่าพวกทหาร ตำรวจ ทางบริษัทประกันก็จ่ายให้เท่านี้ ดูจากค่าแรงขั้นต่ำ ดูจากเงินเดือน ดูจากรายได้ เราเลยย้อนตัวแทนไปว่าถ้าดูจากรายได้เราบริษัทประกันคงต้องจ่ายให้เรามากกว่าวันละ 1,000 จากตอนแรกที่คิดว่าจะไม่เรียกร้องอะไร ที่ไม่ยอมเซ็นให้แต่แรกเพราะกลัวว่าถ้าเซ็นไปทางอู่จะดำเนินการซ๋อมรถให้ช้าเพราะว่าไม่ต้องกลัวว่าผู้เสียหายจะเรียกร้องผลประโยชน์อะไร จนมาเจอคำพูดของตัวแทนและการเข้าไปรับรถที่อู่ในวันจันทร์ที่ผ่านมาทำให้เราเริ่มคิดจะเรียกร้องผลประโยชน์ตรงนี้บ้างแล้ว
เราอยากสอบถามเพื่อนๆ ที่เคยมีประสบการณ์ หรือเพื่อนๆ ที่มีความรู้ทางด้านนี้ค่ะว่าเราสามารถเรียกร้องการขาดผลประโยชน์จากการไม่ใช้รถได้วันละเท่าไหร่คะ ปกติ จ-ศ เช้าเราจะขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้วค่อยไปทำงานเย็นขับกลับบ้านแวะซื้อกลับข้าว บางวันต้องออกไปประชุมกับลูกค้า ส-อา ปกติเราจะขับรถพาพ่อแม่ไปธุระไปต่างจังหวัด บางครั้งก็ต้องพาแม่ไปหาหมอ นี่กลายเป็นว่าต้องใช้บริการรถแท็กซี่ซึ่งไม่สะดวกมากๆ เรียกรถยาก ยิ่งเวลากลางคืนที่ต้องพาแม่ไปโรงพยาบาลนี่ลำบาก เพราะบ้านเราไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ ต้องโทรเรียกรถแท็กซี่เอา ส่วนสามีทำงานต่างจังหวัด แทนที่เราจะได้ขับรถพาลูกๆ ไปเที่ยวที่ทำงานสามีก็ไม่สามารถไปได้
แล้วก็เรื่องค่าความเสื่อมของรถที่ถูกชน คือถ้ารถไม่ถูกชนแบบนี้เวลาขายก็จะสามารถขายได้ราคา แต่พอถูกชนหนักแบบนี้เวลาไปขายต่อราคาตกแม้จะซ่อมอย่างดีก็ไม่เหมือนเดิม สามีเห็นรถยังถามเราเลยว่าขายดีมั้ยซ่อมมาก็คงขับไม่เหมือนเดิม