Hell or High Water: เจาะลึก America ผ่านการปล้น (Spoil เล็กน้อย)



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


               นับว่าเป็นภาพยนตร์นอกกระแสอีกเรื่องที่ดูจะเงียบๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่ในสหรัฐอเมริกาก็น่าจะเงียบระดับหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะสัปดาห์นี้มี Ben-Hur เข้ามาเป็นตัวชูโรง แต่กระนั้น Rotten Tometoes ก็ดันเทคะแนนให้ Hell or High Water สูงถึง 99% เลยเป็นเรื่องที่ทำให้ผมสนใจว่ามันมีดีอะไรขนาดนั้น เลยต้องตีตั๋วเข้าไปชม





               และน่าสนใจกว่านั้น ตัวภาพยนตร์ก็ดันชื่อของ Taylor Sheridan ผู้เขียนบทที่สร้างความตราตรึงมาแล้วกับ Sicario แต่ครั้งนี้แตกต่างกันที่ว่าไม่ได้เป็นการต่อสู้กับแก๊งค้ายาเสพติดเม็กซิกัน แต่เป็นเรื่องราวของอเมริกันปล้นอเมริกันเพื่อจุดประสงค์ที่ฟังแล้ว จะทึ่งในไอเดียของ Taylor Sheridan ก็ได้ (เรื่องนี้แกแสดงด้วยนะ แต่หาตัวไม่เจอว่าอยู่ไหน)



               Hell or High Water เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพี่น้องตระกูล Howard ได้แก่ Toby ผู้เป็นน้อง (แสดงโดย Chris Pine) ที่ชีวิตไม่เคยก่ออาชญากรรมมาก่อนกับ Tanner ผู้เป็นพี่ชาย (แสดงโดย Ben Foster) ที่เพิ่งออกจากคุกมาได้ไม่นาน จนกระทั่งเขาต้องหาเงินมาจ่ายเงินกู้จำนองบ้านและที่ดินที่ครอบครัวเขาเป็นหนี้ธนาคารไว้ให้ได้ สองศรีพี่น้องจึงต้องหาเงินเป็นการด่วนโดยใช้วิธี “ปล้นธนาคาร” ดูธรรมด๊า ธรรมดา แต่ทว่าเนื้อหาของมันน่าสนใจยิ่งกว่าการปล้นเงินครับ



               เนื้อเรื่องดำเนินแบบปกติทั่วไป จนรู้สึกเหมือนดูภาพยนตร์ Indy นอกกระแส ใช้ Production เล็กๆ เน้นนักแสดงเบอร์ใหญ่ๆ มาเป็นจุดขาย และโทนภาพยนตร์แสดงถึงความเป็นคาวบอยโรดีโอในแบบฉบับของชาว Texas ซึ่งคุณจะเห็นเมืองเล็กๆ ที่มีผู้คนท้องถิ่นอาศัยอยู่ทั้งอเมริกัน, เม็กซิกันและลูกครึ่ง



               แต่......ภาพยนตร์มันดึงประเด็นหลักของสหรัฐอเมริกามาประเด็นหนึ่งผสมเข้าไปในเนื้อเรื่องนี้คือ ปัญหาทางการเงิน ที่เราจะเห็นบรรยากาศของเมืองมีแต่ป้ายโฆษณา

“เป็นหนี้? ติดต่อเราสิ เราสามารถช่วยคุณได้” “เป็นหนี้ หาเงินกู้ ติดต่อ...”


และโดยรอบของเมืองจะมีป้ายขายบ้านและที่ดินติดอยู่โดยรอบ ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเงินฝืดเคืองของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมมากมายโดยเฉพาะในรัฐ Texas จนทำให้รัฐนี้ต้องออกกฎหมายสามารถพกพาปืนในที่สาธารณะได้ และดังที่หลายๆ คนทราบกันว่ายุคนี้อเมริกาประสบภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนตลอดเวลา คนจนก็จนลง คนรวยก็รวยขึ้นเพราะเงินก็จะหมุนเข้าสู่คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง



               ภาพยนตร์เรื่องนี้เลยกล่าวถึงการที่พี่น้อง Toby กับ Tanner เข้าปล้นธนาคารเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ โดยเลือก ปล้นธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ นั่นแหละ ซึ่งมีฉากหนึ่งที่สองพี่น้องปล้นเงินเสร็จและได้เข้าพบกับผู้จัดการมรดก พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ และมีประโยคกวนๆ เรียกส้นเท้าจาก Tanner ว่า

“คุณทำตรงนี้ คุณได้เท่าไหร่กัน?”




แต่แทนที่ผู้จัดการมรดกจะโกรธเป็นฟืนไฟกับการปั่นประสาท เขากลับตอบไปว่า

“ไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่ผมกำลังทำให้พวกคุณหรอก คุณไปปล้นเงินจากพวกมันและก็เอาเงินนั้นไปใช้หนี้มัน นี่แหละ! Your Motherland (สื่อถึงว่าที่ดินของแม่คุณ) มันจะเป็นของคุณ”

เหมือนกับเป็นการสื่อให้เห็นว่า อเมริกากำลังถูกกลุ่มทุนบางกลุ่มเข้ามาสูบเลือดเนื้อประชาชน จนบางคนไม่พอใจและเห็นดีเห็นงามกับการปล้นเงินนายทุนเหล่านั้น และเอาเงินไปคืนพวกมันเพื่อล้างหนี้ทั้งหมด เท่ากับว่านายทุนเหล่านั้น ไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง  



               ร้อนถึงตัวเด่นของเรื่องอีกคนคือนายตำรวจ Marcus Hamilton (แสดงโดย Jeff Bridges) ตำรวจที่ใกล้เกษียณเต็มแก่แต่ก็มีอุดมการณ์ทำเพื่อสังคม (อยากให้มีแบบนี้ในไทยเยอะๆ) โดยหวังว่าการตามล่าโจรปล้นธนาคารในเมืองเล็กๆ จะเป็นผลงานที่เขาได้ทำก่อนอำลาวงการตำรวจ โดยเขาต้องจับคู่กับนายตำรวจลูกครึ่งเม็กซิกันอย่าง Alberto (แสดงโดย Gil Birmimgham) ไปดักจับโจรอยู่ใกล้ธนาคารโดยไม่ห่างและไม่คลาดสายตา ซึ่งบทภาพยนตร์เขียนให้เห็นถึงการเหยียดเชิงขบขันของ Marcus ที่พูดถึงเผ่าอินเดียนแดงในเชิงล้อเลียน เพราะเขามองว่า Alberto เป็นอินเดียนแดงมากกว่า และล้อเลียนจนกระทั่ง Alberto ต้องแสดงตัวว่า “ผมเป็นลูกครึ่งเม็กซิกัน โอเค๊!” ตัว Marcus จึงหยุดล้อเลียนไปพักหนึ่ง



               และนี่คือปัญหาอย่างหนึ่งที่อเมริกามีอยู่แม้จะไม่เยอะก็ตาม ช่วงครึ่งเรื่อง Alberto ไม่ได้ตอบโต้การเหยียดเชิงล้อเลียนของ Marcus แบบแรงๆ แต่เขากลับใช้กึ๋นทางประวัติศาสตร์ซัดกลับไปว่า

“บรรพบุรุษของผมอยู่ในดินแดนนี้มาก่อน แล้วก็ถูกคนขาวอย่างพวกคุณเข้ามาปล้นยึดไป และปัจจุบันเจ้าพวกนั้น (ธนาคาร) ก็กำลังปล้นพวกคุณอยู่”

ซึ่งเป็นการตอกกลับที่แทงใจดำพอสมควร (แต่ในเนื้อเรื่อง Marcus ไม่ได้เหยียดแบบรังเกียจ แต่เหยียดเชิงหยอกล้อ)



               นอกเหนือจากนั้นก็คือการวางแผนการปล้นและฟอกเงินอย่างชาญฉลาดของ Toby การเสียสละของ Tanner เพื่อน้องชายตัวเองและครอบครัว ปัญหาครอบครัวที่พบได้ทั่วไปที่เราสามารถเห็นได้ในภาพยนตร์นี้ ความโดดเด่นก็คงต้องยกให้การเขียนบทของ Taylor Sheridan จริงๆ รองลงมาก็เป็นการแสดงของ Chris Pine และ Ben Foster ที่แสดงได้ถึงความเป็นคาวบอยจริงๆ โดยเฉพาะ Ben ที่เจ้าตัวเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาจนอ้วนฉุและดูเหมือนคนไม่เอาไหนจริงๆ





               แม้เรื่องนี้จะถูกกำกับโดยผู้กำกับชาว Scottish และมี Composer เพลงประกอบจากชาว Australian สุดติสท์อย่าง Nick Cave และ Ellen Wallis



แต่ก็ทำให้ Hell or High Water เป็นภาพยนตร์อเมริกันที่มีความเป็นอเมริกันมากที่สุดเรื่องหนึ่งในปีนี้


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่