Hell or High Water - บางครั้งในชีวิตเราก็มีทางเลือกแค่นั้นจริงๆ (Spoil)

นี่ไม่ใช่สไตล์หนังที่ผมชอบซักเท่าไหร่ ยิ่งได้ดูตัวอย่างหนังแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยทำให้อยากดูมากขึ้นเลย แต่เห็นกระแสของหนังออกมาในทิศทางบวก เลยตัดสินใจเข้าไปดูหนังเรื่องนี้

พอดูจบ เราก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าเราไม่ชอบหนังสไตล์นี้ซักเท่าไหร่ แต่ไม่ได้หมายความว่าหนังเรื่องนี้ไม่ดีนะ หนังทำได้ดีเลยแหละ และเราก็รู้สึกค่อนไปทางชอบหนังเรื่องนี้นะ รู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ เพราะเราไม่ค่อยได้มีโอกาสดูหนังแบบนี้ซักเท่าไหร่

แต่สิ่งที่เราจะยืนยันได้เต็มปากเลย ก็คือหนังเรื่องนี้แมร่งโคตรเท่ห์ โคตรคูลเลย

เราจะมีตินิดหนึ่ง ก็คือเรารู้สึกว่าหนังมีความน่าเบื่อในบางช่วง เลยทำให้เราหลุดอารมณ์บางอย่างของหนังไป หรืออาจจะเพราะมันไม่ใช่หนังในแนวทางที่เราชอบก็เป็นได้ เราเลยมีจังหวะเบื่ออยู่บ้าง

ผลงานการกำกับของ David Mackenzie ผู้กำกับชาวสก็อตแลนด์ วัย 50 ปี เราไม่เคยได้ดูผลงานการกำกับของเค้ามาก่อนเลย ซึ่งพอดู Hell and High Water จบ เราคิดว่า David Mackenzie มีฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว องค์ประกอบโดยภาพรวมของหนังทำออกมาได้ดีมากๆ และเรารู้สึกว่าเค้าทำหนังได้ไม่เกินตัว เราคิดว่าหนังที่ดีมันสามารถดีในแนวทางของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องดีเหมือนของคนอื่นๆ

เพลงประกอบของหนังเรื่องนี้ก็โคตรเจ๋งเลย มีหลากหลายแนวด้วย มันยิ่งทำให้หนังโคตรเท่ห์เข้าไปอีก เพลงแนวคันทรี่โฟล์ค ทั้งเพลง You ask me to ของ Waylon Jennings และ I'm not afraid to die ของ Gillien Welch และเพลงคันทรี่ร็อคสุดเท่ห์ อย่าง Outlaw state of mind ของ Chris stapleton พอเพลงนี้ดังขึ้นมา เรารู้สึกเลยว่านี่แหละมันคือหนังคาวบอยตัวจริงเสียงจริง เรารู้สึกว่าดนตรีมันใส่มาถูกจังหวะมากๆ มันส่งให้หนังเกิดพลังมากขึ้นในซีนนั้นๆ

งานด้านภาพก็เจ๋งสุดๆ ถ่ายแสงสวยมากๆในหลายๆฉาก ผมชอบแสงฉากที่ Toby นั่งคุยกับ Tanner ที่หน้าบ้านในตอนเย็นของวันก่อนหน้าที่จะไปปล้นครั้งสุดท้าย ต่อเนื่องไปยังฉากที่ทั้งสองแกล้งเล่นกันในตอนตะวันตกดิน แสงสวยสุดๆ แม้ฉากนี้ เราเหมือนกับจะรู้สึกว่าอบอุ่นและมีความสุข แต่เราก็รู้สึกหม่นๆไปด้วยในเวลาเดียวกันเลย ราวกับว่านี่อาจจะเป็นภาพความสุขครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เห็นจากทั้งคู่

พาร์ทการแสดงในเรื่องนี้ก็ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ ทั้ง 4 ตัวละครหลัก แต่ที่ผมประทับใจมากที่สุด คือการแสดงของ Chris Pine ในบทของ Toby Howard ผมชอบฉากที่เค้ากลับมาหาลูก แล้วนั่งคุยกัน ฉากนี้ Chris ได้ถ่ายทอดได้ดีมากๆ เรามีความรู้สึกขัดๆมาตั้งแต่ฉากแรกๆว่า Toby ไม่ได้อยากจะปล้นธนาคาร เราเห็นความฝืนของเค้าผ่านแววตาภายใต้หมวกคลุมหน้า และตลอดทั้งเรื่อง เรารู้สึกว่า Toby รู้สึกผิดกับสิ่งที่เค้าทำ แต่เค้าไม่มีทางเลือก เราเห็นแววตาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเค้าอยู่ตลอด ซึ่งเค้าสื่อสารได้ดีตลอดทั้งเรื่อง แม้ตอนท้ายเรื่อง ครอบครัวเค้าจะอยู่อย่างสบายแล้ว แต่เราเห็นแววตาของ Toby ที่เหมือนยังไม่มีความสุขจริงๆเลย ซีนที่ดูข่าวว่าพี่ชายถูกวิสามัญฆาตกรรม เค้าเล่นได้เยี่ยมมาก ลูกผู้ชายก็มีน้ำตาได้นะ

หนังเล่าเรื่องที่แสนจะธรรมดาของสองพี่น้องที่วางแผนปล้นธนาคาร เพื่อเอาเงินไปไถ่หนี้ที่ดินที่แม่ของพวกเค้าที่กำลังจะโดนธนาคารยึดจากการที่เป็นหนี้ หลังจากปล้นธนาคารสองแห่งแรกสำเร็จ พวกเค้าก็ถูกตามล่าโดยสองนายตำรวจ ซึ่งพร็อตดูเชยมากๆ ถ้าอ่านแค่เรื่องย่อ เราก็คงไม่สนใจหนังเรื่องนี้แน่ๆ แต่ในความเชย กลับเต็มไปด้วยความเจ๋ง ที่เราก็ไม่ค่อยได้เห็นในหนังทั่วไป เราอธิบายไม่ค่อยถูกเหมือนกันนะ แต่มันรู้สึกแบบนั้น

"I've been poor my whole life, like a disease passing from generation to generation. But not my boys, not anymore."
ความยากจน หลายคนอาจจะบอกว่า ถ้าเราเกิดมาจน แต่เรายังไม่ทำอะไรให้มันดีขึ้น เราก็จะจนแบบนั้นไปตลอด ในชีวิตจริงบางครั้งมันก็เจ็บปวดเกินกว่านั้น  บางทีบางคนอาจจะไม่ได้มีทางเลือกมากนักในการตัดสินใจอะไร ส่วนตัวเราไม่ได้สนับสนุนการกระทำของ Tanner และ Toby นะ แต่เราเข้าใจว่าทำไมพวกเค้าถึงต้องตัดสินใจแบบนั้น มันเจ็บปวดนะกับโรคที่มีชื่อว่า "ความยากจน" แต่เราก็ยังเชื่อนะว่าโรคนี้มีทางรักษาให้หายได้ และรักษาโดยวิธีที่ถูกต้องด้วย

หนังเล่าให้เห็นถึงดาบสองคม ของกฏรัฐ Texas ที่อนุญาตให้พลเมืองครอบครองปืนได้ ปืนสามารถใช้ปกป้องได้ ก็ใช้ทำร้ายได้เช่นกัน แล้วเราจะควบคุมมนุษย์ที่ถือปืนอยู่ได้เช่นไร ในเมื่อสิ่งที่ควบคุมยากที่สุด ไม่ใช่การเหนี่ยวไกปืนและไม่ใช่จุดหมายของลำกล้อง แต่มันคือจิตใจของมนุษย์ที่ถือปืนกระบอกนั้นอยู่ต่างหาก

ส่วนตัวผมเชื่อว่ามันไม่มีหรอกความเท่าเทียมกันในโลกนี้ ทุกคนต่างต้องการได้ในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาทั้งนั้น คนที่แข็งแกร่งกว่าย่อมเอาชนะคนที่อ่อนแอกว่าเสมอๆ ชนเผ่าอินเดียแดง ผู้อยู่อาศัยในเขตพื้นที่นี้มาก่อน สุดท้ายก็ต้องโดนคนผิวขาวขับไล่ จนวันนี้ พวกผิวขาวคือคนที่กลายเป็นเหมือนเจ้าของเมืองนี้ไปแล้ว ทั้งๆที่พวกเค้ามาทีหลังพวกอินเดียแดงด้วยซ้ำไป ธนาคาร Texas Midland ด้วยทุนที่มากกว่า พร้อมเอาเปรียบขูดเลือดขูดเนื้อพลเมืองทุกอย่าง ปล่อยเงินกู้ให้พลเมืองเป็นหนี้ ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในสหรัฐ คนจนก็มีแต่จะเป็นหนี้ ส่วนคนรวยก็ยิ่งหาช่องทางกอบโกยได้มากยิ่งขึ้น เมื่อชาวเมืองไม่สามารถหาเงินมาชดใช้หนี้ได้ ก็ต้องโดนยึดทรัพย์สิน โดนยึดที่ดิน จนสุดท้ายก็ไม่มีทางออกสำหรับพวกเค้า

"ธนาคารปล่อยกู้ แค่ให้แม่นายหลงเป็นหนี้ ยังไงพวกมันก็ขายที่ดินต่อได้"

บางครั้งบางที ในชีวิตเราก็ไม่ได้มีทางเลือกอะไรมากนัก
"พวกนั้นจะมายึดที่ดินวันศุกร์ ไม่ว่ายังไงพฤหัสฯนี้ก็ต้องเอาเงินมาให้ได้ แล้วปัญหาของพวกนายก็จะจบ"
บางครั้งในชีวิตเราก็มีทางเลือกแค่นั้นจริงๆ
"so come hell or high water, get the money to the bank on Thursday"

หนังเล่าประเด็นของความเป็นพี่น้องได้ดี เราเห็นว่าทั้งสองคนอาจจะดูไม่ค่อยถูกกันซักเท่าไหร่นัก เราว่ามันก็เป็นเรื่องปกติของพี่น้องที่เป็นผู้ชายทั้งคู่นะ แต่เราว่าลึกๆแล้วทั้งคู่ก็คือพี่น้องกัน ต่างเป็นห่วงและรักกันจริงๆ แต่จะให้มาแสดงออกนะเหรอ มันคงไม่ใช่ทางของพวกเค้าเป็นแน่ อย่างไรก็ดี มันก็มีซีนจี๊ดๆที่เราชอบอยู่นะ อย่างซีนที่คุยกันในร้านอาหาร
"ฉันแนะนำอะไรให้ ไปเจอหน้าลูกเมียของนายซะ"
"พูดอย่างกับว่างานนี้นายจะหนีไม่รอด"
"ไม่เห็นมีใครหนีรอดไปได้ ไม่เคยเลย"
"แล้วนายตอบตกลงทำไม"
"ก็เพราะนายขอร้องไง ไอ้น้องชาย"
เท่ห์ไหมล่ะ บทพูดของ Tanner

ฉากที่โคตรเท่ห์ของหนัง คือตอนที่สองพี่น้องร่ำลากัน ด้วย dialogue ที่สุดแสนจะธรรมดาเลย
"I love you, Toby. I mean it."
"I love you too."
แค่ประโยคสั้นๆนะ แต่พลังการแสดง ทำเอาเราขนลุกไปเลย เราชอบแววตาของทั้งคู่ในซีนนี้มากๆ ประโยคที่ว่า "I mean it." มันทรงพลังสุดๆ มันหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ

เราชอบบทสนทนาในฉากสุดท้ายของหนังมากๆ ที่นายตำรวจวัยเกษียณ Marcus มาคุยกับ Toby ที่บ้าน ทั้งสองปะทะคารมณ์กันอยู่พักใหญ่ จนถึงตอนที่ Marcus กำลังจะกลับ Toby บอก Marcus ว่า เค้าพักอยู่ที่บ้านเล็กๆในเมือง ถ้ายังติดใจอะไร ก็ให้ไปหาเค้าที่บ้านได้ เราจำประโยคได้ไม่ค่อยแน่ชัดเท่าไหร่ แต่จำได้ว่า ทั้งสองพูดถึงว่า สามารถช่วยให้อีกฝ่ายไปพบกับ "ความสงบ" ได้ Marcus ยังไม่สามารถปล่อยวางจากหน้าที่ของตัวเองได้ แม้ตัวเองจะเกษียณอายุแล้วก็ตาม รวมไปถึงความรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถช่วยคู่หูจากการยิงต่อสู้กับ Tanner ได้ ส่วน Toby สิ่งที่เค้าทำลงไป การปล้นธนาคาร รวมไปถึงการที่พี่ชายจะต้องจบชีวิตลง เพราะต้องช่วยตัวเค้านั้น มันจะตามหลอกหลอน Toby ไปทั้งชีวิต

ทั้งคู่อาจคิดว่าการค้นพบความสงบ จะสามารถเกิดขึ้นด้วยกระบอกปืน แต่หารู้ไม่ว่า การค้นพบความสงบที่แท้จริง มันอยู่ภายในตัวเค้าเองต่างหาก หาใช่จากปลายกระบอกปืนไม่

https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่