หนังในลิสต์ส่วนใหญ่เป็นยุคของโมเดิร์นเวสเทิร์น (Modern Western) ที่ผสมผสานวัฒนธรรมและค่านิยมแบบดั้งเดิมเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ซึ่งหนังเวสเทิร์นจะมีฉากหลังเป็นอเมริกาตะวันตก สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนและธีมเนื้อหาจะกล่าวถึงอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ (Western Crime) โดยทั่วไปจะโฟกัสถึงการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมกับแก๊งโจร/เจ้าหน้าที่รัฐผู้ชั่วร้าย หรือการปล้นฆ่าเมื่อเซ็ทให้ตัวเอกเป็นพวกนอกกฎหมาย ทั้งยังเล่นเนื้อหาความขัดแย้งเรื่องชาติพันธุ์และการต่อสู้กับพวกอินเดียนแดง โดยเอกลักษณ์สำคัญของหนังแนวนี้คือ ตัวละครจะแต่งกายชุดคาวบอย ใส่หมวกปีกกว้าง ขี่ม้าพกปืน
ซึ่งหนังแนวนี้ในศตวรรษที่ 21 ก็มีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจอาทิเช่น The Good, the Bad, the Weird (2008), The Three Burials of Melquiades Estrada (2005), Lawless (2012), Slow West (2015), Appaloosa (2008), The Magnificent Seven (2016), Seraphim Falls (2006)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
10. The Proposition (2005)
ปรัชญาคุณธรรมผ่านทะเลทรายและจิตใจอันร้อนระอุยิ่งกว่านรก เป็นหนังเวสเทิร์นที่เซ็ทเรื่องราวในออสเตรเลียและวางปมเกี่ยวกับชายที่ต้องออกไล่ล่าพี่ชายของตนเอง ตามข้อตกลงกับตำรวจที่หากทำสำเร็จจะละเว้นโทษของตนกับน้องชายในฐานะอาชญากร ซึ่งหนังพยายามโฟกัสไปยัง 2 ตัวละครเพื่อสำรวจแง่มุมของคุณธรรมและจริยธรรมที่ค่อยๆดูสวนทางกัน หนึ่งคือฝั่งผู้กองขาโหดที่เปิดเรื่องด้วยการกระทำอันเกรี้ยวกราวและดูเป็นคนที่พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เป้าหมายบรรลุผล ก่อนหนังค่อยๆเปิดเผยความเป็นมนุษย์ที่ถูกโอบอุ้มด้วยจิตใจอันอ่อนโยนของภรรยา ขณะเดียวกันตัวเอกยิ่งเข้าใกล้ความจริงของพี่ชายมากเท่าไหร่ สัญชาตญาณดิบก็ค่อยๆถูกปล่อยออกมา จนนำไปสู่ฉากจบที่ลึกซึ้งและทรงพลัง
9. Bone Tomahawk (2015)
ความเป็นหนังสยองขวัญอมนุษย์สไตล์ The Descent ผสมเข้ากับหนังเวสเทิร์นจนกลายเป็นไอเดียที่แปลกใหม่ โดยวางปมเกี่ยวกับหมอสาวที่ถูกเหล่ามนุษย์ถ้ำจับตัวไปหลังได้รับมอบหมายให้มาช่วยดูอาการของนักโทษในที่ว่าการอำเภอ และหนังโฟกัสไปยังภารกิจพาตัวหมอสาวกลับมาที่นำทีมโดยนายอำเภอและแฟนหนุ่มของเธอที่ขาหัก ซึ่งความร้ายกาจของเหล่ามนุษย์ถ้ำเป็นจุดสำคัญที่หนังแสดงให้เห็นตั้งแต่ซีนเปิดเรื่องเพื่อให้คนดูพึงตระหนักถึงความน่ากลัวและลุ้นเอาใจช่วยทีมของตัวเอกที่แม้จะเด่นในแง่ประสบการณ์และสติปัญญาไหวพริบในฐานะมนุษย์ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะต่อกรกับพวกไร้อารยชนที่เต็มไปด้วยความปราดเปรียวและความป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์ร้าย
8. The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford (2007)
หนังเวสเทิร์นที่ใช้จังหวะอันเรียบนิ่ง บอกเล่าผ่านมุมมองบุคคลที่ 3 ด้วยถ้อยคำที่สวยงามดั่งบทกวีเพื่อพาคนดูไปสำรวจเบื้องหลังของแผนฆาตกรรมจอมโจรผู้เลื่องชื่อในปลายศตวรรษที่ 19 กับการเปิดเรื่องด้วยการเกริ่นนำถึงความลึกลับพิศวงของ 'เจสซี่ เจมส์' ชายผู้เป็นวีรบุรุษจอมโจรที่กล้าต่อกรกับกฎหมายโดยไร้ความหวั่นเกรง ด้วยภาพลักษณ์ดังกล่าวจึงกลายเป็นที่ยกย่องเชิดชูของใครหลายคนโดยเฉพาะกับ 'โรเบิร์ต ฟอร์ด' เด็กหนุ่มที่เป็นแฟนตัวยงและรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจมส์ ซึ่งหนังจะค่อยๆเปิดเผยความคิดและทัศนคติที่แปรเปลี่ยนของฟอร์ด กระทั่งนำไปสู่โมเม้นท์ของการฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น
7. 3:10 to Yuma (2007)
พิสูจน์เจตนารมณ์และส่งต่อจิตวิญญาณของผู้กล้า เป็นหัวใจสำคัญจากหนังเวสเทิร์นของ James Mangold โดยวางปมเกี่ยวกับครอบครัวชาวไร่ที่ถูกเจ้าหนี้คุกคามและวางเส้นตายให้หาเงินมาใช้หนี้ภายในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งหนังโฟกัสไปยังผู้เป็นพ่อที่อาสาคุมตัวจอมโจรเพื่อไปส่งที่สถานีรถไฟโดยแลกกับค่าจ้างในการใช้หนี้ จุดน่าสนใจคือตัวละครพ่อที่นำแสดงโดย Christian Bale เป็นอดีตทหารผ่านศึกที่เสียขาไปข้างหนึ่ง ซึ่งภารกิจครั้งนี้แม้เงินจะเป็นเป้าหมายหลัก แต่เหตุผลที่ยอมเสี่ยงอันตรายและไม่หวั่นเกรงแม้อยู่ท่ามกลางดงปืนหลายสิบกระบอกเพราะต้องการพิสูจน์ตัวเองให้ลูกชายได้รู้สึกภาคภูมิใจและเห็นถึงความเป็นผู้กล้าที่ยึดมั่นในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
6. The Revenant (2015)
ความพยายามที่บรรลุผลของ Leonardo DiCaprio เป็นหนึ่งไฮไลท์สำคัญกับการคว้านำชายออสการ์ในบทบาทสุดหินของชายผู้รอดชีวิตจากเงื้อมมือหมียักษ์และถูกเพื่อนรักทอดทิ้งให้ตายกลางป่า ซึ่งหนังเซ็ทอยู่ในยุคบุกเบิกของอเมริกาที่มีการต่อสู้ระหว่างชนเผ่าเพื่อล่าอาณานิคม ซึ่งจะเห็นได้จากลองเทคเปิดเรื่องในการต่อสู้กับเผ่าอินเดียนแดงสุดโหด โดยจะถูกเล่าผ่านรูปแบบหนังเซอร์ไวเวอร์ที่สะท้อนสัญชาตญาณดิบการเอาตัวรอดของมนุษย์ได้อย่างสมจริง ขณะเดียวกันก็ใช้ปมความแค้นเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนตัวละครตามสไตล์หนังรีเวนจ์ แม้สภาพร่างกายที่บาดเจ็บเจียนตายและสภาพแวดล้อมอันยากลำบากก็ไม่อาจบั่นทอนความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นเพื่อนรักที่ฆ่าลูกชายของตนและทิ้งให้ตายอยู่กลางป่าอย่างเดียวดาย
5. True Grit (2010)
บทเพลงแห่งการล้างแค้นของเด็กสาวผู้ไร้เดียงสา เป็นการกลับมาทำหนังเวสเทิร์นอีกครั้งในรอบสามปีของพี่น้อง Coen ซึ่งองค์รวมของหนังนับได้ว่ายอดเยี่ยมถึงขนาดเข้าชิง 10 รางวัลออสการ์ แต่น่าเสียดายที่พลาดไปทั้งหมดโดยเฉพาะงานภาพและบทหนังที่สอดแทรกประเด็นความแค้นได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งยังเต็มไปด้วยความตลกร้ายของไดอะล็อก โดยวางปมเกี่ยวกับเด็กสาวที่หมายมั่นจะแก้แค้นโจรชั่วที่ฆาตกรรมพ่อของเธอ ซึ่งหนังใช้การเล่าแบบโร้ดมูฟวี่เพื่อสำรวจมิติของตัวละครและแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติที่เรียนรู้ผ่านเหตุการณ์หรือผู้คนตลอดการเดินทาง จนนำไปสู่บทสรุปแห่งการล้างแค้นที่เด็กสาวได้พึงตระหนักและจดจำมันไปชั่วชีวิต
4. Wind River (2017)
หนังโมเดิร์นเวสเทิร์นที่เป็นก้าวแรกในฐานะผู้กำกับของ Taylor Sheridan ที่โด่งดังจากงานเขียนบทอาชญากรรมชั้นเยี่ยมอย่าง Sicario และ Hell or High Water โดยเรื่องนี้จะนำเสนอปมความขัดแย้งภายในชนเผ่าอินเดียนแดงที่ฝังลึกตั้งแต่ยุคสมัยบุกเบิกอเมริกาผ่านแนวสืบสวนฆาตกรรมซ่อนเงื่อน ที่ว่าด้วยเอฟบีไอสาวกับนายพรานมือฉมังที่ต้องร่วมมือกันสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายปริศนาของวัยรุ่นสาว โดยจุดเด่นนอกเหนือจากบทหนังคือชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาดในการเปิดเผยความลับเพื่อสร้างอิมแพ็คท์ต่อคนดู แม้หนังจะค่อยๆป้อนความจริงอย่างซื่อตรงไร้การซิกแซกไปมาเพื่อสร้างโมเม้นท์พลิกผันหรือพล็อตทวิสต์ แต่ก็ยังสามารถพาคนดูไปสู่จุดไคลแม็กซ์ได้อย่างทรงพลัง
3. Django Unchained (2012)
หนังเวสเทิร์นสไตล์ผู้กำกับ Quentin Tarantino ที่มีความยียวน ความดิบเถื่อน เกิดโมเม้นท์เหนือคาดได้ตลอดเวลา ทั้งยังคงเอกลักษณ์การขับเคลื่อนหนังด้วยบทพูดที่แฝงความตลกร้ายหยิบเอาประเด็นเชื้อชาติและการเหยียดผิวมาเล่นได้อย่างแสบสัน โดยหนังเปิดปมด้วยนักล่าค่าหัวที่กำลังตามหาสามพี่น้องอาชญากรและได้หนุ่มผิวสีรายหนึ่งมาเป็นผู้ชี้เป้า ก่อนที่ภายหลังทั้งสองจะกลายเป็นคู่หูนักล่าค่าหัวมือฉกาจแห่งแดนใต้ ซึ่งหนังได้โฟกัสไปยังภารกิจที่หนุ่มผิวสีต้องตามหาตัวภรรยาที่ถูกจับไปเป็นทาสในคฤหาสน์ของเศรษฐีเยอรมัน และที่แห่งนี้ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญมากมายโดยเฉพาะการสนทนาหยั่งเชิงในซีนบนโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยความกดดัน ลุ้นระทึก และนำไปสู่การเปิดเผยธาตุแท้ของตัวละคร
2. Hell or High Water (2016)
หนังโมเดิร์นเวสเทิร์นที่เป็นงานเขียนบทลำดับที่สองของ Taylor Sheridan โดยหยิบเนื้อหาสะท้อนสภาพสังคมรัฐเท็กซัสที่เสื่อมถอยจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และนำไปสู่ปมหลักของเรื่องกับสองพี่น้องที่ต้องออกปล้นธนาคารเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ครอบครัว โดยหนังได้โฟกัสไปยังหลังเหตุการณ์ปล้นที่สองพี่น้องต้องถูกตามล่าโดยสองตำรวจมือเก๋า ซึ่งบริบทที่เป็นธรรมชาติเรียกว่าเป็นจุดแข็งสำคัญของหนังเรื่องนี้ไล่ตั้งแต่วิธีการเล่าแบบค่อยเป็นค่อยไปไร้การเร่งเร้าจังหวะ ประกอบกับไดอะล็อกที่ลึกซึ้งคมคายแฝงการจิกกัดสังคม และที่สำคัญการเซ็ทความเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบให้กับสองพี่น้องทำให้คนดูยิ่งต้องคอยลุ้นและเอาใจช่วยชะตาชีวิตของพวกเขา
1. No Country for Old Men (2007)
หนังโมเดิร์นเวสเทิร์นที่เรียกได้ว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของพี่น้อง Coen การันตีด้วยคำชมจากนักวิจารณ์ทั่วสารทิศและการคว้า 4 รางวัลใหญ่บทเวทีออสการ์ โดยสาขาสมทบชายที่รับบทโดย Javier Bardem เป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญที่ทุกคนต่างต้องพูดถึง กับบทบาทของชายวัยกลางคนที่มาพร้อมทรงผมสุดเฉิ่ม ใบหน้าอันเรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึก ที่กลายเป็นยมทูตแห่งความตายออกไล่ล่าชายฉกรรจ์ที่หลบหนีไปพร้อมกระเป๋าเงินร้อน โดยหนังได้แฝงสัจธรรมชีวิต ความดีชั่ว ผ่านการกระทำของตัวละครและบทสรุปแห่งโลกความเป็นจริงของเกมแมวไล่จับหนูที่เต็มไปด้วยสถานการณ์บีบคั้นที่คนดูต้องคอยลุ้นและเอาใจช่วยเหยื่อให้หนีรอดจากมือสังหารสุดโหด
.
.
.
.
.
.
.
ทวิตเตอร์เพจ @Review_Me_ พูดคุยหนังทั่วไปเเละซีรีส์(โดยเฉพาะฝั่งเกาหลี)
ขออนุญาตฝากเพจนะครับ
https://www.facebook.com/Criticalme
เเละขออนุญาตฝากไอจีเพจด้วยนะครับ @review_me__
เป็นพื้นที่สำหรับรีวิวหนังสือนิยายต่างๆโดยเฉพาะแนวสืบสวน
10 หนังเวสเทิร์นไครม์ (Western Crime) ยอดเยี่ยมแห่งศตวรรษที่ 21
หนังในลิสต์ส่วนใหญ่เป็นยุคของโมเดิร์นเวสเทิร์น (Modern Western) ที่ผสมผสานวัฒนธรรมและค่านิยมแบบดั้งเดิมเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ซึ่งหนังเวสเทิร์นจะมีฉากหลังเป็นอเมริกาตะวันตก สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนและธีมเนื้อหาจะกล่าวถึงอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ (Western Crime) โดยทั่วไปจะโฟกัสถึงการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมกับแก๊งโจร/เจ้าหน้าที่รัฐผู้ชั่วร้าย หรือการปล้นฆ่าเมื่อเซ็ทให้ตัวเอกเป็นพวกนอกกฎหมาย ทั้งยังเล่นเนื้อหาความขัดแย้งเรื่องชาติพันธุ์และการต่อสู้กับพวกอินเดียนแดง โดยเอกลักษณ์สำคัญของหนังแนวนี้คือ ตัวละครจะแต่งกายชุดคาวบอย ใส่หมวกปีกกว้าง ขี่ม้าพกปืน
ซึ่งหนังแนวนี้ในศตวรรษที่ 21 ก็มีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจอาทิเช่น The Good, the Bad, the Weird (2008), The Three Burials of Melquiades Estrada (2005), Lawless (2012), Slow West (2015), Appaloosa (2008), The Magnificent Seven (2016), Seraphim Falls (2006)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
10. The Proposition (2005)
ปรัชญาคุณธรรมผ่านทะเลทรายและจิตใจอันร้อนระอุยิ่งกว่านรก เป็นหนังเวสเทิร์นที่เซ็ทเรื่องราวในออสเตรเลียและวางปมเกี่ยวกับชายที่ต้องออกไล่ล่าพี่ชายของตนเอง ตามข้อตกลงกับตำรวจที่หากทำสำเร็จจะละเว้นโทษของตนกับน้องชายในฐานะอาชญากร ซึ่งหนังพยายามโฟกัสไปยัง 2 ตัวละครเพื่อสำรวจแง่มุมของคุณธรรมและจริยธรรมที่ค่อยๆดูสวนทางกัน หนึ่งคือฝั่งผู้กองขาโหดที่เปิดเรื่องด้วยการกระทำอันเกรี้ยวกราวและดูเป็นคนที่พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เป้าหมายบรรลุผล ก่อนหนังค่อยๆเปิดเผยความเป็นมนุษย์ที่ถูกโอบอุ้มด้วยจิตใจอันอ่อนโยนของภรรยา ขณะเดียวกันตัวเอกยิ่งเข้าใกล้ความจริงของพี่ชายมากเท่าไหร่ สัญชาตญาณดิบก็ค่อยๆถูกปล่อยออกมา จนนำไปสู่ฉากจบที่ลึกซึ้งและทรงพลัง
9. Bone Tomahawk (2015)
ความเป็นหนังสยองขวัญอมนุษย์สไตล์ The Descent ผสมเข้ากับหนังเวสเทิร์นจนกลายเป็นไอเดียที่แปลกใหม่ โดยวางปมเกี่ยวกับหมอสาวที่ถูกเหล่ามนุษย์ถ้ำจับตัวไปหลังได้รับมอบหมายให้มาช่วยดูอาการของนักโทษในที่ว่าการอำเภอ และหนังโฟกัสไปยังภารกิจพาตัวหมอสาวกลับมาที่นำทีมโดยนายอำเภอและแฟนหนุ่มของเธอที่ขาหัก ซึ่งความร้ายกาจของเหล่ามนุษย์ถ้ำเป็นจุดสำคัญที่หนังแสดงให้เห็นตั้งแต่ซีนเปิดเรื่องเพื่อให้คนดูพึงตระหนักถึงความน่ากลัวและลุ้นเอาใจช่วยทีมของตัวเอกที่แม้จะเด่นในแง่ประสบการณ์และสติปัญญาไหวพริบในฐานะมนุษย์ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะต่อกรกับพวกไร้อารยชนที่เต็มไปด้วยความปราดเปรียวและความป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์ร้าย
8. The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford (2007)
หนังเวสเทิร์นที่ใช้จังหวะอันเรียบนิ่ง บอกเล่าผ่านมุมมองบุคคลที่ 3 ด้วยถ้อยคำที่สวยงามดั่งบทกวีเพื่อพาคนดูไปสำรวจเบื้องหลังของแผนฆาตกรรมจอมโจรผู้เลื่องชื่อในปลายศตวรรษที่ 19 กับการเปิดเรื่องด้วยการเกริ่นนำถึงความลึกลับพิศวงของ 'เจสซี่ เจมส์' ชายผู้เป็นวีรบุรุษจอมโจรที่กล้าต่อกรกับกฎหมายโดยไร้ความหวั่นเกรง ด้วยภาพลักษณ์ดังกล่าวจึงกลายเป็นที่ยกย่องเชิดชูของใครหลายคนโดยเฉพาะกับ 'โรเบิร์ต ฟอร์ด' เด็กหนุ่มที่เป็นแฟนตัวยงและรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจมส์ ซึ่งหนังจะค่อยๆเปิดเผยความคิดและทัศนคติที่แปรเปลี่ยนของฟอร์ด กระทั่งนำไปสู่โมเม้นท์ของการฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น
7. 3:10 to Yuma (2007)
พิสูจน์เจตนารมณ์และส่งต่อจิตวิญญาณของผู้กล้า เป็นหัวใจสำคัญจากหนังเวสเทิร์นของ James Mangold โดยวางปมเกี่ยวกับครอบครัวชาวไร่ที่ถูกเจ้าหนี้คุกคามและวางเส้นตายให้หาเงินมาใช้หนี้ภายในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งหนังโฟกัสไปยังผู้เป็นพ่อที่อาสาคุมตัวจอมโจรเพื่อไปส่งที่สถานีรถไฟโดยแลกกับค่าจ้างในการใช้หนี้ จุดน่าสนใจคือตัวละครพ่อที่นำแสดงโดย Christian Bale เป็นอดีตทหารผ่านศึกที่เสียขาไปข้างหนึ่ง ซึ่งภารกิจครั้งนี้แม้เงินจะเป็นเป้าหมายหลัก แต่เหตุผลที่ยอมเสี่ยงอันตรายและไม่หวั่นเกรงแม้อยู่ท่ามกลางดงปืนหลายสิบกระบอกเพราะต้องการพิสูจน์ตัวเองให้ลูกชายได้รู้สึกภาคภูมิใจและเห็นถึงความเป็นผู้กล้าที่ยึดมั่นในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
6. The Revenant (2015)
ความพยายามที่บรรลุผลของ Leonardo DiCaprio เป็นหนึ่งไฮไลท์สำคัญกับการคว้านำชายออสการ์ในบทบาทสุดหินของชายผู้รอดชีวิตจากเงื้อมมือหมียักษ์และถูกเพื่อนรักทอดทิ้งให้ตายกลางป่า ซึ่งหนังเซ็ทอยู่ในยุคบุกเบิกของอเมริกาที่มีการต่อสู้ระหว่างชนเผ่าเพื่อล่าอาณานิคม ซึ่งจะเห็นได้จากลองเทคเปิดเรื่องในการต่อสู้กับเผ่าอินเดียนแดงสุดโหด โดยจะถูกเล่าผ่านรูปแบบหนังเซอร์ไวเวอร์ที่สะท้อนสัญชาตญาณดิบการเอาตัวรอดของมนุษย์ได้อย่างสมจริง ขณะเดียวกันก็ใช้ปมความแค้นเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนตัวละครตามสไตล์หนังรีเวนจ์ แม้สภาพร่างกายที่บาดเจ็บเจียนตายและสภาพแวดล้อมอันยากลำบากก็ไม่อาจบั่นทอนความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นเพื่อนรักที่ฆ่าลูกชายของตนและทิ้งให้ตายอยู่กลางป่าอย่างเดียวดาย
5. True Grit (2010)
บทเพลงแห่งการล้างแค้นของเด็กสาวผู้ไร้เดียงสา เป็นการกลับมาทำหนังเวสเทิร์นอีกครั้งในรอบสามปีของพี่น้อง Coen ซึ่งองค์รวมของหนังนับได้ว่ายอดเยี่ยมถึงขนาดเข้าชิง 10 รางวัลออสการ์ แต่น่าเสียดายที่พลาดไปทั้งหมดโดยเฉพาะงานภาพและบทหนังที่สอดแทรกประเด็นความแค้นได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งยังเต็มไปด้วยความตลกร้ายของไดอะล็อก โดยวางปมเกี่ยวกับเด็กสาวที่หมายมั่นจะแก้แค้นโจรชั่วที่ฆาตกรรมพ่อของเธอ ซึ่งหนังใช้การเล่าแบบโร้ดมูฟวี่เพื่อสำรวจมิติของตัวละครและแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติที่เรียนรู้ผ่านเหตุการณ์หรือผู้คนตลอดการเดินทาง จนนำไปสู่บทสรุปแห่งการล้างแค้นที่เด็กสาวได้พึงตระหนักและจดจำมันไปชั่วชีวิต
4. Wind River (2017)
หนังโมเดิร์นเวสเทิร์นที่เป็นก้าวแรกในฐานะผู้กำกับของ Taylor Sheridan ที่โด่งดังจากงานเขียนบทอาชญากรรมชั้นเยี่ยมอย่าง Sicario และ Hell or High Water โดยเรื่องนี้จะนำเสนอปมความขัดแย้งภายในชนเผ่าอินเดียนแดงที่ฝังลึกตั้งแต่ยุคสมัยบุกเบิกอเมริกาผ่านแนวสืบสวนฆาตกรรมซ่อนเงื่อน ที่ว่าด้วยเอฟบีไอสาวกับนายพรานมือฉมังที่ต้องร่วมมือกันสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายปริศนาของวัยรุ่นสาว โดยจุดเด่นนอกเหนือจากบทหนังคือชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาดในการเปิดเผยความลับเพื่อสร้างอิมแพ็คท์ต่อคนดู แม้หนังจะค่อยๆป้อนความจริงอย่างซื่อตรงไร้การซิกแซกไปมาเพื่อสร้างโมเม้นท์พลิกผันหรือพล็อตทวิสต์ แต่ก็ยังสามารถพาคนดูไปสู่จุดไคลแม็กซ์ได้อย่างทรงพลัง
3. Django Unchained (2012)
หนังเวสเทิร์นสไตล์ผู้กำกับ Quentin Tarantino ที่มีความยียวน ความดิบเถื่อน เกิดโมเม้นท์เหนือคาดได้ตลอดเวลา ทั้งยังคงเอกลักษณ์การขับเคลื่อนหนังด้วยบทพูดที่แฝงความตลกร้ายหยิบเอาประเด็นเชื้อชาติและการเหยียดผิวมาเล่นได้อย่างแสบสัน โดยหนังเปิดปมด้วยนักล่าค่าหัวที่กำลังตามหาสามพี่น้องอาชญากรและได้หนุ่มผิวสีรายหนึ่งมาเป็นผู้ชี้เป้า ก่อนที่ภายหลังทั้งสองจะกลายเป็นคู่หูนักล่าค่าหัวมือฉกาจแห่งแดนใต้ ซึ่งหนังได้โฟกัสไปยังภารกิจที่หนุ่มผิวสีต้องตามหาตัวภรรยาที่ถูกจับไปเป็นทาสในคฤหาสน์ของเศรษฐีเยอรมัน และที่แห่งนี้ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญมากมายโดยเฉพาะการสนทนาหยั่งเชิงในซีนบนโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยความกดดัน ลุ้นระทึก และนำไปสู่การเปิดเผยธาตุแท้ของตัวละคร
2. Hell or High Water (2016)
หนังโมเดิร์นเวสเทิร์นที่เป็นงานเขียนบทลำดับที่สองของ Taylor Sheridan โดยหยิบเนื้อหาสะท้อนสภาพสังคมรัฐเท็กซัสที่เสื่อมถอยจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และนำไปสู่ปมหลักของเรื่องกับสองพี่น้องที่ต้องออกปล้นธนาคารเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ครอบครัว โดยหนังได้โฟกัสไปยังหลังเหตุการณ์ปล้นที่สองพี่น้องต้องถูกตามล่าโดยสองตำรวจมือเก๋า ซึ่งบริบทที่เป็นธรรมชาติเรียกว่าเป็นจุดแข็งสำคัญของหนังเรื่องนี้ไล่ตั้งแต่วิธีการเล่าแบบค่อยเป็นค่อยไปไร้การเร่งเร้าจังหวะ ประกอบกับไดอะล็อกที่ลึกซึ้งคมคายแฝงการจิกกัดสังคม และที่สำคัญการเซ็ทความเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบให้กับสองพี่น้องทำให้คนดูยิ่งต้องคอยลุ้นและเอาใจช่วยชะตาชีวิตของพวกเขา
1. No Country for Old Men (2007)
หนังโมเดิร์นเวสเทิร์นที่เรียกได้ว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของพี่น้อง Coen การันตีด้วยคำชมจากนักวิจารณ์ทั่วสารทิศและการคว้า 4 รางวัลใหญ่บทเวทีออสการ์ โดยสาขาสมทบชายที่รับบทโดย Javier Bardem เป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญที่ทุกคนต่างต้องพูดถึง กับบทบาทของชายวัยกลางคนที่มาพร้อมทรงผมสุดเฉิ่ม ใบหน้าอันเรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึก ที่กลายเป็นยมทูตแห่งความตายออกไล่ล่าชายฉกรรจ์ที่หลบหนีไปพร้อมกระเป๋าเงินร้อน โดยหนังได้แฝงสัจธรรมชีวิต ความดีชั่ว ผ่านการกระทำของตัวละครและบทสรุปแห่งโลกความเป็นจริงของเกมแมวไล่จับหนูที่เต็มไปด้วยสถานการณ์บีบคั้นที่คนดูต้องคอยลุ้นและเอาใจช่วยเหยื่อให้หนีรอดจากมือสังหารสุดโหด
.
.
.
.
.
.
.
ทวิตเตอร์เพจ @Review_Me_ พูดคุยหนังทั่วไปเเละซีรีส์(โดยเฉพาะฝั่งเกาหลี)
ขออนุญาตฝากเพจนะครับ
https://www.facebook.com/Criticalme
เเละขออนุญาตฝากไอจีเพจด้วยนะครับ @review_me__
เป็นพื้นที่สำหรับรีวิวหนังสือนิยายต่างๆโดยเฉพาะแนวสืบสวน