**เรื่องมันยาวค่ะะ ปรึกษา+ระบาย
ไม่อยากอ่านข้ามไปตอนสุดท้ายได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า ... บ้านเราอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ
สร้างมาก็20-30ปีและ คือเราอยู่ตั่งแต่เกิดเลยค่ะ
ทีนี้พอนึกออกไหมคะว่าหมู่บ้านสมัยก่อน ซอยย่อยก็ไม่ได้กว้างขนาดสมัยนี้
คือ สมมุติว่าบ้านสองหลังที่อยู่ตรงข้ามกันจอดรถไว้ข้างหน้าบ้านทั้งคู่ จะเหลือที่ให้รถผ่านได้คันนึงโดยทีตัวกระจกรถเสี่ยงโดนรถที่จอดอยู่ประมาณข้างละ 15cm (ถ้าเปนบ้านที่เกรงใจคนอื่นหน่อยก็จะจอดชิดประตูรั้วก้มีที่หลือพอขับแบบไม่กังวลค่ะ)
เข้าเรื่องนะคะ บ้านเราอยู่บ้านหลังสุดท้ายซึ่ง บ้านหลังสุดท้ายปรกติจะมีเนื้อที่มากกว่าบ้านอื่นค่ะ สมมุติบ้านอื่นเป็นเหมือน
บ้านแฝดแล้วแบ่งเป็นสองบ้านอ่ะค่ะ เราก็จะได้พื้นที่บ้านเต็มๆเลยงี้
แล้วเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างบ้านเรา (หลังก่อนบ้านเรา)
แกก็คือรู้จักทักทายกับทางครอบครัวเรามานานแสนนาน แกก็นิสัยดีน่ารักค่ะ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องจอดรถเบียดเบียนกัน
ทีนี้เหมือนคุณลุงเขามีเพื่อนมาอยู่ เดือนกว่าๆละที่นับมา แรกๆลุงเพื่อนบ้านแกก็โผล่หน้ามาบอกว่า
"เดี๋ยวจะมีจอดรถเกินมาที่บ้านเราหน่อยนะ แต่ไม่มากหรอไม่ต้องเป็นห่วง" แกก็ขออนุญาติ เราก็แบบ "ค้ะไม่เป็นไรค่ะ" เพราะวันนั้นก้เห็นอยู่ว่าไม่มากมายที่จะมาทำให้เราลำบาก
หลังจากนั้นรถที่จอด ก็เหมือนจะเขยิบ เขยิบ มาถึงครึ่งรั้วบ้าน และก็เขยิบมาอีกจนเกือบถึงประตู่รั้วบ้าน
แล้วคือ บ้านที่อยู่หัวมุมแล้วประตูบ้านชิดมุมอีก นึกภาพนะคะว่าเวลาจะเอารถเข้าบ้านมันก็ ค่อนข้างลำบากกลัวเฉี่ยวกลัวเป็นรอย
บางวันแฟนเราแวะมาทานข้าวเย็น ปกติเขาก็จะจอดหน้าบ้านเรานี่แหละ มันก็จอดไม่ได้ เพราะเป็น HRV
ถึงจะเปนแต่ civic เราก้ลองแล้วมันก็จอดไม่ได้ค่ะ พื้นที่เข้าซองไม่พอ
แฟนเราก็บ่นๆให้คุยกับบ้านตรงข้าม เราก็บอก ไว้เจอแล้วจะคุยให้
(คือจริงๆเราก็เกรงใจ เจ้าของบ้านกับเพื่อนก็สูงอายุก็ผู้ใหญ่กว่าแถมรู้จักคุณแม่คอยช่วยเหลือกัน)
จนวันนึงเรากลับมาจากข้างนอก ปวดหัว ไมเกรนขึ้น แบบอยากกลับบ้านแล้วทิ้งตัวอยู่นิ่งๆ แล้วพอมาถึงหน้าบ้าน เห็นรถจอดจะมาถึงรั้วบ้านเราอยู่แล้ว เวลาตีวงจะเอารถเข้าบ้านตอนแรกนึกว่าเข้าไม่ได้เลยไปกดกริ่งเรียกบ้านข้างๆ
ก็ไม่ออกมาสักที เลยเข้ารถค่อยๆเอารถเข้าบ้านจนเข้าได้ หลังจากนั้นเลยเดินไปบอกบ้านข้างๆที่ตอนนี้ออกมาละว่า
"พอดีตอนแรกนึกว่าเข้าไม่ได้ ไม่ต้องเลื่อนรถแล้ว ก็ได้ค่ะ แต่ยังไงหนูรบกวนเวลาจอดอ่ะค่ะ ขอไม่เกินครึ้งรั้วได้มั้ยคะ"
แกก็พูด(เยอะมากๆเรายืนฟังแกพูดอยู่เกือบ ชม) ก็จะประมาณว่า
ตอนแรกลุง(เพื่อนของเพื่อนบ้าน)บอกว่าเนี่ยปกติรถไม่ได้เข้าเกียร์ เข็นได้เลยแกก็เข็นรถให้เราดู เราก็ค่ะแบบงงๆไม่รู้จะตอบไรอ่า
เสร็จแล้วแกก็เริ่มพูดบอกว่าเนี่ย ลุงA (เพื่อนบ้าน) ต้องออกประมาณ ตี5ทุกวัน เลยต้องจอดเกินมาแบบนี้ เพื่อจะไม่ได้ขวางรถลุงA ตอนออก
แล้วแกก็เริ่มพูดเรื่อง เนี่ยนะแกอยู่ ตปท มา ไม่เหมือนคนไทยหรอก เขาเป็นระเบียบ หมู่บ้านนะมีที่จอด ของใครของมัน ไม่เหมือนที่ประเทศไทยแกก็พูดถึงสำนักทนายความเล็กๆในหมู่บ้าน คงจะสื่อว่าพวกนี้มาจอดรถกินทีลูกบ้าน เราก็ฟังๆไป ... แกก็ลามไปปัญหาประเทศ บอกคนไทยเป็นพวกแบ่งแยกไม่เคารพกันและกัน แกก็บอก จะครู จะคนขับรถแทกซี่มันก็คืออาชีพ ทุกคนเท่าๆกัน
ก็มี
keyword ว่าน้ำใจ ปาเข้าหน้าเรามา 1 ดอก
( ณ จุดนี้จากที่ตอนแรกไมเกรนเหมือนจะดีขึ้นเมือนเห็นหลังคาบ้านตัวเอง ตอนนี้ตาเริ่มพร่าอีกครั้ง)
คือต้องบอกก่อนว่าเราก็เคยมีโอกาสไปเรียนที่เมืองนอกมา
ก็พอรู้พอเข้าใจบ้างว่าเขามีอะไรที่ดีหรือแย่กว่าเราตรงไหน
แต่เราก็มองว่าทุกอย่างมันอยู่ที่ culture พื้นฐานประเทศ และประเพณีที่สื่บทอดมา เราต้องดูความเป็นไปได้ด้านความพร้อมและ เศรษฐกิจของประเทศ มาบ่ยๆพูดไปไม่ได้ไรหรอก คือ ลุงเขาอาจจะอึดอัดหรือระบายไงก็แล้วแต่
แต่เหตุการณ์ที่เกิดนี่ ประมาณ 3-4 ทุ่มหน้าบ้าน (ก็ไม่ใช่เวลาป่าวว้า)
แกก็พูดต่อไปอีกถึงเรื่องแยกขยะ บอก
ประเทศที่แกอยู่นะ แยกขยะ 3-4 อย่าง ไม่แยกไม่ได้เลย
แล้วก็มาถึงเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์ ของประเทศที่แทนที่อแกไปศึกษาแล้วจะกลับมาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ
คนไทยที่ได้ดีกลับตักสินใจที่จะอยู่ยาวใช้ชีวิตที่ตปทเลย
แล้วลุงเขาก็บอกเนี่ย เพราะประเทศมันเป็นอย่างนี้ๆๆ ไง
คนที่ไม่อยากอยู่ที่นี่แบบลุงเลยไปอยู่ ตปท ดีกว่า บ้านเมืองเขาดีกว่า ไม่เหมือนจีนที่เขาส่งคนออกไป และคนเขาก็กลับมาพัฒนาประเทศเจริญกว่าไทยเยอะ (อันนี้เห็นด้วย แต่ลุงจะรู้ไหมว่าจีนเสี่ยงต่อการ recession แค่ไหน ความหวังเดียวคือทรัพยากรมนุษย์จริงๆ ในขณะที่ตอยนี้เศรษกิจไทยกำลังเติบโตน้อยๆ จากหลายๆปีที่ผ่านมา
Drop key word: คนและความคิด สังคมไม่น่าอยู่ จึก2ดอก
(ตรงนี้ต่อมรักชาติก็ขึ้น เราไปอยู่ ตปท หลายปี เราก้มองว่า มันสะดวกสบาย แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะอยู่ประเทศไทย ประเทศเรามีอะไรดีดีหลายๆอย่างที่ ตปท อิจฉา อาจจะขาดวินัยอะไรไปบ้าน คนรุ่นหลังๆนี่แหละก็จะเป็นคนที่ shape สังคมไปด้วยความคิดที่ก้าวหน้าและอิทธิพลดีๆที่เราได้รับจากต่างชาติ)
แกก็บอกคนไทยชอบแบ่งแยกสีนู้น นี้ นั่น เพราะความไม่รู้
ก็ต่อไปยังเรื่องการศึกษา บอก ตปท เรียนแค่ 12 ปี เหมือนคนไทย แต่จบ 12 ปี เขาก็ไปหางานทำ ไม่ต้องเรียนหรอก มหาลัย (ซึงเราก้เข้าใจ แต่เราก็เห็นเพื่อนๆ ต่างชาติเราก็เรียนมหาลัย น้อยคนจะออกไปทำงานหรือเรียนเฉพาะทาง งานที่ทำก็น้อยมากที่จะได้เงินที่ดีถ้าไม่มีปริญญา)
เขาก็บอกอีกลุงกับเพื่อนๆลุงไม่คิดว่สมหาลัยสำคัญหรอก ตรี โท ไม่ต้องเรียน นู่นน ออกไปหาประสบการณ์ ออกไปมโลก ( มันก็ดู inspire ดีค่ะ ถ้าคุณมีเส้นสาย หรอเงินทุนที่จะทำ) คือเราก็ฟังไปเรือยๆจนไมเกรนขึ้นจริงจัง คลื่นไส้ปวดหัวมาก พยายามคิดหาทางเลี่ยงขอตัวออกมา แต่ลุงไม่เปิดช่องว่างเลย ระหว่างนั้นแกก็พูดต่อเรื่อง มลภาวะ ว่าแระเทศไทยไม่หาทางแก้ไข บลา บลา บลา เราจำไม่ได้แลเว หัวตื้อมาก จนในที่สุดเราก็ทำเป็นเดินไปปิดประตูใหญ่หน้าบ้าน แล้วค่อยๆลีบตัวเข้ามาในบ้าน ลุงแกก็ยังพูดต่อนะ
แกก็บอกฝากไว้เป็นข้องคิดนนะนี่พูดให้หัง เราก็ยิ้มๆและเดินเข้าบ้านมา แบบ อึนๆ มึนๆ งงๆ
คือ ทั้งหมดที่แกพูดมานี้คือ จะพูดเรื่องน้ำใจและ ขอจอดรถเกินมาบ้านเราใช่มั้ย ....
เราก็ได้แต่คิดแบบนั้น แต่เวลาเราปวดหัวกลับบ้านมาเหนื่อยๆ แล้วต้องมาเข็นรถลุงแกหรอ??
หรือจริงๆมันเป็นเรื่องที่เราสามารถอดทนได้ ในสังคมพบเจอได้ทั่วไป คนเขาก็อยู่กันแบบไม่มีปัญหากัน
เพื่อนบ้านและรถ เราต้องน้ำใจมั้ย ถาม+ระบาย อึดอัด ประสบการณ์ ไมเกรนขึ้น
ไม่อยากอ่านข้ามไปตอนสุดท้ายได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า ... บ้านเราอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ
สร้างมาก็20-30ปีและ คือเราอยู่ตั่งแต่เกิดเลยค่ะ
ทีนี้พอนึกออกไหมคะว่าหมู่บ้านสมัยก่อน ซอยย่อยก็ไม่ได้กว้างขนาดสมัยนี้
คือ สมมุติว่าบ้านสองหลังที่อยู่ตรงข้ามกันจอดรถไว้ข้างหน้าบ้านทั้งคู่ จะเหลือที่ให้รถผ่านได้คันนึงโดยทีตัวกระจกรถเสี่ยงโดนรถที่จอดอยู่ประมาณข้างละ 15cm (ถ้าเปนบ้านที่เกรงใจคนอื่นหน่อยก็จะจอดชิดประตูรั้วก้มีที่หลือพอขับแบบไม่กังวลค่ะ)
เข้าเรื่องนะคะ บ้านเราอยู่บ้านหลังสุดท้ายซึ่ง บ้านหลังสุดท้ายปรกติจะมีเนื้อที่มากกว่าบ้านอื่นค่ะ สมมุติบ้านอื่นเป็นเหมือน
บ้านแฝดแล้วแบ่งเป็นสองบ้านอ่ะค่ะ เราก็จะได้พื้นที่บ้านเต็มๆเลยงี้
แล้วเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างบ้านเรา (หลังก่อนบ้านเรา)
แกก็คือรู้จักทักทายกับทางครอบครัวเรามานานแสนนาน แกก็นิสัยดีน่ารักค่ะ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องจอดรถเบียดเบียนกัน
ทีนี้เหมือนคุณลุงเขามีเพื่อนมาอยู่ เดือนกว่าๆละที่นับมา แรกๆลุงเพื่อนบ้านแกก็โผล่หน้ามาบอกว่า
"เดี๋ยวจะมีจอดรถเกินมาที่บ้านเราหน่อยนะ แต่ไม่มากหรอไม่ต้องเป็นห่วง" แกก็ขออนุญาติ เราก็แบบ "ค้ะไม่เป็นไรค่ะ" เพราะวันนั้นก้เห็นอยู่ว่าไม่มากมายที่จะมาทำให้เราลำบาก
หลังจากนั้นรถที่จอด ก็เหมือนจะเขยิบ เขยิบ มาถึงครึ่งรั้วบ้าน และก็เขยิบมาอีกจนเกือบถึงประตู่รั้วบ้าน
แล้วคือ บ้านที่อยู่หัวมุมแล้วประตูบ้านชิดมุมอีก นึกภาพนะคะว่าเวลาจะเอารถเข้าบ้านมันก็ ค่อนข้างลำบากกลัวเฉี่ยวกลัวเป็นรอย
บางวันแฟนเราแวะมาทานข้าวเย็น ปกติเขาก็จะจอดหน้าบ้านเรานี่แหละ มันก็จอดไม่ได้ เพราะเป็น HRV
ถึงจะเปนแต่ civic เราก้ลองแล้วมันก็จอดไม่ได้ค่ะ พื้นที่เข้าซองไม่พอ
แฟนเราก็บ่นๆให้คุยกับบ้านตรงข้าม เราก็บอก ไว้เจอแล้วจะคุยให้
(คือจริงๆเราก็เกรงใจ เจ้าของบ้านกับเพื่อนก็สูงอายุก็ผู้ใหญ่กว่าแถมรู้จักคุณแม่คอยช่วยเหลือกัน)
จนวันนึงเรากลับมาจากข้างนอก ปวดหัว ไมเกรนขึ้น แบบอยากกลับบ้านแล้วทิ้งตัวอยู่นิ่งๆ แล้วพอมาถึงหน้าบ้าน เห็นรถจอดจะมาถึงรั้วบ้านเราอยู่แล้ว เวลาตีวงจะเอารถเข้าบ้านตอนแรกนึกว่าเข้าไม่ได้เลยไปกดกริ่งเรียกบ้านข้างๆ
ก็ไม่ออกมาสักที เลยเข้ารถค่อยๆเอารถเข้าบ้านจนเข้าได้ หลังจากนั้นเลยเดินไปบอกบ้านข้างๆที่ตอนนี้ออกมาละว่า
"พอดีตอนแรกนึกว่าเข้าไม่ได้ ไม่ต้องเลื่อนรถแล้ว ก็ได้ค่ะ แต่ยังไงหนูรบกวนเวลาจอดอ่ะค่ะ ขอไม่เกินครึ้งรั้วได้มั้ยคะ"
แกก็พูด(เยอะมากๆเรายืนฟังแกพูดอยู่เกือบ ชม) ก็จะประมาณว่า
ตอนแรกลุง(เพื่อนของเพื่อนบ้าน)บอกว่าเนี่ยปกติรถไม่ได้เข้าเกียร์ เข็นได้เลยแกก็เข็นรถให้เราดู เราก็ค่ะแบบงงๆไม่รู้จะตอบไรอ่า
เสร็จแล้วแกก็เริ่มพูดบอกว่าเนี่ย ลุงA (เพื่อนบ้าน) ต้องออกประมาณ ตี5ทุกวัน เลยต้องจอดเกินมาแบบนี้ เพื่อจะไม่ได้ขวางรถลุงA ตอนออก
แล้วแกก็เริ่มพูดเรื่อง เนี่ยนะแกอยู่ ตปท มา ไม่เหมือนคนไทยหรอก เขาเป็นระเบียบ หมู่บ้านนะมีที่จอด ของใครของมัน ไม่เหมือนที่ประเทศไทยแกก็พูดถึงสำนักทนายความเล็กๆในหมู่บ้าน คงจะสื่อว่าพวกนี้มาจอดรถกินทีลูกบ้าน เราก็ฟังๆไป ... แกก็ลามไปปัญหาประเทศ บอกคนไทยเป็นพวกแบ่งแยกไม่เคารพกันและกัน แกก็บอก จะครู จะคนขับรถแทกซี่มันก็คืออาชีพ ทุกคนเท่าๆกัน
ก็มี keyword ว่าน้ำใจ ปาเข้าหน้าเรามา 1 ดอก
( ณ จุดนี้จากที่ตอนแรกไมเกรนเหมือนจะดีขึ้นเมือนเห็นหลังคาบ้านตัวเอง ตอนนี้ตาเริ่มพร่าอีกครั้ง)
คือต้องบอกก่อนว่าเราก็เคยมีโอกาสไปเรียนที่เมืองนอกมา
ก็พอรู้พอเข้าใจบ้างว่าเขามีอะไรที่ดีหรือแย่กว่าเราตรงไหน
แต่เราก็มองว่าทุกอย่างมันอยู่ที่ culture พื้นฐานประเทศ และประเพณีที่สื่บทอดมา เราต้องดูความเป็นไปได้ด้านความพร้อมและ เศรษฐกิจของประเทศ มาบ่ยๆพูดไปไม่ได้ไรหรอก คือ ลุงเขาอาจจะอึดอัดหรือระบายไงก็แล้วแต่
แต่เหตุการณ์ที่เกิดนี่ ประมาณ 3-4 ทุ่มหน้าบ้าน (ก็ไม่ใช่เวลาป่าวว้า)
แกก็พูดต่อไปอีกถึงเรื่องแยกขยะ บอก
ประเทศที่แกอยู่นะ แยกขยะ 3-4 อย่าง ไม่แยกไม่ได้เลย
แล้วก็มาถึงเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์ ของประเทศที่แทนที่อแกไปศึกษาแล้วจะกลับมาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ
คนไทยที่ได้ดีกลับตักสินใจที่จะอยู่ยาวใช้ชีวิตที่ตปทเลย
แล้วลุงเขาก็บอกเนี่ย เพราะประเทศมันเป็นอย่างนี้ๆๆ ไง
คนที่ไม่อยากอยู่ที่นี่แบบลุงเลยไปอยู่ ตปท ดีกว่า บ้านเมืองเขาดีกว่า ไม่เหมือนจีนที่เขาส่งคนออกไป และคนเขาก็กลับมาพัฒนาประเทศเจริญกว่าไทยเยอะ (อันนี้เห็นด้วย แต่ลุงจะรู้ไหมว่าจีนเสี่ยงต่อการ recession แค่ไหน ความหวังเดียวคือทรัพยากรมนุษย์จริงๆ ในขณะที่ตอยนี้เศรษกิจไทยกำลังเติบโตน้อยๆ จากหลายๆปีที่ผ่านมา
Drop key word: คนและความคิด สังคมไม่น่าอยู่ จึก2ดอก
(ตรงนี้ต่อมรักชาติก็ขึ้น เราไปอยู่ ตปท หลายปี เราก้มองว่า มันสะดวกสบาย แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะอยู่ประเทศไทย ประเทศเรามีอะไรดีดีหลายๆอย่างที่ ตปท อิจฉา อาจจะขาดวินัยอะไรไปบ้าน คนรุ่นหลังๆนี่แหละก็จะเป็นคนที่ shape สังคมไปด้วยความคิดที่ก้าวหน้าและอิทธิพลดีๆที่เราได้รับจากต่างชาติ)
แกก็บอกคนไทยชอบแบ่งแยกสีนู้น นี้ นั่น เพราะความไม่รู้
ก็ต่อไปยังเรื่องการศึกษา บอก ตปท เรียนแค่ 12 ปี เหมือนคนไทย แต่จบ 12 ปี เขาก็ไปหางานทำ ไม่ต้องเรียนหรอก มหาลัย (ซึงเราก้เข้าใจ แต่เราก็เห็นเพื่อนๆ ต่างชาติเราก็เรียนมหาลัย น้อยคนจะออกไปทำงานหรือเรียนเฉพาะทาง งานที่ทำก็น้อยมากที่จะได้เงินที่ดีถ้าไม่มีปริญญา)
เขาก็บอกอีกลุงกับเพื่อนๆลุงไม่คิดว่สมหาลัยสำคัญหรอก ตรี โท ไม่ต้องเรียน นู่นน ออกไปหาประสบการณ์ ออกไปมโลก ( มันก็ดู inspire ดีค่ะ ถ้าคุณมีเส้นสาย หรอเงินทุนที่จะทำ) คือเราก็ฟังไปเรือยๆจนไมเกรนขึ้นจริงจัง คลื่นไส้ปวดหัวมาก พยายามคิดหาทางเลี่ยงขอตัวออกมา แต่ลุงไม่เปิดช่องว่างเลย ระหว่างนั้นแกก็พูดต่อเรื่อง มลภาวะ ว่าแระเทศไทยไม่หาทางแก้ไข บลา บลา บลา เราจำไม่ได้แลเว หัวตื้อมาก จนในที่สุดเราก็ทำเป็นเดินไปปิดประตูใหญ่หน้าบ้าน แล้วค่อยๆลีบตัวเข้ามาในบ้าน ลุงแกก็ยังพูดต่อนะ
แกก็บอกฝากไว้เป็นข้องคิดนนะนี่พูดให้หัง เราก็ยิ้มๆและเดินเข้าบ้านมา แบบ อึนๆ มึนๆ งงๆ
คือ ทั้งหมดที่แกพูดมานี้คือ จะพูดเรื่องน้ำใจและ ขอจอดรถเกินมาบ้านเราใช่มั้ย ....
เราก็ได้แต่คิดแบบนั้น แต่เวลาเราปวดหัวกลับบ้านมาเหนื่อยๆ แล้วต้องมาเข็นรถลุงแกหรอ??
หรือจริงๆมันเป็นเรื่องที่เราสามารถอดทนได้ ในสังคมพบเจอได้ทั่วไป คนเขาก็อยู่กันแบบไม่มีปัญหากัน