ความรักมักไม่เข้าใครออกใคร เคยสังเกตไหม? ในเวลาที่เราคุยกับใคร สนิทกับใครจนเกินไป ..
มันมักจะกลายเป็นความรักโดยไม่ทันได้ตั้งตัวและรู้ตัวเลย ไหนจะเรื่องที่เราชอบเขาแต่เขาดันไม่ชอบเราซะนี่
แต่เมื่อเราเลิกชอบเขา เขาก็กลับมาชอบเราซะงั้น โชคชะตามักเล่นตลกกับผู้คนเสมอเลย
บางคนโดนทำให้เข็ดจนไม่อยากมีความรัก บางคนไม่เคยเข็ด เจ็บแล้วไม่จำ หรืออีกประเภทที่เสพติดการมีแฟน อยู่คนเดียวไม่ได้
เลิกกับใครแล้วจะต้องรีบหาแฟนใหม่ทันที
ในโลกนี้มีผู้คนมากมายที่ต่างความคิด ต่างความรู้สึก อาศัยอยู่รวมกัน ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ มันเป็นเรื่องที่อธิบายยากมากจริงๆ
แต่ที่ฉันไม่รู้เลยจริงๆก็คือ “ ใครคือคนสุดท้ายกันแน่ “
แต่มันคงเป็นเรื่องที่บอกยากอีกล่ะค่ะ พอๆกับใครคือเนื้อคู่ของฉันกันแน่เลยล่ะ เราไม่สามารถรู้ได้เลย
ถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง บางทีฉันก็คิดว่าอาจจะไม่เจอรักแท้แล้วก็ได้ .. แต่ว่าในตอนนี้ความคิดของฉันเปลี่ยนไป
เพราะว่า .. ฉันเจอแล้วน่ะสิคะ
2 เดือนก่อนหน้านั้น
“ ยัยอัน “
“ ยัยอันนนน ! “ ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที นั่นเพราะแรงจากการเขย่าตัวของยัยเพื่อนตัวแสบ
“ มีอะไรเหรอ ? “ ฉันตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ก็เมื่อคืนดันนอนตี 2 เลยน่ะสิ เคลียร์งานเยอะแยะจนไม่ได้นอน เหอๆ
“ ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน นี่พักเที่ยงแล้วนะ? ไปกินข้าวกันเหอะ “
นี่ฉันเผลอหลับไปนานเลยสินะ ? ในที่ทำงานแท้ๆ หลับไปได้ยังไง =_=
“ โอเคๆ “ ฉันตอบตกลงพร้อมเตรียมข้าวของจำเป็นใส่กระเป๋าสะพายข้างและเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนรัก
ฉัน อันปัน วิภาวี เกสรสิน อายุ 25 มนุษย์เงินเดือนเจ้าค่ะ ส่วนยัยคนที่ปลุกฉันแสนฮาร์ดคอร์นั่นชื่อ นี
ฉันและนี เรารู้จักกันมาตั้งแต่ม.ปลาย ตอนนั้นเรียนอยู่โรงเรียนหญิงล้วน
และบังเอิญมาเจอกันที่มหาลัยแถมคณะเดียวกันอีกเราไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ไม่ว่าจะไปกินข้าวหลังพักเที่ยงตอนกลับบ้าน
ตอนเที่ยวและช๊อปปิ้ง เวลามีอะไร เพื่อนที่ฉันนึกถึงคนแรกก็ยัยนีเนี่ยล่ะ นีมักช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่เสมอ
แม้ตอนอยู่ม.ปลายเราจะไม่ได้สนิทอะไรกันมากก็ตาม
“ นี่ เสาร์นี้ไปดูหนังกันป๊ะ ? “ นีเอ่ยถามฉันในขณะที่กำลังนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ
“ เสาร์นี้เหรอ? ฉันขอเคลียร์งานก่อนแล้วค่อยบอกได้มั๊ย? ฉันยังไม่มั่นใจเท่าไหร่เลยว่าจะว่างมั๊ย? “
ฉันพูดไปถอนหายใจไป ฉันยุ่งซะจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลยด้วยซ้ำ ในชีวิตมีแต่งาน งาน และก็งาน
“ เอางั้นก็ได้ แต่อยากให้ไปนะ ช่วงดึกฉันจะชวนแวะไปที่บาร์สักหน่อย “
“ เดี๋ยวก็เมาหัวราน้ำอีกหรอก คิดว่าคอแข็งมากรึไงกัน “ ฉันยิ้มเยาะเย้ยยัยนี รู้สึกสนุกชะมัดที่ยั่วประสาทเพื่อน
“ โถ่ๆ ฉันอัพระดับแล้วย่ะ มาแข่งกันมั๊ยล่ะ ? “
“ หืม? แข่งอะไร? “ ฉันมองหน้ายัยนีด้วยความสงสัย
“ ดื่มเหล้าไง ถ้าแกชนะไม่เมานะ ฉันจะยอมเลี้ยงข้าวแก 1 เดือนเต็มๆเลย เอ้า ! “ ยัยนีเสนอพร้อมสีหน้าจริงจังและเหมือนดูถูกว่าฉันจะต้องแพ้แน่นอน ได้ในเมื่อท้ากันแบบนี้
“ เอาสิ แต่คำไหนคำนั้นนะ ? ถ้าโกงล่ะก็ โดนดีแน่ “
“ จ้า~ ฉันจะรอดูนะ แม่คออ่อน “ นางช่างงกล้าดูถูกกก เดี๋ยวเถอะ !จะทำให้รู้ว่าอันคนนี้นี่ล่ะ เหนือทุกอย่าง!!
หลังจากที่เราตกลงกันเสร็จ อาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟพอดี ฉันและนีต่างกินและพากันคุยไปด้วยตามประสาคนชอบเม้าส์
จนถึงเวลาที่ต้องกลับไปบริษัทเพราะหมดเวลาพัก เราก็พากันกลับไปทำงานตามปกติ
บางคนบอกว่าเวลามักผ่านไปช้ามากก แต่สำหรับคนยุ่งแต่งานอย่างฉันมันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน
จนงานไม่ทันจะเสร็จเสียด้วยซ้ำ ..
“ หนูๆ บริษัทจะปิดแล้วนะ กลับบ้านได้แล้ว “ เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมเขย่าที่แขนฉันเบาๆเชิงปลุก
อา.. นี่ดันเผลอหลับจนบริษัทปิดอีกแล้วเหรอเนี่ย.. ใช่ค่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก !!
“ ขอบคุณลุงยามมากนะคะ ลำบากแย่เลยที่ต้องมาให้คอยปลุกแบบนี้ “
ฉันตอบคุณลุงยามพร้อมปิดท้ายด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ ไม่เป็นไร กลับบ้านดึกดื่นมันอันตรายนะหนู ลุงขอตัวล่ะ “
สิ้นประโยคคุณลุงยามก็เดินออกไปตรวจลาดตระเวนตามหน้าที่ของเขา
ก่อนที่ฉันจะรีบเก็บข้าวของและกองงานพวกนี้กลับบ้านอย่างรีบร้อน เพราะเกรงใจคุณลุงเขา
「♬ ♩.. ♩♪♫♬ ~ 」
เสียงเพลงรอสายของโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูว่าใครโทรมาก่อนจะกดรับสาย
“ ฮัลโหล ว่าไงนี “ ฉันหนีบโทรศัพท์ด้วยหูและไหล่ก่อนจะเก็บข้าวของที่ยังหลงเหลือต่อ
(( โหย ปลุกตั้งนานไม่ยอมตื่น มันน่าโมโหมั๊ยยะ ? )) นั่นไง..โดนบ่นอีกแล้ว
“ ขอโทษ ^^; ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันไม่ได้ยินจริงๆ คงเพราะเพลียมากเกินไป ต่อไปฉันต้องหัดเคลียร์งานและรีบนอนเร็วๆซะแล้วล่ะ “
(( ก็ดี .. แล้วนี่จะกลับรึยังล่ะ ? มันดึกแล้วนะ ))
“ กำลังเก็บของอยู่น่ะ งั้นไว้ค่อยคุยกันตอนฉันถึงบ้านนะ แค่นี้ล่ะ “
ฉันกดตัดสายทันทีที่พูดจบ ก่อนจะเดินออกจากบริษัทและโบกแท็กซี่พร้อมขึ้นไปนั่งบนรถตรงเบาะหลัง
“ ไป XXXX ค่ะ “ ฉันบอกที่หมายที่ต้องการจะไปให้คนขับทราบก่อนจะวางของที่พะลุงพะลังลงข้างตัว
เมื่อรถเริ่มออกตัว ฉันก็มองออกไปนอกรถเพื่อดูบรรยากาศภายนอกที่ผ่านไป กวาดสายตาไปรอบจนมาสะดุดที่กระจกมองหลังของคนขับ..
ในตอนที่ฉันมองมาแว๊บเมื่อสักครู่นี้ เหมือนฉันเห็นสายตาของโชเฟอร์มองฉันในกระจกอยู่เลย หรือจะคิดไปเองนะเรา?.. เพิ่งตื่นมาคงจะตาฝาดไปเอง
ฉันพยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้พร้อมสูดหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อให้โล่ง แต่ดูเหมือนที่ฉันสังหรณ์มันจะเป็นจริงเข้าเสียแล้ว
ฉันเริ่มหน้าเสียที่เห็นโชเฟอร์มองฉันผ่านกระจกมองหลังบ่อยขึ้น .. ฉันเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีจึงพยายามหาทางออกจากสถานการณ์นี้
เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงตัวคนเดียวที่กลับในกลางค่ำกลางคืนแบบนี้
“ อ..เอ่อ จ..จอดตรงข้างหน้านั่นเลยค่ะ “ ฉันพูดออกไปด้วยเสียงติดๆขัดๆ เพราะตรงข้างหน้ามีเซเว่นถ้าลงตรงนั้นคงไม่ค่อยมืดและอันตรายมากนัก
แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะโล่งใจกลับต้องตกอยู่ในภวังค์หวาดกลัวอีกครั้ง นั่นเพราะโชเฟอร์เร่งคันเร่งขึ้นและเลี้ยวเข้าไปอีกซอยที่มันมืดและเปลี่ยวเอามากๆ
ฉันเริ่มสั่นเป็นลูกเจี๊ยบและพยายามเจรจากับโชเฟอร์ดีๆ
“ จอดค่ะ ! ฉันจะลง “
“ สวยๆแบบนี้ จะปล่อยไปได้ไงล่ะจ๊ะ? “ ฉันเริ่มน้ำตาคลอ ไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้างต่อจากนี้จนจากเจรจาดีๆกลายเป็นด่าทอ
“ บอกให้หยุดไงเล่า ! จอดเดี๋ยวนี้นะไอเว—“ ฉันกระชากคอเสื้อโชเฟอร์ให้เสียหลักเล็กน้อยเพื่อที่จะให้หยุดรถ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายจริงๆ ฉันโดนสะบัดออกมาอย่างเต็มแรงจนร่างของฉันไปกระแทกเข้ากับเบาะพิงหลังรถ
“ ฤทธิ์มากนะนังนี่ ! “ โชเฟอร์เหยียบคันเร่งมิดขับตรงไปข้างหน้าเร็วขึ้น รอบๆข้างมันมืดและเหมือนจะไม่ค่อยมีบ้านคนอยู่เลย
มีแต่ป่าเต็มไปหมด ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี
“ ขอร้องล่ะ..ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ ...” ฉันขอร้องอ้อนวอนมัน แต่ดูเหมือนมันจะไม่มีผลอะไรกับโชเฟอร์หื่นคนนี้เลย
จนในที่สุดมันก็จอดรถ พร้อมลงแล้วเดินมาเปิดประตูฉุดกระชากร่างของฉันลงไปกองที่พื้นข้างๆ รถแท็กซี่
“ อย่า ! อย่านะหนูขอร้องล่ – กรี๊ดด “ ยังไม่สิ้นคำพูด มันก็ฉีกกระชากเสื้อของฉันจนขาดลุ่ย เผยให้เห็นชั้นใน
“ มีของดีมาให้กินตอนกลางคืน จะปล่อยไปได้ไงล่ะ “
“ อย่าทำอะไรหนูเลย.. ฮึก.. หนูมีเงินจะเอาไปเท่าไหร่ก็ได้เลย..มือถือก็ได้นะ “
ฉันทั้งร้องไห้และพยายามเจรจาดีๆกับมัน แต่ดูเหมือนกิเลสกามจะครอบงำ ฉันพยายามดิ้นขัดขืนจนสุดแรง
แต่ก็สู้แรงไม่ได้เลย โชเฟอร์คนนั้นจับข้อมือของฉันขึงไว้กับพื้นหญ้าและลงมือทำสิ่งที่เลวร้ายที่ผู้หญิงทุกคนไม่อยากจะเจอ ..
จนฉันถอดใจ คิดว่าคงไม่รอด..จึงหลับตายอมรับตราบาปนี้ไป น้ำใสที่ตาค่อยๆรินไหลอาบลงไปถึงใบหู
แต่ดูเหมือนยังไม่ถึงคราวซวยของฉัน เพราะจู่ๆโชเฟอร์คนนั้นก็นอนนิ่งเงียบไป
“ เธอไม่เป็นไรใช่มั๊ย? “ เสียงทุ้มของผู้ชายที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น แต่ในเวลานั้นสำหรับฉันมันเป็นเสียงของพระเจ้า
ที่มาช่วยเหลือ เขามีผมที่ยักโศกและยาวพอดีกับบ่า สวมเสื้อกล้ามสีดำที่มีเสื้อแจ๊คเก็ทหนังคลุมอีกที และกระเป๋ากีต้าร์ที่สะพายไว้ข้างหลัง..
ฉันพยายามแทรกตัวออกมาจากร่างโชเฟอร์บ้ากามนั่น พร้อมปล่อยความอ่อนแอของลูกผู้หญิงออกมาจนไม่สามารถหยุดได้
ชายหนุ่มคนนั้นถอดเสื้อหนังแขนยาวสีดำออกมาคลุมที่ร่างกายของฉันพร้อมพยุงตัวฉันขึ้นมา
“ ขอบคุณนะคะ.. ขอบคุณจริงๆ “ ฉันร้องไห้ไปขอบคุณในน้ำใจของเขาไป ถ้าไม่ได้เขาคงไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรที่เลวร้ายบ้าง
“ ไม่เป็นไร ทีหลังอย่ามาคนเดียวนะ ถ้าฉันไม่เอะใจที่เห็นรถแท็กซี่ขับแปลกๆเลี้ยวไปเลี้ยวมาเข้าไปในซอยเปลี่ยว เธอก็คงไม่รอดแน่ มันไม่ได้โชคดีแบบนี้ทุกครั้งไป “
เมื่อพูดจบเขาเดินไปดูในรถพร้อมหยิบสัมพาระของฉันออกมาให้
“ ... “ ฉันยืนสะอึกสะอื้นพูดอะไรไม่ออก
เขายืนมองฉันสักพักก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์รุ่นฮอนด้าแฟนท่อมสีดำแล้วกวักมือเรียก
“ ฉันจะไปส่ง ขึ้นมา “ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะขนของและรีบวิ่งไปหาเขาทันที
แผ่นหลังของเขากว้างจัง.. นี่ไม่ได้เห็นแผ่นหลังของผู้ชายวัยรุ่นมานานขนาดไหนแล้วนะ ..
ในไม่กี่นาที เขาเป็นดั่งฮีโร่ของฉัน และดูเหมือนฉันจะรู้สึก ..
’ ตกหลุมรักฮีโร่เข้าให้แล้วซะด้วยสิ ‘ ..
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ถ้าสนใจและชอบติดตามอ่านต่อได้ที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.tunwalai.com/story/114107/stay-with-me-รักสุดท้ายเป็นเธอได้ไหม-18?page=1&target=none
Stay with me ? | รักสุดท้ายเป็นเธอได้ไหม | EP. 0
มันมักจะกลายเป็นความรักโดยไม่ทันได้ตั้งตัวและรู้ตัวเลย ไหนจะเรื่องที่เราชอบเขาแต่เขาดันไม่ชอบเราซะนี่
แต่เมื่อเราเลิกชอบเขา เขาก็กลับมาชอบเราซะงั้น โชคชะตามักเล่นตลกกับผู้คนเสมอเลย
บางคนโดนทำให้เข็ดจนไม่อยากมีความรัก บางคนไม่เคยเข็ด เจ็บแล้วไม่จำ หรืออีกประเภทที่เสพติดการมีแฟน อยู่คนเดียวไม่ได้
เลิกกับใครแล้วจะต้องรีบหาแฟนใหม่ทันที
ในโลกนี้มีผู้คนมากมายที่ต่างความคิด ต่างความรู้สึก อาศัยอยู่รวมกัน ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ มันเป็นเรื่องที่อธิบายยากมากจริงๆ
แต่ที่ฉันไม่รู้เลยจริงๆก็คือ “ ใครคือคนสุดท้ายกันแน่ “
แต่มันคงเป็นเรื่องที่บอกยากอีกล่ะค่ะ พอๆกับใครคือเนื้อคู่ของฉันกันแน่เลยล่ะ เราไม่สามารถรู้ได้เลย
ถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง บางทีฉันก็คิดว่าอาจจะไม่เจอรักแท้แล้วก็ได้ .. แต่ว่าในตอนนี้ความคิดของฉันเปลี่ยนไป
เพราะว่า .. ฉันเจอแล้วน่ะสิคะ
2 เดือนก่อนหน้านั้น
“ ยัยอัน “
“ ยัยอันนนน ! “ ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที นั่นเพราะแรงจากการเขย่าตัวของยัยเพื่อนตัวแสบ
“ มีอะไรเหรอ ? “ ฉันตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ก็เมื่อคืนดันนอนตี 2 เลยน่ะสิ เคลียร์งานเยอะแยะจนไม่ได้นอน เหอๆ
“ ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน นี่พักเที่ยงแล้วนะ? ไปกินข้าวกันเหอะ “
นี่ฉันเผลอหลับไปนานเลยสินะ ? ในที่ทำงานแท้ๆ หลับไปได้ยังไง =_=
“ โอเคๆ “ ฉันตอบตกลงพร้อมเตรียมข้าวของจำเป็นใส่กระเป๋าสะพายข้างและเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนรัก
ฉัน อันปัน วิภาวี เกสรสิน อายุ 25 มนุษย์เงินเดือนเจ้าค่ะ ส่วนยัยคนที่ปลุกฉันแสนฮาร์ดคอร์นั่นชื่อ นี
ฉันและนี เรารู้จักกันมาตั้งแต่ม.ปลาย ตอนนั้นเรียนอยู่โรงเรียนหญิงล้วน
และบังเอิญมาเจอกันที่มหาลัยแถมคณะเดียวกันอีกเราไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ไม่ว่าจะไปกินข้าวหลังพักเที่ยงตอนกลับบ้าน
ตอนเที่ยวและช๊อปปิ้ง เวลามีอะไร เพื่อนที่ฉันนึกถึงคนแรกก็ยัยนีเนี่ยล่ะ นีมักช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่เสมอ
แม้ตอนอยู่ม.ปลายเราจะไม่ได้สนิทอะไรกันมากก็ตาม
“ นี่ เสาร์นี้ไปดูหนังกันป๊ะ ? “ นีเอ่ยถามฉันในขณะที่กำลังนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ
“ เสาร์นี้เหรอ? ฉันขอเคลียร์งานก่อนแล้วค่อยบอกได้มั๊ย? ฉันยังไม่มั่นใจเท่าไหร่เลยว่าจะว่างมั๊ย? “
ฉันพูดไปถอนหายใจไป ฉันยุ่งซะจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลยด้วยซ้ำ ในชีวิตมีแต่งาน งาน และก็งาน
“ เอางั้นก็ได้ แต่อยากให้ไปนะ ช่วงดึกฉันจะชวนแวะไปที่บาร์สักหน่อย “
“ เดี๋ยวก็เมาหัวราน้ำอีกหรอก คิดว่าคอแข็งมากรึไงกัน “ ฉันยิ้มเยาะเย้ยยัยนี รู้สึกสนุกชะมัดที่ยั่วประสาทเพื่อน
“ โถ่ๆ ฉันอัพระดับแล้วย่ะ มาแข่งกันมั๊ยล่ะ ? “
“ หืม? แข่งอะไร? “ ฉันมองหน้ายัยนีด้วยความสงสัย
“ ดื่มเหล้าไง ถ้าแกชนะไม่เมานะ ฉันจะยอมเลี้ยงข้าวแก 1 เดือนเต็มๆเลย เอ้า ! “ ยัยนีเสนอพร้อมสีหน้าจริงจังและเหมือนดูถูกว่าฉันจะต้องแพ้แน่นอน ได้ในเมื่อท้ากันแบบนี้
“ เอาสิ แต่คำไหนคำนั้นนะ ? ถ้าโกงล่ะก็ โดนดีแน่ “
“ จ้า~ ฉันจะรอดูนะ แม่คออ่อน “ นางช่างงกล้าดูถูกกก เดี๋ยวเถอะ !จะทำให้รู้ว่าอันคนนี้นี่ล่ะ เหนือทุกอย่าง!!
หลังจากที่เราตกลงกันเสร็จ อาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟพอดี ฉันและนีต่างกินและพากันคุยไปด้วยตามประสาคนชอบเม้าส์
จนถึงเวลาที่ต้องกลับไปบริษัทเพราะหมดเวลาพัก เราก็พากันกลับไปทำงานตามปกติ
บางคนบอกว่าเวลามักผ่านไปช้ามากก แต่สำหรับคนยุ่งแต่งานอย่างฉันมันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน
จนงานไม่ทันจะเสร็จเสียด้วยซ้ำ ..
“ หนูๆ บริษัทจะปิดแล้วนะ กลับบ้านได้แล้ว “ เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมเขย่าที่แขนฉันเบาๆเชิงปลุก
อา.. นี่ดันเผลอหลับจนบริษัทปิดอีกแล้วเหรอเนี่ย.. ใช่ค่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก !!
“ ขอบคุณลุงยามมากนะคะ ลำบากแย่เลยที่ต้องมาให้คอยปลุกแบบนี้ “
ฉันตอบคุณลุงยามพร้อมปิดท้ายด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ ไม่เป็นไร กลับบ้านดึกดื่นมันอันตรายนะหนู ลุงขอตัวล่ะ “
สิ้นประโยคคุณลุงยามก็เดินออกไปตรวจลาดตระเวนตามหน้าที่ของเขา
ก่อนที่ฉันจะรีบเก็บข้าวของและกองงานพวกนี้กลับบ้านอย่างรีบร้อน เพราะเกรงใจคุณลุงเขา
「♬ ♩.. ♩♪♫♬ ~ 」
เสียงเพลงรอสายของโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูว่าใครโทรมาก่อนจะกดรับสาย
“ ฮัลโหล ว่าไงนี “ ฉันหนีบโทรศัพท์ด้วยหูและไหล่ก่อนจะเก็บข้าวของที่ยังหลงเหลือต่อ
(( โหย ปลุกตั้งนานไม่ยอมตื่น มันน่าโมโหมั๊ยยะ ? )) นั่นไง..โดนบ่นอีกแล้ว
“ ขอโทษ ^^; ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันไม่ได้ยินจริงๆ คงเพราะเพลียมากเกินไป ต่อไปฉันต้องหัดเคลียร์งานและรีบนอนเร็วๆซะแล้วล่ะ “
(( ก็ดี .. แล้วนี่จะกลับรึยังล่ะ ? มันดึกแล้วนะ ))
“ กำลังเก็บของอยู่น่ะ งั้นไว้ค่อยคุยกันตอนฉันถึงบ้านนะ แค่นี้ล่ะ “
ฉันกดตัดสายทันทีที่พูดจบ ก่อนจะเดินออกจากบริษัทและโบกแท็กซี่พร้อมขึ้นไปนั่งบนรถตรงเบาะหลัง
“ ไป XXXX ค่ะ “ ฉันบอกที่หมายที่ต้องการจะไปให้คนขับทราบก่อนจะวางของที่พะลุงพะลังลงข้างตัว
เมื่อรถเริ่มออกตัว ฉันก็มองออกไปนอกรถเพื่อดูบรรยากาศภายนอกที่ผ่านไป กวาดสายตาไปรอบจนมาสะดุดที่กระจกมองหลังของคนขับ..
ในตอนที่ฉันมองมาแว๊บเมื่อสักครู่นี้ เหมือนฉันเห็นสายตาของโชเฟอร์มองฉันในกระจกอยู่เลย หรือจะคิดไปเองนะเรา?.. เพิ่งตื่นมาคงจะตาฝาดไปเอง
ฉันพยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้พร้อมสูดหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อให้โล่ง แต่ดูเหมือนที่ฉันสังหรณ์มันจะเป็นจริงเข้าเสียแล้ว
ฉันเริ่มหน้าเสียที่เห็นโชเฟอร์มองฉันผ่านกระจกมองหลังบ่อยขึ้น .. ฉันเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีจึงพยายามหาทางออกจากสถานการณ์นี้
เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงตัวคนเดียวที่กลับในกลางค่ำกลางคืนแบบนี้
“ อ..เอ่อ จ..จอดตรงข้างหน้านั่นเลยค่ะ “ ฉันพูดออกไปด้วยเสียงติดๆขัดๆ เพราะตรงข้างหน้ามีเซเว่นถ้าลงตรงนั้นคงไม่ค่อยมืดและอันตรายมากนัก
แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะโล่งใจกลับต้องตกอยู่ในภวังค์หวาดกลัวอีกครั้ง นั่นเพราะโชเฟอร์เร่งคันเร่งขึ้นและเลี้ยวเข้าไปอีกซอยที่มันมืดและเปลี่ยวเอามากๆ
ฉันเริ่มสั่นเป็นลูกเจี๊ยบและพยายามเจรจากับโชเฟอร์ดีๆ
“ จอดค่ะ ! ฉันจะลง “
“ สวยๆแบบนี้ จะปล่อยไปได้ไงล่ะจ๊ะ? “ ฉันเริ่มน้ำตาคลอ ไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้างต่อจากนี้จนจากเจรจาดีๆกลายเป็นด่าทอ
“ บอกให้หยุดไงเล่า ! จอดเดี๋ยวนี้นะไอเว—“ ฉันกระชากคอเสื้อโชเฟอร์ให้เสียหลักเล็กน้อยเพื่อที่จะให้หยุดรถ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายจริงๆ ฉันโดนสะบัดออกมาอย่างเต็มแรงจนร่างของฉันไปกระแทกเข้ากับเบาะพิงหลังรถ
“ ฤทธิ์มากนะนังนี่ ! “ โชเฟอร์เหยียบคันเร่งมิดขับตรงไปข้างหน้าเร็วขึ้น รอบๆข้างมันมืดและเหมือนจะไม่ค่อยมีบ้านคนอยู่เลย
มีแต่ป่าเต็มไปหมด ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี
“ ขอร้องล่ะ..ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ ...” ฉันขอร้องอ้อนวอนมัน แต่ดูเหมือนมันจะไม่มีผลอะไรกับโชเฟอร์หื่นคนนี้เลย
จนในที่สุดมันก็จอดรถ พร้อมลงแล้วเดินมาเปิดประตูฉุดกระชากร่างของฉันลงไปกองที่พื้นข้างๆ รถแท็กซี่
“ อย่า ! อย่านะหนูขอร้องล่ – กรี๊ดด “ ยังไม่สิ้นคำพูด มันก็ฉีกกระชากเสื้อของฉันจนขาดลุ่ย เผยให้เห็นชั้นใน
“ มีของดีมาให้กินตอนกลางคืน จะปล่อยไปได้ไงล่ะ “
“ อย่าทำอะไรหนูเลย.. ฮึก.. หนูมีเงินจะเอาไปเท่าไหร่ก็ได้เลย..มือถือก็ได้นะ “
ฉันทั้งร้องไห้และพยายามเจรจาดีๆกับมัน แต่ดูเหมือนกิเลสกามจะครอบงำ ฉันพยายามดิ้นขัดขืนจนสุดแรง
แต่ก็สู้แรงไม่ได้เลย โชเฟอร์คนนั้นจับข้อมือของฉันขึงไว้กับพื้นหญ้าและลงมือทำสิ่งที่เลวร้ายที่ผู้หญิงทุกคนไม่อยากจะเจอ ..
จนฉันถอดใจ คิดว่าคงไม่รอด..จึงหลับตายอมรับตราบาปนี้ไป น้ำใสที่ตาค่อยๆรินไหลอาบลงไปถึงใบหู
แต่ดูเหมือนยังไม่ถึงคราวซวยของฉัน เพราะจู่ๆโชเฟอร์คนนั้นก็นอนนิ่งเงียบไป
“ เธอไม่เป็นไรใช่มั๊ย? “ เสียงทุ้มของผู้ชายที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น แต่ในเวลานั้นสำหรับฉันมันเป็นเสียงของพระเจ้า
ที่มาช่วยเหลือ เขามีผมที่ยักโศกและยาวพอดีกับบ่า สวมเสื้อกล้ามสีดำที่มีเสื้อแจ๊คเก็ทหนังคลุมอีกที และกระเป๋ากีต้าร์ที่สะพายไว้ข้างหลัง..
ฉันพยายามแทรกตัวออกมาจากร่างโชเฟอร์บ้ากามนั่น พร้อมปล่อยความอ่อนแอของลูกผู้หญิงออกมาจนไม่สามารถหยุดได้
ชายหนุ่มคนนั้นถอดเสื้อหนังแขนยาวสีดำออกมาคลุมที่ร่างกายของฉันพร้อมพยุงตัวฉันขึ้นมา
“ ขอบคุณนะคะ.. ขอบคุณจริงๆ “ ฉันร้องไห้ไปขอบคุณในน้ำใจของเขาไป ถ้าไม่ได้เขาคงไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรที่เลวร้ายบ้าง
“ ไม่เป็นไร ทีหลังอย่ามาคนเดียวนะ ถ้าฉันไม่เอะใจที่เห็นรถแท็กซี่ขับแปลกๆเลี้ยวไปเลี้ยวมาเข้าไปในซอยเปลี่ยว เธอก็คงไม่รอดแน่ มันไม่ได้โชคดีแบบนี้ทุกครั้งไป “
เมื่อพูดจบเขาเดินไปดูในรถพร้อมหยิบสัมพาระของฉันออกมาให้
“ ... “ ฉันยืนสะอึกสะอื้นพูดอะไรไม่ออก
เขายืนมองฉันสักพักก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์รุ่นฮอนด้าแฟนท่อมสีดำแล้วกวักมือเรียก
“ ฉันจะไปส่ง ขึ้นมา “ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะขนของและรีบวิ่งไปหาเขาทันที
แผ่นหลังของเขากว้างจัง.. นี่ไม่ได้เห็นแผ่นหลังของผู้ชายวัยรุ่นมานานขนาดไหนแล้วนะ ..
ในไม่กี่นาที เขาเป็นดั่งฮีโร่ของฉัน และดูเหมือนฉันจะรู้สึก ..’ ตกหลุมรักฮีโร่เข้าให้แล้วซะด้วยสิ ‘ ..
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ถ้าสนใจและชอบติดตามอ่านต่อได้ที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้