เฉพาะแคคตัสกับไม้อวบน้ำนะครับ

กระถางดินเผา เหมาะที่สุดครับ เพราะมีรูพรุน ระบายอากาศได้ดี วัสดุปลูกแห้งเร็ว และช่วยให้รากเย็น  
รองลงมาเป็นกระถางพลาสติก  
เซรามิคจริงๆ ถ้าสามารถเจาะรูที่ก้นได้เยอะๆ ก็ใช้ได้ครับ

การจับมาเลี้ยงรวมหลายๆต้นในกระถางเดียวกัน ไม่เหมาะสมถ้าต่างสายพันธุ์กัน อย่างแคคตัสรวมกับไม้อวบน้ำ เพราะความต้องการน้ำไม่เท่ากัน
แต่ถ้าเป็นพันธุ์เดียวกัน สามารถรวมกันได้ แต่ต้องไม่เหลือพื้นที่มากเกินไป

แคคตัสและไม้อวบน้ำ จริงๆแล้ว วิธีการเลี้ยงมันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวครับ พอถามหลายๆที่แล้วก็อาจจะเกิดความสับสนได้ และการอธิบายให้เข้าใจทันทีมันทำได้ยาก มีแต่ขั้นพื้นฐาน ที่พอจะบอกได้

หลักสำคัญคือ ต้องไม่คิดแทนไม้ แต่เข้าใจไม้  ใส่ใจอยู่ตลอดเวลา มองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสุขภาพไม้ตลอด เพื่อจะได้ดูแลได้อย่างถูกวิธี แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดสังเกต ห้ามไปยุ่งโดยเด็ดขาด มีที่วางถาวร ไม่เคลื่อนย้ายไปมา

อย่างการให้น้ำ หลักการคือให้เมื่อไม้ต้องการน้ำ  แต่ละสถานที่ แสง ลม วัสดุปลูก แตกต่างกัน การให้น้ำย่อมแตกต่างกัน  ไม้แต่ละสายพันธุ์ต้องการน้ำไม่เท่ากันอีก การจะเลี้ยงให้ได้งาม เราต้องคอยสังเกตุ ผิว,การแตกยอด  น้ำน้อยไป มากไป มันจะมีอาการของมันหมดครับ อยู่ที่ว่าจะมองออกหรือเปล่า ตรงนี้ต้องมาจากประสบการณ์และการใส่ใจ  อย่างแคคตัส ถ้าน้ำน้อยไป ต้นจะกร้านๆ สีผิวจะเปลี่ยน ยอดไม่ค่อยเดิน โคนอาจจะยุบ ดูแห้งๆ ไม่สดใส น้ำมากไปยอดก็จะไม่ค่อยเดินเหมือนกัน ผิวไม้จะไม่สดใส แต่จะเป็นอีกแบบไม่เหมือนกับน้ำน้อยไป  

เมื่อมีประสบการณ์มากพอ สามารถให้น้ำโดยมองจากสภาพวัสดุปลูกและต้น และนับวันคร่าวๆได้เลย ไม่ใช้นับวันตายตัวเสมอไป เช่นบางช่วงแดดดี ลมแรงตลอด 2 วันก็ให้น้ำได้แล้วสำหรับยิมโน เมโล และไม้อวบน้ำทั่วไป บางช่วงฝนตกทุกวันอาจจะเว้นช่วงลากยาวถึง 15 วัน และอาจจะใช้แค่การสเปรย์ก็พอแล้ว

สถานที่วาง ต้องมีแสงแดด 4 ชม.ขึ้นไป เพื่อจะเลี้ยงให้รอด ไม่ใช่ช่วงแดดจัดคือ 11.00-14.00 น.  
ไม่โดนฝนหรือละออง จริงๆแล้ว น้ำฝนที่ไม่ปนเปื้อน มีผลดีกับไม้มากๆ  แต่สิ่งที่ชะล้างมากับฝนนั่นแหละคือตัวปัญหา และฝนทำเกิดความชื้นซึ่งทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี เชื้อราเป็นปัญหาทั้งกับต้นและระบบราก