ขอเล่าตั้งแต่แรกนะคะ เราสอบชิงทุนแลกเปลี่ยนมาอยู่ 10 เดือนค่ะ
ในโปรไฟล์เราก็เขียนนะคะเราอยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เล่นกีฬาได้ ทำอาหารได้ ชอบลุยๆผจญภัย
ส่วนข้อมูลโฮสเรา โฮสพ่อเป็นวิศวกรพวกซ่อมของไม่มีบริษัทอายุ60+ โฮสแม่เป็นแม่บ้านอ้วนมากๆๆเดินแทบไม่ได้ถือว่าเป็นคนพิการที่นี่อะค่ะ นั่งรถเข็นไปไหนมาไหนเดินไม่ได้ โรงเรียนเราเล็กมากอนุบาลถึงไฮสคูลมีประมาณ 200 คน กิจกรรมมีแค่บาส เราถ้าอยากเป็นนักกีฬาต้องตั้งทีมเองค่ะ เมืองที่อยู่ห่างจากวอลมาทไป 30-40 นาที ทั้งเมืองมีแค่ 200คน มีแค่ปณกับโรงเรียนแล้วก็บ้านค่ะ ถ้าเราจะไปไหนต้องบอกใก้โฮสไปส่งโดยชาร์จค่าน้ำมันค่าบริการเท่ากับแท็กซี่
มาเรื่องนิสัยโฮสนะคะ โฮสเรารับเด็กแลกเปลี่ยนสองคนค่ะ คือเรากับดับเบิล ตั้งแต่มาสัปดาห์แรกอยู่บ้านโฮสเราหาข้าวกินเองตลอด ค้นๆตู้เย็นบ้าง ทอดไข่กินเอง โฮสไม่เคยซื้อ ไม่เคยทำอาหารให้กิน ไม่สนใจว่าเรากินอะไรเลย บอกว่าจะกินอะไรก็กินไปในตู้เย็นนะ แล้วเรามาอยู่ก่อนดับเบิลเรา เราก็พยายามเทคแคร์เขาเหมือนที่เราดูแลยายเรา แล้วทีนี้ดับเบิลเราก็มาถึงบ้านได้สองวัน เราก็เดินทางไปเที่ยวโรดทริปไกลมากๆเป็นทริปฮันนีมูนถึงเราไม่ไปเขาก็ไปกันอยู่แล้ว จ่ายค่าน้ำมันและแชร์ค่าเตียงให้กับโฮส 570ดอล แม่เราก็โอเคเพราะโอกาสไม่มีง่ายๆเนอะ ขณะนี้ก็ยังเที่ยวอยู่นะคะ ทีนี้ดับเบิลเราก็ค่อนข้างเอาใจโฮสอยู่เหมือนกัน ดับเบิลเราก็หน้าตาเด็กเรียน ไม่ค่อยพูดก่อน มีแต่เราจะคอยเปิดประเด็นบ้าง ชวนคุย เล่นมุกกับโฮส เวลากินอะไรโฮสก็ถามแต่ดับเบิลว่า ชอบมั้ย อร่อยมั้ย สนใจแต่ดับเบิลเราอะค่ะ แล้วเราก็น้อยใจนะคะ เราห่างไกลพ่อแม่ที่ไทยมา มาอยู่นี่โฮสแฟมิลี่ก็น่าจะช่วยเติมเต็มความรู้สึกที่ห่างจากพ่อแม่ไปได้บ้าง แต่กลับกัน เรารู้สึกน้อยใจค่ะ ข้ามรายละเอียดยิบย่อยไปละกันนะคะ
เรากินบุฟเฟ่อาหารจีนค่ะ ด้วยความที่คิดถึงอาหารพวกข้าวมากทำให้เรายัดซะจนจุกมากๆ(จ่ายเองทุกมื้อค่ะ) พอขึ้นรถมาเราเลยออกกำลังกายกับที่นั่งในรถตู้ แต่ก็ไม่ได้ไปรบกวนโฮสค่ะแล้วเขาเหลือบมาเห็น เลยถามว่าถ้าอยากเอาออกทำไมไม่เอานิ้วสองนิ้วล้วงคอล่ะ รู้มั้ยว่าทำยังไง? เราเงิบค่ะ เข้าใจความหมายนะคะ แต่ไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ มันเหมือนเป็นโรคที่กลัวอ้วนอะค่ะแล้วเราไม่ได้เป็น นี่ก็จึ๊กไปหนึ่งที แต่เราก็ขำกลบเกลื่อนค่ะ
มาล่าสุดเราเช็คเอ้าท์โรงแรมมาอยู่บ้านน้องชายโฮสค่ะ เราถ่ายวิดิโอไปเที่ยวมาเยอะมากๆ แล้วเราจะเอามาตัดต่อเวลาว่างๆ แต่แมคบุคเราไม่มีช่องใส่เมมการ์ดกล้อง เราเลยถามลูกสาวน้องชายโฮสค่ะว่ามีอะแดปเตอร์มั้ย ไออยากจะเอาวิดิโอรูปลงคอมน่ะ เขาเป็นคนใจดีมากๆ เขาก็บอกแมคบุคเขามีช่องนะเดี๋ยวถ่ายลงคอมเขาแล้วเอายูเอสบีลงคอมเราอีกที เราก็เลยบอกปฏิเสธไปไม่เป็นไรจริงๆๆ โฮสมัมพูดแทรกบทสนทนามาแบบหน้าจริงจัง (นางไม่เคยทำหน้าแบบนี้กับดับเบิลมาก่อน กับดับเบิลนี่หอมเอา กอด ถามว่าอยากกินอีกมั้ยบลาๆ) ไอแค่อยากจะถามว่า ทำไมยูต้องมาทำตอนนี้ ทำไมไม่ทำตอนเรากลับไปที่บ้าน(อีกรัฐ)ของเราล่ะ เราก็บอกว่ามีแพลนเที่ยวอีกแล้วเมมเต็ม โฮสพี่ก็พูดเสริมว่าอยากส่งรูปให้พ่อแม่ที่ไทยดูใช่มั้ย โฮสมัมก็บอกยืมการ์ดไอสิ แล้วตอนโฮสพี่เอาการ์ดไปเสียบคอมนาง โฮสมัมก็บอกทำไมไม่ให้เราทำเองล่ะ ความรู้สึกแย่ๆมันค่อยๆสะสมมาเรื่อยๆอะค่ะ จนวันนี้เราโทรไปร้องไห้กับครอบครัวที่ไทย เพราะพึ่งมาได้แค่สองสัปดาห์เองจะย้ายก็เร็วไปด้วย คือเรื่องยิบๆมันมีอีกค่ะแต่แค่นี้ดีกว่า แค่สองสัปดาห์เราแอบร้องไห้4-5รอบแล้วค่ะเพราะเรื่องแบบนี้ มันเรื่องเล็กนะคะ แต่มันรู้สึกขาดความอบอุ่น แล้วยังน้อยใจอีก55555555
อยากจะถามว่า เรารู้สึกไม่โอเค สถานการณ์แบบนี้เราควรย้ายดีไหมคะ หรือควรรอดู หรือทนต่อไป รบกวนแนะนำหน่อยนะคะ ถ้าเราพิมพ์ไม่เข้าใจ หรือพิมพ์ผิดตรงไหนก็ขอโทษด้วยนะคะ
โฮสแฟมิลี่แบบนี้ควรทนต่อหรือขอย้าย?
ในโปรไฟล์เราก็เขียนนะคะเราอยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เล่นกีฬาได้ ทำอาหารได้ ชอบลุยๆผจญภัย
ส่วนข้อมูลโฮสเรา โฮสพ่อเป็นวิศวกรพวกซ่อมของไม่มีบริษัทอายุ60+ โฮสแม่เป็นแม่บ้านอ้วนมากๆๆเดินแทบไม่ได้ถือว่าเป็นคนพิการที่นี่อะค่ะ นั่งรถเข็นไปไหนมาไหนเดินไม่ได้ โรงเรียนเราเล็กมากอนุบาลถึงไฮสคูลมีประมาณ 200 คน กิจกรรมมีแค่บาส เราถ้าอยากเป็นนักกีฬาต้องตั้งทีมเองค่ะ เมืองที่อยู่ห่างจากวอลมาทไป 30-40 นาที ทั้งเมืองมีแค่ 200คน มีแค่ปณกับโรงเรียนแล้วก็บ้านค่ะ ถ้าเราจะไปไหนต้องบอกใก้โฮสไปส่งโดยชาร์จค่าน้ำมันค่าบริการเท่ากับแท็กซี่
มาเรื่องนิสัยโฮสนะคะ โฮสเรารับเด็กแลกเปลี่ยนสองคนค่ะ คือเรากับดับเบิล ตั้งแต่มาสัปดาห์แรกอยู่บ้านโฮสเราหาข้าวกินเองตลอด ค้นๆตู้เย็นบ้าง ทอดไข่กินเอง โฮสไม่เคยซื้อ ไม่เคยทำอาหารให้กิน ไม่สนใจว่าเรากินอะไรเลย บอกว่าจะกินอะไรก็กินไปในตู้เย็นนะ แล้วเรามาอยู่ก่อนดับเบิลเรา เราก็พยายามเทคแคร์เขาเหมือนที่เราดูแลยายเรา แล้วทีนี้ดับเบิลเราก็มาถึงบ้านได้สองวัน เราก็เดินทางไปเที่ยวโรดทริปไกลมากๆเป็นทริปฮันนีมูนถึงเราไม่ไปเขาก็ไปกันอยู่แล้ว จ่ายค่าน้ำมันและแชร์ค่าเตียงให้กับโฮส 570ดอล แม่เราก็โอเคเพราะโอกาสไม่มีง่ายๆเนอะ ขณะนี้ก็ยังเที่ยวอยู่นะคะ ทีนี้ดับเบิลเราก็ค่อนข้างเอาใจโฮสอยู่เหมือนกัน ดับเบิลเราก็หน้าตาเด็กเรียน ไม่ค่อยพูดก่อน มีแต่เราจะคอยเปิดประเด็นบ้าง ชวนคุย เล่นมุกกับโฮส เวลากินอะไรโฮสก็ถามแต่ดับเบิลว่า ชอบมั้ย อร่อยมั้ย สนใจแต่ดับเบิลเราอะค่ะ แล้วเราก็น้อยใจนะคะ เราห่างไกลพ่อแม่ที่ไทยมา มาอยู่นี่โฮสแฟมิลี่ก็น่าจะช่วยเติมเต็มความรู้สึกที่ห่างจากพ่อแม่ไปได้บ้าง แต่กลับกัน เรารู้สึกน้อยใจค่ะ ข้ามรายละเอียดยิบย่อยไปละกันนะคะ
เรากินบุฟเฟ่อาหารจีนค่ะ ด้วยความที่คิดถึงอาหารพวกข้าวมากทำให้เรายัดซะจนจุกมากๆ(จ่ายเองทุกมื้อค่ะ) พอขึ้นรถมาเราเลยออกกำลังกายกับที่นั่งในรถตู้ แต่ก็ไม่ได้ไปรบกวนโฮสค่ะแล้วเขาเหลือบมาเห็น เลยถามว่าถ้าอยากเอาออกทำไมไม่เอานิ้วสองนิ้วล้วงคอล่ะ รู้มั้ยว่าทำยังไง? เราเงิบค่ะ เข้าใจความหมายนะคะ แต่ไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ มันเหมือนเป็นโรคที่กลัวอ้วนอะค่ะแล้วเราไม่ได้เป็น นี่ก็จึ๊กไปหนึ่งที แต่เราก็ขำกลบเกลื่อนค่ะ
มาล่าสุดเราเช็คเอ้าท์โรงแรมมาอยู่บ้านน้องชายโฮสค่ะ เราถ่ายวิดิโอไปเที่ยวมาเยอะมากๆ แล้วเราจะเอามาตัดต่อเวลาว่างๆ แต่แมคบุคเราไม่มีช่องใส่เมมการ์ดกล้อง เราเลยถามลูกสาวน้องชายโฮสค่ะว่ามีอะแดปเตอร์มั้ย ไออยากจะเอาวิดิโอรูปลงคอมน่ะ เขาเป็นคนใจดีมากๆ เขาก็บอกแมคบุคเขามีช่องนะเดี๋ยวถ่ายลงคอมเขาแล้วเอายูเอสบีลงคอมเราอีกที เราก็เลยบอกปฏิเสธไปไม่เป็นไรจริงๆๆ โฮสมัมพูดแทรกบทสนทนามาแบบหน้าจริงจัง (นางไม่เคยทำหน้าแบบนี้กับดับเบิลมาก่อน กับดับเบิลนี่หอมเอา กอด ถามว่าอยากกินอีกมั้ยบลาๆ) ไอแค่อยากจะถามว่า ทำไมยูต้องมาทำตอนนี้ ทำไมไม่ทำตอนเรากลับไปที่บ้าน(อีกรัฐ)ของเราล่ะ เราก็บอกว่ามีแพลนเที่ยวอีกแล้วเมมเต็ม โฮสพี่ก็พูดเสริมว่าอยากส่งรูปให้พ่อแม่ที่ไทยดูใช่มั้ย โฮสมัมก็บอกยืมการ์ดไอสิ แล้วตอนโฮสพี่เอาการ์ดไปเสียบคอมนาง โฮสมัมก็บอกทำไมไม่ให้เราทำเองล่ะ ความรู้สึกแย่ๆมันค่อยๆสะสมมาเรื่อยๆอะค่ะ จนวันนี้เราโทรไปร้องไห้กับครอบครัวที่ไทย เพราะพึ่งมาได้แค่สองสัปดาห์เองจะย้ายก็เร็วไปด้วย คือเรื่องยิบๆมันมีอีกค่ะแต่แค่นี้ดีกว่า แค่สองสัปดาห์เราแอบร้องไห้4-5รอบแล้วค่ะเพราะเรื่องแบบนี้ มันเรื่องเล็กนะคะ แต่มันรู้สึกขาดความอบอุ่น แล้วยังน้อยใจอีก55555555
อยากจะถามว่า เรารู้สึกไม่โอเค สถานการณ์แบบนี้เราควรย้ายดีไหมคะ หรือควรรอดู หรือทนต่อไป รบกวนแนะนำหน่อยนะคะ ถ้าเราพิมพ์ไม่เข้าใจ หรือพิมพ์ผิดตรงไหนก็ขอโทษด้วยนะคะ