เจ้านาย/หัวหน้างาน/เพื่อนร่วมงานแบบไหนฝันร้ายที่สุด

นึกครึ้มอะไรไม่ทราบ อยู่ๆ ก็คิดถึงหัวหน้างานเก่าขึ้นมา  เลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ

เราเคยทำงานที่บริษัทแปรรูปสัตว์น้ำแห่งหนึ่งประมาณปี 2547-2549  เป็นประสบการณ์ที่ต้องจดจำไว้เลยจริงๆ

ตอนแรกเราเข้าไปทำงานในตำแหน่งบัญชี-การเงิน ทำไปได้ประมาณ 1 ปีก็ย้ายสายงานข้ามทำในส่วนของแผนกจัดซื้อวัตถุดิบ

ซึ่งต้องขึ้นตรงกับผู้จัดการโรงงาน  /ขอออกตัวก่อนนะคะหัวหน้างานเป็นผู้หญิงนะคะ แต่ปากแบบว่า สยองขวัญมาก

ด่าทีนี่กลับไปบ้านแล้วยังสะดุ้งอ่ะค่ะ  เราเคยได้คุยกับพวกรายเหมาตัดหัวปลาที่อยู่มานานบางคน บอกว่าที่โรงงานเก่าก็แบบนี้

คือผู้จัดการเคยเป็นหัวหน้าแผนกในโรงงานที่เดิม พอดีสามีของเพื่อนจะเปิดโรงงานในไลน์ธุรกิจเดียวกัน เลยชักชวนเธอมาเป็นผู้จัดการโรงงานใหม่นี้

พอมาที่ใหม่ ตำแหน่งใหญ่ขึ้น ก็ยังคงคอนเซป ปากกรรไกร ไว้อย่างเหนียวแน่น  ด่าคนนี่ขุดโคตรเหง้ากันขึ้นมาเลยค่ะ แล้วด่าไม่เคยต่ำกว่าเข่าเหนือกว่าเอว  เรื่องอะไรนางก็ลากไปด่าแถวนั้นได้หมดเลยค่ะ 555

ส่วนที่จำไม่ลืมเลยคือ มีน้องเช็คเกอร์ที่สนิทกัน เนื่องจากน้องทำหน้าที่เสมียนด้วย จึงต้องส่งงานให้เราตลอด ก็จะมีการพูดคุยกัน ปรับทุกข์บ้างค่ะ

วันนั้น  จำได้ต้องทำงานเลิกเย็นเลทไปประมาณ 2 ชั่วโมง เนื่องจากรอเอกสารที่จากห้องเย็นที่บริษัทฯ เรานำวัตถุดิบไปฝากแช่กลับมา เพื่อส่งต้นทุนให้แผนกบัญชี  ที่ช้าเพราะน้องเช็คเกอร์คนดังกล่าวได้รับแจ้งจากผู้จัดการโรงงาน (ซึ่งก็คือหัวหน้าเรา) ตอนประมาณ 15.45 น. ว่าจะต้องไปเอาของจากบริษัทฯรับฝากนะ  ให้น้องทำรายการเบิกตามนี้ แล้วส่งแฟกซ์ไปเพื่อให้ทางโน้นเตรียมของไว้ให้  

น้องก็ส่งแฟกซ์ไป แต่โทรตามไปทางนั้นแล้วสายไม่ว่าง พอดีน้องต้องออกไปเตรียมเอกสารอื่นด้วยทำให้ลืมโทรไปซ้ำอีกครั้ง  /ขอบอกก่อนนะคะว่านี่เป็นเรื่องราวสมัยปี 2548  จึงยังไม่มีเทคโนโลยีใดๆมาช่วยน้องได้

ทีนี้พอคนขับรถไปถึงบริษัทฯ รับฝาก ตอน 16.30  ก็ขึ้นของไม่ได้ เพราะทางโน้นบอกว่าไม่ได้รับแฟกซ์ จึงยังไม่ได้โหลดของออกจากคลัง  ทำให้คนขับรถต้องรอ กว่าจะได้ขึ้นของเสร็จก็เกือบ 18.00 น. แล้ว เพราะทางนั้นต้องทำโอที จึงต้องพักเบรกก่อน 30 นาทีตามกฎหมาย

คนขับรถกลับมาถึงบริษัทฯ ประมาณ 18.20 น. ทำให้คนงานแผนกรับวัตถุดิบประมาณ 10 คนต้องทำโอทีเพื่อโหลดของเข้าไลน์ผลิต

ทีเด็ดมันอยู่ระหว่างที่รอนี่แหละค่ะ  หลังจากทราบปัญหาจนถึงรอของโหลดกลับบริษัทฯ  หัวหน้างานเราด่าน้องเช็คเกอร์ต่อหน้าคนในแผนกรับวัตถุดิบยับเยินทีเดียว  ร้ายแรงที่สุดในความรู้สึกเรา  คือนางบอกว่าเดี๋ยวจะให้คนงานที่ทำโอทีครั้งนี้ (ประมาณ 10 คน) มีอะไรกับน้องคนนี้เป็นการจ่ายโอที

***คืออะไร****  รับไม่ได้ร้ายแรงที่สุด น้องเช็คเกอร์เพิ่งอายุ 20 เองทำไมพูดแบบนี้  เราเข้าใจนะคือมันปาก พูดอะไรแล้วสะใจก็พูดไป  แต่เรื่องแบบนี้มันไม่ควรปะวะ???  วันรุ่งขึ้นน้องเช็คเกอร์ลาป่วยเลย  โทรไปคุยก็ร้องห่มร้องไห้บอกอาย รู้ว่าคนงานคนอื่นก็ไม่บ้าไปตามผู้จัดการหรอก แต่หนูอาย  สุดท้ายด้วยภาระทางบ้านน้องก็กลับมาทำงานนะคะ    


และในส่วนที่เราคิดว่าอยู่ไม่ไหวละ  คือ  นางอยากให้เราคอยฟังเรื่องต่างๆ ในออฟฟิศแล้วมารายงานนาง ใครทำอะไร ที่ไหน กับใคร เมื่อไหร่

ต่อมาบริษัทฯ เริ่มทำระบบ ISO 9000 นางก็ให้เราไปทำงานเป็นผู้ดูแลเอกสารระบบ กับอบรมพนักงาน

เราสนิทกับเลขาเจ้านาย ฝ่ายขาย และหัวหน้า QA และหัวหน้า QC  ไปทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน ตอนนั้นเราไม่มีรถ ก็ติดรถไปกับเขาด้วย
แล้วนางก็รับคนมาทำงานในแผนกจัดซื้อวัตถุดิบเพิ่ม 2 คน แล้วบอกเราว่าต่อไปนี้  เรามีน้องในแผนกให้ต้องดูแลแล้ว ต่อไปให้กินข้าวกลางวันในโรงงานแทน


WHAT!!!  


เราคิดเลยไม่ไหวแล้ว บายค่ะ  หางานใหม่รัวๆ เลย 555

เพื่อนๆ ล่ะคะ หัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงานแบบไหนชวนฝันร้ายบ้าง มาแชร์ประสบการณ์กันได้นะคะ


ปล. สุดท้ายนางก็ได้คนคาบข่าวในออฟฟิศไปบอกนางแล้วค่ะ  จาก 1 ใน 2 ของน้องใหม่ที่รับมานั่นแหละค่ะ 555 หัวเราะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่