จะรักษาพระพุทธศาสนาก็ควรจะให้อำนาจยุบมหาเถรสมาคม

กระทู้สนทนา
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือส.ศิวรักษ์ นักเขียนผู้ได้รับการขนานนามปัญญาชนสยาม  ได้กล่าวในเสวนา "การบิดเบือนความเชื่อทางพุทธศาสนา พุทธพาณิชย์ ผิดหรือถูก" จัดโดยภาควิชาศิลปะการแสดง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ที่โรงละคร BLACK Box Theatre โดยเรียกร้องให้มีการปฏิรูปคณะสงฆ์ครั้งใหญ่โดยยุบมหาเถรสมาคม ยกเหตุไร้ประสิทธิภาพ ประกอบกับยกเลิกกฎหมายคณะสงฆ์ปัจจุบันเสียเพราะเป็นเผด็จการ อาจจะนำกฎหมายคณะสงฆ์ปี2485 มาใช้ก่อนก็ได้ โดยท้าว่าหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหากแน่จริงและหวังจะรักษาพระพุทธศาสนาก็ควรจะให้อำนาจยุบมหาเถรสมาคม


ชี้ชาวพุทธอ้าง‘บุญ’ทำศาสนาพุทธเสื่อม

            นายสุลักษณ์   กล่าวด้วยว่า ความเชื่อศาสนาพุทธ คือมนุษย์เปลี่ยนความโลภเป็นการให้  เปลี่ยนความเกลียด เป็นความรัก และเปลี่ยนความโง่ ให้เป็นการเห็นแจ้งเห็นจริง ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงพุทธภาวะได้โดยไม่ต้องห่มผ้าเหลือง การทำบุญ และถือศีล เป็นเพียงวิธีหนึ่งในการเข้าถึงศาสนา เพื่อทำนุบำรุงให้ศาสนาคงไว้ในประเทศ
    
            เมื่อก่อนพระสงฆ์ อยู่ได้ด้วยการออกบิณฑบาตอย่างเดียว อยู่ใต้ต้นไม้ ยาก็นำปัสสาวะมาผสม แต่ทุกวันนี้ พวกเจ๊ก จีน ที่ขายสังฆภัณฑ์แถวเสาชิงช้าหรือ พุทธพาณิชย์ พวกนี้ทำเสียหายหมด บรรจุของที่ไม่จำเป็นให้ผู้บริโภคซื้อ หลอกลวง ซึ่งของเหล่านั้นก็สะสมอยู่ที่วัด ดังนั้น คนทำให้พระเสียคน และพระก็พร้อมจะเสียคน  แถมตอนนี้พุทธพาณิชย์ไม่ใช่โยมทำแต่พระก็ทำด้วย
    
            เช่นเดียวกับ สังฆทาน เมื่อก่อนวัสดุที่ใช้ทำมาจากกระทงไม่ใช้ภาชนะที่ใช้แล้ว แต่ทุกวันนี้เป็นกระป๋อง ถุงพลาสติก สกปรกวัดไปหมด พระเองก็ไม่สอนคนแล้วจะให้คนเปลี่ยนความโลภเป็นการให้ทานได้อย่างไร
    
            “เมื่อสาระความเชื่อกลายไป ทำให้เกิดความบิดเบือน อ้างว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ทุกวันนี้ทุนนิยม บอกว่าคุณจะต้องรวยถึงจะได้บุญ เปิดช่องให้วัดธรรมกายเป็นสัญลักษณ์ของทุนนิยมบริโภคนิยมที่สมบูรณ์ มีหลายอย่างที่พระทำโดยไม่ใช่หน้าที่ของพระ คนที่บริโภคทุนนิยมแบบสุดๆ คือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัดธรรมกาย ด้วยการโยงการเมืองเข้าในวัด เห็นอย่างนี้พระเป็นหัวคะแนนที่แพงที่สุด ดังนั้น พระต้องรู้เท่าทันการเมือง เศรษฐกิจสังคม เอาตัวเองมาประยุกต์นำสังคมได้อย่างไร”
    
            ส.ศิวรักษ์ กล่าวอีกว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ถือพุทธ แต่ถือความเชื่อ ถือผี ถือไสยศาสตร์  และเราถูกล้างสมองมาพันปีที่ต้องทำบุญกับพวกห่มเหลือง พระมีประโยชน์ถ้าพระเป็นสมณะแต่ตอนนี้ไม่ใช่ พระสวดมนต์เพราะหาเงิน ขณะที่คนใส่บาตรเพราะต้องการถูกหวย เลอะเทอะ เสียพื้นฐานไปหมดแล้ว ศาสนาพุทธไม่มอมเมาด้วยความเชื่อ เรื่องที่ว่าชาติหน้ามี ชาติหลังมีเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ศาสนาพุทธบอกแต่สิ่งที่พิสูจน์ได้เท่านั้น ฉะนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพัฒนาเรื่องการศึกษา ให้คนมีความรู้ ไม่ถูกมอมเมาให้เชื่อไรผิดๆ  และคนไปวัด เพราะวัดเป็นอารามที่ร่มรื่น ร่มเย็น สงบ วิเวก มีผู้ถือศีล มีผู้สมณะที่มีกิจธุระน้อยกว่าเรา เป็นตัวอย่างที่แตกต่างไปจากสังคมกระแสหลัก แต่วัดตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว
    
            “วัดต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมสมัยใหม่ ต้องยึดศีล สมาธิ ปัญญาเป็นหลัก ลดความเหลื่อมล้ำ ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ลดความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลก  ไม่เช่นนั้น ก็จะเป็นการส่งเสริมให้เกิดวัดธรรมกายที่ร่ำรวยโดยไม่มีเหตุผล อาศัยลาภและยศ หลอกคนโง่นิมนต์พระไปสวดถวายปัจจัย 1 แสนบาท ทั้งหมดเป็นเรื่องทุกขัง เวลานี้พระรุ่นใหม่มุ่งแต่อวดอุตริ อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ แม้ศาสนาจะเข้าขั้นวิกฤต แต่เชื่อว่าในอนาคตจะดีขึ้นได้ เพราะธรรมะย่อมชนะอธรรม รวมถึงต้องมีการจัดเก็บภาษีวัด ตรวจสอบบัญชีเงินให้โปร่งใสจะทำให้วัดสะอาดมากขึ้น รวมถึงควรมีการส่งเสริมให้เกิดภิกษุณี ซึ่งจะช่วยภิกษุสงฆ์ที่เลวร้ายให้ฟื้นขึ้นมา” ส.ศิวรักษ์ กล่าวปิดท้าย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่