ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณแอนนี่ annie <harmonica>, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ เขมปัณณ์, คุณป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณริมแม่โขง, คุณดาว Lady Star 919, คุณ CAN LIVE, คุณ สายป่านสีชมพู, จารย์จี GTW
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖
http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗
http://ppantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘
http://ppantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙
http://ppantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐
http://ppantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๑
http://ppantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒
http://ppantip.com/topic/35430211
บทที่ ๑๓
http://ppantip.com/topic/35437896
บทที่ ๑๔
http://ppantip.com/topic/35447627
บทที่ ๑๕
"อิฉันฝากแม่ไอรีนด้วยนะคะคุณพระ" ประโยคนั้นหล่อนขอร้องชายหนุ่มอย่างตรงไปตรงมา "มีอะไรก็ตักเตือนกัน ลูกสาวอิฉันยังเด็กนัก"
ไอรีนเงยหน้าขึ้นมองมารดาเลี้ยง คิดไม่ถึงกับคำว่า 'ลูกสาว' ที่ได้ยิน
ร่างซึ่งผอมจนแทบจะเหลือเพียงโครงกระดูกซุกอยู่บนเก้าอี้บุนวม เก้าอี้ตัวนี้รามขนมาให้จากบ้านของเขาเพราะเห็นว่ามีเบาะรองซึ่งหนาและนุ่มเพียงพอที่คุณสร้อยจะนั่งได้อย่างสบาย ในเมื่อเช้าวันนี้หล่อนต้องรับไหว้จากคู่บ่าวสาวและร่วมทำบุญกับญาติของทั้งสองฝ่ายเป็นเวลานาน
เสียงตอบรับเพียงแผ่วเบามาจากร่างใหญ่โตในเครื่องแบบเต็มยศสีขาว...เครื่องแบบซึ่งไอรีนคิดเสมอว่ายังไม่เคยเห็นใครใส่แล้วดูสง่างามได้เท่า เขานั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ...บนพื้นห้องเช่นกัน แต่ความรู้สึกคราวนี้ช่างห่างไกลเหลือแสน มีกำแพงสูงลิ่วกั้นขวางความใกล้ชิดซึ่งเริ่มจะมีต่อกันเสียแล้ว
"วางใจเถอะครับคุณสร้อย ไอรีนคือชีวิตของผม ผมจะดูแลลูกสาวของคุณสร้อยให้ดีที่สุด"
เขาสัญญาอย่างจริงใจ ทั้งหมดนั้นก็เพื่อยืนยันให้คนที่ถูกเอ่ยถึงได้รับรู้ด้วย ก็ในเมื่อตั้งใจจะพูดกันตรงๆ ทีไรเป็นต้องขัดเขินได้ทุกครั้ง ยืนยันผ่านผู้ใหญ่แบบนี้ง่ายกว่ามาก อีกอย่างก็เพราะรู้ดีว่าความมั่นใจในตัวเขาซึ่งสาวน้อยเคยมีให้คงหมดสิ้นแทบไม่มีเหลือแล้วนับแต่เมื่อคืน จึงตั้งใจว่าจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกกลับคืนมาให้ได้อีกครั้ง ถึงจะไม่ได้คืนมาทั้งหมดในทีเดียวก็เถอะ
คุณหญิงละออซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวข้างๆ คนป่วยตระหนักได้เช่นกันถึงความผิดปกติของสาวน้อย พอจะเข้าใจหรอกว่าคงเสียขวัญไปแล้วกับเรื่องที่ได้รู้อย่างกะทันหัน คงยังไม่มีเวลาตั้งตัว ยังไม่มีเวลาทำใจ
คิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็อดขุ่นใจเอากับลูกชายเสียมิได้ บอกหลายครั้งแล้วว่าถ้าต้องการให้เจ้าสาวของตัวรู้เรื่องนั้น ก็ควรบอกล่วงหน้าหลายวันหน่อย เด็กสาวอายุเพียงแค่นี้ ประสบการณ์ผ่านโลกมีเพียงน้อยนิด จะยอมรับเรื่องทำนองนั้นในคืนก่อนวันแต่งอย่างไรได้ แล้วจะหวังได้หรือว่าเจ้าหล่อนจะเข้าพิธีแต่งงานด้วยจิตใจที่สงบเป็นปกติ
จึงจำต้องช่วยลูกยืนยันอีกคน
"วางใจเถอะคุณสร้อย พ่อรามรักไอรีนด้วยน้ำใสใจจริง ฉันรู้ดี ฉันเป็นแม่ คงพอพูดแทนลูกได้บ้างดอก ฉันเองก็เอ็นดูลูกสาวคุณสร้อยอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าลูกชายของฉันทำอะไรให้ไอรีนต้องเจ็บช้ำน้ำใจละก็ ฉันนี่แหละจะเป็นคนขนาบเอง"
รามเงยหน้าขึ้นยิ้มให้แม่เหมือนจะบอกขอบคุณ ขยับลุกเมื่อเห็นว่าสร้อยนั่งอยู่นานแล้ว ตั้งแต่เช้าเมื่อขบวนขันหมากมาถึงเลยทีเดียว
พิธีรับไหว้ผู้ใหญ่และทำบุญตักบาตรร่วมกันระหว่างคู่บ่าวสาวและญาติของทั้งสองฝ่ายจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายเจ้าสาว และเพราะคิดกันว่าคุณสร้อยไม่อยู่ในสภาพที่จะจัดงานใดๆ ให้ใหญ่โตเอิกเกริกได้ จึงไม่มีการตั้งขบวนขันหมากให้อึกทึกครึกโครม ไม่มีการจุดประทัด ไม่มีขบวนกลองยาวนำหน้า ญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวที่มาร่วมงานในช่วงเช้าจึงมีแต่ญาติใกล้ชิดจริงๆ เท่านั้น
คุณหญิงละออมากับรถยนต์ซึ่งลูกชายเป็นผู้ขับ พร้อมด้วยขันหมากเอก ซึ่งจัดเป็นขันคู่ มีหมากพลู เงินทองสินสอด และสิ่งของอันเป็นมงคล เปรื่องขับรถยนต์คันที่สองมาพร้อมพระสี่รูปซึ่งนิมนต์มาสวดเจริญพระพุทธมนต์และรับอาหารบิณฑบาต ตามด้วยรถซึ่งคุณกนกนั่งมากับญาติผู้ใหญ่ที่นับถือกันอีกคนพร้อมขันหมากโท ประกอบด้วยอาหารสดอย่างเช่นไก่และหมูซึ่งยังไม่ได้ปรุง รวมทั้งขนมที่หล่อนคุมบ่าวไพร่ลงมือทำกันอยู่สองวันเต็ม ถัดไปเป็นรถยนต์คันที่สี่ ขนขันหมากบริวาร ประกอบด้วยต้นกล้วยและต้นอ้อย เพื่อให้คู่บ่าวสาวได้ปลูกร่วมกัน
ขบวนรถยนต์หรูหลายคันซึ่งขับตามหลังกันมา เรียกร้องความสนใจของผู้คนซึ่งอยู่อาศัยบนถนนสายแคบๆ ตัดเลียบคลองวัดราชนัดดาได้ดีเสียยิ่งกว่าขบวนขันหมากทั่วไปที่มีการตั้งขบวนเป็นแถวยาวเสียด้วยซ้ำ
หลังรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน 'ผู้ใหญ่' คนสำคัญของฝ่ายเจ้าบ่าวที่มาร่วมงานช่วงเช้า...รวมทั้งญาติเกือบทั้งหมดของฝ่ายเจ้าสาว...ก็ออกเดินทางไปสโมสรนายทหารบกพร้อมด้วยขันน้ำพระพุทธมนต์ในทันที เหลืออยู่ก็เพียงเจ้าบ่าว เจ้าสาว คุณละออ และอนงค์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้คู่บ่าวสาวได้มีโอกาสบอกลาและรับศีลรับพรจากมารดาเลี้ยงของเจ้าสาวอีกครั้ง ในเมื่อหล่อนอ่อนแอเกินกว่าจะไปร่วมงานในช่วงบ่ายซึ่งจัดภายนอกบ้านได้
เมื่ออยู่กันตามลำพังเพียงไม่กี่คน บรรยากาศจึงเป็นกันเองขึ้นมาก
"คุณสร้อยไปนอนเถอะครับ นั่งมาตลอดเช้าแล้ว"
รามเข้าพยุงร่างบอบบางของหญิงสูงวัยจากเก้าอี้ อนงค์ขยับจะเข้ามาช่วย แต่สร้อยส่ายหน้า หันไปประนมมือไหว้ลาคุณหญิงละอออย่างนอบน้อม ยังไม่วายเอ่ยปากฝากฝัง
"อิฉันฝากแม่ไอรีนด้วยนะคะคุณหญิง มีอะไรคุณหญิงกรุณาตักเตือนสั่งสอน ไอรีนยังเด็กอยู่มากนะคะ"
คุณหญิงละออลุกยืนตาม ดึงเสื้อผ้าไหมคอกลม มีระบายลูกไม้ที่ชายเสื้อให้เข้าที่ ยิ้มให้ผู้กำลังจะมาเป็นลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู
"อย่าห่วงเลยคุณสร้อย ลูกสาวคุณสร้อยก็ไม่ได้ไปไหนไกลนี่นะ นี่พ่อรามก็จัดรถจัดเรือไว้ให้ใช้แล้ว จะมาเยี่ยมคุณสร้อยเมื่อไรก็ได้"
สร้อยยิ้มได้กว้างขึ้นอีกนิด เกาะแขนลูกเลี้ยงเมื่อเข้ามาประคองจากอีกด้าน
"อีกสักสองวันผมจะมาขนหนังสือทั้งหมดนะครับคุณสร้อย"
เสียงทุ้มๆ ข้างตัวทำให้สร้อยแหงนเงยขึ้นมองเขา แล้วหันไปดูตู้หนังสือสองใบของสามี นั่นเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ตกทอดมาจากพ่อซึ่งไอรีนขอติดตัวไปด้วย นอกเหนือจากเสื้อผ้าและของใช้ซึ่งมีคนมาขนไปบ้านเจ้าบ่าวเกือบหมดแล้ว
"เมื่อไรก็ได้ค่ะคุณพระ นี่พอสิ้นท่านแล้ว ก็มีแต่ไอรีนเท่านั้นแหละค่ะที่อ่านหนังสือพวกนั้น"
"ที่บ้านก็มีหนังสืออยู่มาก" มองข้ามไหล่เจ้าของบ้านสูงวัยไปที่คนซึ่งช่วยประคองอยู่อีกด้าน ราวตั้งใจจะพูดด้วย
"ไอรีนคงไม่เหงา พอรู้ว่าชอบอ่านหนังสือ ก็จัดห้องไว้ให้อ่านหนังสือแล้วด้วย"
แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่แสดงทีท่าว่ารับรู้ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาดูพื้นไม้ข้างหน้าเหมือนเกรงว่ามารดาเลี้ยงจะเดินแล้วสะดุดล้ม
วันแต่งงานคือวันที่มีความสุขที่สุดวันหนึ่งของผู้หญิง ไอรีนเคยเชื่อเช่นนั้นมาเสมอ นับแต่เข้ารุ่นสาว ก็มีบางครั้งบางคราที่ฝันถึงวันนั้น เคยแม้แต่วางแผนไว้ในใจว่าในวันแต่งงาน...กับใครก็ไม่รู้...จะวางตัวอย่างไรบ้าง จะแต่งตัวอย่างไร แต่พอวันนั้นมาถึงเข้าจริงๆ อะไรๆ กลับตรงข้ามกับที่เคยคิดไว้หมด ทั้งที่ก่อนหน้าก็เฝ่ารอคอยและตื่นเต้นไปกับการจัดเตรียมงาน ตื่นเต้นเมื่อคุณหญิงละออส่งชุดแต่งงานสีทับทิมมาให้ คาดหวังไว้สารพัดรูปแบบว่าชีวิตแต่งงานจะเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ที่สำคัญคือความหนักแน่นในตัวคุณพระหนุ่มให้ความรู้สึกมั่นคงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยในชีวิต
แต่คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขาในคืนก่อนหน้า ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ฝันไว้จนหมดสิ้น มีเหลืออยู่ก็เพียงความไม่มั่นใจ ความลังเล และที่สำคัญ…ขวัญเสียกับเรื่องที่ได้รู้ เริ่มขาดความเชื่อมั่นในตัวเขา ไม่แน่ใจกับอนาคตของตัวเอง รวมทั้งอนาคตที่จะมีร่วมกับเขา ไม่รู้ว่าควรวางตัวอย่างไรในบ้านหลังนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…ไม่รู้ว่าเมื่อไปเจอผู้หญิงคนนั้นแล้วควรทำอย่างไร ความคาดหวังถึงชีวิตแต่งงานที่สวยงาม บัดนี้ถูกทำลายหมดสิ้นด้วยคำบอกเล่าเพียงประโยคเดียวนั้น
คำปลอบใจทั้งหลายทั้งปวงของอนงค์ถ้าจะพอช่วยได้บ้างก็เพียงน้อยนิด ยอมรับไม่ได้กับข้อสรุปที่ว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายไหนๆ ก็ทำกัน คำพูดของแม่ในจดหมายที่มีถึงพ่อบอกชัดแจ้งแล้วว่าความรู้สึกของคนเป็นภรรยาที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับผู้หญิงอื่น...ผู้หญิงซึ่งร่วมห้องหอกับสามีเช่นกันนั้นเป็นอย่างไร จึงได้แน่ใจว่ายอมรับไม่ได้ถ้าแต่งงานกับใครคนหนึ่งแล้วต้องไปอยู่ในสภาพเดียวกัน ไม่ว่าตัวจะอยู่ในฐานะภรรยาหลวงหรือภรรยารอง หรือภรรยาอันดับที่เท่าใดก็แล้วแต่ ในเมื่อข้อใหญ่ใจความไม่ได้อยู่ที่ว่าจะไปเป็นภรรยาลักษณะไหนของเขา แต่อยู่ที่ว่าเขามีคนอื่นด้วย ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ไม่แต่งเสียยังจะดีกว่า ไม่แต่งงานแล้วมุ่งมั่นเรียนหนังสือต่อ เพื่อจบมาแล้วจะได้ไปเป็นครูที่คอนแวนต์ นั่นเป็นชีวิตที่วาดหวังไว้แต่แรก เรื่องแต่งงานไม่เคยอยู่ในแผนชีวิตเท่าที่เคยมองเห็นมาก่อนเลย
แต่นี่อะไรๆ ก็สายเกินไปเสียแล้ว จะทำอย่างไรได้อีกเล่า จะโกรธเขาหรือที่เพิ่งมาบอกให้รู้เมื่อทุกอย่างสายไปแล้ว เมื่องานจัดเตรียมไว้หมดทุกขั้นตอน เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าตัวมาก ก็ในเมื่อเป็นเด็ก จะโกรธผู้ใหญ่ได้อย่างไร นอกจากยอมทนรับผลของการไม่กล้าปฏิเสธเขาในบ่ายวันนั้น...ที่ริมหาดหัวหิน เรื่องนี้คงไม่มีใครช่วยเหลืออะไรได้ มีก็แต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นคนกำหนดว่าทุกอย่างจะลงเอยอย่างไร ผู้ใหญ่สอนไว้ว่าผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้ว ชีวิตทั้งชีวิตก็ย้ายจากบิดามารดาไปขึ้นอยู่กับสามี และ
สามีคือฉัตรแก้วกั้นเกศ งามเนตรตรงหน้าทุกเวลา ตามบทพระราชนิพนธ์ กวีเอกเช่นพระสุนทรโวหารยังว่า
เป็นสตรีสดุดีแต่เพียงผัว
…ในเมื่อทุกคนให้ความสำคัญกับผู้ชายถึงขนาดนั้น ผู้หญิงจะไปเรียกร้องหาความเป็นธรรมจากใครที่ไหนได้
บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๑๕)
ขอบคุณ คุณแอนนี่ annie <harmonica>, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ เขมปัณณ์, คุณป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณริมแม่โขง, คุณดาว Lady Star 919, คุณ CAN LIVE, คุณ สายป่านสีชมพู, จารย์จี GTW
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/35430211
บทที่ ๑๓ http://ppantip.com/topic/35437896
บทที่ ๑๔ http://ppantip.com/topic/35447627
"อิฉันฝากแม่ไอรีนด้วยนะคะคุณพระ" ประโยคนั้นหล่อนขอร้องชายหนุ่มอย่างตรงไปตรงมา "มีอะไรก็ตักเตือนกัน ลูกสาวอิฉันยังเด็กนัก"
ไอรีนเงยหน้าขึ้นมองมารดาเลี้ยง คิดไม่ถึงกับคำว่า 'ลูกสาว' ที่ได้ยิน
ร่างซึ่งผอมจนแทบจะเหลือเพียงโครงกระดูกซุกอยู่บนเก้าอี้บุนวม เก้าอี้ตัวนี้รามขนมาให้จากบ้านของเขาเพราะเห็นว่ามีเบาะรองซึ่งหนาและนุ่มเพียงพอที่คุณสร้อยจะนั่งได้อย่างสบาย ในเมื่อเช้าวันนี้หล่อนต้องรับไหว้จากคู่บ่าวสาวและร่วมทำบุญกับญาติของทั้งสองฝ่ายเป็นเวลานาน
เสียงตอบรับเพียงแผ่วเบามาจากร่างใหญ่โตในเครื่องแบบเต็มยศสีขาว...เครื่องแบบซึ่งไอรีนคิดเสมอว่ายังไม่เคยเห็นใครใส่แล้วดูสง่างามได้เท่า เขานั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ...บนพื้นห้องเช่นกัน แต่ความรู้สึกคราวนี้ช่างห่างไกลเหลือแสน มีกำแพงสูงลิ่วกั้นขวางความใกล้ชิดซึ่งเริ่มจะมีต่อกันเสียแล้ว
"วางใจเถอะครับคุณสร้อย ไอรีนคือชีวิตของผม ผมจะดูแลลูกสาวของคุณสร้อยให้ดีที่สุด"
เขาสัญญาอย่างจริงใจ ทั้งหมดนั้นก็เพื่อยืนยันให้คนที่ถูกเอ่ยถึงได้รับรู้ด้วย ก็ในเมื่อตั้งใจจะพูดกันตรงๆ ทีไรเป็นต้องขัดเขินได้ทุกครั้ง ยืนยันผ่านผู้ใหญ่แบบนี้ง่ายกว่ามาก อีกอย่างก็เพราะรู้ดีว่าความมั่นใจในตัวเขาซึ่งสาวน้อยเคยมีให้คงหมดสิ้นแทบไม่มีเหลือแล้วนับแต่เมื่อคืน จึงตั้งใจว่าจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกกลับคืนมาให้ได้อีกครั้ง ถึงจะไม่ได้คืนมาทั้งหมดในทีเดียวก็เถอะ
คุณหญิงละออซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวข้างๆ คนป่วยตระหนักได้เช่นกันถึงความผิดปกติของสาวน้อย พอจะเข้าใจหรอกว่าคงเสียขวัญไปแล้วกับเรื่องที่ได้รู้อย่างกะทันหัน คงยังไม่มีเวลาตั้งตัว ยังไม่มีเวลาทำใจ
คิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็อดขุ่นใจเอากับลูกชายเสียมิได้ บอกหลายครั้งแล้วว่าถ้าต้องการให้เจ้าสาวของตัวรู้เรื่องนั้น ก็ควรบอกล่วงหน้าหลายวันหน่อย เด็กสาวอายุเพียงแค่นี้ ประสบการณ์ผ่านโลกมีเพียงน้อยนิด จะยอมรับเรื่องทำนองนั้นในคืนก่อนวันแต่งอย่างไรได้ แล้วจะหวังได้หรือว่าเจ้าหล่อนจะเข้าพิธีแต่งงานด้วยจิตใจที่สงบเป็นปกติ
จึงจำต้องช่วยลูกยืนยันอีกคน
"วางใจเถอะคุณสร้อย พ่อรามรักไอรีนด้วยน้ำใสใจจริง ฉันรู้ดี ฉันเป็นแม่ คงพอพูดแทนลูกได้บ้างดอก ฉันเองก็เอ็นดูลูกสาวคุณสร้อยอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าลูกชายของฉันทำอะไรให้ไอรีนต้องเจ็บช้ำน้ำใจละก็ ฉันนี่แหละจะเป็นคนขนาบเอง"
รามเงยหน้าขึ้นยิ้มให้แม่เหมือนจะบอกขอบคุณ ขยับลุกเมื่อเห็นว่าสร้อยนั่งอยู่นานแล้ว ตั้งแต่เช้าเมื่อขบวนขันหมากมาถึงเลยทีเดียว
พิธีรับไหว้ผู้ใหญ่และทำบุญตักบาตรร่วมกันระหว่างคู่บ่าวสาวและญาติของทั้งสองฝ่ายจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายเจ้าสาว และเพราะคิดกันว่าคุณสร้อยไม่อยู่ในสภาพที่จะจัดงานใดๆ ให้ใหญ่โตเอิกเกริกได้ จึงไม่มีการตั้งขบวนขันหมากให้อึกทึกครึกโครม ไม่มีการจุดประทัด ไม่มีขบวนกลองยาวนำหน้า ญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวที่มาร่วมงานในช่วงเช้าจึงมีแต่ญาติใกล้ชิดจริงๆ เท่านั้น
คุณหญิงละออมากับรถยนต์ซึ่งลูกชายเป็นผู้ขับ พร้อมด้วยขันหมากเอก ซึ่งจัดเป็นขันคู่ มีหมากพลู เงินทองสินสอด และสิ่งของอันเป็นมงคล เปรื่องขับรถยนต์คันที่สองมาพร้อมพระสี่รูปซึ่งนิมนต์มาสวดเจริญพระพุทธมนต์และรับอาหารบิณฑบาต ตามด้วยรถซึ่งคุณกนกนั่งมากับญาติผู้ใหญ่ที่นับถือกันอีกคนพร้อมขันหมากโท ประกอบด้วยอาหารสดอย่างเช่นไก่และหมูซึ่งยังไม่ได้ปรุง รวมทั้งขนมที่หล่อนคุมบ่าวไพร่ลงมือทำกันอยู่สองวันเต็ม ถัดไปเป็นรถยนต์คันที่สี่ ขนขันหมากบริวาร ประกอบด้วยต้นกล้วยและต้นอ้อย เพื่อให้คู่บ่าวสาวได้ปลูกร่วมกัน
ขบวนรถยนต์หรูหลายคันซึ่งขับตามหลังกันมา เรียกร้องความสนใจของผู้คนซึ่งอยู่อาศัยบนถนนสายแคบๆ ตัดเลียบคลองวัดราชนัดดาได้ดีเสียยิ่งกว่าขบวนขันหมากทั่วไปที่มีการตั้งขบวนเป็นแถวยาวเสียด้วยซ้ำ
หลังรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน 'ผู้ใหญ่' คนสำคัญของฝ่ายเจ้าบ่าวที่มาร่วมงานช่วงเช้า...รวมทั้งญาติเกือบทั้งหมดของฝ่ายเจ้าสาว...ก็ออกเดินทางไปสโมสรนายทหารบกพร้อมด้วยขันน้ำพระพุทธมนต์ในทันที เหลืออยู่ก็เพียงเจ้าบ่าว เจ้าสาว คุณละออ และอนงค์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้คู่บ่าวสาวได้มีโอกาสบอกลาและรับศีลรับพรจากมารดาเลี้ยงของเจ้าสาวอีกครั้ง ในเมื่อหล่อนอ่อนแอเกินกว่าจะไปร่วมงานในช่วงบ่ายซึ่งจัดภายนอกบ้านได้
เมื่ออยู่กันตามลำพังเพียงไม่กี่คน บรรยากาศจึงเป็นกันเองขึ้นมาก
"คุณสร้อยไปนอนเถอะครับ นั่งมาตลอดเช้าแล้ว"
รามเข้าพยุงร่างบอบบางของหญิงสูงวัยจากเก้าอี้ อนงค์ขยับจะเข้ามาช่วย แต่สร้อยส่ายหน้า หันไปประนมมือไหว้ลาคุณหญิงละอออย่างนอบน้อม ยังไม่วายเอ่ยปากฝากฝัง
"อิฉันฝากแม่ไอรีนด้วยนะคะคุณหญิง มีอะไรคุณหญิงกรุณาตักเตือนสั่งสอน ไอรีนยังเด็กอยู่มากนะคะ"
คุณหญิงละออลุกยืนตาม ดึงเสื้อผ้าไหมคอกลม มีระบายลูกไม้ที่ชายเสื้อให้เข้าที่ ยิ้มให้ผู้กำลังจะมาเป็นลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู
"อย่าห่วงเลยคุณสร้อย ลูกสาวคุณสร้อยก็ไม่ได้ไปไหนไกลนี่นะ นี่พ่อรามก็จัดรถจัดเรือไว้ให้ใช้แล้ว จะมาเยี่ยมคุณสร้อยเมื่อไรก็ได้"
สร้อยยิ้มได้กว้างขึ้นอีกนิด เกาะแขนลูกเลี้ยงเมื่อเข้ามาประคองจากอีกด้าน
"อีกสักสองวันผมจะมาขนหนังสือทั้งหมดนะครับคุณสร้อย"
เสียงทุ้มๆ ข้างตัวทำให้สร้อยแหงนเงยขึ้นมองเขา แล้วหันไปดูตู้หนังสือสองใบของสามี นั่นเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ตกทอดมาจากพ่อซึ่งไอรีนขอติดตัวไปด้วย นอกเหนือจากเสื้อผ้าและของใช้ซึ่งมีคนมาขนไปบ้านเจ้าบ่าวเกือบหมดแล้ว
"เมื่อไรก็ได้ค่ะคุณพระ นี่พอสิ้นท่านแล้ว ก็มีแต่ไอรีนเท่านั้นแหละค่ะที่อ่านหนังสือพวกนั้น"
"ที่บ้านก็มีหนังสืออยู่มาก" มองข้ามไหล่เจ้าของบ้านสูงวัยไปที่คนซึ่งช่วยประคองอยู่อีกด้าน ราวตั้งใจจะพูดด้วย
"ไอรีนคงไม่เหงา พอรู้ว่าชอบอ่านหนังสือ ก็จัดห้องไว้ให้อ่านหนังสือแล้วด้วย"
แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่แสดงทีท่าว่ารับรู้ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาดูพื้นไม้ข้างหน้าเหมือนเกรงว่ามารดาเลี้ยงจะเดินแล้วสะดุดล้ม
วันแต่งงานคือวันที่มีความสุขที่สุดวันหนึ่งของผู้หญิง ไอรีนเคยเชื่อเช่นนั้นมาเสมอ นับแต่เข้ารุ่นสาว ก็มีบางครั้งบางคราที่ฝันถึงวันนั้น เคยแม้แต่วางแผนไว้ในใจว่าในวันแต่งงาน...กับใครก็ไม่รู้...จะวางตัวอย่างไรบ้าง จะแต่งตัวอย่างไร แต่พอวันนั้นมาถึงเข้าจริงๆ อะไรๆ กลับตรงข้ามกับที่เคยคิดไว้หมด ทั้งที่ก่อนหน้าก็เฝ่ารอคอยและตื่นเต้นไปกับการจัดเตรียมงาน ตื่นเต้นเมื่อคุณหญิงละออส่งชุดแต่งงานสีทับทิมมาให้ คาดหวังไว้สารพัดรูปแบบว่าชีวิตแต่งงานจะเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ที่สำคัญคือความหนักแน่นในตัวคุณพระหนุ่มให้ความรู้สึกมั่นคงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยในชีวิต
แต่คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขาในคืนก่อนหน้า ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ฝันไว้จนหมดสิ้น มีเหลืออยู่ก็เพียงความไม่มั่นใจ ความลังเล และที่สำคัญ…ขวัญเสียกับเรื่องที่ได้รู้ เริ่มขาดความเชื่อมั่นในตัวเขา ไม่แน่ใจกับอนาคตของตัวเอง รวมทั้งอนาคตที่จะมีร่วมกับเขา ไม่รู้ว่าควรวางตัวอย่างไรในบ้านหลังนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…ไม่รู้ว่าเมื่อไปเจอผู้หญิงคนนั้นแล้วควรทำอย่างไร ความคาดหวังถึงชีวิตแต่งงานที่สวยงาม บัดนี้ถูกทำลายหมดสิ้นด้วยคำบอกเล่าเพียงประโยคเดียวนั้น
คำปลอบใจทั้งหลายทั้งปวงของอนงค์ถ้าจะพอช่วยได้บ้างก็เพียงน้อยนิด ยอมรับไม่ได้กับข้อสรุปที่ว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายไหนๆ ก็ทำกัน คำพูดของแม่ในจดหมายที่มีถึงพ่อบอกชัดแจ้งแล้วว่าความรู้สึกของคนเป็นภรรยาที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับผู้หญิงอื่น...ผู้หญิงซึ่งร่วมห้องหอกับสามีเช่นกันนั้นเป็นอย่างไร จึงได้แน่ใจว่ายอมรับไม่ได้ถ้าแต่งงานกับใครคนหนึ่งแล้วต้องไปอยู่ในสภาพเดียวกัน ไม่ว่าตัวจะอยู่ในฐานะภรรยาหลวงหรือภรรยารอง หรือภรรยาอันดับที่เท่าใดก็แล้วแต่ ในเมื่อข้อใหญ่ใจความไม่ได้อยู่ที่ว่าจะไปเป็นภรรยาลักษณะไหนของเขา แต่อยู่ที่ว่าเขามีคนอื่นด้วย ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ไม่แต่งเสียยังจะดีกว่า ไม่แต่งงานแล้วมุ่งมั่นเรียนหนังสือต่อ เพื่อจบมาแล้วจะได้ไปเป็นครูที่คอนแวนต์ นั่นเป็นชีวิตที่วาดหวังไว้แต่แรก เรื่องแต่งงานไม่เคยอยู่ในแผนชีวิตเท่าที่เคยมองเห็นมาก่อนเลย
แต่นี่อะไรๆ ก็สายเกินไปเสียแล้ว จะทำอย่างไรได้อีกเล่า จะโกรธเขาหรือที่เพิ่งมาบอกให้รู้เมื่อทุกอย่างสายไปแล้ว เมื่องานจัดเตรียมไว้หมดทุกขั้นตอน เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าตัวมาก ก็ในเมื่อเป็นเด็ก จะโกรธผู้ใหญ่ได้อย่างไร นอกจากยอมทนรับผลของการไม่กล้าปฏิเสธเขาในบ่ายวันนั้น...ที่ริมหาดหัวหิน เรื่องนี้คงไม่มีใครช่วยเหลืออะไรได้ มีก็แต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นคนกำหนดว่าทุกอย่างจะลงเอยอย่างไร ผู้ใหญ่สอนไว้ว่าผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้ว ชีวิตทั้งชีวิตก็ย้ายจากบิดามารดาไปขึ้นอยู่กับสามี และ สามีคือฉัตรแก้วกั้นเกศ งามเนตรตรงหน้าทุกเวลา ตามบทพระราชนิพนธ์ กวีเอกเช่นพระสุนทรโวหารยังว่า เป็นสตรีสดุดีแต่เพียงผัว
…ในเมื่อทุกคนให้ความสำคัญกับผู้ชายถึงขนาดนั้น ผู้หญิงจะไปเรียกร้องหาความเป็นธรรมจากใครที่ไหนได้