....ดิฉัน เป็นสาวชาวพัทลุง มีบ้านอยู่ที่อำเภอป่าพะยอม เป็นลูกคนที่3 ในบรรดาพี่น้อง3คน จริงๆควรจะเป็น4คนมากกว่าถ้าหากว่าฝาแฝดของดิฉันไม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปก่อนตั้งแต่ตอน5ขวบ ดิฉันจึงเป็นแฝด ที่ไม่มีแฝด
จะมีก็แค่เพียงรูปถ่ายที่พ่อกับแม่ถ่ายเอาไว้ตอนเด็กๆ แฝดของดิฉันที่เสียชีวิตไปมีศักดิ์เป็นพี่ เพราะเกิดก่อน หากจะถือว่าดิฉันเป็นน้องสุดท้องก็คงใช่ เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้พ่อโกรธแม่มาจนดิฉันโตจนเข้ามหาลัย ท่านก็ยังไม่เลิกโกรธ
ดิฉันเคยถามพ่อ ว่าทำไมถึงโกรธแม่ได้นานขนาดนี้ คำตอบที่ได้คือ
“มันทำลูกกูตาย”
....พ่อมีลูกชาย2คน คือพี่ชายของดิฉัน พอแม่คลอดพวกเราที่เป็นหญิงออกมาถึง2คน พ่อก็ดีใจมาก กระเตงพวกเราไปไหนมาไหนด้วยตลอด ใครๆเห็นต่างก็ชื่นชมในความน่ารักของเรา2พี่น้อง แต่วันที่เกิดเหตุ เพราะแม่อยากพาพี่สาวฝาแฝดดิฉันไปบ้านยายที่ อ.ศรีบรรพต เพราะยายอยากเจอหลาน แต่แม่ไม่สะดวกที่จะพาไปได้ทั้งสองคน จึงพาพี่สาวของดิฉันไปคนเดียว แล้วก็เป็นครั้งสุดท้าย ที่พ่อได้เห็นพี่สาวของดิฉัน เพราะแม่ถูกรถกระบะชนอย่างกระชั้นชิดที่4แยก
แม่กับหลานของแม่ที่นั่งไปด้วย บาดเจ็บ แต่พี่สาวดิฉันคอหักตายคาที่
.....พอพ่อรู้เรื่อง พ่อก็ร้องไห้หนัก ตีอกชกตัวเองด้วยความแค้น พอพ่อเจอแม่ พ่อก็โวยวาย จะทุบแม่ให้ตายตามพี่สาวดิฉันไปด้วย ดีที่มีคนช่วยกันจับตัวพ่อเอาไว้ พอแม่หายเจ็บกลับมาบ้าน พ่อก็หอบเสื้อผ้าข้าวของของแม่มากองหน้าบ้าน สวดส่งไล่แม่ให้ไปอยู่ที่อื่น แม่ได้แต่ขอโทษ กราบเท้าพ่อ พ่อไม่ยอม จนญาติพี่น้องคนอื่น ต้องมาช่วยกันกล่อม ตอนนั้นดิฉันจำได้ว่า ดิฉันได้แต่ยืนมองตาปริบๆ
....หลังจากนั้นมา ภาพที่ดิฉันจำได้คือ พ่อไม่เข้าใกล้แม่เลย และไม่ยอมให้แม่เข้าใกล้ดิฉันด้วย ถึงดิฉันจะเป็นคนเข้าไปหาแม่เอง ถ้าพ่อเห็น พ่อก็จะรีบไปเอาตัวดิฉันออกมาจากแม่ พอเหลือแค่ดิฉันเป็นลูกสาวคนเดียว พ่อก็หันมาประคบประหงมดิฉันเต็มที่ ตั้งแต่จำความได้ ดิฉันไม่เคยโดนพ่อดุด่าหรือตีเลย มีอะไรพ่อจะจัดการให้หมด
.....บ้านของดิฉัน ทำอาชีพสวนยาง รอบบ้านมีแต่สวนยาง และแต่ละบ้านแถบนั้นก็ทำสวนยาง แล้วบ้านของดิฉันก็ไม่ได้อยู่ใกล้ใคร ที่ใกล้ก็ต้องขี่จักรยานไป ซึ่งพ่อห้ามดิฉันไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อนเด็ดขาด แต่ถึงอย่างนั้นดิฉันก็มีเพื่อนที่รุ่นราวคราวเดียวกันมาหาถึงบ้าน ก็จะมาเล่นหม้อข้าวหม้อแกง ขายของ ใช้ใบชบาแทนเงิน โตมาหน่อยก็เริ่มโดดยางที่ลานบ้าน ซ่อนหาในสวนยางหลังบ้านบ้าง
.....ดิฉันเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลป่าพะยอม และค่อนข้างเป็นที่รักของครูและเพื่อนๆ เพราะดิฉันเป็นคนอัธยาศัยไม่ตรีค่อนข้างดี และเป็นเด็กหน้าตาสวยแบบภูธร ปนน่ารัก เป็นเด็กกิจกรรม หากจะบอกว่าดิฉันเป็นตัวท๊อปคนหนึ่งของโรงเรียนในยุคนั้นก็คงไม่ผิด ดิฉันไม่เคยมีความรู้สึกรักหรือชอบใครตอนประถม แต่ก็เคยโดนพวกรุ่นพี่จากโรงเรียนมัธยมมาดักรอหน้าโรงเรียนเพื่อจะจีบ แล้วมาหลายคน จนมีเรื่องชกต่อยเพื่อชิงกันจีบดิฉันก็มี
.....พ่อดิฉันรู้เรื่องนี้ดี ก็จะสั่งให้พี่ชายทั้งสองคนของดิฉัน ไปรับไปส่งดิฉันที่โรงเรียนตลอด โดยเฉพาะพี่ชายคนโตของดิฉัน จะเป็นคนที่คอยขวางเด็กผู้ชายคนอื่นๆอย่างมาก เพราะเป็นออกไปทางนักเลง มีเพื่อนเป็นนักเลงแถบนั้น
พอดิฉัน จบประถม6 ดิฉันก็ไปเรียนที่โรงเรียนควนขนุน ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมอีกอำเภอ ดิฉันจะนั่งรถโดยสารไปเรียนทุกวัน และพี่ชายก็จะมาคอยรับที่ปากทางเข้าบ้าน เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน
.....ดิฉันเป็นคนที่แปลก แปลกเพราะคนอื่นบอกว่า ดิฉันชอบนั่งเหม่อนื่งๆบ่อยๆ เวลาอยู่ที่โรงเรียน เปล่าเลย ดิฉันไม่ได้แปลก ดิฉันก็แค่มั่นใจว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษ เพราะเวลาดิฉันรู้สึกว่ามีสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณมาอยู่ใกล้ๆ หากดิฉันนั่งนิ่งๆตั้งใจใช้สมาธิสักนิด เหมือนดิฉันจะได้ยินวิญญาณดวงนั้นส่งเสียงพูดแหบๆออกมา แต่ดิฉันก็จับใจความอะไรไม่ได้ชัดๆสักครั้ง
.....เรื่องสัมผัสพิเศษอะไรแบบนี้ ดิฉันไม่เก่งขนาดจะสามารถพูดคุยติดต่ออะไรกับดวงวิญญาณที่ว่านั้นได้ เพียงแต่รับรู้และเห็นลางๆ หูก็ได้ยินเสียงของพวกเขาลางๆเช่นกัน ดิฉันรู้ตัวว่าตัวเองมีความสามารถแบบนี้มาตั้งแต่ตอน9ขวบ
จำได้ว่าวันนั้น ดิฉันอาบน้ำเสร็จก็ยืนเช็ดตัวหน้ากระจก ตอนกี่ทุ่มก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่ามันมืดแล้ว และบ้านนอกที่บ้านอยู่ในสวนยางมันจะเงียบวังเวงมากพอค่ำลง วันนั้นคนอื่นๆก็จะอยู่ในที่ของเขาไป พ่อก็บ้าไก่ชน อยู่ข้างล่าง แม่ก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง ส่วนพี่ชาย2คนก็ไปขลุกบ้านเพื่อน
....บ้านของดิฉันนั้น เป็นบ้านเก่าๆแบบฉบับไทยปักษ์ใต้ ฐานเป็นปูน แต่ด้านบนเป็นไม้ซี่สีมอๆ หลังคายังเป็นกระเบื้องแบบโบราณแผ่นเล็กๆ เป็นบ้านที่พ่อได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากปู่ และปู่ก็ได้มาจากทวดอีกที บ้านหลังนี้ดิฉันกลัวห้องของพ่อมาก เพราะจะมีรูปของทวด ปู่ และพี่สาวฝาแฝดของดิฉันแขวนอยู่
....ตอนนั้นดิฉันหวีผมอยู่หน้ากระจก พอหวีๆไปดิฉันเห็นหน้าตัวเองในกระจก มันค่อยๆเปลี่ยนไป เป็นหน้าใครอีกคนที่คล้ายๆดิฉัน ตอนแรกดิฉันคิดว่าตาลาย เลยลองเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆถลึงตาใส่กระจก แต่เงาดิฉันในกระจกดันยิ้มกลับใส่ดิฉันจนเห็นฟันเต็มปาก ดิฉันตกใจผงะออกจากกระจกล้มตึง ก้นจ้ำเบ้า แล้วก็ร้องเรียกพ่อลั่นบ้าน
“พ่ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ”
....พ่อ ได้ยิน ก็วิ่งตึงๆขึ้นบ้านมา แม่ก็ออกมาจากห้อง พ่อมาถึงก็มาประคองดิฉัน ไต่ถามว่าเป็นอะไร ถึงลงไปนอนกองผ้าหลุดลุ่ยแบบนั้น ดิฉันจำได้ว่าตกใจปนกลัวมาก ตัวสั่น กอดพ่อ แล้วเล่าให้พ่อฟังแบบที่เจอเมื่อกี้ พอพ่อฟังจบ
พ่อก็ตะโกนลั่นบ้านว่า
“(ชื่อของแฝดพี่ดิฉันที่เสียชีวิต) ...อย่ามาแกล้งน้องแบบนี้ น้องมันกลัว”
พ่อดึงดิฉันให้ลุกขึ้น แล้วก็ปลอบใจดิฉันว่าไม่มีอะไรหรอก พี่นุ้ยมันมาหยอกเล่น นั่นคือครั้งแรกที่ดิฉันได้เจอสิ่งที่เรียกว่าผีเต็มๆตา และก็เป็นผีที่เป็นฝาแฝดตัวเองนั่นแหละ เอาจริงๆดิฉันรู้สึกตัวคล้ายๆว่าพี่สาวดิฉันเธอยังอยู่ตลอดนะ ไม่ว่าดิฉันจะไปไหน ถึงจะไปคนเดียวแต่ก็รู้สึกเหมือนมีใครไปด้วยตลอด
....แรกๆที่ได้เจอและสัมผัส ดิฉันกลัวมาก พี่สาวฝาแฝดดิฉัน เธอชอบโผล่มาแบบแว้บๆให้เห็นตลอด จนดิฉันเริ่มไม่กลัว
จนถึงจุดที่ดิฉันเอ่ยปาก ในวันที่ขึ้นมัธยมตอน อายุ13-14แล้วว่า ให้พี่แฝดดิฉันออกมาคุยกันหน่อย แต่ก็ไม่เคยได้เจอจังๆอีกสักที แต่มีจุดที่พีคคือ มีคนมาถามพ่อว่า ทำไมปล่อยให้ลูกสาวมานอนอยู่ที่แคร่ใต้ถุนบ้าน (บ้านดิฉันจะเปิดไฟใต้ถุนบ้านตลอดคืน)
....พ่อก็งง บอกลูกสาวอะไร ลูกสาวใคร ลุงคนที่บอกแกก็ชี้นิ้วใส่ดิฉันบอกว่า ก็ลูกมืงคนนี้ไง กูไปกรีดยางขี่มอไซค์ผ่านตอนเที่ยงคืน ขาไปก็เห็นลูกสาวมืงนอนบนแคร่ใต้ถุนบ้าน พอตี2ตี3กูขี่รถกลับ อ่ะ เห็นยังนอนกระดิกเท้าเขย่าขาอยู่
กูยังคุยกับเมียกูเลยว่าทำไมมืงปล่อยให้ลูกสาว วัยกำลังรุ่นๆมานอนใต้ถุนบ้านตอนดึกๆดื่นๆ ไม่กลัวคนมาฉุดเอาหรอ
....พ่อก็ได้แต่หันมามองหน้าดิฉัน แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เป็นอันเข้าใจได้ว่า ที่ลุงคนนั้นเห็นไม่ใช่ดิฉันแน่นอน
มันไม่มีทางที่ดิฉันจะกล้าลงจากบ้านมานอนเล่นใต้ถุนบ้านตอนกลางคืน วันนึงแม่ของดิฉัน ที่ไม่กล้ามีปากมีเสียงอะไรนอกจากทำงานบ้านมานาน ก็มาเปิดปากคุยกับพ่อ ที่ไม่สู้จะเต็มใจคุยกับแม่นักว่า
.....ฝันเห็นพี่สาวฝาแฝดดิฉัน มาคุยในฝันกับแม่ ว่ายังไม่ไปไหน ยังอยากอยู่ที่บ้าน อยากพาดิฉันไปอยู่ด้วย...
แม่เลยรีบมาคุยกับพ่อ มาบอกเรื่องฝันนี้ พอพ่อรู้เรื่องก็กลัว รีบไปหาร่างทรงฤาษีที่นครศรี ไปคุยเรื่องนี้
ร่างทรงฤาษีก็บอกว่า อย่าไปกังวล แฝดพี่ดิฉันแค่เหงา วิธีแก้คือต้องทำให้วิญญาณแฝดพี่ดิฉันไม่เหงา
ด้วยการให้ดิฉันกล่าวบอกทุกครั้งเวลาจะออกจากบ้านไปไหนว่า “จะไปนั่นไปนี่ ให้พี่มาด้วยกันนะ”
วิญญาณแฝดพี่ของดิฉันก็จะได้ตามดิฉันไปได้ไกลกว่าละแวกป่าพะยอม และหากทำแบบนี้ ดิฉันก็จะได้รับผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะจะมีพี่สาวคอยติดตามปกป้องดิฉันจากสิ่งที่มองไม่เห็น
.....ซึ่งดิฉันก็ทำตามที่พ่อบอกให้ทำมาตลอด เวลาจะไปเรียน หรือไปเที่ยวไหนทุกครั้งก็จะกล่าวชวนพี่สาวฝาแฝดไปด้วย
หลังจากนั้นมา ก็ไม่พบว่าพี่สาวดิฉันจะมาก่อกวนอะไรใครในบ้านอีก แต่ดิฉันจะรู้สึกรับรู้ได้ตลอด เพราะจะอึดอัดในตัว เหมือนมีอะไรอยู่ในตัวเสมอๆ
.....และผลพลอยได้จากการมีวิญญาณพี่สาวฝาแฝดติดสอยห้อยตามดิฉันคือ ดิฉันจะรู้สึกเหมือนตัวเองนั่งคาบเกี่ยวอยู่ระหว่าง2โลก เพียงแต่ดิฉันก้าวล่วงไปสู่โลกคนตายไม่ได้ขนาดจะไปเห็นชัดๆหรือสื่อสารใดๆ อารมณ์ประมาณ เรารับรู้ได้ว่ามีใครอยู่ตรงนั้น ได้ยินก็เป็นเสียงซ่อกแซ่กๆๆเหมือนคนพยายามฟังเสียงที่มีน้ำกั้นอยู่ ทำให้ไม่เคยจับคำพูดอะไรได้เลย
นอกจากเราจะสัมผัสด้วยความรู้สึกของจิต ว่าตรงนั้นมีสิ่งนั้นอยู่
.....การนั่งเหม่อๆไม่หลับตาอยู่นิ่งๆคนเดียว แรกๆเพื่อนๆหลายคนกลัว เพราะคิดว่าดิฉันเหมือนคนบ้า จนไม่กล้าวุ่นวายกับฉันมากมายนัก ถึงดิฉันจะอยู่ในระดับสวยของโรงเรียน (เหมือนอวยแต่เรื่องจริง) แต่เวลาปกติ ดิฉันก็ใช้ชีวิตปกติ เฮฮาร่าเริ่งรั่วๆ น่ารักสดใสไปตามวัย พอจบ ม.3 ดิฉันก็ย้ายไปเรียนโรงเรียนสตรีพัทลุง
....การสัมผัสผีได้ของดิฉัน จะมีแค่พวกเพื่อนสนิทในกลุ่มจริงๆเท่านั้นที่รู้ และถึงมีคนอื่นรู้ เขาก็จะชอบมาท้าให้ดิฉันประมาณว่า ถ้าสัมผัสได้จริง ไปถามมาที งวดหน้าออกอะไร หรือบางคนที่รู้ว่าดิฉันมีผีพี่สาวฝาแฝดคอยตามติดอยู่ก็มักมาท้ามาแซวประมาณว่า นี่มันจอมเวทย์ชัดๆ นั่งทำข้อสอบสบายเลย ใช้พี่สาวไปเอาคำตอบมาบอก
....คือพวกเค้าคงไม่เข้าใจเลยว่า การสัมผัสผีได้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน สัมผัสได้ของคนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่ของดิฉัน เราสัมผัสได้แค่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเค้า และได้ยินเสียงบุ๋งๆเหมือนเสียงคนพูดคุยในน้ำ ซึ่งจับศัพท์ไม่ได้ และดิฉันถ้าจะฟัง ก็ต้องนั่งเบิ่งตานิ่งๆตั้งใจเงียบๆจนน้ำตาไหลเพราะไม่ได้หลับตา ถ้าหลับตาลง ก็ต้องมาเริ่มต้นตั้งใจใหม่ จนเราไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เคยสงสัยตัวเองเหมือนกัน เพราะยิ่งโตขึ้น ความรู้เรามากขึ้น จนคิดว่าเราหูแว่วหรือคิดไปเอง หรือสมองมีปัญหาอะไรหรือเปล่า เคยไปพบหมอเหมือนกัน แต่หมอก็บอก สมองดิฉันปกติดีทุกอย่าง
.....เวลาได้ยินที่ไหนดังๆเรื่องเข้าองค์ทรงเจ้า ถ้าไปได้ก็พยายามจะไป เพื่อให้เค้าดูให้ว่าเราเป็นอะไร แต่ส่วนใหญ่ที่ไปดิฉันว่าของเก๊ทั้งนั้น เพราะหลายที่ ที่ดิฉันไป และพยายามตั้งสมาธินิ่งๆเพื่อจะสัมผัสกับสิ่งลี้ลับแถวนั้นหรือในสำนักนั้น ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนอกจากความว่างเปล่า
.....ที่เคยเจอ และคิดว่าน่าจะเป็นของแท้ คือที่วัดถ้ำสุมโน ที่ อ.ศรีนครินทร์ พัทลุง เพราะดิฉันเคยไปเข้าค่ายปฏิบัติธรรมที่นั่น เดินผ่าน เหมือนจะเป็นหลวงพ่อแก่ๆ ดิฉันยืนหลบข้างผนังถ้ำ ยกมือไหว้ ท่านเดินผ่านดิฉันไป แล้วก็หันมาพูดว่า
“ที่นี่โยมไม่ต้องมาเฝ้าเขาหรอก ไม่ใช่ที่ของโยมเป็นที่ของสงฆ์และธรรมะจะปกป้องเขาเอง โยมบอกให้เขากลับไปเถอะ”
แล้วท่านก็เดินไป ทิ้งให้ดิฉันกับเพื่อน2คนได้แต่ “งง” ว่าพระท่านไล่เราหรือยังไง ถึงมาบอกไม่ใช่ที่ของเรา
แต่พอคิดๆ เอ๊ะ “ไม่ต้องมาเฝ้าเขา” อืมมม ดิฉันก็เข้าใจได้แล้วว่า พระองค์นั้นคงเป็นของจริง เพราะเห็นอีกคนที่แฝงฉันอยู่ ฉันจึงเอ่ยปากบอกให้พี่สาวดิฉันกลับบ้านเถอะ อย่ามาเฝ้าเลย พระท่านว่าแล้ว
.....พอกลับบ้านไป พ่อก็มาบ่นให้ดิฉันฟังว่า พี่สาวดิฉันมานั่งร้องไห้ใต้ถุนบ้านทุกคืน ตั้งแต่ดิฉันไปปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำมา
ฉันก็ได้แต่เอ่ยปากบอกขอโทษ ที่ไล่กลับ แต่เจ้าของที่เค้าไม่ต้องการให้อยู่ ช่วยเข้าใจด้วย
ทุกวันนี้ดิฉันเข้ามาเรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้วที่ราชภัฎสงขลา แต่ดิฉันไม่กล้ามีแฟน จริงๆคือมีคนมาจีบแล้วเขากลัวดิฉันมากกว่า พอรู้เรื่องพี่สาวฝาแฝดที่ดิฉันเล่าให้ฟัง ถามว่าทำไมเขาถึงกลัวและถอนตัว ก็ขนาดเคยมีคนที่มาจีบดิฉันคนนึง บอกดิฉันว่า เขากลัวเพราะ มีวันนึงเราขับรถไปเที่ยวงานลอยกระทง ที่สวนสนสองทะเล แล้วก็ไปนั่งตั้งวงดื่มสปายกันนิดหน่อยที่นางเงือก
เป็นโสด...เพราะผีคอยตามและเป็นคนสัมผัสผีได้
จะมีก็แค่เพียงรูปถ่ายที่พ่อกับแม่ถ่ายเอาไว้ตอนเด็กๆ แฝดของดิฉันที่เสียชีวิตไปมีศักดิ์เป็นพี่ เพราะเกิดก่อน หากจะถือว่าดิฉันเป็นน้องสุดท้องก็คงใช่ เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้พ่อโกรธแม่มาจนดิฉันโตจนเข้ามหาลัย ท่านก็ยังไม่เลิกโกรธ
ดิฉันเคยถามพ่อ ว่าทำไมถึงโกรธแม่ได้นานขนาดนี้ คำตอบที่ได้คือ
“มันทำลูกกูตาย”
....พ่อมีลูกชาย2คน คือพี่ชายของดิฉัน พอแม่คลอดพวกเราที่เป็นหญิงออกมาถึง2คน พ่อก็ดีใจมาก กระเตงพวกเราไปไหนมาไหนด้วยตลอด ใครๆเห็นต่างก็ชื่นชมในความน่ารักของเรา2พี่น้อง แต่วันที่เกิดเหตุ เพราะแม่อยากพาพี่สาวฝาแฝดดิฉันไปบ้านยายที่ อ.ศรีบรรพต เพราะยายอยากเจอหลาน แต่แม่ไม่สะดวกที่จะพาไปได้ทั้งสองคน จึงพาพี่สาวของดิฉันไปคนเดียว แล้วก็เป็นครั้งสุดท้าย ที่พ่อได้เห็นพี่สาวของดิฉัน เพราะแม่ถูกรถกระบะชนอย่างกระชั้นชิดที่4แยก
แม่กับหลานของแม่ที่นั่งไปด้วย บาดเจ็บ แต่พี่สาวดิฉันคอหักตายคาที่
.....พอพ่อรู้เรื่อง พ่อก็ร้องไห้หนัก ตีอกชกตัวเองด้วยความแค้น พอพ่อเจอแม่ พ่อก็โวยวาย จะทุบแม่ให้ตายตามพี่สาวดิฉันไปด้วย ดีที่มีคนช่วยกันจับตัวพ่อเอาไว้ พอแม่หายเจ็บกลับมาบ้าน พ่อก็หอบเสื้อผ้าข้าวของของแม่มากองหน้าบ้าน สวดส่งไล่แม่ให้ไปอยู่ที่อื่น แม่ได้แต่ขอโทษ กราบเท้าพ่อ พ่อไม่ยอม จนญาติพี่น้องคนอื่น ต้องมาช่วยกันกล่อม ตอนนั้นดิฉันจำได้ว่า ดิฉันได้แต่ยืนมองตาปริบๆ
....หลังจากนั้นมา ภาพที่ดิฉันจำได้คือ พ่อไม่เข้าใกล้แม่เลย และไม่ยอมให้แม่เข้าใกล้ดิฉันด้วย ถึงดิฉันจะเป็นคนเข้าไปหาแม่เอง ถ้าพ่อเห็น พ่อก็จะรีบไปเอาตัวดิฉันออกมาจากแม่ พอเหลือแค่ดิฉันเป็นลูกสาวคนเดียว พ่อก็หันมาประคบประหงมดิฉันเต็มที่ ตั้งแต่จำความได้ ดิฉันไม่เคยโดนพ่อดุด่าหรือตีเลย มีอะไรพ่อจะจัดการให้หมด
.....บ้านของดิฉัน ทำอาชีพสวนยาง รอบบ้านมีแต่สวนยาง และแต่ละบ้านแถบนั้นก็ทำสวนยาง แล้วบ้านของดิฉันก็ไม่ได้อยู่ใกล้ใคร ที่ใกล้ก็ต้องขี่จักรยานไป ซึ่งพ่อห้ามดิฉันไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อนเด็ดขาด แต่ถึงอย่างนั้นดิฉันก็มีเพื่อนที่รุ่นราวคราวเดียวกันมาหาถึงบ้าน ก็จะมาเล่นหม้อข้าวหม้อแกง ขายของ ใช้ใบชบาแทนเงิน โตมาหน่อยก็เริ่มโดดยางที่ลานบ้าน ซ่อนหาในสวนยางหลังบ้านบ้าง
.....ดิฉันเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลป่าพะยอม และค่อนข้างเป็นที่รักของครูและเพื่อนๆ เพราะดิฉันเป็นคนอัธยาศัยไม่ตรีค่อนข้างดี และเป็นเด็กหน้าตาสวยแบบภูธร ปนน่ารัก เป็นเด็กกิจกรรม หากจะบอกว่าดิฉันเป็นตัวท๊อปคนหนึ่งของโรงเรียนในยุคนั้นก็คงไม่ผิด ดิฉันไม่เคยมีความรู้สึกรักหรือชอบใครตอนประถม แต่ก็เคยโดนพวกรุ่นพี่จากโรงเรียนมัธยมมาดักรอหน้าโรงเรียนเพื่อจะจีบ แล้วมาหลายคน จนมีเรื่องชกต่อยเพื่อชิงกันจีบดิฉันก็มี
.....พ่อดิฉันรู้เรื่องนี้ดี ก็จะสั่งให้พี่ชายทั้งสองคนของดิฉัน ไปรับไปส่งดิฉันที่โรงเรียนตลอด โดยเฉพาะพี่ชายคนโตของดิฉัน จะเป็นคนที่คอยขวางเด็กผู้ชายคนอื่นๆอย่างมาก เพราะเป็นออกไปทางนักเลง มีเพื่อนเป็นนักเลงแถบนั้น
พอดิฉัน จบประถม6 ดิฉันก็ไปเรียนที่โรงเรียนควนขนุน ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมอีกอำเภอ ดิฉันจะนั่งรถโดยสารไปเรียนทุกวัน และพี่ชายก็จะมาคอยรับที่ปากทางเข้าบ้าน เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน
.....ดิฉันเป็นคนที่แปลก แปลกเพราะคนอื่นบอกว่า ดิฉันชอบนั่งเหม่อนื่งๆบ่อยๆ เวลาอยู่ที่โรงเรียน เปล่าเลย ดิฉันไม่ได้แปลก ดิฉันก็แค่มั่นใจว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษ เพราะเวลาดิฉันรู้สึกว่ามีสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณมาอยู่ใกล้ๆ หากดิฉันนั่งนิ่งๆตั้งใจใช้สมาธิสักนิด เหมือนดิฉันจะได้ยินวิญญาณดวงนั้นส่งเสียงพูดแหบๆออกมา แต่ดิฉันก็จับใจความอะไรไม่ได้ชัดๆสักครั้ง
.....เรื่องสัมผัสพิเศษอะไรแบบนี้ ดิฉันไม่เก่งขนาดจะสามารถพูดคุยติดต่ออะไรกับดวงวิญญาณที่ว่านั้นได้ เพียงแต่รับรู้และเห็นลางๆ หูก็ได้ยินเสียงของพวกเขาลางๆเช่นกัน ดิฉันรู้ตัวว่าตัวเองมีความสามารถแบบนี้มาตั้งแต่ตอน9ขวบ
จำได้ว่าวันนั้น ดิฉันอาบน้ำเสร็จก็ยืนเช็ดตัวหน้ากระจก ตอนกี่ทุ่มก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่ามันมืดแล้ว และบ้านนอกที่บ้านอยู่ในสวนยางมันจะเงียบวังเวงมากพอค่ำลง วันนั้นคนอื่นๆก็จะอยู่ในที่ของเขาไป พ่อก็บ้าไก่ชน อยู่ข้างล่าง แม่ก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง ส่วนพี่ชาย2คนก็ไปขลุกบ้านเพื่อน
....บ้านของดิฉันนั้น เป็นบ้านเก่าๆแบบฉบับไทยปักษ์ใต้ ฐานเป็นปูน แต่ด้านบนเป็นไม้ซี่สีมอๆ หลังคายังเป็นกระเบื้องแบบโบราณแผ่นเล็กๆ เป็นบ้านที่พ่อได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากปู่ และปู่ก็ได้มาจากทวดอีกที บ้านหลังนี้ดิฉันกลัวห้องของพ่อมาก เพราะจะมีรูปของทวด ปู่ และพี่สาวฝาแฝดของดิฉันแขวนอยู่
....ตอนนั้นดิฉันหวีผมอยู่หน้ากระจก พอหวีๆไปดิฉันเห็นหน้าตัวเองในกระจก มันค่อยๆเปลี่ยนไป เป็นหน้าใครอีกคนที่คล้ายๆดิฉัน ตอนแรกดิฉันคิดว่าตาลาย เลยลองเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆถลึงตาใส่กระจก แต่เงาดิฉันในกระจกดันยิ้มกลับใส่ดิฉันจนเห็นฟันเต็มปาก ดิฉันตกใจผงะออกจากกระจกล้มตึง ก้นจ้ำเบ้า แล้วก็ร้องเรียกพ่อลั่นบ้าน
“พ่ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ”
....พ่อ ได้ยิน ก็วิ่งตึงๆขึ้นบ้านมา แม่ก็ออกมาจากห้อง พ่อมาถึงก็มาประคองดิฉัน ไต่ถามว่าเป็นอะไร ถึงลงไปนอนกองผ้าหลุดลุ่ยแบบนั้น ดิฉันจำได้ว่าตกใจปนกลัวมาก ตัวสั่น กอดพ่อ แล้วเล่าให้พ่อฟังแบบที่เจอเมื่อกี้ พอพ่อฟังจบ
พ่อก็ตะโกนลั่นบ้านว่า
“(ชื่อของแฝดพี่ดิฉันที่เสียชีวิต) ...อย่ามาแกล้งน้องแบบนี้ น้องมันกลัว”
พ่อดึงดิฉันให้ลุกขึ้น แล้วก็ปลอบใจดิฉันว่าไม่มีอะไรหรอก พี่นุ้ยมันมาหยอกเล่น นั่นคือครั้งแรกที่ดิฉันได้เจอสิ่งที่เรียกว่าผีเต็มๆตา และก็เป็นผีที่เป็นฝาแฝดตัวเองนั่นแหละ เอาจริงๆดิฉันรู้สึกตัวคล้ายๆว่าพี่สาวดิฉันเธอยังอยู่ตลอดนะ ไม่ว่าดิฉันจะไปไหน ถึงจะไปคนเดียวแต่ก็รู้สึกเหมือนมีใครไปด้วยตลอด
....แรกๆที่ได้เจอและสัมผัส ดิฉันกลัวมาก พี่สาวฝาแฝดดิฉัน เธอชอบโผล่มาแบบแว้บๆให้เห็นตลอด จนดิฉันเริ่มไม่กลัว
จนถึงจุดที่ดิฉันเอ่ยปาก ในวันที่ขึ้นมัธยมตอน อายุ13-14แล้วว่า ให้พี่แฝดดิฉันออกมาคุยกันหน่อย แต่ก็ไม่เคยได้เจอจังๆอีกสักที แต่มีจุดที่พีคคือ มีคนมาถามพ่อว่า ทำไมปล่อยให้ลูกสาวมานอนอยู่ที่แคร่ใต้ถุนบ้าน (บ้านดิฉันจะเปิดไฟใต้ถุนบ้านตลอดคืน)
....พ่อก็งง บอกลูกสาวอะไร ลูกสาวใคร ลุงคนที่บอกแกก็ชี้นิ้วใส่ดิฉันบอกว่า ก็ลูกมืงคนนี้ไง กูไปกรีดยางขี่มอไซค์ผ่านตอนเที่ยงคืน ขาไปก็เห็นลูกสาวมืงนอนบนแคร่ใต้ถุนบ้าน พอตี2ตี3กูขี่รถกลับ อ่ะ เห็นยังนอนกระดิกเท้าเขย่าขาอยู่
กูยังคุยกับเมียกูเลยว่าทำไมมืงปล่อยให้ลูกสาว วัยกำลังรุ่นๆมานอนใต้ถุนบ้านตอนดึกๆดื่นๆ ไม่กลัวคนมาฉุดเอาหรอ
....พ่อก็ได้แต่หันมามองหน้าดิฉัน แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เป็นอันเข้าใจได้ว่า ที่ลุงคนนั้นเห็นไม่ใช่ดิฉันแน่นอน
มันไม่มีทางที่ดิฉันจะกล้าลงจากบ้านมานอนเล่นใต้ถุนบ้านตอนกลางคืน วันนึงแม่ของดิฉัน ที่ไม่กล้ามีปากมีเสียงอะไรนอกจากทำงานบ้านมานาน ก็มาเปิดปากคุยกับพ่อ ที่ไม่สู้จะเต็มใจคุยกับแม่นักว่า
.....ฝันเห็นพี่สาวฝาแฝดดิฉัน มาคุยในฝันกับแม่ ว่ายังไม่ไปไหน ยังอยากอยู่ที่บ้าน อยากพาดิฉันไปอยู่ด้วย...
แม่เลยรีบมาคุยกับพ่อ มาบอกเรื่องฝันนี้ พอพ่อรู้เรื่องก็กลัว รีบไปหาร่างทรงฤาษีที่นครศรี ไปคุยเรื่องนี้
ร่างทรงฤาษีก็บอกว่า อย่าไปกังวล แฝดพี่ดิฉันแค่เหงา วิธีแก้คือต้องทำให้วิญญาณแฝดพี่ดิฉันไม่เหงา
ด้วยการให้ดิฉันกล่าวบอกทุกครั้งเวลาจะออกจากบ้านไปไหนว่า “จะไปนั่นไปนี่ ให้พี่มาด้วยกันนะ”
วิญญาณแฝดพี่ของดิฉันก็จะได้ตามดิฉันไปได้ไกลกว่าละแวกป่าพะยอม และหากทำแบบนี้ ดิฉันก็จะได้รับผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะจะมีพี่สาวคอยติดตามปกป้องดิฉันจากสิ่งที่มองไม่เห็น
.....ซึ่งดิฉันก็ทำตามที่พ่อบอกให้ทำมาตลอด เวลาจะไปเรียน หรือไปเที่ยวไหนทุกครั้งก็จะกล่าวชวนพี่สาวฝาแฝดไปด้วย
หลังจากนั้นมา ก็ไม่พบว่าพี่สาวดิฉันจะมาก่อกวนอะไรใครในบ้านอีก แต่ดิฉันจะรู้สึกรับรู้ได้ตลอด เพราะจะอึดอัดในตัว เหมือนมีอะไรอยู่ในตัวเสมอๆ
.....และผลพลอยได้จากการมีวิญญาณพี่สาวฝาแฝดติดสอยห้อยตามดิฉันคือ ดิฉันจะรู้สึกเหมือนตัวเองนั่งคาบเกี่ยวอยู่ระหว่าง2โลก เพียงแต่ดิฉันก้าวล่วงไปสู่โลกคนตายไม่ได้ขนาดจะไปเห็นชัดๆหรือสื่อสารใดๆ อารมณ์ประมาณ เรารับรู้ได้ว่ามีใครอยู่ตรงนั้น ได้ยินก็เป็นเสียงซ่อกแซ่กๆๆเหมือนคนพยายามฟังเสียงที่มีน้ำกั้นอยู่ ทำให้ไม่เคยจับคำพูดอะไรได้เลย
นอกจากเราจะสัมผัสด้วยความรู้สึกของจิต ว่าตรงนั้นมีสิ่งนั้นอยู่
.....การนั่งเหม่อๆไม่หลับตาอยู่นิ่งๆคนเดียว แรกๆเพื่อนๆหลายคนกลัว เพราะคิดว่าดิฉันเหมือนคนบ้า จนไม่กล้าวุ่นวายกับฉันมากมายนัก ถึงดิฉันจะอยู่ในระดับสวยของโรงเรียน (เหมือนอวยแต่เรื่องจริง) แต่เวลาปกติ ดิฉันก็ใช้ชีวิตปกติ เฮฮาร่าเริ่งรั่วๆ น่ารักสดใสไปตามวัย พอจบ ม.3 ดิฉันก็ย้ายไปเรียนโรงเรียนสตรีพัทลุง
....การสัมผัสผีได้ของดิฉัน จะมีแค่พวกเพื่อนสนิทในกลุ่มจริงๆเท่านั้นที่รู้ และถึงมีคนอื่นรู้ เขาก็จะชอบมาท้าให้ดิฉันประมาณว่า ถ้าสัมผัสได้จริง ไปถามมาที งวดหน้าออกอะไร หรือบางคนที่รู้ว่าดิฉันมีผีพี่สาวฝาแฝดคอยตามติดอยู่ก็มักมาท้ามาแซวประมาณว่า นี่มันจอมเวทย์ชัดๆ นั่งทำข้อสอบสบายเลย ใช้พี่สาวไปเอาคำตอบมาบอก
....คือพวกเค้าคงไม่เข้าใจเลยว่า การสัมผัสผีได้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน สัมผัสได้ของคนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่ของดิฉัน เราสัมผัสได้แค่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเค้า และได้ยินเสียงบุ๋งๆเหมือนเสียงคนพูดคุยในน้ำ ซึ่งจับศัพท์ไม่ได้ และดิฉันถ้าจะฟัง ก็ต้องนั่งเบิ่งตานิ่งๆตั้งใจเงียบๆจนน้ำตาไหลเพราะไม่ได้หลับตา ถ้าหลับตาลง ก็ต้องมาเริ่มต้นตั้งใจใหม่ จนเราไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เคยสงสัยตัวเองเหมือนกัน เพราะยิ่งโตขึ้น ความรู้เรามากขึ้น จนคิดว่าเราหูแว่วหรือคิดไปเอง หรือสมองมีปัญหาอะไรหรือเปล่า เคยไปพบหมอเหมือนกัน แต่หมอก็บอก สมองดิฉันปกติดีทุกอย่าง
.....เวลาได้ยินที่ไหนดังๆเรื่องเข้าองค์ทรงเจ้า ถ้าไปได้ก็พยายามจะไป เพื่อให้เค้าดูให้ว่าเราเป็นอะไร แต่ส่วนใหญ่ที่ไปดิฉันว่าของเก๊ทั้งนั้น เพราะหลายที่ ที่ดิฉันไป และพยายามตั้งสมาธินิ่งๆเพื่อจะสัมผัสกับสิ่งลี้ลับแถวนั้นหรือในสำนักนั้น ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนอกจากความว่างเปล่า
.....ที่เคยเจอ และคิดว่าน่าจะเป็นของแท้ คือที่วัดถ้ำสุมโน ที่ อ.ศรีนครินทร์ พัทลุง เพราะดิฉันเคยไปเข้าค่ายปฏิบัติธรรมที่นั่น เดินผ่าน เหมือนจะเป็นหลวงพ่อแก่ๆ ดิฉันยืนหลบข้างผนังถ้ำ ยกมือไหว้ ท่านเดินผ่านดิฉันไป แล้วก็หันมาพูดว่า
“ที่นี่โยมไม่ต้องมาเฝ้าเขาหรอก ไม่ใช่ที่ของโยมเป็นที่ของสงฆ์และธรรมะจะปกป้องเขาเอง โยมบอกให้เขากลับไปเถอะ”
แล้วท่านก็เดินไป ทิ้งให้ดิฉันกับเพื่อน2คนได้แต่ “งง” ว่าพระท่านไล่เราหรือยังไง ถึงมาบอกไม่ใช่ที่ของเรา
แต่พอคิดๆ เอ๊ะ “ไม่ต้องมาเฝ้าเขา” อืมมม ดิฉันก็เข้าใจได้แล้วว่า พระองค์นั้นคงเป็นของจริง เพราะเห็นอีกคนที่แฝงฉันอยู่ ฉันจึงเอ่ยปากบอกให้พี่สาวดิฉันกลับบ้านเถอะ อย่ามาเฝ้าเลย พระท่านว่าแล้ว
.....พอกลับบ้านไป พ่อก็มาบ่นให้ดิฉันฟังว่า พี่สาวดิฉันมานั่งร้องไห้ใต้ถุนบ้านทุกคืน ตั้งแต่ดิฉันไปปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำมา
ฉันก็ได้แต่เอ่ยปากบอกขอโทษ ที่ไล่กลับ แต่เจ้าของที่เค้าไม่ต้องการให้อยู่ ช่วยเข้าใจด้วย
ทุกวันนี้ดิฉันเข้ามาเรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้วที่ราชภัฎสงขลา แต่ดิฉันไม่กล้ามีแฟน จริงๆคือมีคนมาจีบแล้วเขากลัวดิฉันมากกว่า พอรู้เรื่องพี่สาวฝาแฝดที่ดิฉันเล่าให้ฟัง ถามว่าทำไมเขาถึงกลัวและถอนตัว ก็ขนาดเคยมีคนที่มาจีบดิฉันคนนึง บอกดิฉันว่า เขากลัวเพราะ มีวันนึงเราขับรถไปเที่ยวงานลอยกระทง ที่สวนสนสองทะเล แล้วก็ไปนั่งตั้งวงดื่มสปายกันนิดหน่อยที่นางเงือก